วันเวลาปัจจุบัน 02 พ.ค. 2025, 03:16  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 73 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ต.ค. 2013, 07:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
amazing เขียน:
asoka เขียน:
Onion_L
Amazing
สัพเพธัมมา อนิจจัง. ทุกขัง. อนัตตา
:b8:
อ้างอย่างนี้ ไม่ได้และไม่ถูกต้องด้วยนะครับ อาจถือเป็นการบิดเบือนพุทธวัจจนะด้วยก็ได้ เพราะความไม่ละเอียดอ่อนในสภาวะของเราเอง

พุทธวัจจนะ ในบทสวดมนต์แปลที่เราสวดตอนทำวัตรเช้ากัน กล่าวว่า

"สัพเพสังขารา อนิจจา.... สัพเพสังขารา ทุกขา..... สัพเพธัมมา อนัตตา ติ"

โปรดพิจารณาให้ดีๆ

มีธรรมหลายอย่างที่อยู่เหนือกฏของ อนิจจังและทุกขัง......คุณ Amazing ก็พูดถึงอยู่ไม่ใช่หรือ?
เพราะฉะนั้น

"สัพเพธัมมา ไม่ใช่ อนิจจัง กับทุกขัง"........สังขารธรรมเท่านั้นที่เป็น อนิจจังและทุกขัง นะครับ

tongue

ท่านอโศกะ ท่านดูคำถามก่อนเขาถามผมว่าสังขตะธรรมนั้นคืออะไร ผมก็บอกว่าสัพเพธรรมา(ธรรมทังหมดทุรกอย่าง)และก็แยกเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา. ส่วนท่านจะแยกธรรมทั้งหลายให้พิศดารอย่างไรก็ทำได้


:b12: :b12:
เอาปัจจุบันจริงๆ ดูเฉพาะประโยคที่คุณAmazingเขียน

สัพเพธัมมา อนิจจัง. ทุกขัง. อนัตตา

พูดอย่างนี้โดยไม่มีคำอธิบาย จะผิดสภาวธรรมครับ
onion
ผมว่าชัดเจนนครับ. สภาพธรรมทั้งหลายถ้าไม่แยกก็จะเป็นอย่างนั้น เพราะไตรลัษณะเป็นลักษณะของธรรมทั้งหมด


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ต.ค. 2013, 08:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b16:
คุณAmazing ต้องพิจารณาคำพูดตอนนี้ของคุณให้ดีๆนะครับ

amazing เขียน:
ทุกวันนี้มีแต่คนเห็นการเกิดๆๆๆๆๆน้อยคนที่จะเห็นการดับ ถ้าใครเห็นความดับก็จะค่อยๆไถ่ถอนอุปทานในขันธ์ได้ จนเข้าถึงความไม่เกิดไม่ดับ จึงดับอุปทานในขันธ์ได้อย่างแน่นอน

จนเข้าถึงความไม่เกิดไม่ดับ

สภาวธรรมอย่างนี้มีอยู่ในสัพเพธัมมา ด้วยนะครับ
:b12: :b12: :b12:

อ้างคำพูด:
เพราะไตรลัษณะเป็นลักษณะของธรรมทั้งหมด


คำพูดอย่างนี้ไม่ใช่ธรรม

ต้องพูดว่า

เพราะไตรลักษณะเป็นลักษณะของ สังขารธรรม
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ต.ค. 2013, 09:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เราถกเถียงกันเพราะศัพท์ที่เขาบัญญัติขึ้นใช้สื่อถึงสภาวะธรรมชาติมามากโขแล้ว ไปไกลเกินไปแล้ว เอาของจริงธรรมะจริงๆเห็นๆปรากฏต่อหน้าต่อตาบ้าง นี่




อเมสซิ่ง คุณอโศกครับ จะแก้ปัญหานี้ด้วยวิธีใด ช่วยๆกันครับ :b1:


สัพเพ ธัมมา .... ทำไปยกไว้ก่อน เอาธรรมาจริงๆเห็นๆก่อน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ต.ค. 2013, 09:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าใครแก้ปัญหานี้ไม่ไ้ด้ไม่ควรไปตั้งสำนักสอนวิปัสสนา หรือในชื่ออื่นใดก็ตาม :b8:

ลงชื่อ

นายกรัชกาย (ในที่นี้ไม่ไ้ด้บัญญัตินามสกุลใช้ :b32: ) 14 ต.ค.56 เวลา 9.55 น.

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ต.ค. 2013, 11:54 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เราถกเถียงกันเพราะศัพท์ที่เขาบัญญัติขึ้นใช้สื่อถึงสภาวะธรรมชาติมามากโขแล้ว ไปไกลเกินไปแล้ว เอาของจริงธรรมะจริงๆเห็นๆปรากฏต่อหน้าต่อตาบ้าง นี่




อเมสซิ่ง คุณอโศกครับ จะแก้ปัญหานี้ด้วยวิธีใด ช่วยๆกันครับ :b1:


สัพเพ ธัมมา .... ทำไปยกไว้ก่อน เอาธรรมาจริงๆเห็นๆก่อน
เปิคไม่ออกหรอกแต่เดาๆมันเกี่ยวอะไรกับผมอะกักกาย. มันแก้อะไรได้ล่ะความเห็นผิด. พระพุทธก็ทรงพล้ำสอนอยู่ทุกวันตลอด45ปี จนท่านดับขันธ์จากเราไป ก็มีบ้างทั้งคนเห็นถูกคนที่เห็นผิดแม้แต่กัดกายเองก็ยังเห็นผิดเลย กัดกายจะบอกว่านี่ความรู้อย่างฉันมันถุกต้องเรียนอย่างนี้. ไม่มีใครปฎิเสธความรู้หรกแต่นั้นมันแค่แผนที่กานเดินทางเท่านั้น กัดกายกอดแนที่ไว้อย่างเดียวจะถึงมั้ยเชียงใหม่นะเจ๊า!


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ต.ค. 2013, 12:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b16:
คุณAmazing ต้องพิจารณาคำพูดตอนนี้ของคุณให้ดีๆนะครับ

amazing เขียน:
ทุกวันนี้มีแต่คนเห็นการเกิดๆๆๆๆๆน้อยคนที่จะเห็นการดับ ถ้าใครเห็นความดับก็จะค่อยๆไถ่ถอนอุปทานในขันธ์ได้ จนเข้าถึงความไม่เกิดไม่ดับ จึงดับอุปทานในขันธ์ได้อย่างแน่นอน

จนเข้าถึงความไม่เกิดไม่ดับ

สภาวธรรมอย่างนี้มีอยู่ในสัพเพธัมมา ด้วยนะครับ
:b12: :b12: :b12:

อ้างคำพูด:
เพราะไตรลัษณะเป็นลักษณะของธรรมทั้งหมด


คำพูดอย่างนี้ไม่ใช่ธรรม

ต้องพูดว่า

เพราะไตรลักษณะเป็นลักษณะของ สังขารธรรม
onion onion onion

๓. อนิจจสูตร
ว่าด้วยสิ่งที่เป็นอนิจจัง
[๓๗๙] พระนครสาวัตถี. ท่านพระราธะได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์
ผู้เจริญ ที่เรียกว่า อนิจจัง อนิจจัง ดังนี้ อะไรหนอเป็นอนิจจัง? พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
ดูกรราธะ รูปเป็นอนิจจัง เวทนาเป็นอนิจจัง สัญญาเป็นอนิจจัง สังขารเป็นอนิจจัง วิญญาณ
เป็นอนิจจัง. ดูกรราธะ อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ฯลฯ กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้
มิได้มี.
จบ สูตรที่ ๓.
๔. อนิจจธัมมสูตร
ว่าด้วยสิ่งที่เป็นอนิจจธรรม
[๓๘๐] พระนครสาวัตถี. ท่านพระราธะได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์
ผู้เจริญ ที่เรียกว่า อนิจจธรรม อนิจจธรรม ดังนี้ อะไรหนอเป็นอนิจจธรรม? พระผู้มีพระภาค
ตรัสตอบว่า รูปเป็นอนิจจธรรม เวทนาเป็นอนิจจธรรม สัญญาเป็นอนิจจธรรม สังขารเป็น
อนิจจธรรม ดูกรราธะ อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ฯลฯ กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้
มิได้มี.
จบ สูตรที่ ๔.
๕. ทุกขสูตร
ว่าด้วยสิ่งที่เป็นทุกข์
[๓๘๑] พระนครสาวัตถี. ท่านพระราธะได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์
ผู้เจริญ ที่เรียกว่า ทุกข์ ทุกข์ ดังนี้ อะไรหนอเป็นทุกข์? พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกร
ราธะ รูปเป็นทุกข์ เวทนาเป็นทุกข์ สัญญาเป็นทุกข์ สังขารเป็นทุกข์ วิญญาณเป็นทุกข์. ดูกร
ราธะ อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ฯลฯ กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.
จบ สูตรที่ ๕. ๖. ทุกขธัมมสูตร
ว่าด้วยสิ่งที่เป็นทุกขธรรม
[๓๘๒] พระนครสาวัตถี. ท่านพระราธะได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้
เจริญ ที่เรียกว่า ทุกขธรรม ทุกขธรรม ดังนี้ อะไรหนอเป็นทุกขธรรม? พระผู้มีพระภาค
ตรัสตอบว่า ดูกรราธะ รูปเป็นทุกขธรรม เวทนาเป็นทุกขธรรม สัญญาเป็นทุกขธรรม สังขาร
เป็นทุกขธรรมวิญญาณเป็นทุกขธรรม. ดูกรราธะ อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ฯลฯ
กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.
จบ สูตรที่ ๖.
๗. อนัตตาสูตร
ว่าด้วยสิ่งที่เป็นอนัตตา
[๓๘๓] พระนครสาวัตถี. ท่านพระราธะได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์
ผู้เจริญ ที่เรียกว่า อนัตตา อนัตตา ดังนี้ อะไรหนอเป็นอนัตตา? พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
ดูกรราธะ รูปเป็นอนัตตา เวทนาเป็นอนัตตา สัญญาเป็นอนัตตา สังขารเป็นอนัตตา วิญญาณ
เป็นอนัตตา ดูกรราธะ อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ฯลฯ กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้
มิได้มี.
จบ สูตรที่ ๗.
๘. อนัตตธัมมสูตร
ว่าด้วยสิ่งที่เป็นอนัตตธรรม
[๓๘๔] พระนครสาวัตถี. ท่านพระราธะได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์
ผู้เจริญ ที่เรียกว่า อนัตตธรรม อนัตตธรรม ดังนี้ อะไรหนอเป็นอนัตตธรรม? พระผู้มี
พระภาคตรัสตอบว่า ดูกรราธะ รูปเป็นอนัตตธรรม เวทนาเป็นอนัตตธรรม สัญญาเป็นอนัตต -ธรรม สังขารเป็นอนัตตธรรม วิญญาณเป็นอนัตตธรรม. ดูกรราธะ อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ต.ค. 2013, 12:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เราถกเถียงกันเพราะศัพท์ที่เขาบัญญัติขึ้นใช้สื่อถึงสภาวะธรรมชาติมามากโขแล้ว ไปไกลเกินไปแล้ว เอาของจริงธรรมะจริงๆเห็นๆปรากฏต่อหน้าต่อตาบ้าง นี่




อเมสซิ่ง คุณอโศกครับ จะแก้ปัญหานี้ด้วยวิธีใด ช่วยๆกันครับ :b1:


สัพเพ ธัมมา .... ทำไปยกไว้ก่อน เอาธรรมาจริงๆเห็นๆก่อน


เปิคไม่ออกหรอกแต่เดาๆมันเกี่ยวอะไรกับผมอะกักกาย. มันแก้อะไรได้ล่ะความเห็นผิด. พระพุทธก็ทรงพล้ำสอนอยู่ทุกวันตลอด45ปี จนท่านดับขันธ์จากเราไป ก็มีบ้างทั้งคนเห็นถูกคนที่เห็นผิด แม้แต่กัดกายเองก็ยังเห็นผิดเลย กัดกายจะบอกว่านี่ความรู้อย่างฉันมันถุกต้องเรียนอย่างนี้. ไม่มีใครปฎิเสธความรู้หรกแต่นั้นมันแค่แผนที่กานเดินทางเท่านั้น กัดกายกอดแนที่ไว้อย่างเดียวจะถึงมั้ยเชียงใหม่นะเจ๊า!



ว่าเข้าไปนั่น :b9: ด้วยต้องการให้ดูธรรมะที่คน คน (หมดทั้งเนื้อทั้งตัว) คือธรรมะ ธรรมะคือคนทุกๆคนในโลกนี้ (และโลกหน้าถ้ามี) จึงนำธรรมะคนมาให้ดูใกล้ๆ แล้วถามว่า ถ้าธรรมะเกิดเช่นนั้นแล้วจะแก้ไขยังไง ส่วนปัจเจกชนจะคิดมองหาธรรมะที่ไหนกันก็แล้วแต่เป็นสิทธิส่วนบุคคล...

ข้อความที่ขีดเส้นใต้ เหมือนกัลยาณมิตรชี้ขุมทรัพย์ให้นะครับ บอกทีครับ ว่ากรัชกายเห็นผิดข้อธรรมใด อาจเป็นอย่างที่ amazing สังเกตเห็นก็ไ้ด้ ช่วยชี้บอกมิจฉาทิฏฐิ (ความเห็นผิด) นั่นให้ด้วยครับ จะไ้ด้แก้ไขปรับปรุงตัวเพื่อให้อยู่ร่วมในสังคมนี้ไ้ด้ :b8: :b38:


ต้องการความเห็นจากคุณอโศกบ้าง คห.เดียวกันนั่นแหละขอรับ :b8: :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 14 ต.ค. 2013, 13:01, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ต.ค. 2013, 12:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
asoka เขียน:
:b16:
คุณAmazing ต้องพิจารณาคำพูดตอนนี้ของคุณให้ดีๆนะครับ

amazing เขียน:
ทุกวันนี้มีแต่คนเห็นการเกิดๆๆๆๆๆน้อยคนที่จะเห็นการดับ ถ้าใครเห็นความดับก็จะค่อยๆไถ่ถอนอุปทานในขันธ์ได้ จนเข้าถึงความไม่เกิดไม่ดับ จึงดับอุปทานในขันธ์ได้อย่างแน่นอน

จนเข้าถึงความไม่เกิดไม่ดับ

สภาวธรรมอย่างนี้มีอยู่ในสัพเพธัมมา ด้วยนะครับ
:b12: :b12: :b12:

อ้างคำพูด:
เพราะไตรลัษณะเป็นลักษณะของธรรมทั้งหมด


คำพูดอย่างนี้ไม่ใช่ธรรม

ต้องพูดว่า

เพราะไตรลักษณะเป็นลักษณะของ สังขารธรรม
onion onion onion

๓. อนิจจสูตร
ว่าด้วยสิ่งที่เป็นอนิจจัง
[๓๗๙] พระนครสาวัตถี. ท่านพระราธะได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์
ผู้เจริญ ที่เรียกว่า อนิจจัง อนิจจัง ดังนี้ อะไรหนอเป็นอนิจจัง? พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
ดูกรราธะ รูปเป็นอนิจจัง เวทนาเป็นอนิจจัง สัญญาเป็นอนิจจัง สังขารเป็นอนิจจัง วิญญาณ
เป็นอนิจจัง. ดูกรราธะ อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ฯลฯ กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้
มิได้มี.
จบ สูตรที่ ๓.
๔. อนิจจธัมมสูตร
ว่าด้วยสิ่งที่เป็นอนิจจธรรม
[๓๘๐] พระนครสาวัตถี. ท่านพระราธะได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์
ผู้เจริญ ที่เรียกว่า อนิจจธรรม อนิจจธรรม ดังนี้ อะไรหนอเป็นอนิจจธรรม? พระผู้มีพระภาค
ตรัสตอบว่า รูปเป็นอนิจจธรรม เวทนาเป็นอนิจจธรรม สัญญาเป็นอนิจจธรรม สังขารเป็น
อนิจจธรรม ดูกรราธะ อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ฯลฯ กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้
มิได้มี.
จบ สูตรที่ ๔.
๕. ทุกขสูตร
ว่าด้วยสิ่งที่เป็นทุกข์
[๓๘๑] พระนครสาวัตถี. ท่านพระราธะได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์
ผู้เจริญ ที่เรียกว่า ทุกข์ ทุกข์ ดังนี้ อะไรหนอเป็นทุกข์? พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกร
ราธะ รูปเป็นทุกข์ เวทนาเป็นทุกข์ สัญญาเป็นทุกข์ สังขารเป็นทุกข์ วิญญาณเป็นทุกข์. ดูกร
ราธะ อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ฯลฯ กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.
จบ สูตรที่ ๕. ๖. ทุกขธัมมสูตร
ว่าด้วยสิ่งที่เป็นทุกขธรรม
[๓๘๒] พระนครสาวัตถี. ท่านพระราธะได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้
เจริญ ที่เรียกว่า ทุกขธรรม ทุกขธรรม ดังนี้ อะไรหนอเป็นทุกขธรรม? พระผู้มีพระภาค
ตรัสตอบว่า ดูกรราธะ รูปเป็นทุกขธรรม เวทนาเป็นทุกขธรรม สัญญาเป็นทุกขธรรม สังขาร
เป็นทุกขธรรมวิญญาณเป็นทุกขธรรม. ดูกรราธะ อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ฯลฯ
กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.
จบ สูตรที่ ๖.
๗. อนัตตาสูตร
ว่าด้วยสิ่งที่เป็นอนัตตา
[๓๘๓] พระนครสาวัตถี. ท่านพระราธะได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์
ผู้เจริญ ที่เรียกว่า อนัตตา อนัตตา ดังนี้ อะไรหนอเป็นอนัตตา? พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
ดูกรราธะ รูปเป็นอนัตตา เวทนาเป็นอนัตตา สัญญาเป็นอนัตตา สังขารเป็นอนัตตา วิญญาณ
เป็นอนัตตา ดูกรราธะ อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ฯลฯ กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้
มิได้มี.
จบ สูตรที่ ๗.
๘. อนัตตธัมมสูตร
ว่าด้วยสิ่งที่เป็นอนัตตธรรม
[๓๘๔] พระนครสาวัตถี. ท่านพระราธะได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์
ผู้เจริญ ที่เรียกว่า อนัตตธรรม อนัตตธรรม ดังนี้ อะไรหนอเป็นอนัตตธรรม? พระผู้มี
พระภาคตรัสตอบว่า ดูกรราธะ รูปเป็นอนัตตธรรม เวทนาเป็นอนัตตธรรม สัญญาเป็นอนัตต -ธรรม สังขารเป็นอนัตตธรรม วิญญาณเป็นอนัตตธรรม. ดูกรราธะ อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว



ทั้งหมดนั่นอยู่ในคน (พูดโดยภาษาสมมติว่า คน, มนุษย์) หรือคนครับ คิกๆๆ

ถ้าไม่มองเข้ามาที่คนแล้วละก็เีดี๋ยวๆได้หลุดโลกของความจริงในปัจจุบันเดี๋ยวนี้ขณะนี้ไป :b1: กลายเป็นธรรมะในอดีตไปหรอก :b14:

กรัชกายพูดถูกมั้ย หรือพูดผิดเห็นผิด แนะนำไ้ด้นะขอรับ :b8: ไม่โกรธจริงๆ รับรอง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ต.ค. 2013, 13:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
asoka เขียน:
:b16:
คุณAmazing ต้องพิจารณาคำพูดตอนนี้ของคุณให้ดีๆนะครับ

amazing เขียน:
ทุกวันนี้มีแต่คนเห็นการเกิดๆๆๆๆๆน้อยคนที่จะเห็นการดับ ถ้าใครเห็นความดับก็จะค่อยๆไถ่ถอนอุปทานในขันธ์ได้ จนเข้าถึงความไม่เกิดไม่ดับ จึงดับอุปทานในขันธ์ได้อย่างแน่นอน

จนเข้าถึงความไม่เกิดไม่ดับ

สภาวธรรมอย่างนี้มีอยู่ในสัพเพธัมมา ด้วยนะครับ
:b12: :b12: :b12:

อ้างคำพูด:
เพราะไตรลัษณะเป็นลักษณะของธรรมทั้งหมด


คำพูดอย่างนี้ไม่ใช่ธรรม

ต้องพูดว่า

เพราะไตรลักษณะเป็นลักษณะของ สังขารธรรม
onion onion onion

๓. อนิจจสูตร
ว่าด้วยสิ่งที่เป็นอนิจจัง
[๓๗๙] พระนครสาวัตถี. ท่านพระราธะได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์
ผู้เจริญ ที่เรียกว่า อนิจจัง อนิจจัง ดังนี้ อะไรหนอเป็นอนิจจัง? พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
ดูกรราธะ รูปเป็นอนิจจัง เวทนาเป็นอนิจจัง สัญญาเป็นอนิจจัง สังขารเป็นอนิจจัง วิญญาณ
เป็นอนิจจัง. ดูกรราธะ อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ฯลฯ กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้
มิได้มี.
จบ สูตรที่ ๓.
๔. อนิจจธัมมสูตร
ว่าด้วยสิ่งที่เป็นอนิจจธรรม
[๓๘๐] พระนครสาวัตถี. ท่านพระราธะได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์
ผู้เจริญ ที่เรียกว่า อนิจจธรรม อนิจจธรรม ดังนี้ อะไรหนอเป็นอนิจจธรรม? พระผู้มีพระภาค
ตรัสตอบว่า รูปเป็นอนิจจธรรม เวทนาเป็นอนิจจธรรม สัญญาเป็นอนิจจธรรม สังขารเป็น
อนิจจธรรม ดูกรราธะ อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ฯลฯ กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้
มิได้มี.
จบ สูตรที่ ๔.
๕. ทุกขสูตร
ว่าด้วยสิ่งที่เป็นทุกข์
[๓๘๑] พระนครสาวัตถี. ท่านพระราธะได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์
ผู้เจริญ ที่เรียกว่า ทุกข์ ทุกข์ ดังนี้ อะไรหนอเป็นทุกข์? พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกร
ราธะ รูปเป็นทุกข์ เวทนาเป็นทุกข์ สัญญาเป็นทุกข์ สังขารเป็นทุกข์ วิญญาณเป็นทุกข์. ดูกร
ราธะ อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ฯลฯ กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.
จบ สูตรที่ ๕. ๖. ทุกขธัมมสูตร
ว่าด้วยสิ่งที่เป็นทุกขธรรม
[๓๘๒] พระนครสาวัตถี. ท่านพระราธะได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้
เจริญ ที่เรียกว่า ทุกขธรรม ทุกขธรรม ดังนี้ อะไรหนอเป็นทุกขธรรม? พระผู้มีพระภาค
ตรัสตอบว่า ดูกรราธะ รูปเป็นทุกขธรรม เวทนาเป็นทุกขธรรม สัญญาเป็นทุกขธรรม สังขาร
เป็นทุกขธรรมวิญญาณเป็นทุกขธรรม. ดูกรราธะ อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ฯลฯ
กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.
จบ สูตรที่ ๖.
๗. อนัตตาสูตร
ว่าด้วยสิ่งที่เป็นอนัตตา
[๓๘๓] พระนครสาวัตถี. ท่านพระราธะได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์
ผู้เจริญ ที่เรียกว่า อนัตตา อนัตตา ดังนี้ อะไรหนอเป็นอนัตตา? พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
ดูกรราธะ รูปเป็นอนัตตา เวทนาเป็นอนัตตา สัญญาเป็นอนัตตา สังขารเป็นอนัตตา วิญญาณ
เป็นอนัตตา ดูกรราธะ อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ฯลฯ กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้
มิได้มี.
จบ สูตรที่ ๗.
๘. อนัตตธัมมสูตร
ว่าด้วยสิ่งที่เป็นอนัตตธรรม
[๓๘๔] พระนครสาวัตถี. ท่านพระราธะได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์
ผู้เจริญ ที่เรียกว่า อนัตตธรรม อนัตตธรรม ดังนี้ อะไรหนอเป็นอนัตตธรรม? พระผู้มี
พระภาคตรัสตอบว่า ดูกรราธะ รูปเป็นอนัตตธรรม เวทนาเป็นอนัตตธรรม สัญญาเป็นอนัตต -ธรรม สังขารเป็นอนัตตธรรม วิญญาณเป็นอนัตตธรรม. ดูกรราธะ อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว



ทั้งหมดนั่นอยู่ในคน (พูดโดยภาษาสมมติว่า คน, มนุษย์) หรือคนครับ คิกๆๆ

ถ้าไม่มองเข้ามาที่คนแล้วละก็เีดี๋ยวๆได้หลุดโลกของความจริงในปัจจุบันเดี๋ยวนี้ขณะนี้ไป :b1: กลายเป็นธรรมะในอดีตไปหรอก :b14:

กรัชกายพูดถูกมั้ย หรือพูดผิดเห็นผิด แนะนำไ้ด้นะขอรับ :b8: ไม่โกรธจริงๆ รับรอง
กัดกายพระึทธเจ้าเกิดมาเพื่อแก้ความทุกข์ของคนนั้นแหล่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ต.ค. 2013, 13:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:

กัดกายพระึทธเจ้าเกิดมาเพื่อแก้ความทุกข์ของคนนั้นแหล่ะ


พูดทำนองนี้ บ่งถึงการเข้าใจธรรมะ้ด้านเดียวแง่มุมเดียว คือ ยังมองธรรมะด้านเป็นแค่คน ยังติดแค่ด้านสมมติด้านเีดียว ไม่ทะลุคนไปถึงด้านสภาวธรรมในคน พอเจ้าใจมั้ยขอรับ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ต.ค. 2013, 14:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:

กัดกายพระึทธเจ้าเกิดมาเพื่อแก้ความทุกข์ของคนนั้นแหล่ะ


พูดทำนองนี้ บ่งถึงการเข้าใจธรรมะ้ด้านเดียวแง่มุมเดียว คือ ยังมองธรรมะด้านเป็นแค่คน ยังติดแค่ด้านสมมติด้านเีดียว ไม่ทะลุคนไปถึงด้านสภาวธรรมในคน พอเจ้าใจมั้ยขอรับ :b1:
พูดภาษาง่ายๆเถอะกัดกาย จินตนาการไปก็วกวน ทำให้มากเจริญให้มากอนาปานสติกรรมฐานนะกัดกาย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ต.ค. 2013, 14:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




b6d5f10e8777aa0ae60f2c3b03bfa69c.gif
b6d5f10e8777aa0ae60f2c3b03bfa69c.gif [ 4.35 KiB | เปิดดู 2651 ครั้ง ]
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:

กัดกายพระึทธเจ้าเกิดมาเพื่อแก้ความทุกข์ของคนนั้นแหล่ะ


พูดทำนองนี้ บ่งถึงการเข้าใจธรรมะ้ด้านเดียวแง่มุมเดียว คือ ยังมองธรรมะด้านเป็นแค่คน ยังติดแค่ด้านสมมติด้านเีดียว ไม่ทะลุคนไปถึงด้านสภาวธรรมในคน พอเจ้าใจมั้ยขอรับ :b1:


พูดภาษาง่ายๆเถอะกัดกาย จินตนาการไปก็วกวน ทำให้มากเจริญให้มาก อนาปานสติกรรมฐานนะกัดกาย


ครับผม ทำให้มากเจริญมาก คิกๆๆ

คงอีกนาน :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ต.ค. 2013, 14:34 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:

กัดกายพระึทธเจ้าเกิดมาเพื่อแก้ความทุกข์ของคนนั้นแหล่ะ


พูดทำนองนี้ บ่งถึงการเข้าใจธรรมะ้ด้านเดียวแง่มุมเดียว คือ ยังมองธรรมะด้านเป็นแค่คน ยังติดแค่ด้านสมมติด้านเีดียว ไม่ทะลุคนไปถึงด้านสภาวธรรมในคน พอเจ้าใจมั้ยขอรับ :b1:


พูดภาษาง่ายๆเถอะกัดกาย จินตนาการไปก็วกวน ทำให้มากเจริญให้มาก อนาปานสติกรรมฐานนะกัดกาย


ครับผม ทำให้มากเจริญมาก คิกๆๆ

คงอีกนาน :b1:
นานแค่ไหนก็ต้องทำ เพราะเราเป็นสาวกภูมิ ท่านสั่งไว้ทำให้มากเจริญให้มาก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ต.ค. 2013, 15:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
ทุกวันนี้มีแต่คนเห็นการเกิดๆๆๆๆๆน้อยคนที่จะเห็นการดับ ถ้าใครเห็นความดับก็จะค่อยๆไถ่ถอนอุปทานในขันธ์ได้ จนเข้าถึงความไม่เกิดไม่ดับ จึงดับอุปทานในขันธ์ได้อย่างแน่นอน


ถ้าเกิดเอง..แล้วดับเอง...จะดับกี่หมื่นครั้ง..ก็ไม่มีประโยบจ์อะไร...ในหลอดนีออนเกิดดับตั้ง50 ครั้งต่อวินาที...ก็ไม่เห็นเป็นอรหันต์

เพราะ...มันเป็นอย่างนั้นเอง...นี้แง่หนึ่ง

อีกอย่าง...ถ้าคนเห็นการเกิด...จะบอกว่าไม่เห็นมันดับ..นั้นแทบจะไม่มี...เพราะ..เกิด.ดับ..มันก็อยู่ที่เดียวกัน...ไม่ได้ห่างไกลไปที่ไหน...

อีกอย่าง....หากพูดในแง่..กิเลสเกิด...ทุกข์เกิด...ผู้เห็นย่อมขึ้นชื่อว่า..ปฏิบัติตามอริยะสัจ4 ...ถ้าไม่เห็นว่ามันเกิดอย่างไร...ย่อมไม่รู้หนทางการดับการเกิดได้....ดับทุกข์เขาดับที่การเกิดนะ...ไม่ใช่มองเห็นมันดับเฉยๆแบบไม่ได้เข้าใจเหตุการเกิดที่แท้จริง...เป็นสมถะเฉยๆ ..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ต.ค. 2013, 16:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
amazing เขียน:
ทุกวันนี้มีแต่คนเห็นการเกิดๆๆๆๆๆน้อยคนที่จะเห็นการดับ ถ้าใครเห็นความดับก็จะค่อยๆไถ่ถอนอุปทานในขันธ์ได้ จนเข้าถึงความไม่เกิดไม่ดับ จึงดับอุปทานในขันธ์ได้อย่างแน่นอน


ถ้าเกิดเอง..แล้วดับเอง...จะดับกี่หมื่นครั้ง..ก็ไม่มีประโยบจ์อะไร...ในหลอดนีออนเกิดดับตั้ง50 ครั้งต่อวินาที...ก็ไม่เห็นเป็นอรหันต์

เพราะ...มันเป็นอย่างนั้นเอง...นี้แง่หนึ่ง

อีกอย่าง...ถ้าคนเห็นการเกิด...จะบอกว่าไม่เห็นมันดับ..นั้นแทบจะไม่มี...เพราะ..เกิด.ดับ..มันก็อยู่ที่เดียวกัน...ไม่ได้ห่างไกลไปที่ไหน...

อีกอย่าง....หากพูดในแง่..กิเลสเกิด...ทุกข์เกิด...ผู้เห็นย่อมขึ้นชื่อว่า..ปฏิบัติตามอริยะสัจ4 ...ถ้าไม่เห็นว่ามันเกิดอย่างไร...ย่อมไม่รู้หนทางการดับการเกิดได้....ดับทุกข์เขาดับที่การเกิดนะ...ไม่ใช่มองเห็นมันดับเฉยๆแบบไม่ได้เข้าใจเหตุการเกิดที่แท้จริง...เป็นสมถะเฉยๆ ..
นิออนเป็นอรหันต์55+บ้าไแล้ว แล้วกบอยู่กับการดับบ้างหรือเปล่าหรือเดาเอา อย่างเช่นหายใจเข้าออก บ้างก็ว่าหายใจเข้าเกิด บ้างก็ว่าหายใจออกเกิด ใช่มันก็เกิดดับนั้นแหล่ะ แต่ความดับแล้วไม่เกิดกบเคยยัง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 73 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร