วันเวลาปัจจุบัน 26 ก.ค. 2025, 11:23  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 32 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2014, 11:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ก็อย่างที่บอกกับคุณน้องก่อนหน้าครับ ทำวิชชา ให้เกิดเจริญขึ้นๆ จนรู้เข้าใจชีวิตนี้หรือจะเรียกสังขารก็เอา
อันที่จริงตัวอย่างภาคปฏิบัติที่ลงลึกถึงปัญหาทางจิตเนื่่ยะ ยกตัวอย่างบ่อยๆ

ถ้าถามตรงถึงวิธีที่กรัชกายทำอยู่ปฏิบัติ รู้สึกยังไง เป็นยังไงกำหนด (ว่าในใจ) ยังงั้น รู้สึกกลัว นี่แหละ ต้องกำหนดรู้มันตรงๆตามสภาวะของมัน ที่บอกว่า รู้สึกยังไง กำหนดยังงั้น รู้สึกใช่ไหม กลัว (หนอๆๆๆๆ) ๆๆๆๆๆ

มีบางคนหรือหลายๆคน ตาเถรไปว่ากลัวๆๆๆ มันไม่กลัวไปกันใหญ่หรอ คิกๆๆ

คนพูดยังงี้ แสดงว่าไม่เข้าใจธรรมชาติของจิต จิตมันคิดขณะละเรื่อง วิบๆๆๆ ยกตัวอย่าง เมื่อมันคิดกลัว เรารู้ตัว (ว่าในใจเลย) กลัวหนอๆๆๆๆ การกำหนดกลัวหนอๆๆจะเบียดแทรกความคิดดวงก่อน เมื่อมันถูกแทรกถูกเบียน ด้วยการกำหนดรู้ กลัวหนอๆๆ ....ความคิดกลัว (ขณะก่อน) มันก็ดับ เพราะมันคิดขณะละเรื่อง (แต่่มันอาจวนมากลัวอีกได้นะ ถ้าสติเป็นต้นไม่แข็งแรงพอ จึงต้องกำหนดทุกครั้งทุกขณะที่คิด ตัวกำหนดรู้เท่าทันมันนี่แหละเป็นตัวสติสัมปชัญญะ เป็นต้น ที่ไปตัดวงจรมัน) พอใจคำอธิบายไหมครับ

ทำความเข้าใจตรงนี้ก่อน แล้วถามใหม่ เอางี้แล้วกัน กรัชกายปวารณาตัวต่อคุณปลีกวิเวกถามได้ตามอัธยาศัยอยากถามอะไรถาม :b1:


อ้อ คุณปลีกวิเวกทำยังไงครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2014, 11:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าถามว่ากลัวผีไม๊ เราไม่เคยกลัวผีนะ ตั้งแต่เด็กๆเราอยากเจอนะ
อยากเห็นอยากรู้ว่า เหมือนในหนังมั๊ย

แล้วพอได้เห็นพวกเค้าแล้ว เราอยากจะเรียกพวกเค้าว่าวิญญานมากกว่า
แล้วก็ศึกษาธรรม ทำให้รู้ว่าวิญญานของพวกเค้าน่าสงสาร คือยังไปไหนไม่ได้
บางคนไม่ยอมไป เพราะยึดติดในทรัพย์ในบ้าน
เรามองว่าพวกเค้าน่าสงสารนะ เราคิดว่าเราไม่กลัวนะ
อยากจะช่วยพวกเค้า มากกว่ากลัวพวกเค้า
เราว่าน่าจะเรียกพวกเค้าว่าวิญญาน

บางครั้งเรานั่งนึกถึงคุณกบ คุณกบช่างหาคำถามมาถาม
ถามว่าทำไมผีถึงมีเสื้อผ้าใส่
บางครั้งนั่งนึกแล้วก็ขำ :b32: (อย่างนี้เค้าเรียกว่านินทาคุณกบหรือปล่าวแฮะ) :b41: :b55: :b49:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2014, 16:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 09:07
โพสต์: 761

แนวปฏิบัติ: อานาปาฯ
งานอดิเรก: ศึกษาพุทธธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม
ชื่อเล่น: ปลีกวิเวก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ก็อย่างที่บอกกับคุณน้องก่อนหน้าครับ ทำวิชชา ให้เกิดเจริญขึ้นๆ จนรู้เข้าใจชีวิตนี้หรือจะเรียกสังขารก็เอา
อันที่จริงตัวอย่างภาคปฏิบัติที่ลงลึกถึงปัญหาทางจิตเนื่่ยะ ยกตัวอย่างบ่อยๆ

ถ้าถามตรงถึงวิธีที่กรัชกายทำอยู่ปฏิบัติ รู้สึกยังไง เป็นยังไงกำหนด (ว่าในใจ) ยังงั้น รู้สึกกลัว นี่แหละ ต้องกำหนดรู้มันตรงๆตามสภาวะของมัน ที่บอกว่า รู้สึกยังไง กำหนดยังงั้น รู้สึกใช่ไหม กลัว (หนอๆๆๆๆ) ๆๆๆๆๆ

มีบางคนหรือหลายๆคน ตาเถรไปว่ากลัวๆๆๆ มันไม่กลัวไปกันใหญ่หรอ คิกๆๆ

คนพูดยังงี้ แสดงว่าไม่เข้าใจธรรมชาติของจิต จิตมันคิดขณะละเรื่อง วิบๆๆๆ ยกตัวอย่าง เมื่อมันคิดกลัว เรารู้ตัว (ว่าในใจเลย) กลัวหนอๆๆๆๆ การกำหนดกลัวหนอๆๆจะเบียดแทรกความคิดดวงก่อน เมื่อมันถูกแทรกถูกเบียน ด้วยการกำหนดรู้ กลัวหนอๆๆ ....ความคิดกลัว (ขณะก่อน) มันก็ดับ เพราะมันคิดขณะละเรื่อง (แต่่มันอาจวนมากลัวอีกได้นะ ถ้าสติเป็นต้นไม่แข็งแรงพอ จึงต้องกำหนดทุกครั้งทุกขณะที่คิด ตัวกำหนดรู้เท่าทันมันนี่แหละเป็นตัวสติสัมปชัญญะ เป็นต้น ที่ไปตัดวงจรมัน) พอใจคำอธิบายไหมครับ

ทำความเข้าใจตรงนี้ก่อน แล้วถามใหม่ เอางี้แล้วกัน กรัชกายปวารณาตัวต่อคุณปลีกวิเวกถามได้ตามอัธยาศัยอยากถามอะไรถาม :b1:


อ้อ คุณปลีกวิเวกทำยังไงครับ


ขออภัยที่ตอบช้า พอดีมีงานด่วนเข้ามา...

:b8: ในความเมตตาของคุณกรัชกายที่แบ่งปันประสบการณ์ค่ะ

ปลีกวิเวกก็ปฏิบัติคล้ายๆกับคุณกรัชกายแหละค่ะ...แต่ถ้าอยู่ในวิสัยที่พิสูจน์ได้จะพิสูจน์ทุกครั้ง เช่น เห็นเงาแว็บๆ หรือได้ยินเสียง..อะไรอย่างนี้จะต้องเข้าไปตรวจสอบแต่ระหว่างเดินไปก็มีกลัวสลับกับต้องพิสูจน์คือระหว่างสติกับความกลัวมันสลับกันเกิดอย่างรวดเร็วเหมือนที่คุณกรัชกายบอก..คิดเหมือนกันว่าถ้าเจอจะทำไงว้า...พอไปถึงไม่มีทุกทีว่างเปล่า..ไม่มีอะไรนี่หว่า...ก็จะอ๋อ!ทุกครั้งว่าใจมันปรุงแต่งไปเอง...ปลีกวิเวกทำอย่างนี้ทุกครั้งความกลัวมันลดลงจริงๆค่ะ..จากกลัวมากเป็นกลัวน้อยลง...

...ถ้ามีความสงสัยปลีกวิเวกจะถามคุณกรัชกายอีก ขอบคุณในความเมตตาค่ะ :b8:

.....................................................
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุสเส
ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้คู่ความดี คือผู้ที่ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์และเทวดา
วรรคทอง วรรคธรรม โดยท่าน ว.วชิรเมธี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2014, 22:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หากต้องการพิสูจน์ดูให้ลึก ลึกถึงก้นบึ้งของจิตใจ ต้องมาทางนี้ แก้ให้ถึงต้นตอเลย

อ้างคำพูด:
สวัสดีค่ะ เป็นสมาชิกใหม่นะคะ คือเริ่มฝึกนั่งสมาธิได้ประมาณ 2-3 อาทิตย์ได้ค่ะคือไม่ได้นั่งเพื่อให้บรรลุหรือว่าอะไรนะคะคืออยากให้จิตสงบ เท่านั้นแต่ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ก็เริ่มได้ยินเสียงเหมือนพระสวดดังที่ข้างหู ตลอดเวลาตอนแรกนึกว่าหูอื้อแต่มันไม่ใช่ค่ะกระทั่งตอนนี้ก็ยังได้ยินอยู่ คืออยากขอคำแนะนำค่ะว่าจะต้องปฏิบัติอย่างไรต่อไปและเสียงที่ได้ยินอยู่นี่ มันดีหรือไม่ดีคะ

ปล. อยู่ต่างประเทศค่ะจึงมั่นใจว่าไม่ใช่เสียงจากวัดแน่นอน ขอบคุณค่ะ


ใครก็ได้ ไม่เชื่อลองดู จะใช้ลมหายใจ หรือใช้พอง-ยุบ หรืออื่นๆ ภาวนาไปๆๆ

อยากให้เช่นนั้น แนะวิธีทำสมถะวิปัสสนาแบบฉบับ เช่นนั้น รอจนเหงือกแห้งแล้ว ดีแต่พูดจินๆๆ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2014, 23:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่ทราบครับ ไม่กลัวผีครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2014, 03:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
ไม่ทราบครับ ไม่กลัวผีครับ


กลัวตายมั้ย :b14:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2014, 08:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปลีกวิเวก เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ก็อย่างที่บอกกับคุณน้องก่อนหน้าครับ ทำวิชชา ให้เกิดเจริญขึ้นๆ จนรู้เข้าใจชีวิตนี้หรือจะเรียกสังขารก็เอา
อันที่จริงตัวอย่างภาคปฏิบัติที่ลงลึกถึงปัญหาทางจิตเนื่่ยะ ยกตัวอย่างบ่อยๆ

ถ้าถามตรงถึงวิธีที่กรัชกายทำอยู่ปฏิบัติ รู้สึกยังไง เป็นยังไงกำหนด (ว่าในใจ) ยังงั้น รู้สึกกลัว นี่แหละ ต้องกำหนดรู้มันตรงๆตามสภาวะของมัน ที่บอกว่า รู้สึกยังไง กำหนดยังงั้น รู้สึกใช่ไหม กลัว (หนอๆๆๆๆ) ๆๆๆๆๆ

มีบางคนหรือหลายๆคน ตาเถรไปว่ากลัวๆๆๆ มันไม่กลัวไปกันใหญ่หรอ คิกๆๆ

คนพูดยังงี้ แสดงว่าไม่เข้าใจธรรมชาติของจิต จิตมันคิดขณะละเรื่อง วิบๆๆๆ ยกตัวอย่าง เมื่อมันคิดกลัว เรารู้ตัว (ว่าในใจเลย) กลัวหนอๆๆๆๆ การกำหนดกลัวหนอๆๆจะเบียดแทรกความคิดดวงก่อน เมื่อมันถูกแทรกถูกเบียน ด้วยการกำหนดรู้ กลัวหนอๆๆ ....ความคิดกลัว (ขณะก่อน) มันก็ดับ เพราะมันคิดขณะละเรื่อง (แต่่มันอาจวนมากลัวอีกได้นะ ถ้าสติเป็นต้นไม่แข็งแรงพอ จึงต้องกำหนดทุกครั้งทุกขณะที่คิด ตัวกำหนดรู้เท่าทันมันนี่แหละเป็นตัวสติสัมปชัญญะ เป็นต้น ที่ไปตัดวงจรมัน) พอใจคำอธิบายไหมครับ

ทำความเข้าใจตรงนี้ก่อน แล้วถามใหม่ เอางี้แล้วกัน กรัชกายปวารณาตัวต่อคุณปลีกวิเวกถามได้ตามอัธยาศัยอยากถามอะไรถาม :b1:


อ้อ คุณปลีกวิเวกทำยังไงครับ




ปลีกวิเวกก็ปฏิบัติคล้ายๆกับคุณกรัชกายแหละค่ะ...แต่ถ้าอยู่ในวิสัยที่พิสูจน์ได้จะพิสูจน์ทุกครั้ง เช่น เห็นเงาแว็บๆ หรือได้ยินเสียง..อะไรอย่างนี้จะต้องเข้าไปตรวจสอบแต่ระหว่างเดินไปก็มีกลัวสลับกับต้องพิสูจน์คือระหว่างสติกับความกลัวมันสลับกันเกิดอย่างรวดเร็วเหมือนที่คุณกรัชกายบอก..คิดเหมือนกันว่าถ้าเจอจะทำไงว้า...พอไปถึงไม่มีทุกทีว่างเปล่า..ไม่มีอะไรนี่หว่า...ก็จะอ๋อ!ทุกครั้งว่าใจมันปรุงแต่งไปเอง...ปลีกวิเวกทำอย่างนี้ทุกครั้งความกลัวมันลดลงจริงๆค่ะ..จากกลัวมากเป็นกลัวน้อยลง...


ท่านว่าจะแก้ทุกข์ต้องแก้ให้ลึกถึงตัวสภาวะของมัน (สภาวทุกข์ ซึ่งเป็นพื่้นฐานของชีวิต)

คุณปลีกวิเวกลองพิจารณาบทความนี้ กับ ตัวอย่างสภาวะซึ่งปรากฏในภาคปฏิบัติ ซึ่งก็รวมถึงความหวาดกลัวต่างๆด้วย ดูครับ


อ้างคำพูด:
ชีวิตนี้มีทุกข์เป็นสภาวะด้านหนึ่งของมัน หมายความว่า เป็นธรรมดาตามธรรมชาติของชีวิตนั่นเองที่เป็นสังขาร ซึ่งเกิดมีเป็นไปโดยขึ้นต่อเหตุปัจจัยหลากหลาย ไม่เที่ยง ไม่คงที่ ไม่คงทน แปรปรวนเรื่อยไป ไม่มี ไม่เป็นตัวตนของมันเองอย่างแท้จริง เช่น จะให้คงอยู่หรือเป็นไปอย่างที่ใจปรารถนาไม่ได้ ต้องว่ากันไปตามเหตุปัจจัย พูดสั้นๆ นี่ก็คือมันเป็นทุกข์


สภาวทุกข์ของชีวิตพูดรวบรัดด้วยคำว่า ชรา มรณะ หรือ แก่ และตาย หรือ เสื่อมโทรม และแตกสลาย แล้วจากทุกข์ตามสภาวะนี้ ก็ตามมาด้วยทุกข์ที่เป็นความรู้สึกต่างๆ เช่น ความโศกเศร้า ความคับแค้น ความเสียใจ ความพิไรรำพรรณ


การที่จะแก้ปัญหาดับสลายคลายทุกข์ และการที่จะมีความสุขได้ คนก็ต้องมีจิตใจที่มั่นคงในการอยู่กับความจริง เริ่มด้วยจัดการให้ชีวิตของตนลงตัวกันได้กับความทุกข์พื้นฐานนั้น โดยมีปัญญาที่ทำให้จิตเป็นอิสระจากทุกข์พื้นฐานนั้น หรือให้ใจอยู่กับมันได้สบายๆอย่างใดอย่างหนึ่ง ถ้าทำถึงขั้นนั้นไม่ได้ ก็ให้ใจอยู่กับมันด้วยปัญญาที่รู้เท่าทัน วางใจวางท่าที่ถูกต้อง อย่างน้อยก็ยอมรับความจริง สู้หน้า เผชิญหน้าความจริงได้ด้วยปัญญาที่รู้เท่าทันความจริงนั้น


ตราบใด มนุษย์ยังไม่สามารถจัดการกับปัญหาพื้นฐานแห่งชีวิตของตน ยังวางตัววางใจหาที่ลงไม่ได้กับทุกข์ถึงขั้นตัวสภาวะ ตราบนั้น มนุษย์ก็จะยังแก้ปัญหาไม่สำเร็จ ยังหลีกไม่พ้นการตามรังควานของทุกข์ ไม่ว่าจะพบสุขขนาดไหน และจะยังไม่ประสบความสุขที่แท้จริง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2014, 08:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
อ้างคำพูด:
ที่กรัชกายยืนมาถึงวันนี้ได้ ไม่ได้ใช้ปากกระบอกปืนบังคับ คิกๆๆ อยู่โดยหลักการ ปชต. :b1: แต่บางครั้งธรรมก็แพ้อธรรมนะในเบื้องต้น แต่สุดท้ายธรรมย่อมชนะอธรรม (ความถูกต้องชนะความไม่ถูกต้อง)

ก็ยังไม่เจอกับตัวนี่หน่าถึงพุดได้ จะว่าไปคุนน้องน่ะสงสารสลดเศร้าใจจริงๆนะ คนที่ตกอยู่ภายใต้คำสั่งของความอยุติธรรม ทำในสิ่งที่ฝืนใจตน แต่เพราะกลัวนั่นกลัวนี่ กลัวว่าตนจะได้รับผลกระทบถ้าไม่ทำตามคำสั่งเขา พวกนี้น่าสงสารพี่กรัชกาย เค้าต้องอยู่แบบหวาดผวา นอนฝันร้ายทุกคืน ฝันร้ายกับสิ่งที่พวกเค้าทำ บ้างก็เป็นโรคประสาทหลอน หลอนตอนกลางคืน หลอนว่ามีคนจะฆ่าต้องเอาปืนไว้ใกล้หัวที่นอน เพราะสิ่งที่ตนทำนั้นสยดสยอง ภาพติดตาในสิ่งที่ตนกระทำ ถ้าให้คุณน้องทำตามคำสั่งคนพวกนั้นความอยุติธรรมทั้งหลายคุนน้องคงสติแตกหนีไปบวช คุนน้องขอออกบวชดีกว่า อยากจะรู้เหมือนกันว่าถ้าเราตัดทางโลกแล้ว ยังจะตามมาสั่งนั้นสั่งนีไหม :b5:



อ่านบทความนี้ดูซี่

http://ewt.prd.go.th/ewt/region6/ewt_dl ... p?nid=3386


ใครเดินหน้าใครถอยหลัง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2014, 09:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 09:07
โพสต์: 761

แนวปฏิบัติ: อานาปาฯ
งานอดิเรก: ศึกษาพุทธธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม
ชื่อเล่น: ปลีกวิเวก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ปลีกวิเวก เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ก็อย่างที่บอกกับคุณน้องก่อนหน้าครับ ทำวิชชา ให้เกิดเจริญขึ้นๆ จนรู้เข้าใจชีวิตนี้หรือจะเรียกสังขารก็เอา
อันที่จริงตัวอย่างภาคปฏิบัติที่ลงลึกถึงปัญหาทางจิตเนื่่ยะ ยกตัวอย่างบ่อยๆ

ถ้าถามตรงถึงวิธีที่กรัชกายทำอยู่ปฏิบัติ รู้สึกยังไง เป็นยังไงกำหนด (ว่าในใจ) ยังงั้น รู้สึกกลัว นี่แหละ ต้องกำหนดรู้มันตรงๆตามสภาวะของมัน ที่บอกว่า รู้สึกยังไง กำหนดยังงั้น รู้สึกใช่ไหม กลัว (หนอๆๆๆๆ) ๆๆๆๆๆ

มีบางคนหรือหลายๆคน ตาเถรไปว่ากลัวๆๆๆ มันไม่กลัวไปกันใหญ่หรอ คิกๆๆ

คนพูดยังงี้ แสดงว่าไม่เข้าใจธรรมชาติของจิต จิตมันคิดขณะละเรื่อง วิบๆๆๆ ยกตัวอย่าง เมื่อมันคิดกลัว เรารู้ตัว (ว่าในใจเลย) กลัวหนอๆๆๆๆ การกำหนดกลัวหนอๆๆจะเบียดแทรกความคิดดวงก่อน เมื่อมันถูกแทรกถูกเบียน ด้วยการกำหนดรู้ กลัวหนอๆๆ ....ความคิดกลัว (ขณะก่อน) มันก็ดับ เพราะมันคิดขณะละเรื่อง (แต่่มันอาจวนมากลัวอีกได้นะ ถ้าสติเป็นต้นไม่แข็งแรงพอ จึงต้องกำหนดทุกครั้งทุกขณะที่คิด ตัวกำหนดรู้เท่าทันมันนี่แหละเป็นตัวสติสัมปชัญญะ เป็นต้น ที่ไปตัดวงจรมัน) พอใจคำอธิบายไหมครับ

ทำความเข้าใจตรงนี้ก่อน แล้วถามใหม่ เอางี้แล้วกัน กรัชกายปวารณาตัวต่อคุณปลีกวิเวกถามได้ตามอัธยาศัยอยากถามอะไรถาม :b1:


อ้อ คุณปลีกวิเวกทำยังไงครับ




ปลีกวิเวกก็ปฏิบัติคล้ายๆกับคุณกรัชกายแหละค่ะ...แต่ถ้าอยู่ในวิสัยที่พิสูจน์ได้จะพิสูจน์ทุกครั้ง เช่น เห็นเงาแว็บๆ หรือได้ยินเสียง..อะไรอย่างนี้จะต้องเข้าไปตรวจสอบแต่ระหว่างเดินไปก็มีกลัวสลับกับต้องพิสูจน์คือระหว่างสติกับความกลัวมันสลับกันเกิดอย่างรวดเร็วเหมือนที่คุณกรัชกายบอก..คิดเหมือนกันว่าถ้าเจอจะทำไงว้า...พอไปถึงไม่มีทุกทีว่างเปล่า..ไม่มีอะไรนี่หว่า...ก็จะอ๋อ!ทุกครั้งว่าใจมันปรุงแต่งไปเอง...ปลีกวิเวกทำอย่างนี้ทุกครั้งความกลัวมันลดลงจริงๆค่ะ..จากกลัวมากเป็นกลัวน้อยลง...


ท่านว่าจะแก้ทุกข์ต้องแก้ให้ลึกถึงตัวสภาวะของมัน (สภาวทุกข์ ซึ่งเป็นพื่้นฐานของชีวิต)

คุณปลีกวิเวกลองพิจารณาบทความนี้ กับ ตัวอย่างสภาวะซึ่งปรากฏในภาคปฏิบัติ ซึ่งก็รวมถึงความหวาดกลัวต่างๆด้วย ดูครับ


อ้างคำพูด:
ชีวิตนี้มีทุกข์เป็นสภาวะด้านหนึ่งของมัน หมายความว่า เป็นธรรมดาตามธรรมชาติของชีวิตนั่นเองที่เป็นสังขาร ซึ่งเกิดมีเป็นไปโดยขึ้นต่อเหตุปัจจัยหลากหลาย ไม่เที่ยง ไม่คงที่ ไม่คงทน แปรปรวนเรื่อยไป ไม่มี ไม่เป็นตัวตนของมันเองอย่างแท้จริง เช่น จะให้คงอยู่หรือเป็นไปอย่างที่ใจปรารถนาไม่ได้ ต้องว่ากันไปตามเหตุปัจจัย พูดสั้นๆ นี่ก็คือมันเป็นทุกข์


สภาวทุกข์ของชีวิตพูดรวบรัดด้วยคำว่า ชรา มรณะ หรือ แก่ และตาย หรือ เสื่อมโทรม และแตกสลาย แล้วจากทุกข์ตามสภาวะนี้ ก็ตามมาด้วยทุกข์ที่เป็นความรู้สึกต่างๆ เช่น ความโศกเศร้า ความคับแค้น ความเสียใจ ความพิไรรำพรรณ


การที่จะแก้ปัญหาดับสลายคลายทุกข์ และการที่จะมีความสุขได้ คนก็ต้องมีจิตใจที่มั่นคงในการอยู่กับความจริง เริ่มด้วยจัดการให้ชีวิตของตนลงตัวกันได้กับความทุกข์พื้นฐานนั้น โดยมีปัญญาที่ทำให้จิตเป็นอิสระจากทุกข์พื้นฐานนั้น หรือให้ใจอยู่กับมันได้สบายๆอย่างใดอย่างหนึ่ง ถ้าทำถึงขั้นนั้นไม่ได้ ก็ให้ใจอยู่กับมันด้วยปัญญาที่รู้เท่าทัน วางใจวางท่าที่ถูกต้อง อย่างน้อยก็ยอมรับความจริง สู้หน้า เผชิญหน้าความจริงได้ด้วยปัญญาที่รู้เท่าทันความจริงนั้น

ตราบใด มนุษย์ยังไม่สามารถจัดการกับปัญหาพื้นฐานแห่งชีวิตของตน ยังวางตัววางใจหาที่ลงไม่ได้กับทุกข์ถึงขั้นตัวสภาวะ ตราบนั้น มนุษย์ก็จะยังแก้ปัญหาไม่สำเร็จ ยังหลีกไม่พ้นการตามรังควานของทุกข์ ไม่ว่าจะพบสุขขนาดไหน และจะยังไม่ประสบความสุขที่แท้จริง


ความกลัวเป็นสภาวะของทุกข์อย่างหนึ่ง ที่อาศัยเหตุปัจจัยเกิดขึ้นเมื่อหมดเหตุปัจจัยก็หมดไป ไม่เที่ยงเป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตน มีความเป็นไปตามธรรมดาแต่เพราะความไม่รู้ของเรา จึงเอาความทุกข์นี้มาเป็น
ทุกข์ในใจเรา(ทุกข์ในอริยสัจ)แต่เมื่อเราศึกษารู้และเข้าใจธรรมชาติของชีวิต(สุตะ)เราก็จะปฏิบัติต่อกายและใจได้ถูกต้องเหมาะสม...มันก็จะเหลือแต่ทุกข์ที่เป็นไปตามธรรมดาของมันอย่างนั้นเอง...

ในขั้นของการฝึกฝนพัฒนาจิตใจนี้ยากจริงๆ ต้องอาศัยเวลา และความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องด้วย
ปลีกวิเวกมีเพื่อนที่สนิทมากคนนึง..เธอน่าสงสารมากมีแต่ความทุกข์เข้ามาตลอดเวลาเนื่องจากไม่สามารถแก้ไขปัญหาอะไรได้..แนะนำไปหลายครั้งเธอก็ไม่เข้าใจปฏิบัติไม่ได้...เราก็ไม่รู้จะช่วยยังไงก็ได้แต่รับฟังและปลอบใจเธอไปวันๆ.. :b7:

.....................................................
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุสเส
ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้คู่ความดี คือผู้ที่ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์และเทวดา
วรรคทอง วรรคธรรม โดยท่าน ว.วชิรเมธี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2014, 13:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
ไม่ทราบครับ ไม่กลัวผีครับ


กลัวตายมั้ย :b14:

ไม่ทราบครับ
ตอนเฉียดตาย ก็เฉยๆ ครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2014, 16:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
ไม่ทราบครับ ไม่กลัวผีครับ


กลัวตายมั้ย :b14:

ไม่ทราบครับ
ตอนเฉียดตาย ก็เฉยๆ ครับ



ประสบอุบัติหรอเฉียดตาย เล่าให้ฟังบ้างสิครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2014, 22:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
ไม่ทราบครับ ไม่กลัวผีครับ


กลัวตายมั้ย :b14:

ไม่ทราบครับ
ตอนเฉียดตาย ก็เฉยๆ ครับ



ประสบอุบัติหรอเฉียดตาย เล่าให้ฟังบ้างสิครับ

ให้เป็นเรื่องในอดีตไปครับ ไม่มีประโยชน์ครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ค. 2014, 05:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
ไม่ทราบครับ ไม่กลัวผีครับ


กลัวตายมั้ย :b14:

ไม่ทราบครับ
ตอนเฉียดตาย ก็เฉยๆ ครับ



ประสบอุบัติหรอเฉียดตาย เล่าให้ฟังบ้างสิครับ

ให้เป็นเรื่องในอดีตไปครับ ไม่มีประโยชน์ครับ



ok อดีตก็อดีต เอาเป็นวันเช่นนั้นไม่กลัวอะไรสักอย่าง :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ค. 2014, 09:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ok อดีตก็อดีต เอาเป็นวันเช่นนั้นไม่กลัวอะไรสักอย่าง :b1:

ไม่ครับ กลัวสิ่งใดก็ยอมรับ
แต่คำถาม ไม่ได้ถามสิ่งที่กลัว

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ค. 2014, 09:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ok อดีตก็อดีต เอาเป็นวันเช่นนั้นไม่กลัวอะไรสักอย่าง :b1:

ไม่ครับ กลัวสิ่งใดก็ยอมรับ
แต่คำถาม ไม่ได้ถามสิ่งที่กลัว


ไม่กลัวตายสะแล้วจบครับ ไม่ต้องถามต่อไป

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 32 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร