วันเวลาปัจจุบัน 22 ก.ค. 2025, 04:51  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 22 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2013, 15:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b55: เขียน:
tongue
ความเย่อหยิ่งถือตัว ทำให้คนแสดงออกมาทางกาย ทางวาจาอย่างไรคะ
เอาปัญญาที่เกิดจากสุตมยปัญญามาตอบนะคะ
หากใครจะตอบก็เชิญนะคะ :b51:

ความเย่อหยิ่งถือตัว มันเกิดจากสังโยชน์กิเลส ที่เรียกว่ามานะ
กิเลสตัวนี้มีแต่อรหันต์ที่ละได้ ที่น่าสังเกตุก็คือ มันเป็นเป็นกิเลสเบื้องสูง
ผู้ทื่จะเกิดกิเลสตัวนี้โดยตรงก็คือ พระอนาคามี เมื่อเกิดแล้วก็จะมีอาการของโมหะแต่อย่างเดียว
ไม่มีโทสะและโลภะ

ในปุถุชนและอริยเบื้องต่ำคือ โสดาบันกับสกิทาคามี เมื่อเกิดมานะขึ้นเมื่อใด
จะมีกิเลสเบื้องต่ำเป็นปัจจัยร่วมด้วยทุกครั้ง

อย่างเช่นสกิทาคาจะมีปฏิฆะเกิดร่วม แต่ไม่กิเลสเบื้องต่ำตัวอื่น
โสดาบันจะมี ปฏิฆะและกามฉันทะเกิดร่วม แต่ไม่มีกิเลสเบื้องต่ำสามตัวแรก

ส่วนปุถุชน จะมีกิเลสเบื้องต่ำเกิดร่วมด้วยทั้งหมด

ที่มีอาการแสดงออกมาทางกายวาจานั้น พระอนาคามีจะไม่มีอาการที่เรียกโกรธ
จึงไม่มีการแสดงวาจาหรืออาการที่หยาบคายที่มาจากความโกรธ
อาจมีบ้างก็คือ น้ำตาไหล หัวเราะ หรือหลง(โมหะ) ฯลฯ

พระสกิทาคาและโสดาบัน จะแสดงอาการทางกายและวาจาบ้าง
แต่ด้วยเพราะมีปัญญาแล้ว จึงสามารถใช้สติเมื่อเกิดอกุศลกิเลสได้ทันเสียเป็นส่วนใหญ่

ในส่วนของปุถุชน ด้วยยังมีสักกายะทิฐิ เมื่อเกิดมานะขึ้น ส้กกายะทิฐิที่เกิดร่วมจะมีความรุนแรง
อีกทั้งยังไม่มีปัญญา จึงมักจะแสดงออกมาทางกายและวาจาไปตามอกุศลกิเลส

พูดให้ชัดๆ มานะของปุถุชนมันจะแสดงอาการของสักกาทิฐิเป็นส่วนใหญ่
นั้นก็คือ จะไม่ดูตามเหตุผล ปุถุชนจะคิดอย่างเดียวว่า ตัวเองดีวิเศษวิโสกว่าคนอื่น
ไม่ได้ยึดในธรรม ไม่มีเหตุผลในธรรม

เพื่อความเข้าใจ อย่างพระอนาคายังคิดว่า ดีกว่าเขา เลวกว่าเขาหรือเสมอเขา
แต่ปุถุชนคิดแต่เพียงว่า ตัวเองดีกว่าเขาทั้งๆที่เลวกว่าเขาครับ ตัวอย่างเช่น
ปุถุชนแสดงความเห็นอะไร พอมีผู้แย้งก็จะโกรธ ด่ากราดหาว่าคนอื่นโง่
ตัวเองหาเหตุผลมาแก้ในสิ่งที่เขาแย้งไม่ได้ ยังมีหน้าไปหาว่าเขาโง่กว่าตัว
แบบนี้แหล่ะครับ.......มานะที่มีสักกายะทิฐิเป็นปัจจัยร่วม


ตัวเองไม่ฉลาดแล้วยังไปหาคนอื่นเขาโง่ :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2013, 15:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จันทร์เจ้าขา เขียน:
อาจเป็นเพราะเรายึดถือความเห็นของเราว่าถูกต้องมั้งค่ะ เคยอ่านเจอคะท่านเขียนว่า เพราะทิฏฐิ สมณะกับสมณะก็ทะเลาะกัน หากเราไม่ถือมั่นจนเกินไป ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ไม่เป็นไร เราก็จะเฉย ๆ ไม่น่าทุกข์ร้อนอะไรนะค่ะ แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้บังคับใครให้เชื่อพระองค์ สาธุคะ :b8:

จากประสบการณ์ตรงของผม มันไม่ใช่เป็นเพราะยึดถือความเห็นตนหรอกครับ
ผมเห็นแต่ละคนแสดงความเห็นมาแต่ละอย่าง มันก็เป็นสิ่งที่เอามาจากตำรา
เอามาจากคำพูดของครูบาอาจารย์
มันจึงหมายความว่า ไปแย้งยุคคลที่ตนเชื่อ ทั้งที่ตัวเองก็ไม่เข้าใจว่า
ที่ตัวเองเชื่อ มันถูกต้องหรือไม่

สรุปถ้าทุกคนเชื่อมั่นต่อตนเอง นั้นคือเชื่อผลการปฏิบัติของตนเอง
และที่สำคัญต้องเชื่อมั่นในพระธรรม

พระพุทธองค์ไม่ได้บอกให้ใครมาเชื่อพระองค์ใช่ครับ แต่พระพุทธองค์บอก
ให้เชื่อมั่นและศรัทธาในพระธรรม

ฉันใดก็ฉันนั้น คนที่เชื่อพระธรรมก็จะหมั่นปฏิบัติเพื่อให้เข้าถึงพระธรรม
เขาจึงหาเหตุผลมาแสดงได้ ส่วนคนที่เชื่อในตัวบุคคลย่อมหาเหตุผล
มาแสดงไม่ได้ เพราะความเห็นที่ตัวเองแสดง มันไม่ใช่ผลการปฏิบัติ
แต่มันเป็นคำพูดของคนอื่นครับ

หรืออาจเป็นเพราะมาทำให้ขายหน้าก็ได้ครับ :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2013, 18:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


ในวันหนึ่งๆ ให้มีสติเยอะเข้าไว้นะคะ

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ม.ค. 2013, 07:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8585


 ข้อมูลส่วนตัว




T170811_04CM.gif
T170811_04CM.gif [ 49.6 KiB | เปิดดู 2062 ครั้ง ]
SOAMUSA เขียน:
ในวันหนึ่งๆ ให้มีสติเยอะเข้าไว้นะคะ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ม.ค. 2013, 08:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


:b55: :b55: :b55:

อิอิ แบบว่า ตอบผิดกระทู้

:b9: :b9: :b9:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 12 ม.ค. 2013, 13:29, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ม.ค. 2013, 11:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


มานะ เป็นกิเลสในใจตน, กิเลสอย่างละเอียด. กิเลสในชั้นนี้ ไม่เกี่ยวกับผู้อื่น

ถ้ามีตัวเรา มีตัวเขา, สิ่งนั้นไม่ใช่มานะ แต่มันคือ สักกายทิฎฐิ
มานะ คือการเห็นว่า เราเป็นนั่นเป็นนี่, เราเป็นพระ, เราเป็นอุบาสก อุบาสิกา, เราเป็นผู้ชาย ผู้หญิง ฯลฯ

ทันทีที่เรารู้สึกว่า เราเก่งกว่าเขา, เรามีฌาณวิเศษกว่าเขา หรืออะไรๆ ที่ มากกว่าเขา น้อยกว่าเขา, สิ่งนั้นไม่ใช่มานะ แต่เป็น สักกายทิฎฐิ

อนึ่ง การสำคัญว่า เราเป็นนั่นเป็นนี่, ไม่เกี่ยวกับการเห็นว่า เราทำอะไรได้หรือไม่ได้

สังโยชน์เบื้องสูง 5 ประการ รูปราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะ และอวิชชา
ทั้ง 5 ประการ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในใจตน, ไม่เกี่ยวกับผู้อื่น

ฮับ :b28: :b28: :b28:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ม.ค. 2013, 17:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
SOAMUSA เขียน:
ในวันหนึ่งๆ ให้มีสติเยอะเข้าไว้นะคะ


เดี๋ยวคงหายจากห้องนี้บ้างแล้วค่ะ เพราะอาทิตย์หน้าต้องเรียนแล้วค่ะลุง
ว่างก็คงทำกระทู้ที่ห้องอภิธรรมเหมือนเดิมค่ะ

ก็กะว่าเล่นแป๊บเดียวช่วงปิดเทอมค่ะ

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 22 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร