วันเวลาปัจจุบัน 10 มิ.ย. 2025, 22:02  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 73 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2012, 06:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ต.ค. 2008, 18:05
โพสต์: 136


 ข้อมูลส่วนตัว


:b45: มรรคทั้งแปด เป็นสังขารสังขารหนึ่ง ที่เกิดขึ้นมาเพื่อดับทุกข์

เจ้าชายสิทธัตถะ รู้มรรคมาก่อนที่จะบรรลุธรรมกลายเป็นพระพุทธจ้า หรือเปล่า ?
หรือหลังจากที่บรรลุธรรมแล้ว จึงพบว่ามรรคนี้แหละคือทางที่จะดับทุกข์ได้อย่างสนิท


เป็นข้อพิสูจน์ได้อย่างหนึ่งว่า
เพราะอะไรในเมื่อปฏิบัติตามมรรคทั้งแปดแล้ว แต่ก็ยังไม่บรรลุธรรม ทุกข์ยังไม่ดับ
นั่นแสดงว่ามรรคที่กำลังปฏิบัติอยู่นั้น ผิดพลาดคลาดเคลื่อน ไม่ถูกต้องใช่หรือไม่?

มรรคจะเกิดขึ้นเอง หลังจากได้เห็นได้รู้อย่างชัดแจ้งแล้วว่า
อะไรคือทุกข์
อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ขึ้นมา

มรรคจะเกิดขึ้นเองโดยไม่ต้องบีบบังคับให้เกิด
และก็ไม่อาจที่จะปฏิเสธหรือดัดแปลงแก้ไขใดๆได้
เพราะทุกข์จะเป็นสิ่งยืนยันความถูกต้องให้กับมรรคเอง

ไม่ต้องถกเถียง ไม่ต้องสงสัย ไม่ต้องไต่ถามว่านี้อย่างไร นั้นอย่างไร นี้ใช่หรือไม่ใช่ :b45:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2012, 10:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


ปล่อยรู้ เขียน:
:b45: มรรคทั้งแปด เป็นสังขารสังขารหนึ่ง ที่เกิดขึ้นมาเพื่อดับทุกข์

เจ้าชายสิทธัตถะ รู้มรรคมาก่อนที่จะบรรลุธรรมกลายเป็นพระพุทธจ้า หรือเปล่า ?
หรือหลังจากที่บรรลุธรรมแล้ว จึงพบว่ามรรคนี้แหละคือทางที่จะดับทุกข์ได้อย่างสนิท


เป็นข้อพิสูจน์ได้อย่างหนึ่งว่า
เพราะอะไรในเมื่อปฏิบัติตามมรรคทั้งแปดแล้ว แต่ก็ยังไม่บรรลุธรรม ทุกข์ยังไม่ดับ
นั่นแสดงว่ามรรคที่กำลังปฏิบัติอยู่นั้น ผิดพลาดคลาดเคลื่อน ไม่ถูกต้องใช่หรือไม่?

มรรคจะเกิดขึ้นเอง หลังจากได้เห็นได้รู้อย่างชัดแจ้งแล้วว่า
อะไรคือทุกข์
อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ขึ้นมา

มรรคจะเกิดขึ้นเองโดยไม่ต้องบีบบังคับให้เกิด
และก็ไม่อาจที่จะปฏิเสธหรือดัดแปลงแก้ไขใดๆได้
เพราะทุกข์จะเป็นสิ่งยืนยันความถูกต้องให้กับมรรคเอง

ไม่ต้องถกเถียง ไม่ต้องสงสัย ไม่ต้องไต่ถามว่านี้อย่างไร นั้นอย่างไร นี้ใช่หรือไม่ใช่ :b45:


ใช่ครับ มรรค 8 เำิกิดขึ้นเองหลังจากที่เห็นความจริงตามกฎไตรลักษณ์แล้ว ผลจากการเห็น คือ มรรค 8
หรือ ปัญญา ศีล สมาธิ เห็นการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ปัญญาเกิดขึ้น เอาปัญญานั้นมาดับเหตุแห่งทุกข์ (ไม่ใช่ดับที่ผล การรักษาศีลข้อห้าม) วิธีนี้ดับได้เป็นวิธีเดียว และเป็นทางสายเอก ไม่มีทางไหนอีกแล้วที่ใช้ดับทุกข์ได้ถาวร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2012, 10:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
แต่ที่ผมฟังธรรมจากอาจารย์หลายท่าน และ หาข้อมูลมา ว่ามรรค 8 เป็นเหตุหรือ ทางสายกลางสำหรับปฎิบัติเพื่อเข้านิโรธ ซึ่งเป็นผล->นิพพาน

สวัสดี ฝึกจิต
ในสัมมัตตะ 10 ความถูกต้อง 10 ประการ คือ
สัมมาทิฏฐิ
สัมมาสังกัปปะ
สัมมาวาจา
สัมมากัมมันตะ
สัมมาอาชีวะ
สัมมาวายามะ
สัมมาสติ
สัมมาสมาธิ
สัมมาญาณ
สัมมาวิมุตติ
ส่วนที่เป็นเหตุ คือ มรรคมีองค์ 8 คือตั้งแต่สัมมาทิฏฐิ...สัมมาสมาธิ
ส่วนที่เป็นผล คือ สัมมาญาณ และสัมมาวิมุตติ
ขณะที่ทำเหตุ ย่อมไม่รู้ผล
ขณะที่ผลปรากฏ ย่อมรู้ในส่วนเหตุด้วย
จึงดูเหมือนว่า ผลเป็นเหตุด้วย
ดังนั้น
มรรคมีองค์ 8 อันเป็นส่วนเหตุ คือทำเหตุ คือทางเดินไปสู่ส่วนผล
การทำเหตุ ก็ทำซ้ำๆ ผลที่เกิดขึ้น ก็ปรากฏชัดขึ้นๆ ดีขึ้นๆ เจริญขึ้นๆ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2012, 10:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
แต่ที่ผมฟังธรรมจากอาจารย์หลายท่าน และ หาข้อมูลมา ว่ามรรค 8 เป็นเหตุหรือ ทางสายกลางสำหรับปฎิบัติเพื่อเข้านิโรธ ซึ่งเป็นผล->นิพพาน

สวัสดี ฝึกจิต
ในสัมมัตตะ 10 ความถูกต้อง 10 ประการ คือ
สัมมาทิฏฐิ
สัมมาสังกัปปะ
สัมมาวาจา
สัมมากัมมันตะ
สัมมาอาชีวะ
สัมมาวายามะ
สัมมาสติ
สัมมาสมาธิ
สัมมาญาณ
สัมมาวิมุตติ
ส่วนที่เป็นเหตุ คือ มรรคมีองค์ 8 คือตั้งแต่สัมมาทิฏฐิ...สัมมาสมาธิ
ส่วนที่เป็นผล คือ สัมมาญาณ และสัมมาวิมุตติ
ขณะที่ทำเหตุ ย่อมไม่รู้ผล
ขณะที่ผลปรากฏ ย่อมรู้ในส่วนเหตุด้วย
จึงดูเหมือนว่า ผลเป็นเหตุด้วย
ดังนั้น
มรรคมีองค์ 8 อันเป็นส่วนเหตุ คือทำเหตุ คือทางเดินไปสู่ส่วนผล
การทำเหตุ ก็ทำซ้ำๆ ผลที่เกิดขึ้น ก็ปรากฏชัดขึ้นๆ ดีขึ้นๆ เจริญขึ้นๆ



ใช่ครับมรรคมีองค์ 8 เป็นเหตุให้ไปสู่นิพพานครับ
แต่มรรคมีองค์ 8 คืิอ ผล ที่ได้จากการวิปัสสนาภาวนา หรือเจริญปัญญา
เมื่อเพิ่มหรือฝึกการวิปัสสนาให้มากขึ้นเรื่อยๆ มรรคทั้ง 8 ประการ ก็จะเพิ่มมากขึ้น ปัญญายิ่ง ศีลยิ่ง สมาธิยิ่ง นี่แหละคือการเจริญมรรค 8 นำไปสู่นิพพานได้เร็วขึ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2012, 10:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
มรรคจะเกิดขึ้นเอง หลังจากได้เห็นได้รู้อย่างชัดแจ้งแล้วว่า
อะไรคือทุกข์
อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ขึ้นมา

มรรคจะเกิดขึ้นเองโดยไม่ต้องบีบบังคับให้เกิด
และก็ไม่อาจที่จะปฏิเสธหรือดัดแปลงแก้ไขใดๆได้
เพราะทุกข์จะเป็นสิ่งยืนยันความถูกต้องให้กับมรรคเอง


การจับผล เป็นเหตุ ให้เหตุปรากฏ ...ย่อมเป็นวิธีคิดที่ไม่แยบคาย คือ อโยนิโสมนสิการ

พระพุทธองค์แสวงหา สัมมาญาณ สัมมาวิมุตติ ตั้งความปราถนาบรรลุพุทธสัมมาสัมโพธิญาณ
พระองค์ทรงปฏิบัติตนมายาวนานนัก จนในที่สุดคืนแห่งราตรีสมัยสุดท้ายแห่งการเกิดของเจ้าชาย และเป็นสมัยแรกแห่งการอุบัติของพระพุทธเจ้า พระองค์บรรลุวิชชา วิมุตติ และทรงรู้พร้อม วิชชา วิมุตตินั้นด้วย
เมื่อพระองค์ประกาศพรหมจรรย์ของพระองค์แก่สาวก พระองค์จึงบอกทางที่ถูกต้องอันเป็นทางตรงแก่สาวก ของพระองค์เพื่อไม่ต้องหลงทางปฏิบัติอื่น และเป็นสัจจะที่แท้เพื่อไปสู่ทางดับทุกข์ พ้นทุกข์
คือการประกาศความจริง ว่า มรรค 8 นี้เป็นหนปฏิบัติหนทางเดียวที่ไปสู่ความพ้นจากความทุกข์

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2012, 10:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
[ใช่ครับมรรคมีองค์ 8 เป็นเหตุให้ไปสู่นิพพานครับ
แต่มรรคมีองค์ 8 คืิอ ผล ที่ได้จากการวิปัสสนาภาวนา หรือเจริญปัญญา
เมื่อเพิ่มหรือฝึกการวิปัสสนาให้มากขึ้นเรื่อยๆ มรรคทั้ง 8 ประการ ก็จะเพิ่มมากขึ้น ปัญญายิ่ง ศีลยิ่ง สมาธิยิ่ง นี่แหละคือการเจริญมรรค 8 นำไปสู่นิพพานได้เร็วขึ้น


ผลคือ สัมมาญาณ ที่ประกอบด้วยอินทรีย์ พละอ่อนหรือเข้มแข็ง ครับ
จากนั้น ท่านก็ทำเหตุ คือปฏิบัติตามองค์มรรค ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ลงไปอีกเพื่อให้อินทรีย์พละ เพิ่มพูนครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2012, 10:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
อ้างคำพูด:
ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน
แต่ก่อนที่จะได้มรรคมีองค์ 8 ก็ต้องฝึกปฏิบัิติจากการวิปัสสนาภาวนา นี่คือแนวทางในการปฏิบัติที่ถูกต้อง ไม่ใช่นำมรรคมีองค์ 8 มาปฏิบัติได้ทันที


แต่ก่อนที่จะรู้ว่าวิปัสสนาภาวนาเป็นทางแห่งปัญญา ก็ต้องมีความเห็นที่เป็นปัญญาก่อน นั่นคือมรรคมีองค์8 ครับผม มรรคมีองค์8 ใช้สำหรับปฏิบัติได้ทันทีครับ



ความเห็นที่เป็นปัญญา คือ เห็นชอบ หรือสัมมาทิฐิ(ปัญญา) เมื่อเห็นชอบเราก็คิดชอบ หรือสัมมาสังกัปปะ (ปัญญา) มรรคมีองค์คือ ผล จากการวิัปัสสนาภาวนา ถ้าจะปฏิบัติต้องปฏิบัติที่วิปัสสนาภาวนาเพื่อให้เกิดเป็นมรรคผล


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2012, 11:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
อ้างคำพูด:
มรรคจะเกิดขึ้นเอง หลังจากได้เห็นได้รู้อย่างชัดแจ้งแล้วว่า
อะไรคือทุกข์
อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ขึ้นมา

มรรคจะเกิดขึ้นเองโดยไม่ต้องบีบบังคับให้เกิด
และก็ไม่อาจที่จะปฏิเสธหรือดัดแปลงแก้ไขใดๆได้
เพราะทุกข์จะเป็นสิ่งยืนยันความถูกต้องให้กับมรรคเอง


การจับผล เป็นเหตุ ให้เหตุปรากฏ ...ย่อมเป็นวิธีคิดที่ไม่แยบคาย คือ อโยนิโสมนสิการ

พระพุทธองค์แสวงหา สัมมาญาณ สัมมาวิมุตติ ตั้งความปราถนาบรรลุพุทธสัมมาสัมโพธิญาณ
พระองค์ทรงปฏิบัติตนมายาวนานนัก จนในที่สุดคืนแห่งราตรีสมัยสุดท้ายแห่งการเกิดของเจ้าชาย และเป็นสมัยแรกแห่งการอุบัติของพระพุทธเจ้า พระองค์บรรลุวิชชา วิมุตติ และทรงรู้พร้อม วิชชา วิมุตตินั้นด้วย
เมื่อพระองค์ประกาศพรหมจรรย์ของพระองค์แก่สาวก พระองค์จึงบอกทางที่ถูกต้องอันเป็นทางตรงแก่สาวก ของพระองค์เพื่อไม่ต้องหลงทางปฏิบัติอื่น และเป็นสัจจะที่แท้เพื่อไปสู่ทางดับทุกข์ พ้นทุกข์
คือการประกาศความจริง ว่า มรรค 8 นี้เป็นหนปฏิบัติหนทางเดียวที่ไปสู่ความพ้นจากความทุกข์


ใช่มรรค 8 เป็นหนทางแห่งการพ้นทุกข์ แต่หากมรรค 8 ไม่เกิดขึ้นก็ไม่สามารถพ้นทุกข์ได้ แล้วเราจะสร้างมรรค8 ให้เกิดขึ้นและครบตามองค์ธรรมได้อย่างไร ไม่ใช่นำเอามรรค 8 มาปฏิบัติแล้วสามารถดับทุกข์ได้ทันที หรือถาวรได้ ( ดูเหมือนว่าจะง่ายเกินไป ) งั้นก็ไม่ต้องฝึกอะไรให้มาก นำมาปฏิบัติให้ครบก็พ้นทุกข์ถาวรได้แล้ว


แก้ไขล่าสุดโดย ไม่เที่ยง เกิดดับ เมื่อ 18 ม.ค. 2012, 11:06, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2012, 11:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
student เขียน:
อ้างคำพูด:
ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน
แต่ก่อนที่จะได้มรรคมีองค์ 8 ก็ต้องฝึกปฏิบัิติจากการวิปัสสนาภาวนา นี่คือแนวทางในการปฏิบัติที่ถูกต้อง ไม่ใช่นำมรรคมีองค์ 8 มาปฏิบัติได้ทันที


แต่ก่อนที่จะรู้ว่าวิปัสสนาภาวนาเป็นทางแห่งปัญญา ก็ต้องมีความเห็นที่เป็นปัญญาก่อน นั่นคือมรรคมีองค์8 ครับผม มรรคมีองค์8 ใช้สำหรับปฏิบัติได้ทันทีครับ



ความเห็นที่เป็นปัญญา คือ เห็นชอบ หรือสัมมาทิฐิ(ปัญญา) เมื่อเห็นชอบเราก็คิดชอบ หรือสัมมาสังกัปปะ (ปัญญา) มรรคมีองค์คือ ผล จากการวิัปัสสนาภาวนา ถ้าจะปฏิบัติต้องปฏิบัติที่วิปัสสนาภาวนาเพื่อให้เกิดเป็นมรรคผล


ความเห็นชอบในชั้นแรกสำหรับเราๆ ท่านๆ ทั้งหลาย
เกิดจากการได้เข้าหาสัตตบุรุษ ได้ยิน ได้ฟังธรรมจากสัตตบุรูษ หรือพระอริยเจ้า อันนี้เป็นเหตุให้เกิดปัญญาในชั้นแรกสุด
การพิจารณาโดยแยบคาย ก็เป็นเหตุให้เกิดปัญญาในชั้นแรกสุดเหมือนกัน
ในขณะนั้นปัญญาพละอ่อนมากไม่มีกำลังพอจะเข้าสู่การวิปัสสนาได้
จึงต้องฝึกฝนอบรมจิต และปัญญาให้เพิ่มพูนขึ้น ให้มีพละที่เข้มแข็งขึ้นไปครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2012, 11:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
ใช่มรรค 8 เป็นหนทางแห่งการพ้นทุกข์ แต่หากมรรค 8 ไม่เกิดขึ้นก็ไม่สามารถพ้นทุกข์ได้ แล้วเราจะสร้างมรรค8 ให้เกิดขึ้นและครบตามองค์ธรรมได้อย่างไร ไม่ใช่นำเอามรรค 8 มาปฏิบัติแล้วสามารถดับทุกข์ได้ทันที หรือถาวรได้ ( ดูเหมือนว่าจะง่ายเกินไป ) งั้นก็ไม่ต้องฝึกอะไรให้มาก นำมาปฏิบัติให้ครบก็พ้นทุกข์ถาวรได้แล้ว

มรรค 8 นำเอามาปฏิบัติได้ทันที
แต่ผล จากการปฏิบัติจะปรากฏตามกำลังของ อินทรีย์ 5
เมื่อกำลังของอินทรีย์ 5 เข้มแข็งถึงที่สุด ก็พ้นทุกข์ครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2012, 11:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
student เขียน:
อ้างคำพูด:
ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน
แต่ก่อนที่จะได้มรรคมีองค์ 8 ก็ต้องฝึกปฏิบัิติจากการวิปัสสนาภาวนา นี่คือแนวทางในการปฏิบัติที่ถูกต้อง ไม่ใช่นำมรรคมีองค์ 8 มาปฏิบัติได้ทันที


แต่ก่อนที่จะรู้ว่าวิปัสสนาภาวนาเป็นทางแห่งปัญญา ก็ต้องมีความเห็นที่เป็นปัญญาก่อน นั่นคือมรรคมีองค์8 ครับผม มรรคมีองค์8 ใช้สำหรับปฏิบัติได้ทันทีครับ



ความเห็นที่เป็นปัญญา คือ เห็นชอบ หรือสัมมาทิฐิ(ปัญญา) เมื่อเห็นชอบเราก็คิดชอบ หรือสัมมาสังกัปปะ (ปัญญา) มรรคมีองค์คือ ผล จากการวิัปัสสนาภาวนา ถ้าจะปฏิบัติต้องปฏิบัติที่วิปัสสนาภาวนาเพื่อให้เกิดเป็นมรรคผล


ความเห็นชอบในชั้นแรกสำหรับเราๆ ท่านๆ ทั้งหลาย
เกิดจากการได้เข้าหาสัตตบุรุษ ได้ยิน ได้ฟังธรรมจากสัตตบุรูษ หรือพระอริยเจ้า อันนี้เป็นเหตุให้เกิดปัญญาในชั้นแรกสุด
การพิจารณาโดยแยบคาย ก็เป็นเหตุให้เกิดปัญญาในชั้นแรกสุดเหมือนกัน
ในขณะนั้นปัญญาพละอ่อนมากไม่มีกำลังพอจะเข้าสู่การวิปัสสนาได้
จึงต้องฝึกฝนอบรมจิต และปัญญาให้เพิ่มพูนขึ้น ให้มีพละที่เข้มแข็งขึ้นไปครับ


ใช่ครับต้องศึกษา อ่านให้เข้าใจวิธีการปฏิบัติก่อน ก็จะเกิดปัญญา "รู้จัก รู้จริง รู้แจ้ง"
และเริ่มจากการให้ทาน และรักษาศีลก่อน เพื่อลดการเห็นแก่ตัว ลดการเบียดเบียนตนเอง และผู้ือื่น
ที่เรียกว่า "ทาน ศีล วิปัสสนาภาวนา" นี่เป็นข้อปฏิบัติสำหรับฆราวาสก่อนเริ่มวิปัสสนาภาวนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2012, 11:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
ใช่มรรค 8 เป็นหนทางแห่งการพ้นทุกข์ แต่หากมรรค 8 ไม่เกิดขึ้นก็ไม่สามารถพ้นทุกข์ได้ แล้วเราจะสร้างมรรค8 ให้เกิดขึ้นและครบตามองค์ธรรมได้อย่างไร ไม่ใช่นำเอามรรค 8 มาปฏิบัติแล้วสามารถดับทุกข์ได้ทันที หรือถาวรได้ ( ดูเหมือนว่าจะง่ายเกินไป ) งั้นก็ไม่ต้องฝึกอะไรให้มาก นำมาปฏิบัติให้ครบก็พ้นทุกข์ถาวรได้แล้ว

มรรค 8 นำเอามาปฏิบัติได้ทันที
แต่ผล จากการปฏิบัติจะปรากฏตามกำลังของ อินทรีย์ 5
เมื่อกำลังของอินทรีย์ 5 เข้มแข็งถึงที่สุด ก็พ้นทุกข์ครับ


ใช่เอามรรค 8 มาปฏิบัิติได้ทันที แต่ต้องมีปัญญา หรือ สัมมาทิฐิแล้ว
ปฏิบัติในที่นี่ความหมายของผมก็คือ การเจริญมรรค8 หรือ การเจริญวิปัสสนาภาวนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2012, 11:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
ใช่เอามรรค 8 มาปฏิบัิติได้ทันที แต่ต้องมีปัญญา หรือ สัมมาทิฐิแล้ว
ปฏิบัติในที่นี่ความหมายของผมก็คือ การเจริญมรรค8 หรือ การเจริญวิปัสสนาภาวนา

การเจริญมรรคภาวนา จะประกอบด้วย สมถะและวิปัสสนา
และการเจริญสมถะวิปัสสนา อรรถาจารย์ในชั้นหลัง เรียกว่า การเจริญวิปัสสนาภาวนา
อันเป็นเหตุให้คนในชั้นหลังคิดว่า มีการเจริญวิปัสสนาล้วนๆ

ซึ่งการเจริญมรรคภาวนา ย่อมมีสัมมาทิฏฐิเป็นองค์ธรรมนำหน้าแวดล้อมด้วยองค์มรรค 7 ที่เหลือ
การได้รู้สัมมาทิฏฐิ ก็เป็นญาณอย่างหนึ่งในแรกสุด เป็นอาทิพรหมจรรย์ หรืออรุณรุ่งแห่งพรหมจรรย์ แต่ความรู้ในชั้นนี้ยังไม่ใช่วิปัสสนา

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2012, 11:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
ปัญญาที่เริ่มก่อตัวเพราะความเห็นที่ถูกย่อมพัฒนาขึ้นตามลำดับ คำสอนของพระพุทธเจ้านั้นสำหรับคนทั้งหลายที่เป็นบัวทั้ง4 เหล่า คือไม่จำกัดว่าต้องเป็นบัวที่จะพ้นน้ำแล้วเท่านั้น ไม่ใช่เจาะจงแต่เฉพาะบัวที่จะพ้นน้ำแล้วเท่านั้น เพียงแต่บัวที่จมใต้น้ำนั้นไม่สนใจในธรรม เช่นนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่นั้นอาจจะเป็นบัวใต้น้ำอยู่ก็ได้เพราะความเห็นที่เป็นวิทยาศาสตร์มาบดบังจนไม่พิจารณาธรรมที่เป็นเครื่องหลุดพ้น แต่คนที่ไร้การศึกษาอยู่ตามป่าตามดงอาจจะเป็นบัวเหนือน้ำก็ได้เพราะหากเพียงแต่ได้ฟังธรรมที่ตรงกับจริตก็อาจจะได้ปัญญาเป็นแนวทางให้พ้นทุกข์ได้ มรรคมีองค์8 เป็นธรรมและเป็นแนวทางที่วางไว้สำหรับคนทั้งหลายที่ตั้งแต่ยังไม่เป็นพระอริยะบุคคลจนกระทั่งเป็นพระอริยะบุคคล ไม่จำกัดหรือห้ามบุคคลใดคนหนึ่ง คนที่ไม่ได้นับถือพุทธศาสนาอาจจะปฏิบัติตนในทางแห่งมรรคมีองค์8ได้มากกว่าคนที่นับถือศาสนาพุทธก็ได้เพราะฒรรคมีองค์8คือความดีที่ถูกทางตั้งแต่ พูดจาดี คิดดี มีเมตตา กรุณา เหล่านี้ล้วนแต่เป็นมรรคมีองค์8ทั้งนั้น ดังนั้นการที่เป็นคนนับถือพุทธศาสนาก็อย่าได้ประมาทในธรรมที่พระพุทธเจ้าวางไว้ด้วยว่าตัวเองรู้ลึกซึ้งจนมองข้ามสิ่งที่เล็กน้อยเช่น มรรคมีองค์8 มาทีหลัง เป็นธรรมที่วางไว้สำหรับพระอริยะบุคคลที่มีปัญญาแล้ว อย่างนี้เป็นความเห็นที่ผิด เพราะธรรมที่พระพุทธเจ้าประกาศไว้ดีแล้วนั้น ล้วนแต่สำหรับมนุษย์ทั้งหลายให้ปฏิบัติ


:b1: :b12: :b12:

ออกมาจากใจ

และ ใจเราก็มาตรงกันได้

อย่างกะว่าใจเราก็เป็นหนึ่งเดียวกัน

ธรรมก็มีแนวโนม้ที่จะเป็นหนึ่งเดียวกัน

:b27: :b27: :b27:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2012, 11:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มังกรน้อย สบายดีเน๊าะ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 73 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร