วันเวลาปัจจุบัน 25 ก.ค. 2025, 21:42  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 65 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ธ.ค. 2013, 07:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
asoka เขียน:

โฮฮับยังไม่ได้ไปดูรายละเอียดและความลึกซึ่งของขอ้ความที่ให้ไปดูมาเลยแล้วมาด่วนตัดสินความด้วยความปฏิฆะค้างคาในใจไม่ยอมแพ้ ไปดูมาหรือยัง พร้อมคำแปล และเข้าใจความหมายไหม?อธิบาย

"กาเยกายานุปัสสีวิหาระติ.........."

ถ้าเข้าใจและอธิบายได้ถูกต้องแล้ว โฮฮับจะไม่สงสัยเห็นผิดในเรื่องที่อโศกะนำมาบอกเล่าเลย และไม่กล้ากล่าวตู่ว่าอโศกะสอนนอกธรรมด้วย


คุณนี่ไม่มีสมาธิในการพูดเลยครับ จะให้ผมไปดูคำแปล
ถ้าผมดูผมก็ต้องเข้าใจไปตามทิฐิของผม มันเป็นหน้าที่ของคุณ ที่จะต้องบอกกล่าวว่า
บาลีที่คุณเอามาอ้างหมายถึงอะไร ไม่ใช่มาวางแหม่ะจินตนาการเองหมด แล้วมาบังคับให้ผม
เห็นคล้อยไปตามคุณ สติคุณยังดีอยู่หรือเปล่าครับ

.....คุณโสกะ คุณไม่มีสติในการพิจารณาธรรมเลยครับ หลักการง่ายๆแค่นี้คุณยังไม่รู้ไม่เข้าใจ
คุณโสกะครับคุณรู้หรือเปล่าว่า.....คุณก็ตะเภาเดียวกับอเมชิ่ง(พี่หื่น) ขานั้นชอบอ้าง"พุทธวจน"
แต่่พอขอดูบทพุทธวจนก็หามาอ้างอิงไม่ได้ นี่ขนาดขอแค่พุทธวจน ถ้าขอคำอธิบายด้วยล่ะก็
อเมชิ่งได้เปลี่ยนล็อกอินอีกหนแน่ๆ (นี่สงสัยเปลี่ยนมาแล้วก็ได้) :b32:

asoka เขียน:
อ้างคำพูด:
นั่งสมาธิจนจิตใจสงบ
แล้วจะได้ยินเสียงของหัวใจเต้นตอดๆๆ ที่หนักไปกว่านั้นบอกว่า การทำสมาธิจะทำให้
ผู้ทำหยุดหายใจได้เป็นเวลานานๆ..


นี่เป็นคำพูดที่โฮฮับนำมาบิดเบือน เพราะการจะไปสัมผัสรู้ ลมหายใจ หัวใจเต้น ชีพจร กระแสสั่นสะเทือนในร่างกายนั้น เพียงน้อมจิตให้สงบลงแล้วตั้งสติปัญญา สังเกต พิจารณาเข้าไปในกาย ถ้าสงบถึงระดับก็จะรับรู้ได้ถึงปฏิกิริยาทั้ง 4 นั้น ตามลำดับ

อโศกะได้ชี้เน้นว่า ใครสามารถทำความสงบของจิตไปจนถึงระดับที่รู้ชีพจรได้ชัดและต่อเนื่องได้อย่างรวดเร็ว เขาผู้นั้นจะมีจิตควรแก่งานเจริญวิปัสสนาภาวนา เพราะ ความรู้ รูป รู้นาม จะแยกออกจากกัน ผู้ไปรู้คือ สติและปัญญา

นี่ก็คือทางเดินของนักภาวนาวิปัสสนาทั้งหลายที่จะต้องได้เดินผ่าน


จะบอกให้ครับว่า...มันเลอะเทอะแต่ต้นแล้ว ทุกคำพูดที่คุณเอามาแสดงมันประจานตัวเอง
คุณไม่รู้หรอก ที่คุณบอกว่าเป็นการปฏิบัติ ทั้งหมดมันเป็นเพียง การจินตนาการเอาเอง
เพราะมันไม่มีในหลักคำสอน มิหน่ำซ้ำมันยังเป็นอวิชา มันไปปรุงแต่งกิเลส

สรุปก็คือ มันไม่ใช่หลักการปฏิบัติที่ถูกต้องไม่ว่าจะเป็นการภาวนาในหลักของ ฌาน
หรือจะเป็นวิปัสสนาญาน

จิตสงบของคุณมันเป็นอย่างไร จิตสงบแล้วทำไม่ถึงได้ยินการเต้นของหัวใจ
เพราะจิตมันยังไม่สงบ มันถึงได้ไปปรุงแต่งให้เกิดการเต้นของหัวใจ ให้เป็นไปในลักษณะต่างๆ
ถ้าจะกล่าวโดยฌาน มันเป็นเพียง วิตก วิจารณ์ กล่าวโดยรวมก็คือกำลังเพ่งหรือบริกรรม
จิตมันยังไม่สงบสักนิด พร่ำเพ้อออกมาได้สาระพัดสาระเพ...................

โสกะผมจะบอกคุณให้ ในหลักของวิปัสสนาญาน
ไม่มีสิ่งที่คุณกล่าว วิปัสสนามีแตก...จิตที่ตั้งมั่น

ถ้าเป็นหลักของการทำฌาน.....จิตสงบหมายถึง เอกัตคตารมณ์
นั้นก็คือ จิตอยู่ในอารมณ์ว่าง ไม่รู้การทำงานของกาย ยิ่งถ้าเป็นการเต้นของหัวใจยิ่งไม่ใช่

เพื่อความต่อเนื่องของเนื้อหา......
:b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ธ.ค. 2013, 07:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
ด่านแรกของวิปัสสนาปัญญา คือ "นาม - รูป ปริเฉทญาณ การที่รูป นามแยกรู้จากกันเป็นคนละอัน หลังจากนั้น การสังเกต พิจารณา คนคว้า วิจัย พิสูจน์ธรรมสภาวะ ที่เกิดขึ้น ในรูปนาม กาย ใจ จึงจะสามารถเกิดขึ้นได้


เลอะเทอะอีกแล้ว พอเห็นคำศัพท์ไหนวิริศมาหราหน่อย ก็อามามั่ว
ดันพูดมาได้ว่า ด่านแรก
ญานเป็นปัญญารู้......เป็นปฏิเวธ เป็นผลของการปฏิบัติ ดันพูดมาได้ว่าด่านแรก

ด่านแรกเขาเรียกว่า ปริยัติ ด่านที่สองเป็นปฏิบัติ ปฏิเวธไม่ใช่ด่านแต่มันเป็นผล
ญานเป็นส่วนของผลหรือปฏิเวธ

จะบอกให้ นามรูปปริเฉทญาน ไม่ใช่วิปัสสนา จึงไม่ใช่วิปัสสนาญาน
มันเป็นเพียงญานที่เกิดจากการกำหนดรู้ มันจึงไม่ใช่วิปัสสนาญาน
เรียกได้ว่า เป็นเพียงความรู้ที่ยังเป็นความคิดในโลกียะ


ท่านจำแนกแยกแจงญานไว้๑๖ญาน.......แต่ยังแบ่งญานที่เป็นวิปัสสนาไว้๙ญาน

ญานที่เป็นวิปัสสนามี..๙
๑. อุทยัพพยานุปัสสนาญาณ
๒. ภังคานุปัสสนาญาณ
๓. ภยตูปัฏฐานญาณ
๔. อาทีนวานุปัสสนาญาณ
๕. นิพพิทานุปัสสนาญาณ
๖. มุจจิตุกัมยตาญาณ
๗. ปฏิสังขานุปัสสนาญาณ
๘. สังขารุเปกขาญาณ
๙. สัจจานุโลมิกญาณ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ธ.ค. 2013, 07:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
a
เรื่องอย่างนี้มิได้นอกคำสอนของพระพุทธเจ้าเลย แต่ศัพท์บัญญัติที่ใช้อาจฟังแปลกเพราะเป็นคำพูดสมัยใหม่ ภาษาไทยไม่ใช่ภาษาบาลีที่พระพุทธเจ้าทรงใช้เท่านั้นเอง แต่เมื่อวิเคราะห์ตามธรรมแล้วเป็นสภาวธรรมอันเดียวกัน


ใครไปว่ามันแปลก มันไม่แปลก สิ่งที่โสกะพูดมาทุกอย่าง มันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์
แต่ในความเป็นปกติที่ว่า พระพุทธองค์ตรัสแบ่งแยกว่า ...มนุษย์ที่เป็นพวกโมฆะบุรุษ
นั้นก็หมายความว่า ขาดความเข้าใจในธรรมที่พระพุทธองค์ทรงสอน
ธรรมที่พระพุทธองค์ทรงสอน มีทั้งอวิชาและวิชชา

อวิชาพระองค์ทรงสอนให้รู้ว่าอะไรเป็นวิชชาเพื่อจะได้ละอวิชา
มนุษย์ที่เป็นสัตตบุรุษ ย่อมรู้ว่าทุกสิ่งที่เกิดบนโลกใบนี้ มันเป็นปกติของมัน
เพียงแต่ท่านรู้ว่า......อย่างไหนเป็นกิเลสควรละ
อย่างไหนเป็นปัญญาควรเจริญ

ที่ผมพูดเข้าใจมั้ยโสกะ ย้ำเน้นว่า ผมเข้าใจที่คุณพูดทุกอย่าง
และผมก็รู้ด้วยว่า สิ่งที่คุณพูดเป็นเรื่องปกติ.....เพียงแต่มันเป็นกิเลส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ธ.ค. 2013, 07:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:

ดังนั้นคำพูดที่ว่า เพ้อเจ้อ นอกลู่นอกทางนั้นควรจะคืนมาเป็นของโฮฮับเสียมากว่านะครับ เพราะชอบอธิบายอะไรต่อมิอะไรเสียยืดยาว แทรกปิสุณาวาจา สัปปัปผผลาวาจาหรือแม้กระทั่งผรุสวาจาเป็นระยะๆตลอดทาง ลองย้อนกลับไปดูเรื่องที่ตนเองเขียนทั้งหมดด้วยนะครับ


มันเป็นกุศโลบายที่จะทำให้คนอื่นๆ ที่เข้ามาอ่านกระทู้ พินิจพิจารณาว่า
คนที่อ้างว่าเป็น นักปฏิบัติเป็นผู้มีสมาธิเยี่ยม สติชั้นยอด แท้จริงแล้วเขาเป็นอย่างที่พูดหรือเปล่า

คุณโสกะครับ คุณเข้ามาแสดงความเห็นในเว็บแห่งนี้
ด้วยถ่อยคำที่โฆษณาตัวเองว่าเป็นนักทำสมาธิ พูดหวานหูเที่ยวได้อนุโมทนาชาวบ้านเขาไปทั่ว

ผมเป็นเพียงต้องการให้คุณแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมา ว่าไอ้สิ่งที่คุณทำ
มันเกิดจากความเสแสร้ง สร้างภาพ ชาวบ้านเขาจะได้เอามาพิจารณาร่วมกับ
ความเห็นของคุณว่ามันน่าเชื่อถือเพียงไร.....สุดท้ายขี้โม้ เสแสร้ง


ถูกคำพูดลองใจลองภูมิเข้าหน่อย สติแตกลืมตัว คนแบบนี้หรือจะมาพูดเรียก..สมาธิ
นักปฏิบัติเขาพิจารณากายใจตนตลอดเวลา
นี่อะไรเอาคำพูดคนอื่นเขามาปรุงแต่งจนทุกข์ ไม่ได้ความแล้วครับ :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ธ.ค. 2013, 08:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2013, 19:24
โพสต์: 300

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ธ.ค. 2013, 08:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
สติแตกลืมตัว คนแบบนี้หรือจะมาพูดเรียก..สมาธิ
นักปฏิบัติเขาพิจารณากายใจตนตลอดเวลา
นี่อะไรเอาคำพูด คนอื่นเขามาปรุงแต่งจนทุกข์



ยืนยัน ว่าจริง

เวลาตัวเองว่าคนอื่น พอคนอื่นพูดกลับไป ก็จะใช้คำพูดทำนองนี้



asoka เขียน:


โฉลกธรรม
เพราะไม่รู้ จึงอยู่เช่น วัวควาย
กิน ขี้ สี่ นอน ไป เท่านี้
โกรธ โลภ หลง เต็มกาย ทั่วถ้วน
วนว่ายวัฏฏ์สุดลี้ ตราบชั่ว กัปกัลป์
จนกุศลส่งได้ เป็นคน
พบพุทธธรรมช่วยดล จิตให้
พลิกรู้สัจจ์ในตน จบแจ้ง
จึ่งจักอาจพ้นได้ ข่ายทุกข์ สงสาร


แต่ที่เขียนห้อยท้ายมานั้น กลอนมันพาไปเพราะประจวบเหมาะกับสถานะการณ์ สถานะจิตปัจจุบันพอดี




แต่ทีเวลาคนอื่นพูด ทันทีเลย มักใช้คำพูดทำนองนี้กับคนอื่น




asoka เขียน:
แฉลบไปได้แบบลนลานเลยนะคุณวลัยพร

เฉไฉไปในเรื่องอื่น ที่แกมไปด้วยปฏฺิฆะ อนิษฐารมณ์

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ธ.ค. 2013, 09:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมมา เขียน:
http://www.youtube.com/watch?v=_nWmxoXeUFo


วันพ่อบิกทู่ยังไม่พาลูกสาวไปไหว้ปู่ที่ปักษ์ใต้อีก มัวแต่หลีสาวอยู่ในม็อบ
ปะเดี๋ยวกลับบ้าน ลูกเมียหายหมดบ้าน :b32:


http://www.youtube.com/watch?v=_nWmxoXeUFo


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ธ.ค. 2013, 10:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
ธรรมมา เขียน:

วันพ่อบิกทู่ยังไม่พาลูกสาวไปไหว้ปู่ที่ปักษ์ใต้อีก มัวแต่หลีสาวอยู่ในม็อบ
ปะเดี๋ยวกลับบ้าน ลูกเมียหายหมดบ้าน



:b1: นี่พูดจริงๆนะ ไม่ใช่พูดเล่น คือ สุจริตชนคนใต้ เขาว่าพักนี้ ภาคใต้สงบเลยตั้งแต่มีม๊อบที่เมืองฟ้าอมร ฯ เนี่ย สุจริตชนรู้ว่าอะไรเป็นอะไรแต่เขาพูดไม่ได้ เขายังรู้อีกนะว่าใครพาเข้ามา :b1: :b32:

กรุงเทพราตรี (ในอดีต)

http://www.youtube.com/watch?v=xKoq8C55oS8


ธรรมะ+กฎหมายเอาพวกพวกนี้ไม่อยู่หรอก ต้องจอมพลสฤษดิ์ (ข้าพเจ้ารับผิดชอแต่เพียงผู้เดียว) เอาอยู่ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ธ.ค. 2013, 23:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
asoka เขียน:
ด่านแรกของวิปัสสนาปัญญา คือ "นาม - รูป ปริเฉทญาณ การที่รูป นามแยกรู้จากกันเป็นคนละอัน หลังจากนั้น การสังเกต พิจารณา คนคว้า วิจัย พิสูจน์ธรรมสภาวะ ที่เกิดขึ้น ในรูปนาม กาย ใจ จึงจะสามารถเกิดขึ้นได้


เลอะเทอะอีกแล้ว พอเห็นคำศัพท์ไหนวิริศมาหราหน่อย ก็อามามั่ว
ดันพูดมาได้ว่า ด่านแรก
ญานเป็นปัญญารู้......เป็นปฏิเวธ เป็นผลของการปฏิบัติ ดันพูดมาได้ว่าด่านแรก

ด่านแรกเขาเรียกว่า ปริยัติ ด่านที่สองเป็นปฏิบัติ ปฏิเวธไม่ใช่ด่านแต่มันเป็นผล
ญานเป็นส่วนของผลหรือปฏิเวธ

จะบอกให้ นามรูปปริเฉทญาน ไม่ใช่วิปัสสนา จึงไม่ใช่วิปัสสนาญาน
มันเป็นเพียงญานที่เกิดจากการกำหนดรู้ มันจึงไม่ใช่วิปัสสนาญาน
เรียกได้ว่า เป็นเพียงความรู้ที่ยังเป็นความคิดในโลกียะ


ท่านจำแนกแยกแจงญานไว้๑๖ญาน.......แต่ยังแบ่งญานที่เป็นวิปัสสนาไว้๙ญาน

ญานที่เป็นวิปัสสนามี..๙
๑. อุทยัพพยานุปัสสนาญาณ
๒. ภังคานุปัสสนาญาณ
๓. ภยตูปัฏฐานญาณ
๔. อาทีนวานุปัสสนาญาณ
๕. นิพพิทานุปัสสนาญาณ
๖. มุจจิตุกัมยตาญาณ
๗. ปฏิสังขานุปัสสนาญาณ
๘. สังขารุเปกขาญาณ
๙. สัจจานุโลมิกญาณ

s004
มั่วแล้วโฮฮับ ไม่รู้จริงแล้วมาพูด วิปัสสนาญาณ่ที่พระพุทธโกศาจารย์เมตตาแจกแจงให้นั้น มี 16 ขั้นตอน
เริ่มต้นญาณที่ 1 คือ นาม - รูป ปริเฉทญาณลองไปค้นดูให้ดีๆ

ญาณ ๑๖
ญาณที่เกิดแก่ผู้บำเพ็ญวิปัสสนาจนถึงจุดหมาย คือมรรคผลนิพพาน ๑๖ อย่าง คือ
๑. นามรูปปริจเฉทญาณ ญาณกำหนดแยกนามรูป คือปัญญากำหนดรู้เข้าใจในนามและรูป
๒. (นามรูป) ปัจจัยปริคคหญาณ ญาณกำหนดจับปัจจัยแห่งนามรูป คือปัญญากำหนดรู้ทั้งในนามและรูปว่าล้วนเกิดแต่เหตุปัจจัย
๓. สัมมสนญาณ ญาณพิจารณานามรูปโดยไตรลักษณ์
๔. - ๑๒. ตรงกับวิปัสสนาญาณ ๙
๑๓. โคตรภูญาณ ญาณครอบโคตรคือหัวต่อที่ข้ามพ้นภาวะปุถุชน
๑๔. มรรคญาณ(มัคคญาณ) ญาณในอริยมรรค เช่น โสดาปัตติมรรค
๑๕. ผลญาณ ญาณในอริยผล เช่น โสดาปัตติผล เป็นพระโสดาบัน
๑๖. ปัจจเวกขณญาณ ญาณที่พิจารณาทบทวน
ญาณ ๑๖ นี้เรียกเลียนคำบาลีว่า โสฬสญาณ หรือ เรียกกึ่งไทยว่า ญาณโสฬส

โฮฮับรู้แต่ความหมายที่แปลตามตัวหนังสือ แต่เมื่อสัมผัสสภาวะที่เกิดขึ้นจริงๆในกายและจิตเป็นอย่างไร น่าจะไม่เคยได้รู้ จึงจึงไม่เห็นความสำคัญของ นาม-รูป ปริเฉทญาณ แถมยังพาลมากล่าวตู่ ดูถูกดูหมิ่นผู้อื่น

แค่ญาณที่ 1 ของวิปัสสนาญาณ 16 ยังไม่รู้ ยังบอกว่าไม่ใช่วิปัสสนาภาวนา

มีเวลาให้หาโอกาสไปเยี่ยมกราบครูบาอาจารย์ที่ท่านสอนวิปัสสนากรรมฐานแบบ พองหนอ ยุบหนอ ว่า

นาม - รูป ปริเฉทญาณนี่มันสำคัญยังไงสำหรับการเจริญวิปัสสนาภาวนา....อย่ามานั่งเทียน ยกเมฆเอาเองแล้วพูดออกไปอายเขา
s005
huh


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ธ.ค. 2013, 23:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
asoka เขียน:

ดังนั้นคำพูดที่ว่า เพ้อเจ้อ นอกลู่นอกทางนั้นควรจะคืนมาเป็นของโฮฮับเสียมากว่านะครับ เพราะชอบอธิบายอะไรต่อมิอะไรเสียยืดยาว แทรกปิสุณาวาจา สัปปัปผผลาวาจาหรือแม้กระทั่งผรุสวาจาเป็นระยะๆตลอดทาง ลองย้อนกลับไปดูเรื่องที่ตนเองเขียนทั้งหมดด้วยนะครับ


มันเป็นกุศโลบายที่จะทำให้คนอื่นๆ ที่เข้ามาอ่านกระทู้ พินิจพิจารณาว่า
คนที่อ้างว่าเป็น นักปฏิบัติเป็นผู้มีสมาธิเยี่ยม สติชั้นยอด แท้จริงแล้วเขาเป็นอย่างที่พูดหรือเปล่า

คุณโสกะครับ คุณเข้ามาแสดงความเห็นในเว็บแห่งนี้
ด้วยถ่อยคำที่โฆษณาตัวเองว่าเป็นนักทำสมาธิ พูดหวานหูเที่ยวได้อนุโมทนาชาวบ้านเขาไปทั่ว

ผมเป็นเพียงต้องการให้คุณแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมา ว่าไอ้สิ่งที่คุณทำ
มันเกิดจากความเสแสร้ง สร้างภาพ ชาวบ้านเขาจะได้เอามาพิจารณาร่วมกับ
ความเห็นของคุณว่ามันน่าเชื่อถือเพียงไร.....สุดท้ายขี้โม้ เสแสร้ง


ถูกคำพูดลองใจลองภูมิเข้าหน่อย สติแตกลืมตัว คนแบบนี้หรือจะมาพูดเรียก..สมาธิ
นักปฏิบัติเขาพิจารณากายใจตนตลอดเวลา
นี่อะไรเอาคำพูดคนอื่นเขามาปรุงแต่งจนทุกข์ ไม่ได้ความแล้วครับ :b32:

:b34: :b34:
โฮฮับเคยไปเห็นชีวิตประจำวันของอโศกะแล้วหรือ จึงมาตัดสินว่าอโศกะเสแสร้งสร้างภาพ

ถามหน่อยว่าโฮฮับเจริญวิปัสสนาภาวนาวันละกี่ชั่วโมง ถึงได้มาอวดตัวเหมือนเป็นผู้รู้ธรรมะภาคปฏิบัติมาอย่างเชี่ยวชาญ

อโศกะเชิญชวนให้สนใจสังเกตพิจารณาปรากฏการณ์ในกายและจิตอย่าง ลมหายใจ หัวใจเต้น ชีพจร กระแสสั่นสะเทือนในร่างกาย มันไปอยู่นอกคำพูดของโฮฮับที่ว่า

นักปฏิบัติเขาพิจารณากายใจตนตลอดเวลา

ตรงไหน

ถ้าใครสักคนที่ไม่มากด้วยอัตตะและมานะทิฏฐิจะลองฝึกหัดสังเกตลมหายใจ หัวใจเต้น ชีพจร กระแสสั่นสะเทือนในร่างกาย ดังกล่าว เขาจะได้พบความจริงที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์ทั้งในทางโลกและทางธรรมต่อการปฏิบัติธรรมและการใช้ชีวิตในโลกไปข้างหน้าอย่างมากมายนัก เขาจะเกิดความสนุก เพลิดเพลินกับงานค้นคว้า วิจัย วิจารณืเข้าไปใน รูป-นาม กาย ใจ ซึ่งมันจะกลายเป็นการเจริญวิปัสสนาภาวนาไปโดยธรรมชาติ

สำหรับโฮฮับ คงหมดโอกาสแล้วที่จะได้ทดสอบความจริงในกายดังที่อโศกะแนะนำนี้ เพราะอัตตะและมานะทิฏฐิมันค้ำคอไว้เสียแล้ว น่าเสียดายโอกาสของชีวิต


:b7:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ธ.ค. 2013, 07:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
[
มั่วแล้วโฮฮับ ไม่รู้จริงแล้วมาพูด วิปัสสนาญาณ่ที่พระพุทธโกศาจารย์เมตตาแจกแจงให้นั้น มี 16 ขั้นตอน
เริ่มต้นญาณที่ 1 คือ นาม - รูป ปริเฉทญาณลองไปค้นดูให้ดีๆ

ญาณ ๑๖
ญาณที่เกิดแก่ผู้บำเพ็ญวิปัสสนาจนถึงจุดหมาย คือมรรคผลนิพพาน ๑๖ อย่าง คือ
๑. นามรูปปริจเฉทญาณ ญาณกำหนดแยกนามรูป คือปัญญากำหนดรู้เข้าใจในนามและรูป
๒. (นามรูป) ปัจจัยปริคคหญาณ ญาณกำหนดจับปัจจัยแห่งนามรูป คือปัญญากำหนดรู้ทั้งในนามและรูปว่าล้วนเกิดแต่เหตุปัจจัย
๓. สัมมสนญาณ ญาณพิจารณานามรูปโดยไตรลักษณ์


๔. - ๑๒. ตรงกับวิปัสสนาญาณ ๙

๑๓. โคตรภูญาณ ญาณครอบโคตรคือหัวต่อที่ข้ามพ้นภาวะปุถุชน
๑๔. มรรคญาณ(มัคคญาณ) ญาณในอริยมรรค เช่น โสดาปัตติมรรค
๑๕. ผลญาณ ญาณในอริยผล เช่น โสดาปัตติผล เป็นพระโสดาบัน
๑๖. ปัจจเวกขณญาณ ญาณที่พิจารณาทบทวน
ญาณ ๑๖ นี้เรียกเลียนคำบาลีว่า โสฬสญาณ หรือ เรียกกึ่งไทยว่า ญาณโสฬส

โฮฮับรู้แต่ความหมายที่แปลตามตัวหนังสือ แต่เมื่อสัมผัสสภาวะที่เกิดขึ้นจริงๆในกายและจิตเป็นอย่างไร น่าจะไม่เคยได้รู้ จึงจึงไม่เห็นความสำคัญของ นาม-รูป ปริเฉทญาณ แถมยังพาลมากล่าวตู่ ดูถูกดูหมิ่นผู้อื่น


ผมว่าโสกะเลิกโม้ได้แล้ว อย่าหาว่าผมไร้มรรยาทเลยครับ คุณโสกะไม่ได้เรื่องสักอย่าง
ไม่ต้องพูดถึงทางธรรมแค่ทางโลก แค่ตัวหนังสือภาษาไทย คุณยังไม่รู้เรื่อง

คุณกับอาจารย์ของคุณเหมือนเป็นพิมพ์เดียวกัน อาจารย์คุณลอกพระอภิธัมมัตถสังคหะ
แล้วก็เอาไปทำปูยี่ปูย้ำ จนพระอภิธัมฯผิดเพี้ยน

ส่วนคุณหนักกว่านั้น ไม่มีความรู้ทางภาษาแถมขาดสติสมาธิในการอ่านหนังสือ

คุณโสกะ เนื้อหาที่คุณเอามาอ้างอิงนั้นน่ะ ใครเขาก็รู้ว่าคุณไปลอก วิกีพีเดียมา
เรื่องแบบนี้ไม่ว่ากันอยู่แล้ว แต่มันมีสิ่งที่ต้องว่ากล่าว นั้นก็คือคุณเอามาอ้าง
แบบขาดจิตสำนึก คุณทำให้เนื้อหาของเจ้าของบทความผิดเพี้ยน

โสกะกลับไปดูข้อความที่คุณเอามาอ้างใหม่
มันจะมีในส่วนข้อ๔ถึงข้อ๑๒ เขาเน้นไว้ว่า......"มันเป็นวิปัสสนาญาน๙"
กรุณากลับไปเบิ่งตามองใหม่


เบิ่งแล้ว......หันบ่หันน่ะก่าก๊า :b32:


แล้วจะย้ำอีกหลายๆครั้งน่ะว่า........ญานเป็นผลของการปฏิบัติ
วิปัสสนา......เป็นการปฏิบัติ
ถ้าจะแบ่งตามหลักธรรม......นั้นก็คือ วิปัสสนาคือปฏิบัติ
ญานคือปฏิเวธ
......เข้าใจมั้ยโสกะ


"อุ๊ยโสกะบ่ใจ้คนเมืองแต๊ก๊อ"

ถึงได้ไม่เข้าใจภาษาที่คนเมืองเข้าใช้กัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ธ.ค. 2013, 07:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
โฮฮับเคยไปเห็นชีวิตประจำวันของอโศกะแล้วหรือ จึงมาตัดสินว่าอโศกะเสแสร้งสร้างภาพ


ก็เห็นคุณแสดงออกในเว็บแห่งนี้ เห็นคุณตั้งแต่คุณใช้ล็อกอินว่า ..อนัตตาธรรม
แล้วก็เปลี่ยนมาเป็น ASOKA จนมาถึงอโศกะนี่แหล่ะ

คุณคิดว่า การเปลี่ยนล็อกอินใหม่แล้วคนจะจำไม่ได้ คนที่เสแสร้งแกล้งทำ
ทำอะไรที่ฝืนกับความรู้สึกตัวเองมันดูง่ายจะตาย พอหลงเข้าหน่อย ธาตุแท้มันก็พรั่งพรู

เรื่องที่คุณเสแสร้งสร้างภาพหรือเปล่า มันไม่ใช่คุณหรือผมจะมาบอกว่า...
มันจริงหรือไม่จริง เพราะคุณกับผมเป็นคู่กรณีกัน เรื่องนี้ชาวบ้านเขาจะตัดสินเอง

ผมจะสอนคุณให้ การที่คนอื่นเขามาเพ่งโทษกล่าวหาเรา แทนที่จะตีโพยที่พาย
ผมว่าคุณไปหาเหตุผลในธรรมมาโต้แย้งกับเขา สิ่งนี้มันยังลบคำสบประมาทเขาได้

แต่นี่คุณดีดดิ้นหนักเอะอะโวยวายขาดสติ แบบนี้ใครๆเข้าก็ต้องตัดสินว่า
สิ่งที่ผมว่าคุณมันเป็นเรื่องจริง
:b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ธ.ค. 2013, 08:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
[
ถามหน่อยว่าโฮฮับเจริญวิปัสสนาภาวนาวันละกี่ชั่วโมง ถึงได้มาอวดตัวเหมือนเป็นผู้รู้ธรรมะภาคปฏิบัติมาอย่างเชี่ยวชาญ

อโศกะเชิญชวนให้สนใจสังเกตพิจารณาปรากฏการณ์ในกายและจิตอย่าง ลมหายใจ หัวใจเต้น ชีพจร กระแสสั่นสะเทือนในร่างกาย มันไปอยู่นอกคำพูดของโฮฮับที่ว่า

นักปฏิบัติเขาพิจารณากายใจตนตลอดเวลา

ตรงไหน:


ผมพิจารณากายใจ ตลอดทั้งวัน ตั้งแต่ตื่นจนหลับนั้นแหล่ะ
วันทั้งวันผมอยู่ด้วยองค์ธรรมแห่งอินทรีย์๕

ผมจะไม่ว่าคุณเลย ถ้าคุณมาชวนคนปฏิบัติในแนวทางที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรมอันเป็น
พระธรรมของพระพุทธเจ้า
หรือถ้าคุณจะมาชวนเขาปฏิบัติ แต่ต้องเน้นบอกเขาไปเลยว่า...เป็นแนวทางเฉพาะ
ของอาจารย์คุณเอง ไม่เกี่ยวกับพุทธเจ้า

นี่คุณเอาพระพุทธเจ้ามาอ้าง เอาพระอภิธรรมมาเปลี่ยนแปลงแก้ไขจนผิดเพี้ยน
ผู้รู้หรือกัลยาณมิตรเห็นเข้า มันก็ต้องบอกกล่าวตำหนิติติงกันบ้าง....เป็นการเตือนสติ


asoka เขียน:
ถ้าใครสักคนที่ไม่มากด้วยอัตตะและมานะทิฏฐิจะลองฝึกหัดสังเกตลมหายใจ หัวใจเต้น ชีพจร กระแสสั่นสะเทือนในร่างกาย ดังกล่าว เขาจะได้พบความจริงที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์ทั้งในทางโลกและทางธรรมต่อการปฏิบัติธรรมและการใช้ชีวิตในโลกไปข้างหน้าอย่างมากมายนัก เขาจะเกิดความสนุก เพลิดเพลินกับงานค้นคว้า วิจัย วิจารณืเข้าไปใน รูป-นาม กาย ใจ ซึ่งมันจะกลายเป็นการเจริญวิปัสสนาภาวนาไปโดยธรรมชาติ

สำหรับโฮฮับ คงหมดโอกาสแล้วที่จะได้ทดสอบความจริงในกายดังที่อโศกะแนะนำนี้ เพราะอัตตะและมานะทิฏฐิมันค้ำคอไว้เสียแล้ว น่าเสียดายโอกาสของชีวิต


มันจะหมดโอกาสบ้าบออะไรของคุณครับ ก็บอกแล้วไงว่า...
ชาวบ้านเขาเคยผ่านมีประสบการณ์มาก่อน
ถามครับคุณเคยอ่านความเห็นของคู่สสนทนาหรือเปล่า มาย้ำคิดย้ำพูดว่าอีกฝ่ายไม่รู้
ไม่รู้เขาจะอธิบายซะยืดยาวและยกเอาคำของพระพุทธองค์มาอ้างอิงได้หรือ

โสกะเอ๋ย อยากจะต่อว่าเขา ยังมิวายเสแสร้งสร้างภาพ ชอบโหนพระธรรม
ดึงพระธรรมลงต่ำด้วยการ เอามาเป็นเครื่องมือด่าว่าคน.....
ปู่โถ่เอ๊ย! คนอะไรเขาเตือนแล้วก็ไม่ฟัง ดันมาว่าเขามีมานะทิฐิ.

อยากจะบ้าตายกับโสกะจริงๆ :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ธ.ค. 2013, 08:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:


เรื่องทำสมาธิ หรือเจริญวิปัสสนาถึงที่สุดแล้ว สามารถอยู่ได้โดยไม่หายใจเป็นอย่างไร ได้อธิบายไว้แล้วในกระทู้หลัก



กระทู้โน้นไม่ได้ถาม ขอถามตรงนี้นิดนึ่ง การทำสมาธิเจริญปัญญาเนี่ย ทำเพื่อไม่หายใจกันหรือครับ :b10: :b14:



ทำสมาธิ หรือเจริญวิปัสสนาถึงที่สุดแล้ว สามารถอยู่ได้โดยไม่หายใจเป็นอย่างไร

คุณอโศกขอรับ ช่วยตอบที ตกลงที่พวกเราทำสมถะวิปัสสนากันเนี่ย จุดหมายปลายทางคือการไม่หายใจกันหรือครับ :b10:


ไปเห็นมาแปลกดีจึงเล่าสู่กันฟัง :b1: ไม่ใช่ไม่หายใจนะว่า "จิตระเบิด" บ้างก็ว่า "ระเบิดขันธ์ห้า" รู้สึกงงๆกับสมถะวิปัสสนายุคดิิจิตัลนะ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ธ.ค. 2013, 23:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
asoka เขียน:
โฮฮับเคยไปเห็นชีวิตประจำวันของอโศกะแล้วหรือ จึงมาตัดสินว่าอโศกะเสแสร้งสร้างภาพ


ก็เห็นคุณแสดงออกในเว็บแห่งนี้ เห็นคุณตั้งแต่คุณใช้ล็อกอินว่า ..อนัตตาธรรม
แล้วก็เปลี่ยนมาเป็น ASOKA จนมาถึงอโศกะนี่แหล่ะ

คุณคิดว่า การเปลี่ยนล็อกอินใหม่แล้วคนจะจำไม่ได้ คนที่เสแสร้งแกล้งทำ
ทำอะไรที่ฝืนกับความรู้สึกตัวเองมันดูง่ายจะตาย พอหลงเข้าหน่อย ธาตุแท้มันก็พรั่งพรู

เรื่องที่คุณเสแสร้งสร้างภาพหรือเปล่า มันไม่ใช่คุณหรือผมจะมาบอกว่า...
มันจริงหรือไม่จริง เพราะคุณกับผมเป็นคู่กรณีกัน เรื่องนี้ชาวบ้านเขาจะตัดสินเอง

ผมจะสอนคุณให้ การที่คนอื่นเขามาเพ่งโทษกล่าวหาเรา แทนที่จะตีโพยที่พาย
ผมว่าคุณไปหาเหตุผลในธรรมมาโต้แย้งกับเขา สิ่งนี้มันยังลบคำสบประมาทเขาได้

แต่นี่คุณดีดดิ้นหนักเอะอะโวยวายขาดสติ แบบนี้ใครๆเข้าก็ต้องตัดสินว่า
สิ่งที่ผมว่าคุณมันเป็นเรื่องจริง
:b13:

Onion_L
โฮฮับนี่กล้าแสดงความเป็นพาลชนของตนสู่สาธารณะจริงๆ

บอกเหตุผลแล้วว่า ลืมพาสเวิร์ด เข้าเวบไม่ได้ จึงเปลี่ยนชื่อใหม่ ของมันลืมกันได้
ไม่มีเจตนาเพื่อตลบแตลงหลอกลวงผู้คนเหมือนอย่างโฮฮับที่บิดเบือนธรรมด้วยความรู้ผิด เห็นผิด เข้าใจผิด

เรื่องการจะตัดสินให้ใครอยุ่ระดับอะไรเป็นระบบและวิธีการของท่่านผู้รักษาลานและคณะทำงาน ผมไม่ไปรู้เรื่องกับท่่าน ผมเชื่อและเคารพในวินิจฉัยของท่านผู้ทรงคุณวุฒิแห่งลานธรรมจักร สมาชิกจะลืมพาสเวิร์ดแล้วมาสมัครในชื่อใหม่ แต่ท่านยังนับจำนวนโพสสต์กระทู้สะสมต่อเนื่องไปเรื่อยๆก็เป็นระบบของท่่าน ผมมิได้ไปยุ่งเกี่ยวใช้เส้นอะไร โฮฮับแขวะผมนี่ก็คล้ายตีวัวกระทบคราดไปถึงคณะทำงานด้วยโดยไม่รู้ตัว เพราะโมหะ อัตติมานะและอหังการปิดบังตา

ไม่เหมือนโฮฮับที่เอาเรื่องนี้มาเล่นซ้ำแล้วซ้ำอีกโดยหวังว่าจะได้เป็นการประจานอโศกะว่าปลิ้นปล้อนหลอกลวง
แต่มันเข้าเนื้อคุณโฮฮับเองทุกวันนะ ระวังให้ดี หยิกเล็บก็เจ็บเนื้อ

เลิกชักใบให้เรือเสีย มาสนทนากันแต่เนื้อธรรมให้ตรงตามหัวข้อกระทู้จะไม่ดีกว่าหรือครับโฮฮับ ปรับปรุงนิสัยเสียใหม่ให้ดีดีกว่านะครับลานธรรมจักรนี้จะได้สงบ ร่มเย็น

:b34: :b34: :b34:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 65 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร