วันเวลาปัจจุบัน 19 มิ.ย. 2025, 15:29  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 116 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 8  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2014, 11:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


มหาภูต คือ ธาตุสี่

ภิกษุ ท. ! ธาตุมีสี่อย่างเหล่านี้. สี่อย่างเหล่าไหนเล่า ?

สี่อย่างคือ ปฐวีธาตุ (ธาตุดิน) อาโปธาตุ (ธาตุน้ำ) เตโชธาตุ (ธาตุไฟ) และวาโยธาตุ(ธาตุลม).
ภิกษุ ท. ! เหล่านี้แล คือ ธาตุสี่อย่าง.
- นิทาน. สํ. ๑๖/๒๐๓/๔๐๓.


ภิกษุ ! ปฐวีธาตุ เป็นอย่างไรเล่า ?
ปฐวีธาตุ ที่เป็นไปในภายใน ก็มี, ที่เป็นภายนอก ก็มี.

ภิกษุ ! ปฐวีธาตุ ที่เป็นไปในภายใน เป็นอย่างไรเล่า ?
ภิกษุ !ส่วนใดเป็นของแข็ง เป็นของหยาบ อันวิญญาณธาตุอาศัยแล้ว ซึ่งมีอยู่ในตน เฉพาะตน

กล่าวคือ ผมทั้งหลาย ขนทั้งหลาย เล็บทั้งหลาย ฟันทั้งหลาย หนังเนื้อ
เอ็นทั้งหลาย กระดูกทั้งหลาย เยื่อในกระดูก ไต หัวใจ ตับ พังผืด ม้าม ปอด
ลำไส้ ลำไส้สุด อาหารในกระเพาะ อุจจาระ ; หรือแม้ส่วนอื่นอีกไร ๆ .

ภิกษุ ! นี้ เรียกว่า ปฐวีธาตุ ที่เป็นไปในภายใน.
ภิกษุ ! ปฐวีธาตุ ที่เป็นไปในภายใน ก็ตาม ที่เป็นภายนอก ก็ตาม ;

นี้แหละ เรียกว่า ปฐวีธาตุ.
- อุปริ. ม. ๑๔/๔๓๗/๖๘๔.


ภิกษุ ท. ! อาโปธาตุ เป็นอย่างไรเล่า ?
อาโปธาตุที่เป็นไปในภายใน ก็มี, ที่เป็นภายนอก ก็มี.


ภิกษุ ท. ! อาโปธาตุ ที่เป็นไปในภายใน เป็นอย่างไรเล่า ?
ภิกษุ ! ส่วนใดเอิบอาบ เปียกชุ่ม อันวิญญาณธาตุอาศัยแล้ว ซึ่งมีอยู่ในตน เฉพาะตน

กล่าวคือ น้ำดี เสลด หนอง โลหิต เหงื่อ มัน น้ำตา น้ำเหลือง น้ำลาย น้ำเมือก
น้ำลื่นหล่อข้อ น้ำมูตร ; หรือแม้ส่วนอื่นอีกไร ๆ .

ภิกษุ ! นี้เรียกว่า อาโปธาตุ ที่เป็นไป ในภายใน.
ภิกษุ ! อาโปธาตุ ที่เป็นไปในภายใน ก็ตาม ที่เป็นภายนอก ก็ตาม ;

นี้แหละ เรียกว่า อาโปธาตุ.
- อุปริ. ม. ๑๔/๔๓๘/๖๘๕.



ภิกษุ ! เตโชธาตุ เป็นอย่างไรเล่า ?

เตโชธาตุ ที่เป็นไปในภายใน ก็มี, ที่เป็นภายนอก ก็มี.


ภิกษุ ! เตโชธาตุ ที่เป็นไปในภายใน เป็นอย่างไรเล่า ?

ภิกษุ ! ส่วนใดเป็นของเผา เป็นของไหม้ อันวิญญาณธาตุอาศัยแล้ว ซึ่งมีอยู่ในตนเฉพาะตน

กล่าวคือธาตุไฟที่ยังกายให้อบอุ่นอย่างหนึ่ง, ธาตุไฟที่ยังกายให้ชราทรุดโทรมอย่างหนึ่ง,
ธาตุไฟที่ยังกายให้กระวนกระวายอย่างหนึ่ง, ธาตุไฟที่ทำอาหาร ซึ่งกินแล้ว ดื่มแล้ว เคี้ยวแล้ว
ลิ้มแล้ว ให้แปรไปด้วยดีอย่างหนึ่ง ; หรือแม้ส่วนอื่นอีกไร ๆ .

ภิกษุ ! นี้เรียกว่า เตโชธาตุ ที่เป็นไปในภายใน.
ภิกษุ ! เตโชธาตุ ที่เป็นไปในภายใน ก็ตาม ที่เป็นภายนอก ก็ตาม ;
นี้แหละ เรียกว่า เตโชธาตุ.
- อุปริ. ม. ๑๔/๔๓๘/๖๘๖.



ภิกษุ ! วาโยธาตุ เป็นอย่างไรเล่า ?

วาโยธาตุ ที่เป็นไปในภายใน ก็มี, ที่เป็นภายนอก ก็มี.


ภิกษุ ! วาโยธาตุ ที่เป็นไปในภายใน เป็นอย่างไรเล่า ?

ภิกษุ ! ส่วนใดเป็นลม ไหวตัวได้ อันวิญญาณธาตุอาศัยแล้ว ซึ่งมีอยู่ในตน เฉพาะตน

กล่าวคือ ลมพัดขึ้นเบื้องสูงอย่างหนึ่ง, ลมพัดลงเบื้องต่ำอย่างหนึ่ง, ลมนอนอยู่ในท้องอย่างหนึ่ง,
ลมนอนอยู่ในลำไส้อย่างหนึ่ง, ลมแล่นไปทั่วทั้งตัวอย่างหนึ่ง, และลมหายใจเข้าออกอย่างหนึ่ง ;
หรือแม้ส่วนอื่นอีกไร ๆ.

ภิกษุ ! นี้ เรียกว่า วาโยธาตุ ที่เป็นไปในภายใน.
ภิกษุ ! วาโยธาตุ ที่เป็นไปในภายใน ก็ตาม ที่เป็นภายนอก ก็ตาม ;
นี้แหละ เรียกว่า วาโยธาตุ.
- อุปริ. ม. ๑๔/๔๓๙/๖๘๗.

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2014, 11:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


การเกิดขึ้นของธาตุสี่
เท่ากับการเกิดขึ้นของทุกข์


ภิกษุ ท. ! การเกิดขึ้น การตั้งอยู่ การเกิดโดยยิ่ง และความปรากฏของ
ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุ ใด ๆ นั่นเท่ากับ เป็นการเกิดขึ้นของทุกข์,
เป็นการตั้งอยู่ของสิ่งซึ่งมีปกติเสียดแทงทั้งหลาย, และเป็นความปรากฏของชราและมรณะ.
- นิทาน. สํ. ๑๖/๒๐๘/๔๑๔.


ภิกษุ ท. ! ผู้ใด ย่อมเพลินโดยยิ่ง ซึ่ง ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุและวาโยธาตุ,
ผู้นั้น ย่อมเพลินโดยยิ่ง ซึ่งสิ่งเป็นทุกข์.

เราย่อมกล่าวว่า

“ผู้ใด ย่อมเพลินโดยยิ่ง ซึ่งสิ่งเป็นทุกข์, ผู้นั้น ย่อมไม่หลุดพ้นไปได้ จากทุกข์” ดังนี้แล.
- นิทาน. สํ. ๑๖/๒๐๘/๔๑๒.

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2014, 11:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ภิกษุ ท. ! ครั้งก่อนแต่การตรัสรู้ เมื่อเรายังไม่ได้ตรัสรู้ ยังเป็นโพธิสัตว์อยู่,
ความสงสัยได้เกิดขึ้นแก่เราว่า

“อะไรหนอ เป็นรสอร่อยของปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุ ?

อะไร เป็นโทษของปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุ ?

อะไร เป็นอุบายเครื่องออกไปพ้นได้จากปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุ ?”


ภิกษุ ท. ! ความรู้ข้อนี้ได้เกิดขึ้นแก่เราว่า
“สุข โสมนัส ใด ๆ ที่อาศัย ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุ แล้วเกิดขึ้น,
สุข และโสมนัส นี้แล เป็น รสอร่อย ของปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุ ;

ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์
มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ด้วยอาการใด,

อาการนี้แล เป็น โทษของ ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุ ;

การนำออกเสียได้ซึ่งความกำหนัด ด้วยอำนาจความพอใจ การละความกำหนัด ด้วยอำนาจความพอใจ
ในปฐวีธาตุ อาโปธาตเตโชธาตุ และวาโยธาตุ เสียได้ ด้วยอุบายใด,

อุบายนี้แล เป็น อุบายเครื่องออกไปพ้นได้จาก
ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุ,” ดังนี้แล.
- นิทาน. สํ. ๑๖/๒๐๓/๔๐๔.

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2014, 11:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ความลับของธาตุสี่

ภิกษุ ท. ! ถ้าหาก รสอร่อยใน ปฐวีธาตุก็ดี อาโปธาตุก็ดี เตโชธาตุก็ดี และวาโยธาตุ ก็ดี นี้ จักไม่ได้มีอยู่แล้วไซร้,
สัตว์ทั้งหลาย ก็จะไม่กำหนัด ยินดีนัก ในปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุนี้.

ภิกษุ ท. ! แต่เพราะเหตุที่ รสอร่อยใน ปฐวีธาตุก็ดี อาโปธาตุก็ดี เตโชธาตุก็ดี และวาโยธาตุก็ดี มีอยู่แล
สัตว์ทั้งหลาย จึงกำหนัดยินดีนัก ในปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุ.


ภิกษุ ท. ! ถ้าหาก โทษใน ปฐวีธาตุก็ดี อาโปธาตุก็ดี เตโชธาตุก็ดีและวาโยธาตุก็ดี นี้ จักไม่ได้มีอยู่แล้วไซร้,
สัตว์ทั้งหลาย ก็จะไม่เบื่อหน่ายในปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุนี้.

ภิกษุ ท. ! แต่เพราะเหตุที่โทษใน ปฐวีธาตุก็ดี อาโปธาตุก็ดี เตโชธาตุก็ดี และวาโยธาตุก็ดี มีอยู่แล
สัตว์ทั้งหลาย จึงเบื่อหน่าย ในปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุ.


ภิกษุ ท. ! ถ้าหาก อุบายเครื่องออกไปพ้นได้จาก ปฐวีธาตุก็ดี อาโปธาตุก็ดี เตโชธาตุก็ดี และวาโยธาตุก็ดี นี้ จักไม่ได้มีอยู่แล้วไซร้,
สัตว์ทั้งหลาย ก็จะไม่ออกไปพ้นได้จากปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุนี้.


ภิกษุ ท. ! แต่เพราะเหตุที่ อุบายเครื่องออกไปพ้นได้จาก ปฐวีธาตุก็ดี อาโปธาตุก็ดี เตโชธาตุก็ดี และวาโยธาตุก็ดี มีอยู่แล
สัตว์ทั้งหลาย จึงออกไปพ้นได้จาก ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุ.
- นิทาน. สํ. ๑๖/๒๐๕/๔๐๘.

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2014, 11:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ธาตุสี่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา

ราหุล ! เธอเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร ?
ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุวาโยธาตุ เที่ยงหรือไม่เที่ยง ?

“ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า !”

ก็สิ่งใด ไม่เที่ยง, สิ่งนั้น เป็นทุกข์ หรือเป็นสุขเล่า ?

“เป็นทุกข์ พระเจ้าข้า !”

ก็สิ่งใด ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรแล

หรือที่จะตามเห็นสิ่งนั้นว่า “นั่น เป็นของเรา (เอตํ มม), นั่นเป็นเรา
(เอโสหมสฺมิ) นั่นเป็นตัวตนของเรา (เอโส เม อตฺตา).”

“ข้อนั้น ไม่ควรเห็นเช่นนั้น พระเจ้าข้า !”
- นิทาน.สํ. ๑๖/๒๙๑/๖๑๖.

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2014, 11:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ภิกษุ ท. ! ในโลกนี้ บุถุชน เป็นผู้ไม่ได้ยินได้ฟัง ไม่ได้เห็นเหล่า พระอริยเจ้า
ไม่ฉลาดในธรรมของพระอริยเจ้า ไม่ถูกแนะนำในธรรมของพระอริยเจ้า,
ไม่ได้เห็นเหล่าสัตบุรุษ ไม่ฉลาดในธรรมของสัตบุรุษ ไม่ถูกแนะนำในธรรมของสัตบุรุษ

ย่อมหมายรู้ดิน น้ำ ไฟ ลม โดยความเป็น ดิน น้ำ ไฟ ลม,

ครั้นหมายรู้ดิน น้ำ ไฟ ลม โดยความเป็น ดิน น้ำ ไฟ ลม แล้ว
ย่อมทำความหมายมั่น ซึ่ง ดิน น้ำ ไฟ ลม,

ย่อมทำความหมายมั่นใน ดิน น้ำ ไฟ ลม,
ย่อมทำความหมายมั่น โดยเป็นดิน น้ำ ไฟ ลม,
ย่อมทำความหมายมั่นว่า “ดิน น้ำ ไฟ ลม เป็นของเรา” ดังนี้,

และย่อมเพลินโดยยิ่ง ซึ่งดิน น้ำ ไฟ ลม.

ข้อนั้นเพราะเหตุไร ?

เราย่อมกล่าวว่า เพราะเหตุว่าดิน น้ำ ไฟ ลม เป็นสิ่งที่บุถุชนนั้น ยังไม่ได้กำหนดรู้โดยทั่วถึงแล้ว.
- มู. ม. ๑๒/๑/๒.

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2014, 19:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




41_1758.jpg
41_1758.jpg [ 27.44 KiB | เปิดดู 5369 ครั้ง ]
s006
ตกลงเป็นกระทู้เรื่องความดับแห่งผัสสะ หรือ เรื่องธาตุ 4 กันแน่ครับ

เอาของดีมาขายให้แต่ไม่รับซื้อน่าเสียดาย...........นานไปวันข้างหน้าถ้าวางตำราได้จะเข้าใจและระลึกถึง

ขอให้อยู่เย็นเป็นสุข

:b39: :b39: :b39:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2014, 22:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
s006
ตกลงเป็นกระทู้เรื่องความดับแห่งผัสสะ หรือ เรื่องธาตุ 4 กันแน่ครับ

เอาของดีมาขายให้แต่ไม่รับซื้อน่าเสียดาย...........นานไปวันข้างหน้าถ้าวางตำราได้จะเข้าใจและระลึกถึง

ขอให้อยู่เย็นเป็นสุข

:b39: :b39: :b39:




asoka เขียน:
เอาของดีมาขายให้แต่ไม่รับซื้อน่าเสียดาย


ดีของโสกะ ใช่ว่าจะดี สำหรับคนอื่น

เห็นมีแต่โฆษณาชวนเชื่อ มีแต่ความลุ่มหลง
มีแต่การสร้างเหตุของการเกิด(ทำให้ผู้อื่นที่มีเหตุปัจจัยร่วม หลงไปด้วย)

ไม่เห็นมีวิธีการ การกระทำเพื่อ ดับเหตุของการเกิด


asoka เขียน:
นานไปวันข้างหน้าถ้าวางตำราได้จะเข้าใจและระลึกถึง


แม้กระทั่ง สิ่งที่วลัยพร นำมาแสดง เป็นพุทธวจนะ

โสกะ ช่างกล้าจริงนะ หรือคิดว่า เก่งกว่าพระพุทธเจ้า
นี่แหละเหตุของ อวิชชาที่มีอยู่


กูรู้ มันเยอะ ล้นจนทนไม่ได้
แม้แต่คำสอนของพระพุทธเจ้า ยังไม่รู้จักนอบน้อม





asoka เขียน:
ตกลงเป็นกระทู้เรื่องความดับแห่งผัสสะ หรือ เรื่องธาตุ 4 กันแน่ครับ


เป็นความปกติของเหตุ ความไม่รู้ที่มีอยู่
ทำให้เกิดการคาดเดาเอาเองว่า จะต้องเป็นอย่างนั้น อย่างนี้


หากไม่ยอมฝึก สักแต่ว่า รู้ เพราะ ไม่รู้จักคำว่า รอ

นี่แหละ พวกใจเร็วด่วนได้

กูรู้ มันเยอะ ล้นจนทนไม่ได้


บอกแล้วว่า ไม่ชอบพวกโฆษณาขายของ

แถมเป็นของ ที่ไม่มีวิธีใช้อีกต่างหาก



asoka เขียน:
ขอให้อยู่เย็นเป็นสุข


ภาวนาให้เยอะๆนะโสกะ

ภาวนาให้กับตัวเอง ทำตัวเองให้มีความสุข ให้ได้ก่อน

เพราะโสกะ ไม่มีความสุข

คนที่มีความสุข จะไม่ขยันร่ายมนต์ใส่คนอื่น

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2014, 00:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


น่าสนใจดี
เชิญคุณวลัยพร นำเสนอต่อไปเรื่อยๆ ครับ
อนุโมทนา

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2014, 10:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ตราบใดที่ มีจิต ตราบนั้น ต้องมีเจตสิก เกิดร่วมด้วย

เจตสิก ที่ขาดไม่ได้เลย ต้องเกิดกับจิตทุกดวงคือ

ผัสสะ เวทนา สัญญา เจตนา มนสิการ ชีวิตินทรีย์ เอกัคคตา .............รวมเจ็ดองค์

ปกติ สังขารธรรมเหล่านี้ ย่อมเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เป็นปกติอยู่แล้ว

ผัสสะดับ เวทนาดับ ................................ ย่อมดับได้ แต่ก็มีใหม่เกิดขึ้นสืบต่อ

สังขารธรรมเหล่านี้ ดับไป ก็มีสังขารธรรมใหม่เกิดสืบต่อ ไม่ให้ขาดช่วง เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย

การจะดับผัสสะ โดยสิ้นเชิง
ดับเวทนา ดับนามรูป ได้โดยสิ้นเชิง ................. ก็ต้องปรินิพพานเท่านั้น

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2014, 11:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


มาดูรายละเอียดของ ผัสสะ

อายตนะภายใน + อารมณ์ + วิญญาณ

วิญญาณ จะเกิดเดี่ยวๆ ได้ไหม โดย ไม่มีอารมณ์

คุณวลัยพร ต้องลองตอบคำถามนี้ก่อน?

ความสลบ การหลับ การตาย และหลังตาย
วิญญาณได้ขาดช่วง ขาดหายไปบ้างหรือไม่ สำหรับสถานการณ์เหล่านี้

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2014, 13:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


govit2552 เขียน:
ตราบใดที่ มีจิต ตราบนั้น ต้องมีเจตสิก เกิดร่วมด้วย

เจตสิก ที่ขาดไม่ได้เลย ต้องเกิดกับจิตทุกดวงคือ

ผัสสะ เวทนา สัญญา เจตนา มนสิการ ชีวิตินทรีย์ เอกัคคตา .............รวมเจ็ดองค์

ปกติ สังขารธรรมเหล่านี้ ย่อมเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เป็นปกติอยู่แล้ว

ผัสสะดับ เวทนาดับ ................................ ย่อมดับได้ แต่ก็มีใหม่เกิดขึ้นสืบต่อ

สังขารธรรมเหล่านี้ ดับไป ก็มีสังขารธรรมใหม่เกิดสืบต่อ ไม่ให้ขาดช่วง เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย

การจะดับผัสสะ โดยสิ้นเชิง
ดับเวทนา ดับนามรูป ได้โดยสิ้นเชิง ................. ก็ต้องปรินิพพานเท่านั้น





govit2552 เขียน:
มาดูรายละเอียดของ ผัสสะ

อายตนะภายใน + อารมณ์ + วิญญาณ

วิญญาณ จะเกิดเดี่ยวๆ ได้ไหม โดย ไม่มีอารมณ์

คุณวลัยพร ต้องลองตอบคำถามนี้ก่อน?

ความสลบ การหลับ การตาย และหลังตาย
วิญญาณได้ขาดช่วง ขาดหายไปบ้างหรือไม่ สำหรับสถานการณ์เหล่านี้







ถ้าคุณไม่สามารถรออ่าน พุทธวจนะอื่นๆ ที่ยังมีอยู่อีก

ก็ไม่ต้องเข้ามาอ่าน เพราะจะทำให้ สิ่งที่คุณกระทำนั้น มีแต่การสร้างเหตุของการเกิด

มีแต่ กูรู้(รู้ไปหมด) แต่ไม่รู้กู(เหตุปัจจัยที่มีอยู่)


คนอื่นๆก็เช่นกัน
ที่คิดจะเข้ามาคัดค้าน พุทธวจนะ (พยายามนำโน่นนี่ มาแสดง ตามทิฏฐิของตน)

ถ้าอดรน ทนไม่ได้ อยากจะเสนอ "กูรู้" ใจจะขาด หรือ อยากจะขายของ
ก็ไปตั้งกระทู้กันเอง เพื่อขายของ และ เพื่อสนอง "กูรู้" ที่มีอยู่

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2014, 16:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:

ถ้าคุณไม่สามารถรออ่าน พุทธวจนะอื่นๆ ที่ยังมีอยู่อีก

ก็ไม่ต้องเข้ามาอ่าน เพราะจะทำให้ สิ่งที่คุณกระทำนั้น มีแต่การสร้างเหตุของการเกิด

มีแต่ กูรู้(รู้ไปหมด) แต่ไม่รู้กู(เหตุปัจจัยที่มีอยู่)


คนอื่นๆก็เช่นกัน
ที่คิดจะเข้ามาคัดค้าน พุทธวจนะ (พยายามนำโน่นนี่ มาแสดง ตามทิฏฐิของตน)

ถ้าอดรน ทนไม่ได้ อยากจะเสนอ "กูรู้" ใจจะขาด หรือ อยากจะขายของ
ก็ไปตั้งกระทู้กันเอง เพื่อขายของ และ เพื่อสนอง "กูรู้" ที่มีอยู่



เมื่อเรานำพุทธพจน์หรือพุทธวจนะทั้งข้อทั้งดุ้นมาโพสต์ เมื่อมีคนถาม เราควรใจเย็นๆ :b13: อย่าหงุดหงิด อดทนอธิบายไป (หอระฆังไม่ใช่สร้างเสร็จในวันเดียว :b32: ) จึงจะเรียกว่ามีปัญญารู้เข้าใจถ้อยคำพร้อมสารธรรมข้อความนั้นๆ หากเห็นเป็นพุทธวจนะแล้วก็ลงๆ ใครถามอะไรก็ตอบไม่ได้ ยังเพียงแค่ศรัทธา :b1:

ศรัทธา คือ ความเชื่อ ความซาบซึ้ง ไม่ใช่ความรู้ ฯลฯ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2014, 16:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
asoka เขียน:
s006
ตกลงเป็นกระทู้เรื่องความดับแห่งผัสสะ หรือ เรื่องธาตุ 4 กันแน่ครับ

เอาของดีมาขายให้แต่ไม่รับซื้อน่าเสียดาย...........นานไปวันข้างหน้าถ้าวางตำราได้จะเข้าใจและระลึกถึง

ขอให้อยู่เย็นเป็นสุข

:b39: :b39: :b39:




asoka เขียน:
เอาของดีมาขายให้แต่ไม่รับซื้อน่าเสียดาย


ดีของโสกะ ใช่ว่าจะดี สำหรับคนอื่น

เห็นมีแต่โฆษณาชวนเชื่อ มีแต่ความลุ่มหลง
มีแต่การสร้างเหตุของการเกิด(ทำให้ผู้อื่นที่มีเหตุปัจจัยร่วม หลงไปด้วย)

ไม่เห็นมีวิธีการ การกระทำเพื่อ ดับเหตุของการเกิด


อโศกะ...
น่าเสียดายที่วลัยพร ฟังธรรมะจากใจไม่เป็น เลยสำคัญว่าเป็นโฆษณาชวนเชื่อ และทำให้ลุ่มหลง
ธรรมะที่ไหลออกมาจากใจไม่เหมือนธรรมะที่คัดลอกมาจากตำรา รสชาติก็ต่างกันมากด้วย ลองสังเกตแลพิจารณาย้อนหลังดูให้ดีๆนะครับ

"มีแต่สร้างเหตุเกิด"........ นี่ก็อาจเป็นคำวิจารณ์ที่มิได้พิจารณาดูสาระธรรมที่แสดง สรุปและขมวดไว้

ลองดูคำสรุปวิธีภาวนานี้ว่า เป็นการทำเพื่อสร้างเหตุเกิด หรือทำลายเหตุเกิดกันแน่

"งานและหน้าที่ของชาวพุทธ
สำรวมกายใจมานิ่งรู้นิ่งสังเกต ปัจจุบันอารมณ์ จนละความเห็นผิด ว่า กาย ใจ นี้ เป็นอัตตา ตัวกู ของกู
พอกพูนนความเห็นถูกต้องว่า กายใจนี้เป็น อนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ ไม่ใช่ตัวกู ของกู ทุกวัน เวลา นาที วินาที ที่ระลึกได้และมีโอกาส"

ช่วยวิเคราะห์วิจารณ์ด้วยว่า ตรงไหน ที่มิใช่การกระทำเพื่อดับเหตุเกิด

เหตุเกิดคืออะไร วลัยพรทราบชัดแล้วหรือยัง ถ้ายังไม่ทราบชัด ลองฟังคำสรุปของหลวงปู่บ้านนอกท่านหนึ่ง ท่านมักกล่าวกับลูกศิษย์เสมอว่า

"มี กู ถึงมี เกิด

มี กู ถึงมี แก่

มี กู ถึงมี เจ็บ

มี กู ถึงมี ตาย

หมดกู ก็หมด เกิด แก่ เจ็บ ตาย"

ช่วยวิจารณ์ด้วยว่า คำพูดนี้มีอะไรที่นอกคำสอนของพระพุทธเจ้าบ้าง?



asoka เขียน:
นานไปวันข้างหน้าถ้าวางตำราได้จะเข้าใจและระลึกถึง


แม้กระทั่ง สิ่งที่วลัยพร นำมาแสดง เป็นพุทธวจนะ

โสกะ ช่างกล้าจริงนะ หรือคิดว่า เก่งกว่าพระพุทธเจ้า
นี่แหละเหตุของ อวิชชาที่มีอยู่


กูรู้ มันเยอะ ล้นจนทนไม่ได้
แม้แต่คำสอนของพระพุทธเจ้า ยังไม่รู้จักนอบน้อม


อโศกะ......

นี่ก็ตีโพยตีพายไปเองโดยไม่พิจารณาให้ลึกซึ้ง

ไม่มีใครเก่งกว่าพระพุทธเจ้า สามัญชนทั้งหลายก็รู้ ไม่ใช่วลัยพรรู้ดีอยู่คนเดียว
วลัยพรซิช่างกล้าจริงๆ ที่มากล่าวตู่พุทธวัจนะ เพื่อทับถมทำลายผู้อื่น
พุทธวัจนะไม่ใช่สิ่งที่ควรอ้างโดยพรำ่เพื่อไม่พิจารณา ยิ่งถ้าอ้างมาผิดๆเพื่อยกตนข่มท่านยิ่งไม่บังควร

คนเคารพพระพุทธเจ้าจริงนั้นท่านเอาคำสอนของพระพุทธเจ้ามาประยุกต์ ใส่ใจลงมือปฏิบัติตาม จนธรรมถึงใจ ใจถึงธรรม เมื่อถึงตรงนั้นแล้ว ย่อมเป็นผู้อาจหาญในธรรม กล้าจะประกาศสัจจะธรรมได้ไม่ว่าจะหบิบจับอะไรขึ้นมาก็แสดงเป็นธรรมะได้หมด โดยไม่ต้องพึ่งอิงตำรา กอดตำรา กอดขาครูบาอาจารย์ อ้างครูบาอาจารย์อยู่ตลอดเวลาเหมือนเด็กที่เลี้ยงไม่โต

ลองนึกดูนักศึกษาที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัย ครูบาอาจารย์จะชื่นชมกับลูกศิษย์ประเภทไหน

1.คอยกอดขา วิ่งมาปรึกษาอาจารย์อยู่ตลอดเวลา จะทำกิจการใดก็เอาอาจารย์ไปอ้างเป็นเครดิตตัวเองเสมอ

2.ยืนหยัดได้ด้วยตนเองโดยเอาวิชาที่ครูบาอาจารย์สอนมาประยุกต์ใช้เป็น ทำงานบริหารจัดการชีวิตหน้าที่การงานให้สำเร็จไปด้วยสติ ปัญญาความสามารถที่อบรมฝึกฝนมาดีแล้วจากครูบาอาจารย์


asoka เขียน:
ตกลงเป็นกระทู้เรื่องความดับแห่งผัสสะ หรือ เรื่องธาตุ 4 กันแน่ครับ


[color=#FF0040]เป็นความปกติของเหตุ ความไม่รู้ที่มีอยู่
ทำให้เกิดการคาดเดาเอาเองว่า จะต้องเป็นอย่างนั้น อย่างนี้


หากไม่ยอมฝึก สักแต่ว่า รู้ เพราะ ไม่รู้จักคำว่า รอ

นี่แหละ พวกใจเร็วด่วนได้

กูรู้ มันเยอะ ล้นจนทนไม่ได้


บอกแล้วว่า ไม่ชอบพวกโฆษณาขายของ

แถมเป็นของ ที่ไม่มีวิธีใช้อีกต่างหาก
[/color]

อโศกะ.....

นี่ก็อีกแหละ เลี่่ยงบาลีไปได้น้ำขุ่นๆ กระทู้บอกว่า

"ความดับแห่งผัสสะ"

แต่มาพาอ้อมโลกไปเรื่องมหาภูติรูป ร่ายยาวไปไกลโดยไม่โยงเข้ากับหัวเรื่องรือชื่อกระทู้ให้ทราบเสียบ้างก่อน เป็นใครก็เข้าใจไปอย่างที่อโศกะ ติงมาด้วยความปารถนาดี น่าจะรู้ตัวนะครับ...แต่กลับมาอารมณ์เสีย ขุ่นมัวเพราะคำติง.......ที่จริงควรจะตอบด้วยอารมณ์ดีว่า

"อ๋อ!....ท่านอโศกะอย่าพึ่งใจร้อน จะพาอ้อมค่ายชมทิวทัศน์อันสวยงามไปพลางๆก่อนแล้วค่อยย้อนมาสู่ประเด็นนะจ๊ะ"

รื่นหูทั้งผู้พูด ร่มเย็นถึงผู้ฟัง สมดั่งการสนทนาธรรมด้วยธรรมและมธุรสวาจา

asoka เขียน:
ขอให้อยู่เย็นเป็นสุข


ภาวนาให้เยอะๆนะโสกะ

ภาวนาให้กับตัวเอง ทำตัวเองให้มีความสุข ให้ได้ก่อน

เพราะโสกะ ไม่มีความสุข

คนที่มีความสุข จะไม่ขยันร่ายมนต์ใส่คนอื่น


อโศกะ.....

นี่ก็อีกแหละ ถ้าเป็นโฮฮับพูด ก็จะบอกว่า
..
.."สู่รู้"......[color=#800080]เพราะไปรู้ได้อย่างไร ว่าเขาไม่มีความสุข ลอกคัมภีร์มาสนทนามาก นาน จนบารมีเกิด มีญาณวิเศษแล้วหรือ ถึงไปรู้ใจใครต่อใครว่าเป็นอย่างไรไปทั่ว (เหมือนหรือคล้ายโฮฮับเลยนะเนียะ)

อโศกะ พิมพ์ไปยิ้มไป บางครั้งก็หัวเราะ กับอารมณ์ ที่ผสมมาในคำพูดของ วลัยพรและโฮฮับ ช่างน่าสงสารจริงๆ ที่อ้างธรรมะ อ้างพุทธวัจนะ เป็นฟืนเป็นไฟ แต่ข้างในก็ลุกไหม้เป็นไฟฟืน จึงมีคำพูดที่ผิดปกติออกมามากมาย

เห็นดอกบัวเป็นกงจักรไปหมด คำกล่าวเตือน เรียกสติ สัมปชัญญะกลับคืนมา กลับเห็นว่าเป็นคำร่ายมนต์ ลองกลับไปพิจารณาเสียใหม่ให้ดีๆนะ ทุกประโยค แฝงความปารถนาดี มีเมตตา ให้อภัย และกรุณาอยู่เสมอๆ

วันนี้ แกะตอบเป็นข้อๆ เพราะพิมีเวลา และอิ่มอกอิ่มใจที่จะได้สนทนากับน้องวลัยพรอย่างเต็มที่หน่อย

คำสนทนาทั้งหมดนี้เป็นแบบทดสอบธรรมด้วยนะจ๊ะ ทั้งโฮฮับที่กำลังสังเกตการณ์เพราะถูกพาดพิง และตัวน้องวลัยพร ผู้ยิ่งยงด้วย


จงเป็นสุขๆเถิด.........จงพ้นจากทุกข์ถึงสุขโดยถ้วนหน้าเถิด
:b8: :b8: :b8:
:b16: :b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2014, 17:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


มาครบเลย พวกชอบเล่นขายของ และพวกชอบโฆษณาชวนหลง

พอไม่สนใจ ก็เริ่มร่ายมนต์ ช่างน่าสังเวช



บอกแล้ว อยากขายอะไร อยากจะโฆษณาอะไร ให้ไปตั้งกระทู้กันเอง

หรือ หมดหนทาง ทำมาหากิน เพราะไปๆมาๆ ก็ขายแต่ของเก่ากินกัน :b32:



ถ้าเห็นว่า ยังมาขายของเก่ากิน หรือเข้ามาโฆษณาชวนเชื่ออีก

ไม่เป็นไรนะ ถือว่า ทำบุญ ทำทาน ให้เข้ามาแอบอิง ใช้กระทู้ทำกิจที่ต้องการกันได้

เหตุใคร เหตุมัน

เพราะรู้แล้ว พูดไปก็แค่นั้น สำหรับคน ประเภทนี้

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 10 ม.ค. 2014, 17:36, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 116 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 8  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร