วันเวลาปัจจุบัน 19 มิ.ย. 2025, 23:24  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 50 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ม.ค. 2012, 12:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
ถ้าคุณไม่ได้จำตัวหนังสือ คุณจะมีปัญญาได้อย่างไร


:b1:

ปัญญาอะไรที่มันเป็นตัวหนังสือ จ๊ะะะะะะะะ

แค่ตัวหนังสือ

เย็น กะ สภาวะ "เย็น"
มันก็ไม่ใช่สิ่งเดียวกันแล้ว

หมายมั่นตัวหนังสือมากไป ก็จะวกวนอยู่กับตัวหนังสือนั่นล่ะ
และก็พยายามจะเอาตัวหนังสือ มาแสดงข้อเท็จจริง
และก็ยึดตัวหนังสือ เป็นข้อเท็จจริง

ถ้าสิ่งที่จริง ๆ มันยังไม่จริง
และประสาอะไรกะตัวหนังสือ ล่ะจ๊ะ

ตัวหนังสือของท่านน่ะ มันลวง ยิ่งกว่าลวง

:b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ม.ค. 2012, 12:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


เพราะไม่เคยมีประสบการณ์ จ้าาาาาา

จึง บ่อฮู๊ สภาวะจริง

ฮู้จักแต่ สภาวะตัวหนังสือพาไป จ้าาาาาา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ม.ค. 2012, 13:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
ถ้าคุณไม่ได้จำตัวหนังสือ คุณจะมีปัญญาได้อย่างไร


:b1:

ปัญญาอะไรที่มันเป็นตัวหนังสือ จ๊ะะะะะะะะ

แค่ตัวหนังสือ

เย็น กะ สภาวะ "เย็น"
มันก็ไม่ใช่สิ่งเดียวกันแล้ว

หมายมั่นตัวหนังสือมากไป ก็จะวกวนอยู่กับตัวหนังสือนั่นล่ะ
และก็พยายามจะเอาตัวหนังสือ มาแสดงข้อเท็จจริง
และก็ยึดตัวหนังสือ เป็นข้อเท็จจริง

ถ้าสิ่งที่จริง ๆ มันยังไม่จริง
และประสาอะไรกะตัวหนังสือ ล่ะจ๊ะ

ตัวหนังสือของท่านน่ะ มันลวง ยิ่งกว่าลวง

:b1:


ท่อง ก ข ค ง ุ ู ะ า ิ อี
ผสมกันกลายเป็นคำที่มีความหมาย " มีปัญญาไหมครับ"

ท่อง "เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป" จากสิ่งที่กระทบ และขันธ์ 5
ฝังในสัญญา ผลออกมาเป็น "สัมมาทิฐิ หรือ ปัญญา"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ม.ค. 2012, 14:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
ท่อง ก ข ค ง ุ ู ะ า ิ อี
ผสมกันกลายเป็นคำที่มีความหมาย " มีปัญญาไหมครับ"

ท่อง "เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป" จากสิ่งที่กระทบ และขันธ์ 5
ฝังในสัญญา ผลออกมาเป็น "สัมมาทิฐิ หรือ ปัญญา"


แลัว การเห็นคำเขียน "ต้นมะม่วง" กับ การเห็น "ต้นมะม่วง" จริง ๆ
มันเหมือนกันรึเปล่าจ๊ะ
ถ้าไม่รู้ก็ลองเอา มือลูบคำเขียนดูนะจ๊ะ แล้วลองเปรียบเทียบกับ
เอามือไปลูบ "ต้นมะม่วง" จริง ๆ ดู น๊ะจ๊ะ

ไตรลักษณ์ ก็เป็นธรรมในลักษณะเช่นเดียวกันล่ะจ๊ะ
จะเขียน หรือ จะท่อง มันก็ได้แค่รู้ในระดับเขียนระดับท่อง จร้า
และไอ้รู้แบบนั้น มันไม่ใช่รู้สภาวะจร้า
เป็นการทำความรู้สึกที่ตามสังขารนำไปจร้า
เป็นการรู้ภายใต้กรอบสังขารจร้า ทำงานภายใต้สัญญาจร้า

เป็นการเดินตามลายแทงที่คิดว่าจะนำพาไปพบสมบัติจร้าาาาา
ซึ่งยังพบแต่การกอด ลูบ คลำลายแทงจร้าาาาา

ยังไม่ได้ลูบคลำสมบัติจริง ๆ เลยจร้าาาาา

:b4: :b4: :b4:

ยังมองไม่เห็นภาพเลยใช่มั๊ยจ๊ะ

อิอิ ก็ภาพที่คุณเห็น กับภาพที่เราเห็นมันต่างกันไงจ๊ะ
ข้าพเจ้าบอกได้ว่าท่านเห็นอะไรอยู่
แต่ท่านบอกไม่ได้หรอก ว่าข้าพเจ้า เห็นอารายยยยย s005 s005

:b19: :b19: :b19:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ม.ค. 2012, 14:32 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


อย่าสงสัยมากซิจ๊ะ
เปลี่ยนแนวปฏิบัติได้แล้วน๊ะจ๊ะ

จะได้มีโอกาสลูบคลำของจริง จั๊กที

:b22: :b22: :b22:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ม.ค. 2012, 15:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
ท่อง ก ข ค ง ุ ู ะ า ิ อี
ผสมกันกลายเป็นคำที่มีความหมาย " มีปัญญาไหมครับ"

ท่อง "เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป" จากสิ่งที่กระทบ และขันธ์ 5
ฝังในสัญญา ผลออกมาเป็น "สัมมาทิฐิ หรือ ปัญญา"


แลัว การเห็นคำเขียน "ต้นมะม่วง" กับ การเห็น "ต้นมะม่วง" จริง ๆ
มันเหมือนกันรึเปล่าจ๊ะ
ถ้าไม่รู้ก็ลองเอา มือลูบคำเขียนดูนะจ๊ะ แล้วลองเปรียบเทียบกับ
เอามือไปลูบ "ต้นมะม่วง" จริง ๆ ดู น๊ะจ๊ะ

ไตรลักษณ์ ก็เป็นธรรมในลักษณะเช่นเดียวกันล่ะจ๊ะ
จะเขียน หรือ จะท่อง มันก็ได้แค่รู้ในระดับเขียนระดับท่อง จร้า
และไอ้รู้แบบนั้น มันไม่ใช่รู้สภาวะจร้า
เป็นการทำความรู้สึกที่ตามสังขารนำไปจร้า
เป็นการรู้ภายใต้กรอบสังขารจร้า ทำงานภายใต้สัญญาจร้า

เป็นการเดินตามลายแทงที่คิดว่าจะนำพาไปพบสมบัติจร้าาาาา
ซึ่งยังพบแต่การกอด ลูบ คลำลายแทงจร้าาาาา

ยังไม่ได้ลูบคลำสมบัติจริง ๆ เลยจร้าาาาา

:b4: :b4: :b4:

ยังมองไม่เห็นภาพเลยใช่มั๊ยจ๊ะ

อิอิ ก็ภาพที่คุณเห็น กับภาพที่เราเห็นมันต่างกันไงจ๊ะ
ข้าพเจ้าบอกได้ว่าท่านเห็นอะไรอยู่
แต่ท่านบอกไม่ได้หรอก ว่าข้าพเจ้า เห็นอารายยยยย s005 s005

:b19: :b19: :b19:



ท่องให้รู้จัก > รู้จำ> รู้แจ้ง > รู้จริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ม.ค. 2012, 15:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาทุกๆคำตอบครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ม.ค. 2012, 15:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:

ท่องให้รู้จัก > รู้จำ> รู้แจ้ง > รู้จริง


ท่อง "โลมา"
จำ "โลมา"
จะทำให้ รู้แจ้ง รู้จริง "โลมา" ด้วยมั๊ย

รสชาดของเป็นไงล่ะจ๊ะ จะบอกถูกมั๊ย
ถ้าไม่เคยเจอโลมา และลองเอาลิ้นเลียโลมา

:b16: :b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ม.ค. 2012, 18:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:

ท่องให้รู้จัก > รู้จำ> รู้แจ้ง > รู้จริง


ท่อง "โลมา"
จำ "โลมา"
จะทำให้ รู้แจ้ง รู้จริง "โลมา" ด้วยมั๊ย

รสชาดของเป็นไงล่ะจ๊ะ จะบอกถูกมั๊ย
ถ้าไม่เคยเจอโลมา และลองเอาลิ้นเลียโลมา

:b16: :b16: :b16:


พระพุทธองค์ก็ไม่ได้ไปพิสูจน์ หรือทดสอบ ทดลองทางวิทยาศาสตร์ ว่าสรรพสิ่งว่ามัน เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ยังไง แค่เห็นสภาวะที่มันเปลี่ยนไปในปัจจุบันท่านก็เห็นความจริงแล้ว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ม.ค. 2012, 18:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
พระพุทธองค์ก็ไม่ได้ไปพิสูจน์ หรือทดสอบ ทดลองทางวิทยาศาสตร์ ว่าสรรพสิ่งว่ามัน เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ยังไง แค่เห็นสภาวะที่มันเปลี่ยนไปในปัจจุบันท่านก็เห็นความจริงแล้ว


ท่านกล่าวอย่างนี้ เพราะท่านยังไม่รู้จักนิวรณ์ ดีพอ
ท่านไม่รู้จัก กิเลสตัณหาที่ส่งผลต่อจิต ดีพอ
และท่านก็ยังไม่รู้จัก ศักยภาพแห่งอายตนะ ทั่วถึง ดีพอ
ทำให้ท่านไม่รู้ว่านิวรณ์ กิเลส ตัณหา ส่งผลให้อายตนะทำงานด้อยประสิทธิภาพลงอย่างไร

ถ้าเพียงแต่ท่านทำให้อายตนะเข้าถึงประสิทธิภาพสูงสุดได้
นั่นคือ ท่านต้องสลัดสัมภาระต่าง ๆ ออกไปให้หมดจากใจ
ท่านจะรู้เองว่า ท่านไม่ต้องทำอะไรเพื่อที่จะต้องรู้
เพราะ ด้วยความเป็นเช่นนั้นแห่งอายตนะ
อายตนะจะทำให้รู้เอง

พระพุทธองค์สอนทุกสิ่งที่จำเป็นที่ผู้ศึกษาปฏิบัติ
เมื่อปฏิบัติตาม ย่อมเดินผ่านมาตามเส้นทาง
ได้เช็คตัวเอง
เพื่อได้เป็นการให้ความมั่นใจ ในสิ่งที่ผู้ปฏิบัติได้ประสพ
ว่าเขาได้เดินตามพระองค์ มาถูกทาง

ภาษาของพระพุทธองค์ ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ทางวัตถุ
แต่เป็น ศาสตร์แห่งจิต

:b1:

ภายใต้อายตนะแห่งพุทธะ พระองค์ทรงเห็นความ ไม่เกิด-ไม่ดับ

เรื่องมันก็แค่นั่นเอง

:b16: :b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ม.ค. 2012, 19:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


จันทร์เจ้าขา เขียน:
asoka เขียน:
ใบไผ่เขียว เขียน:
สัญญากับปัญญา เกี่ยวพ้นอย่างไรบ้างครับ ? :b12:


tongue
ความรู้ครั้งแรกที่สุดของชีวิต คือปัญญา เป็นภาวนามยปัญา
หลังจากนั้น ความรู้นั้นจะกลายเป็น รู้ด้วยสัญญา ความจำหมาย หรือคิดนึก เป็นสุตตะและจินตมยปัญญา


:b1:

ภาวนามยปัญญา เป็นปัญญาแบบไหนค่ะ ลักษณะการเกิดๆ อย่างไร? สาธุคะ :b8:

:b27:
สาธุ กับคุณจันทร์เจ้าขา ที่ถาม
ภาวนามยปัญญา คือปัญญาที่เกิดจากการประสบความจริงด้วยกาย ใจ ของตนเอง ตัวอย่างที่ง่ายๆเช่น
คนที่ไม่เคยรู้รสเค็มมาก่อนในชีวิต พอเขาได้เม็ดเกลือมาแตะที่ลิ้น เขาก็จะรู้ขึ้นที่ใจของเขาทันที การรู้เค็มครั้งแรกของชีวิตนั้นเป็นปัญญา หลังจากนั้นความรู้รสเค็ม จะสามารถนึกรู้ได้ด้วยสัญญา แต่ความเค็มหรือรสเค็มนั้นไม่สามารถบรรยายเป็นภาษามนุษย์ให้คนที่ยังไม่เคยรู้รสเค็มให้รู้ได้ คงสามารถบอกได้แต่วิธีที่เขาจะได้สัมผัสความเค็ม จะทดลองง่ายๆกว่านั้น ลองไปพูดคำว่าเค็มหรืออธิบายความเค็มให้ฝรั่งที่ไม่รู้ภาษาไทยฟัง เขาไม่มีทางจะรู้ได้ด้วยคำอธิบาย เวันเสียแต่จะนำเกลือมาให้เขาแตะดูที่ลิ้น

ในทางธรรมเพื่อความหลุดพ้น เช่นการเจริญวิปัสสนาภาวนา ญาณแรกที่จะต้องเกิดคือ
"นามรูปปริเฉททญาณ" คือจะต้องเห็นหรือรู้ ว่ารูป กับ นาม แยกออกจากกันอย่างชัดเจนเป็นคนละส่วนกัน ถ้าเรานึกคิดเอาตามบัญญัติก็แค่พอเข้าใจ แต่พอนั่งลงพิสูจน์ความจริงหากจิตยังหยาบ สติ สมาธิ ปัญญา มีกำลังไม่เพียงพอจะไม่เห็นหรือรู้ว่าใดเป็นนาม ใดเป็นรูป ดังนี้เป็นต้น

อันสำคัญเช่นสภาวที่จิตไร้ความเป็นอัตตา หรือจิตอนัตตา เป็นอย่างไร ถ้ายังเอาความเห็นผิดออกจากใจไม่ได้
บุคคลผู้นั้นจะไม่รู้ซึ้งเลยว่าจิตอนัตตาเป็นอย่างไร

นิพพาน ก็ดุจเดียวกัน
:b38: Onion_L onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ม.ค. 2012, 20:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2010, 12:27
โพสต์: 91

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณคะ มีความเห็นของหลายท่าน ทั้งคุณไม่เที่ยงฯ เรื่องปัญญา ๓ ภาวนามยปัญา เป็นปัญญาที่ดับทุข์ จึงสงสัยว่า พอเรามีปัญญาก็สามารถดับทุกข์ได้เลยหรือค่ะ แล้วคงไม่ต้องทำอะไรอีก เพราะทุกข์ดับแล้ว อย่างนี้หรือเปล่าค่ะ :b8:


แก้ไขล่าสุดโดย จันทร์เจ้าขา เมื่อ 12 ม.ค. 2012, 20:24, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ม.ค. 2012, 20:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


onion
ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
ถ้าคุณไม่ได้จำตัวหนังสือ คุณจะมีปัญญาได้อย่างไร
Onion_L
สาธุ อนุโมทนายิ่งที่คุณไม่เที่ยง เกิด ดับ พูดและถามเช่นนี้ เพราะจะได้โอกาสชี้แจงให้เข้าใจถูกต้องกันเสียทีเรื่อง ปัญญา
:b34:
จำตัวหนังสือ ชื่อก็บอกแล้วว่าเป็นเรื่องของสัญญา ปัญญา ที่ได้จากการจำตัวหนังสือเป็นสุตตมยปัญญา
ที่คุณกำลังคิดใคร่ครวญพิจารณาหาเหตุผลอยู่นี้เป็นจินตมมยปัญญา


ส่วนภาวนามยปัญญานั้นเป็นปัญญาที่ไปรู้สัจจธรรมความจริงซึ่งบัญญัติคำพูดไม่สามารถจะบรรยายให้รู้ได้ ต้องรู้ที่ใจโดยตรงอย่างเรื่องของสภาวธรรมทั้งหลายที่เกิดขึ้นในกายและจิต เรื่องของสภาวธรรมนั้นเป็นเรื่องที่คนที่เคยสัมผัสสภาวะอย่างเดียวกันนั้นมาแล้วจึงจะคุยกันรู้เรื่องและเข้าใจได้ทันที อุปมาอย่างเช่น ความร้อน หนาว รสเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม นิมิตแสงสว่าง สุข ทุกข์ ดีใจ เสียใจ จิตหดหู่ จิตประภัสสร สภาวะของฌาณ 1-2-3-4 จิตมีอัตตา จิตไร้อัตตา นิพพาน ฯลฯ :b53:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ม.ค. 2012, 21:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
onion
ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
ถ้าคุณไม่ได้จำตัวหนังสือ คุณจะมีปัญญาได้อย่างไร
Onion_L
สาธุ อนุโมทนายิ่งที่คุณไม่เที่ยง เกิด ดับ พูดและถามเช่นนี้ เพราะจะได้โอกาสชี้แจงให้เข้าใจถูกต้องกันเสียทีเรื่อง ปัญญา
:b34:
จำตัวหนังสือ ชื่อก็บอกแล้วว่าเป็นเรื่องของสัญญา ปัญญา ที่ได้จากการจำตัวหนังสือเป็นสุตตมยปัญญา
ที่คุณกำลังคิดใคร่ครวญพิจารณาหาเหตุผลอยู่นี้เป็นจินตมมยปัญญา


ส่วนภาวนามยปัญญานั้นเป็นปัญญาที่ไปรู้สัจจธรรมความจริงซึ่งบัญญัติคำพูดไม่สามารถจะบรรยายให้รู้ได้ ต้องรู้ที่ใจโดยตรงอย่างเรื่องของสภาวธรรมทั้งหลายที่เกิดขึ้นในกายและจิต เรื่องของสภาวธรรมนั้นเป็นเรื่องที่คนที่เคยสัมผัสสภาวะอย่างเดียวกันนั้นมาแล้วจึงจะคุยกันรู้เรื่องและเข้าใจได้ทันที อุปมาอย่างเช่น ความร้อน หนาว รสเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม นิมิตแสงสว่าง สุข ทุกข์ ดีใจ เสียใจ จิตหดหู่ จิตประภัสสร สภาวะของฌาณ 1-2-3-4 จิตมีอัตตา จิตไร้อัตตา นิพพาน ฯลฯ :b53:


ใช่ครับ การจำตัวหนังสือเป็นสุตตมยปัญญา แต่ผมเปรียบเที่ยบให้เป็นว่าการจำตัวหนังสือ ก็ทำให้เกิดปัญญา (ทางโลก) เหมือนปัญญาทางธรรมถ้าไม่วิปัสสนาบันทึก เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ในสัญญาก็ไม่เกิดปัญญาเหมือนกัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ม.ค. 2012, 21:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


จันทร์เจ้าขา เขียน:
ขอบคุณคะ มีความเห็นของหลายท่าน ทั้งคุณไม่เที่ยงฯ เรื่องปัญญา ๓ ภาวนามยปัญา เป็นปัญญาที่ดับทุข์ จึงสงสัยว่า พอเรามีปัญญาก็สามารถดับทุกข์ได้เลยหรือค่ะ แล้วคงไม่ต้องทำอะไรอีก เพราะทุกข์ดับแล้ว อย่างนี้หรือเปล่าค่ะ :b8:

เมื่อเห็นความจริงว่าสรรพสิ่งมีเกิดขึ้น มีตั้งอยู่ มีดับไป หรือ ไม่คงทนถาวร เปลี่ยนสภาวะตลอดเวลา

สรรพสิ่ง คือ ภายในตัวเราขันธ์ 5 สิ่งกระทบตัวเรา เช่น รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ธรรมารมณ์ สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจากเหตุปัจจัยทำให้เกิดขึ้น ทำให้ตั้งอยู่ ทำให้ดับไป
ไม่มีตัวตน เมื่อเห็นอย่างนี้เราก็ไม่หลงพอใจ ไม่พอใจ กับสิ่งเหล่านี้เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่มีตัวตน ปัญญาเกิดขึ้นทันที ไม่เห็นผิด ยกตัวอย่าง คนดมทินเนอร์ คิดว่าเป็นกลิ่นหอม ให้ความสุขได้ หลงในกลิ่น สุดท้ายทุกข์ตามมาสุขภาพทรุดโทรม ถูกตำรวจจับ สมองเสื่อม อารมณ์หงุดหงิด เป็นโจร เป็นขโมย นี่แหละทุกข์ตามมา

ถ้ามี ปัญญาดับทุกข์ ก็จะดับที่เหตุคือ ความไม่เที่ยงของกลิ่น กลิ่นเกิดจากเหตุปัจจัย สุดท้ายก็หายไป ไม่คงถาวร ไม่มีกลิ่น เป็นการดับทุกข์ที่เราสร้างขึ้นเอง
ส่วนการพิจารณาขันธ์ 5 เป็นการดับทุกข์ธรรมชาติ หรือทุกข์เกิด แก่ เจ็บ ตาย เราก็ไม่ทุกข์เพราะความแก่ ความเจ็บ ความตาย

ต้องฝึกพิจารณาตลอด เมื่อมีสิ่งมากระทบตัวเราในขณะปัจจุบัน เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นตัวล่อให้เราเกิดความพอใจ ไม่พอใจ ได้ตลอดเวลาดังนี้เราต้องพิจารณา เมื่อพิจารณาถึงขั้นหนึ่งเราก็จะรู้ผิด ชอบ ชั่วดี (นี่แหละเรียกว่ามีปัญญา ดับต้นเหตุแห่งปัญหา หรือทุกข์ได้) เราก็จะไม่ไปทำความผิด ทำแต่ความดี พูดดี (นี่แหละเรียกวาคนมีศีล) ความพยายาม สติ และสมาธิก็จะเกิดขึ้น
ยิ่งปฏิบัติมาก ปัญญาก็เพิ่มมากขึ้น ศีลและสมาธิก็จะเพิ่มขึ้นตาม


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 50 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร