วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 14:52  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 30 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ค. 2011, 15:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อัตราเงินเดือนของท่านเทวฤทธิ์ นะ เชียงราย นั่นเจ้าของกิจการเจ๊งกันพอดี :b1:

ราษฎรอาวุโสบอก ค่าแรง 150/วัน ก็พออยู่พอกินแล้ว หากมีอาหารมีที่พักพอเพียง :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ค. 2011, 20:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ กรัชกาย ขอรับ ข้าพเจ้าคิดว่า คุณควรไปฝึกการอ่านภาษาไทย และทำความเข้าใจกับความหมายในภาษาไทยใหม่นะขอรับ
ข้าพเจ้าเขียนเป็นข้อเสนอแนะนะขอรับ ไม่ใช่เขียนเพื่อให้พวกที่จะมาเป็นรัฐบาลทำตามข้อกำหนดของข้าพเจ้า แต่เขียนเพื่อเป็นข้อคิดแนวทางให้นำไปปฏิบัติ เพราะยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมากมาย หลายอย่างหลายประการ ที่จะต้องนำมาเป็นมาตรการเพื่อช่วยเหลือมิให้ผู้ประกอบการทั้งหลายรับภาระ และแน่นอนผู้ประกอบการย่อมผลักภาระไปให้ผู้บริโภค แต่เพื่อช่วยเหลือทั้งผู้ประกอบการ ผู้ใช้แรงงาน และผู้บริโภค ข้าพเจ้าจึงเขียนข้อเสนอแนะขึ้นมา เป็นแนวทาง เป็นข้อคิดพิจารณา เขาจะทำตามทั้งหมดที่ข้าพเจ้าเสนอไปก็ได้ ถ้าพวกเขามีมาตราการครบถ้วน หรือ พวกเขาอาจจะใช้เป็นแนวทางในการสร้างมาตรการ หรือเครื่องมือต่างๆในการปรับอ้ตราค่าจ้างแรงงาน ขั้นต่ำ โดยให้เกิดความเดือดร้อนน้อยที่สุด สามารถอยู่ได้ทุกระดับ
กลับไปอ่านให้ดีนะขอรับ อย่ายั่ว เด๋วถูกด่า ..อิ อิ อิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ค. 2011, 20:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกายได้ฟังมาตามนั้น ก็มาเล่าให้ฟัง :b15:

ตามที่ราษฎรอาวุโสพูดเห็นว่า พออยู่กันได้ตามประสาคนไทย ประชาชนคนชั้นล่าง ขาดเหลือยังไงก็เก็บยอดตำลึงบ้าง ยอดกะถินบ้าง ผักบุ้งตามท้องไร่ท้องนาบ้าง เอามาผัดกินกันไป หากน้ำมันพืชแพงถึงกับแย่งกันซื้อ ก็เอามาต้มๆนิ่งๆตามที่นายหัวแนะนำ :b15:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ค. 2011, 07:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 20:29
โพสต์: 5112

แนวปฏิบัติ: พิจารณากาย
สิ่งที่ชื่นชอบ: มณีรัตน์,พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ร้วห่อทอง
อายุ: 39

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ตามที่ราษฎรอาวุโสพูดเห็นว่า พออยู่กันได้ตามประสาคนไทย ประชาชนคนชั้นล่าง ขาดเหลือยังไงก็เก็บยอดตำลึงบ้าง ยอดกะถินบ้าง ผักบุ้งตามท้องไร่ท้องนาบ้าง เอามาผัดกินกันไป หากน้ำมันพืชแพงถึงกับแย่งกันซื้อ ก็เอามาต้มๆนิ่งๆตามที่นายหัวแนะนำ



:b32: :b32: :b32: :b32:

ขืนค่าแรงแพง มีกองทุนนั่นนี่มากก้ไมไ่ด้กู้นอกระบบ เลิกเป็นคนรับใช้ ใช้งานยาก หัวแข็ง
ส่งลูกเรียนหนังสือได้ ไม่ต้องผ่อนของรายวัน ตีตนเสมอท่าน

เมื่อไม่มีคนชั้นล่าง...แล้วมันจะมี"คนชั้นบน" ได้อย่างไร นั่นล่ะปัญหาที่ทำให้อาวุโสหลายคนคิดมาก

.....................................................
"เกิดดับ..เกิดแล้วไม่ดับไม่มี"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2011, 05:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ Hanako เคยศึกษาที่มาวรรณะ 4 ของอินเดียไหมครับ โดยเฉพาะวรรณะศูทร กลุ่มใดใครเป็นคนตั้งให้พวกเขาเป็น แล้วพระพุทธเจ้าตรัสว่าอย่างไร

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2011, 05:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


sriariya เขียน:
ในกระทู้นี้ จำเป็นต้องขออนุญาต ต่อทีมงาน ขอให้ช่วยอนุเคราะห์ต่อประชาชน ขอให้ตัดความรัก ความไม่รัก ความชอบ ความไม่ชอบ ออกไปก่อน หากท่านผู้ใดได้อ่าน และสามารถนำข่าวสาร ไปบอกต่อได้ ก็จะดียิ่ง เหตุเพราะต้องการให้ผู้รับปฏิบัติ ได้รับทราบแนวทางการปฏิบัติ เพื่อประชาชนจะได้อยู่ดีมีสุข จึงของอนุญาตทางทีมงาน ขอโพสกระทู้นี้ด้วยขอรับ

ผมขออนุญาติออกความเห็น ในส่วนของจขกทสักเล็กน้อย คิดเสียว่าเป็นการ
สนทนาธรรม เพื่อสร้างสรรในส่วนของเศรษฐกิจและสังคม

ถ้าเป็นเรื่องของการปรับฐานเงินเดือนข้าราชขั้นต่ำของปริญญาตรี
ผมมีขอเสนอแนะว่า ยังไม่ต้องรีบนัก ควรทำในส่วนของเอกชนในเรื่องค่าแรง
ขั้นต่ำ300บาทและเงินเดือนปีญญาตรี15000บาทให้ลุล่วงไปก่อน สาเหตุคำนึ่งถึง
ความจำเป็นที่สำคัญในเรื่องของความจำยอม ส่วนใหญ่ที่ต้องทำงานในภาคส่วนของเอกชน
มักจะไม่มีทางเลือก มันอยู่ในลักษณะถูกบีบให้ต้องทำเพราะเรื่องเศรษฐกิจความเป็นอยู่
กอบกับที่ต้องเร่งด่วนเพราะภาคเอกชนขาดความสมดุลในเรื่องของ
สวัสดิการ ในเรื่องที่อยู่อาศัยและค่าครองชีพในส่วนที่จำเป็น

แต่ในภาคราชการมักจะแย่งกันเขามา ทั้งๆที่รู้อยู่ว่าเงินเดือนน้อย
มิหน่ำซ้ำยังต้องผ่านการสอบคัดเลือก บางครั้งเปิดรับไม่กี่ตำแหน่ง
ยังเฮละโลมาสมัครเป็นร้อยเป็นพัน แล้วที่เห็นมาล้วนแล้วแต่มีงานทำกันอยู่แล้ว
นี่ยังไม่พูดเรื่องทุจริตในการสอบเข้า เงินเดือนแค่ไม่กี่พัน แต่ยอมเสียเงินเป็นแสน
เพื่อให้ได้เข้าทำงานราชการ

บางครั้งที่บ้านก็มีกิจการให้ทำชนิดที่เรียกว่ากินดีอยู่ดี หรือในต่างจังหวัดที่เรียกว่าชนบท
ทั้งๆที่มีที่นาเอง พ่อแม่เป็นเจ้าของสวนยาง แต่ลูกๆกลับไม่ชอบทำ แม้กระตัวพ่อแม่เอง
ก็เถอะไม่อยากให้ลูกทำอุตสาห์ไปจ้างแรงงานมาทำแทน เพราะต้องการให้ลูกรับราชการ

ในเรื่องของราชการที่ไม่จำเป็นต้องทำ ผมสรุปสั้นๆเลยครับ
อาชีพข้าราชการ มันไม่เข้าข่ายที่จะต้องรีบทำ จุดประสงค์ส่วนใหญ่ที่เข้ามารับราชการ
ก็เพราะเห็นว่าเป็นอาชีพมีเกียรติ์ มีหลักประกันแน่นอน และไม่เดือดร้อนในบั่นปลายชีวิต
และที่สำคัญเขามองกันที่สวัสดิการ เงินเดือนเป็นส่วนประกอบ
ส่วนเรื่องที่ต้องการเข้ามาเพื่อทุจริตไม่ขอพูดถึงครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2011, 06:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


sriariya เขียน:
จะต้องควบคุมไม่ให้มีการขึ้นราคาสินค้าทุกชนิด แต่ก็จะมีสินค้าหรือการค้าขายบางชนิดที่รัฐบาลไม่สามารถควบคุมได้ เช่น สินค้าการเกษตรบางชนิด ที่มีการจ้างแรงงาน และสินค้าเกษตรบางชนิดที่รัฐบาลจำเป็นต้องควบคุมให้เป็นไปตามราคาที่ต้องการ และมาตรการการควบคุมสินค้าบางชนิดที่รัฐบาลไม่สามารถควบคุมได้นั้น ให้รัฐบาลช่วยเหลือเพื่อลดต้นทุน ไม่ให้มีการขึ้นราคา ก็คือ การลดต้นทุนทางด้านการขนส่ง และการลดภาษีสินค้าที่เกี่ยวข้องกับในการทำเกษตรกรรมทุกชนิด ในที่นี้หมายเอาเฉพาะการทำการเกษตรกรรมทุกระดับที่มีการเสียภาษีต่าง

ผมว่าการวบคุมราคาสินค้าเท่าที่เห็นมามันยังไม่ใช่แนวทางครับ เพราะพ่อค้าหรือผู้ประกอบการ
เขามีวิธีหลีกเลี่ยงครับ เช่นกักตุนสินค้าไม่นำออกมาขาย รอจนกว่าจะยอมให้ขึ้นราคา วิธีแก้
วิธีแก้ต้องปล่อยให้สินค้าเป็นไปตามท้องตลาด แต่ภาครัฐต้องพยายามให้มีผู้ประกอบการขึ้นมากๆ
เพื่อให้เกิดการแข่งขัน พยายามสนับสนุนให้ผู้ผลิตเป็นผู้ขายหรือเป็นพ่อค้าคือทำให้ครบวงจร
จะเป็นการลดต้นทุนและลดขั้นตอนของการค้ากำไรครับ

ที่สำคัญรัฐสมควรไปแก้กฎหมาย แล้วมีภาคส่วนของการผลิตหรือเป็นผู้ประกอบการเสียเอง
เพื่อไปแข่งขันกับเอกชน อาจจะทำแบบรัฐวิสาหกิจก็ได้แต่ต้องคำนึงถึงเรื่องการทุจริตก่อน

เมื่อก่อนรัฐไม่สามารถไปแข่งขันกับภาคเอกชนได้เพราะขัดกับกฎหมายการส่งเสริมการลงทุน
แต่ถ้าเราดูในสภาวะเช่นนี้ ทางรัฐยังเห็นดีไปกับการสนับสนุนพวกนายทุนอยู่อีกหรือ
ผมเห็นว่ามันเป็นการส่งเสริมการเอารัดเอาเปรียบเสียล่ะมากกว่า


ผมว่าเรื่องการลดต้นทุนให้ผู้ประกอบการ ทางรัฐบาลเลิกคิดได้แล้วครับ
เพราะอย่างไรก็ไม่ทัน พ่อค้าหรือผู้ประกอบการหรอกครับ พวกพ่อค้าเขามีวิธี
คิดเรื่องต้นทุนอย่างไรทราบมั้ยครับ เวลาพักเที่ยงพ่อค้าเขาอยากกินอาหารหรือกินกาแฟสักถ้วย
เขาจะเอาส่วนนั้นมาเป็นต้นทุนด้วยนะครับ ยิ่งหนักไปกว่านั้นก็คือ พาลูกค้าที่เป็นผู้ชาย
ไปเอ็นเตอร์เทน ก็พาไปอาบอบนวดนั้นแหล่ะครับ นี่มันก็เอามาคิดเป็นต้นทุนนะครับ
ที่หนักไปกว่านั้น บางที่เอาผลกำไรของปีนี้ หักลบแจกจ่ายกันแล้ว
ดันเอาส่วนที่เหลือไปร่วมเป็นต้นทุนของปีต่อไป ทั้งๆที่เงินส่วนนั้นมันยังอยู่ในธนาคาร
กินดอกแท้ๆ


แทนที่จะลดภาษีให้ผู้ประกอบการ ผมว่ารัฐบาลพยายามไปเก็บภาษีให้เต็มเม็ดเต็มหน่วยดีกว่า
ไอ้ภาษี30%ที่ว่าจะลดเหลือ23% ถามจริงครับเก็บได้ถึง30%จริงหรือเปล่า
ต้องพูดว่า...รู้จักพ่อค้าน้อยไปเสียแล้ว


แก้ไขล่าสุดโดย โฮฮับ เมื่อ 22 ก.ค. 2011, 04:29, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2011, 19:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 20:29
โพสต์: 5112

แนวปฏิบัติ: พิจารณากาย
สิ่งที่ชื่นชอบ: มณีรัตน์,พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ร้วห่อทอง
อายุ: 39

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
คุณ Hanako เคยศึกษาที่มาวรรณะ 4 ของอินเดียไหมครับ โดยเฉพาะวรรณะศูทร กลุ่มใดใครเป็นคนตั้งให้พวกเขาเป็น แล้วพระพุทธเจ้าตรัสว่าอย่างไร



เคยศึกษาผิวเผินค่ะ :b1:

.....................................................
"เกิดดับ..เกิดแล้วไม่ดับไม่มี"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2011, 20:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


ข้อแนะนำในการปรับอัตราค่าจ้าง เพิ่มเติม
ท่านทั้งหลาย รวมถึงเหล่าบรรดาคณะบุคคลที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี เป็นคณะรัฐบาล อย่าหาว่าข้าพเจ้าเอามะพร้าวห้าวมาขายสวนเลยนะขอรับ จะถือว่าเป็นการทบทวนวิชาการก็ได้ จะถือว่าข้าพเจ้าสอนให้ก็ได้ จะถือว่าข้าพเจ้าให้ข้อคิดข้อแนะนำก็ได้ เช่นกัน
" การทำงานทุกชนิด ในทุกอาชีพ ในทุกระดับตำแหน่งงานที่มีอยู่ ตั้งแต่ระดับล่างสุดไปจนถึงระดับบนสุด ไม่ว่าจะทำงานใดใดเพียงคนเดียว หรือทำงานเป็นหมู่คณะ,กลุ่มบุคคล ย่อมต้องมีระบบการทำงาน ย่อมต้องมีระเบียบแบบแผนในการทำงาน ย่อมต้องมีการวางแผนมีข้อมูลในการทำงาน ที่สำคัญที่สุด ล้วนย่อมต้องมีลำดับขั้นในการทำงาน"
ถ้าจะกล่าวอย่างสั้นๆ การทำงานทุกระดับชั้น ต้องมีลำดับในการทำงาน กล่าวคือ ต้องมีลำดับว่า ควรทำอย่างไรก่อนเป็นอันดับแรก อันดับต่อไปทำอย่างไร จนไปถึงที่สุดของงานนั้นๆ นั้นหมายถึงผลสำเร็จ หรือเป้าหมายของงานนั้นๆ
งานบางชนิดอาจสามารถทำหลายด้านไปได้พร้อมๆกัน งานบางชนิด อาจต้องเริ่มตั้งแต่พื้นฐาน และในงานพื้นฐานนั้นก็อาจสามารถทำหลายอย่างไปได้พร้อมกันตามแต่ลักษณะงานนั้นๆ งานทุกชนิดจำเป็นต้องเริ่มทำงานไปตามลำดับขั้น จะข้ามขั้นไม่ได้เป็นอันขาด เพราะหากทำงานข้ามขั้นย่อมเกิดผลเสีย ผลกระทบในงานชิ้นนั้นไม่มากก็น้อย แต่ถ้าทำงานไปตามขั้นตอนตามลำดับ โอกาสผิดพลาด โอกาสที่จะเกิดผลกระทบหรือผลเสียย่อมไม่มีเลย หรืออาจจะมีน้อยที่สุดจนไม่นับว่าเป็นผลเสียหรือผลกระทบ
ที่ข้าพเจ้าอรรถาธิบายไปดังกล่าวข้างต้น คือคำตอบ,คำอธิบาย ว่า ทำไมข้าพเจ้าจึงได้เขียนข้อคิดข้อเสนอแนะเป็นข้อกำหนดเช่นนั้น ทำไมต้องปรับอัตราเงินเดือนข้าราชการก่อนเป็นข้อที่ ๑ ,ทำไมต้องให้มีการควบคุมราคาสินค้า โดยใช้เครื่องมือเป็นมาตรการตามที่กล่าวไว้ในข้อเสนอแนะ ถ้าใช้เครื่องมือที่สร้างขึ้นเป็นมาตรการย่อมต้องสามารถควบคุมราคาสินค้าได้ นั่นย่อมหมายความว่า ประชาชนผู้ใช้แรงงาน,ข้าราชการชั้นผู้น้อย ย่อมมีเงินเหลือเพิ่มขึ้น อยู่ดีกินดีกว่าเดิม
แต่ถ้าสินค้ามีราคาสูงขึ้นหลังจากปรับอัตราค้าจ้าง นั่นหมายความว่า ประชาชนไม่ได้รับผลประโยชน์จากอัตราค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นเลย และก็เป็นมาโดยตลอด
ข้าพเจ้า จึงได้เขียนข้อเสนอแนะดังกล่าว เพื่อประชาชนทั้งหลายจะได้สบายขึ้น อยู่ดีกันดี ไม่ตกอยู่ใน วงจรอุบาทว์ดังจะเห็นได้เมื่อคราวพรรคประชาธิปัตย์เป็นคณะรัฐบาล
ข้าพเจ้า เขียนแนะนำให้พรรคประชาธิปัตย์ หลายครั้ง หลายหน เตือนพวกเขาไม่ต่ำกว่า สองครั้ง แต่พวกเขาไม่ยอมทำ เรื่องง่ายๆ แค่เพิ่มเงินคนชรา และคนพิการ เป็น 600 ถึง 700 บาท (ถ้าจำไม่ผิด) พวกเขายังไม่ยอมทำเลยขอรับ
อนึ่งท่านทั้งหลายไม่ต้องกังขาดอกขอรับ ทดลองทำงานที่ท่านทั้งหลายทำอยู่ เอาแค่เขียนหนังสือก็ได้ เขียนคำว่า "ข้าพเจ้า" โดยไม่เขียนตามลำดับ ข้าพเจ้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า ท่านทั้งหลายจะอ่านภาษาที่ท่านทั้งหลายเขียนไม่เป็นไปตามลำดับเหล่าได้ความหมายหรือไม่ ที่กล่าวไปนี้ยังไม่รวมการใช้เครื่องมือไม่เป็น หรือใช้เครื่องมือไม่ถูกต้องอีกนะขอรับ
โดย จ่าสิบตรี เทวฤทธิ์ ทูลพันธ์
21 กรกฎาคม 2554


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ค. 2011, 05:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


sriariya เขียน:
ข้อแนะนำในการปรับอัตราค่าจ้าง เพิ่มเติม
ท่านทั้งหลาย รวมถึงเหล่าบรรดาคณะบุคคลที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี เป็นคณะรัฐบาล อย่าหาว่าข้าพเจ้าเอามะพร้าวห้าวมาขายสวนเลยนะขอรับ จะถือว่าเป็นการทบทวนวิชาการก็ได้ จะถือว่าข้าพเจ้าสอนให้ก็ได้ จะถือว่าข้าพเจ้าให้ข้อคิดข้อแนะนำก็ได้ เช่นกัน

ก่อนอื่นขอออกตัวครับว่า ผมไม่ได้มีส่วนได้เสียกับเรื่องที่เรากำลังถกกัน
แต่ที่เข้ามาแสดงความเห็นก็เพื่อ แสดงหลักธรรมของพระพุทธเจ้าในเรื่อง เหตุและผล
เพียงอยากให้สมาชิกเห็นปัญหาและวิธีแก้ไปตามเหตุผล การประยุกต์เอาคำสอนของพระพุทธเจ้า
มาหาเหตุแห่งปัญหาและการแก้ปัญหา อีกทั้งความเหมาะสมในการแก้และการปล่อยวางบางปัญหา
sriariya เขียน:
" การทำงานทุกชนิด ในทุกอาชีพ ในทุกระดับตำแหน่งงานที่มีอยู่ ตั้งแต่ระดับล่างสุดไปจนถึงระดับบนสุด ไม่ว่าจะทำงานใดใดเพียงคนเดียว หรือทำงานเป็นหมู่คณะ,กลุ่มบุคคล ย่อมต้องมีระบบการทำงาน ย่อมต้องมีระเบียบแบบแผนในการทำงาน ย่อมต้องมีการวางแผนมีข้อมูลในการทำงาน ที่สำคัญที่สุด ล้วนย่อมต้องมีลำดับขั้นในการทำงาน"
ถ้าจะกล่าวอย่างสั้นๆ การทำงานทุกระดับชั้น ต้องมีลำดับในการทำงาน กล่าวคือ ต้องมีลำดับว่า ควรทำอย่างไรก่อนเป็นอันดับแรก อันดับต่อไปทำอย่างไร จนไปถึงที่สุดของงานนั้นๆ นั้นหมายถึงผลสำเร็จ หรือเป้าหมายของงานนั้นๆ

เรื่องระบบงานที่คุณกล่าวมา มันถูกต้องตามทฤษฎีครับ แต่ในขั้นตอนของการปฎิบัตินั้น
ปัญหาบางอย่างมันมาไม่เป็นขั้นตอนนะสิครับ ปัญหาที่ว่า ก็คือการแก้ปัญหาหนึ่ง แต่กลับ
ไปทำให้เกิดปัญหาอีกอย่างหนึ่ง เช่นการขึ้นค่าแรง ย่อมต้องไปสร้างปัญหาใหม่ให้ผู้ประกอบการ

หลักการแก้ปัญหาเราต้องใช้หลักคำสอนของพระพุทธเจ้าครับ
นั้นก็คือ ไปหาปัญหาที่ตันเหตุว่าเป็นอะไร บางครั้งเหตุเพียงอย่างเดียว
มันอาจสร้างปัญหาขึ้นมากมาย ตัวอย่างเช่น ที่บอกว่าอยากให้ชาวบ้านกินดีอยู่ดี
ถามครับว่า มันจริงตามที่เขาว่าหรือเปล่า ถ้าเปล่าก็ต้องบอกครับว่า เขาอยู่ของเขาดีๆ

ผมอยากจะชี้ต้นตอบางแง่ในแรงค่าแรงให้ดูครับ มันเป็นเพราะรัฐบาลไปส่งเสริม
การลงทุนมากไปหรือเปล่า รัฐบาลไปสนับสนุนอุตสาหกรรมที่ฟุ่มเฟือยคนไทยได้ค่าแรง
ไม่กี่บาท แต่ต่างชาติได้กำไรเป็นร้อยๆล้าน
เชื่อมโยงกันรัฐบาลสนับสนุนการศึกษาที่ผิดหรือเปล่า ให้เด็กไทยเรียนสูงๆ
แต่ไม่คิดเลยว่าสิ่งที่เรียนมันมีประโยชน์หรือเปล่า เห็นจบปริญญาตรีกันให้เกลื้อน
จบมาแทนที่จะรีบหางานทำ ไม่ครับเรียนมาเพื่อเลือกงานนั้นเอง แบบนี้ไงที่คนต่างด้าว
เต็มเมือง

ดูแล้วปัญหาแรงงานมันต้องมีคนได้กับคนเสีย ถ้ารัฐบาลตัดสินใจให้ฝ่ายใช้แรงได้ผลประโยชน์
รัฐก็ต้องไปแก้ปัญหาที่ผู้ประกอบการครับ

ง่ายๆสั้นๆปัญหาของผู้ใช้แรงงานต้องใช้พระคุณ
ส่วนปัญหาของผู้ประกอบการต้องใช้พระเดชครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ค. 2011, 06:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


sriariya เขียน:
ที่ข้าพเจ้าอรรถาธิบายไปดังกล่าวข้างต้น คือคำตอบ,คำอธิบาย ว่า ทำไมข้าพเจ้าจึงได้เขียนข้อคิดข้อเสนอแนะเป็นข้อกำหนดเช่นนั้น ทำไมต้องปรับอัตราเงินเดือนข้าราชการก่อนเป็นข้อที่ ๑ ,

ผมบอกได้เลยว่า ที่คุณเสนอให้ขึ้นเงินเดือนราชการก่อนเป็นอันดับหนึ่ง ก็เพราะ
คุณมองปัญหาของชาติในมุมแคบครับ คุณเอาตัวคุณเองเป็นศูนย์รวมครับ
คุณไม่มองออกไปกว้างๆ
ปัญหาที่คุณว่ามันสำคัญต้องแก้เป็นอันดับหนึ่ง
ทำไมถึงคุณต้องกล่าวเช่นนี้ ผมจะชี้ให้ตรงประเด็นแล้วคุณก็ลองพิจารณาดูครับ

ประเด็นปัญหาของคุณก็คือจ่าสิบตรี.....
sriariya เขียน:
ทำไมต้องให้มีการควบคุมราคาสินค้า โดยใช้เครื่องมือเป็นมาตรการตามที่กล่าวไว้ในข้อเสนอแนะ ถ้าใช้เครื่องมือที่สร้างขึ้นเป็นมาตรการย่อมต้องสามารถควบคุมราคาสินค้าได้ นั่นย่อมหมายความว่า ประชาชนผู้ใช้แรงงาน,ข้าราชการชั้นผู้น้อย ย่อมมีเงินเหลือเพิ่มขึ้น อยู่ดีกินดีกว่าเดิม

จ่าครับผมจะบอกอะไรให้ครับสิ่งที่จ่ากล่าวมาทั้งหมด ผมไม่เห็นว่ามันเป็นวิธีแก้ปัญหา
แต่ทุกอย่างที่กล่าวมามันเป็นปัญหาล้วนๆครับ

ตัวอย่างง่ายๆครับ ที่สดๆร้อนๆก็เรื่องน้ำมันปาล์ม ไม่ใช่เพราะไปควบคุมราคาหรือครับ
น้ำมันปาล์มถึงได้หายไปจากท้องตลาด
ประชาชนต้องตบตีกันเพราะแย่งกันซื้อในราคาเท่าไรก็ยอม พอรัฐบาลให้ขึ้นราคาได้
ผลก็คือน้ำมันปาล์มก็ออกมาจนล้น นี่ครับมันเป็นเทคนิคของพ่อค้าที่มีเงินทุนหมุนเวียนมาก
เทคนิคของพ่อค้าดูได้แก้ได้ครับ แต่ถ้าเป็นเทคนิคของผู้แก้หรือรัฐบาลอันนี้แก้ยากครับ

sriariya เขียน:

แต่ถ้าสินค้ามีราคาสูงขึ้นหลังจากปรับอัตราค้าจ้าง นั่นหมายความว่า ประชาชนไม่ได้รับผลประโยชน์จากอัตราค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นเลย และก็เป็นมาโดยตลอด

เรื่องการปรับค่าแรงแล้วไปขึ้นราคา มันเป็นข้ออ้างที่ผมบอกว่า มันทุเรศสิ้นดีครับ
จริงแล้วมันไม่ใช่ปัญหาที่เกี่ยวกับต้นทุนโดยตรงเลย ระบบงานที่แท้จริงผลประโยชน์ของงาน
กับผลประโยชน์ของเงินต้องเดินควบคู่กันไปครับ อันนี้ผมว่าใครๆก็รู้ดี

คนเป็นพ่อค้าจุดใหญ่ก็คือทำอย่างไรจะกำไรมากๆ แล้วทำอย่างไรจะหาเรื่องเอามาอ้าง
บางครั้งอ้างแบบคนสิ้นคิดหน้าด้านก็ยังเอาครับ

ส่วนปัญหาที่จ่าบอกว่า ปรับค่าแรงแล้วสิ้นค้าจะขึ้น ไม่ต้องห่วงครับ
ไปห่วงที่พ่อค้ามันถือโอกาสขึ้นสินค้าก่อนแล้วทั้งๆที่ยังไม่ได้ปรับค่าแรงเลย


sriariya เขียน:
ข้าพเจ้า จึงได้เขียนข้อเสนอแนะดังกล่าว เพื่อประชาชนทั้งหลายจะได้สบายขึ้น อยู่ดีกันดี ไม่ตกอยู่ใน วงจรอุบาทว์ดังจะเห็นได้เมื่อคราวพรรคประชาธิปัตย์เป็นคณะรัฐบาล
ข้าพเจ้า เขียนแนะนำให้พรรคประชาธิปัตย์ หลายครั้ง หลายหน เตือนพวกเขาไม่ต่ำกว่า สองครั้ง แต่พวกเขาไม่ยอมทำ เรื่องง่ายๆ แค่เพิ่มเงินคนชรา และคนพิการ เป็น 600 ถึง 700 บาท (ถ้าจำไม่ผิด) พวกเขายังไม่ยอมทำเลยขอรับ

ผมว่าทุกรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เขาก็อยากแก้ปัญหาให้ประชาชนทุกคน
เพราะมันเป็นคะแนนเสียงของเขา มันติดอยู่ตรงแก้ให้อีกฝ่ายแต่มันไปกระทบอีกฝ่าย
นี่ยังไม่รวมเรื่องเทคนิคของรัฐบาลกับพรรคร่วมนะครับ
sriariya เขียน:
อนึ่งท่านทั้งหลายไม่ต้องกังขาดอกขอรับ ทดลองทำงานที่ท่านทั้งหลายทำอยู่ เอาแค่เขียนหนังสือก็ได้ เขียนคำว่า "ข้าพเจ้า" โดยไม่เขียนตามลำดับ ข้าพเจ้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า ท่านทั้งหลายจะอ่านภาษาที่ท่านทั้งหลายเขียนไม่เป็นไปตามลำดับเหล่าได้ความหมายหรือไม่ ที่กล่าวไปนี้ยังไม่รวมการใช้เครื่องมือไม่เป็น หรือใช้เครื่องมือไม่ถูกต้องอีกนะขอรับ

กังขาสิครับทำไมไม่กังขา ยิ่งเรื่องปรับอัตราเงินข้าราชการเป็นอันดับแรก
การแก้ปัญหาบ้านเมืองเราต้องเขียนคำว่า"ประชาชน"ครับ ไม่ใช่เขียนคำว่า" ข้าพเจ้า"

คุณจ่า ลองไปให้คนใช้แรงงานเขียนคำว่า"ข้าพเจ้า"ดูสิครับ
เขาก็ต้องบอกว่า การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำต้องทำเป็นอันดับแรก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ค. 2011, 20:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


ข้อเสนอแนะในการปรับอัตราค่าจ้างเพิ่มเติม 2
ท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้าจะแนะนำให้ท่านทั้งหลายในเรื่องของการอ่านหนังสือหรือกระทู้ว่า ต้องอ่านทั้งหมดเพราะเป็นบริบทที่เกี่ยวโยงเกี่ยวข้องกัน อย่าทำตัวเป็นเพียงพวกที่อยากเอาชนะผู้อื่น ทำเป็นอวดรู้อวดฉลาด นี้ไม่ใช่เป็นการด่าหรือสบประมาทนะขอรับ ความจริงแล้วข้าพเจ้าไม่อยากอธิบายให้ได้รู้ดอกขอรับ
แต่ข้าพเจ้าคิดว่า สมองระดับท่านทั้งหลายบางคนบางท่านคงไม่สามารถที่จะสอนให้ได้เข้าใจได้โดยง่าย เอาเป็นว่า ข้าพเจ้าจะอธิบายให้ท่านทั้งหลาย ได้เกิดความรู้ความเข้าใจ ถึงแม้จะดูว่าเป็นการเมือง แต่ก็เป็นความรู้ที่ควรได้รู้ได้เข้าใจ ดังนี้.-
ประเทศชาติอันมีรัฐบาลเป็นผู้จัดการจะดำเนินกิจการต่างๆไปได้ ก็จำต้องมีบุคลากรเป็นเครื่องมือชนิดหนึ่งในการบริหารงานเพื่อให้ประเทศชาติเกิดความเจริญในด้านต่างๆ ถ้าบุคคากรอันเป็นเครื่องมือของรัฐบาลกระจอกงอกง่อย ไม่ได้อยู่ดีกินดี พวกเขาจะทำงานอย่างไร หลายๆท่านอาจจะแย้งไปต่างๆนานาก็ย่อมได้ เหมือนบางท่านแย้งแบบสีข้างเขาถูในการที่ข้าพเจัายกตัวอย่างให้เห็นว่า การทำงานทุกชนิดต้องเป็นไปตามลำดับขั้นตอน โดยการยกตัวอย่างให้เขียนคำว่า"ข้าพเจ้า" บางท่านก็อวดฉลาด คิดว่าตัวท่านความคิดของท่านฉลาดละซิท่า จึงได้ทำเป็นยอกย้อนแบบไร้ความคิด พิจารณาตัวเองเถอะขอรับ

ดังที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไป ว่ารัฐบาลย่อมจำต้องมีบุคลากรเป็นเครื่องมือในการบริหารงาน หรือเป็นผู้รับปฏิบัติงานในด้านต่างๆ เพื่อให้ประชาชนได้อยู่ดีกินดี ได้มีความสุขสบาย ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และอื่นๆอีกหลายๆด้าน ดังนั้น การจะปรับอัตราค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำจึงจำเป็นต้องปรับอัตราค่าจ้างแรงงานให้กับ ข้าราชการ เป็นอันดับแรก เหตุผลเพราะ ปรับได้ง่ายกว่า ไม่มีผลต่อผู้ประกอบการภาคเอกชน แต่ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการภาคเอกชน มักมีข้ออ้างในการขึ้นราคาสินค้าทุกครั้งเมื่อมีการปรับอัตราเงินเดือนของข้าราชการ ข้าพเจ้าไม่อยากกล่าวใส่ร้ายพวกเขาดอกนะ ดังนั้นในข้อนี้รัฐบาลสามารถควบคุมได้ ถ้ารัฐบาลเข้มแข้งมีความรู้ ไม่ตกอยู่ในวังวนของอิทธิพลที่ใช้ ระบอบการปกครองมาเป็นเครื่องมือ ท่านทั้งหลาย จะขัดแย้งก็ย่อมได้เพราะมีข้อขัดแย้งเยอะแยะ แต่ในทางที่เป็นจริง การปรับอัตราค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำต้องเริ่มที่ข้าราชการเป็นอันดับแรก
การปรับอัตราค่าจ้างแรงงานให้กับผู้ใช้แรงงานทั่วไป มีปัจจัยหลายปัจจัยที่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือ เพื่อเป็นมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการดังที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไป เหตุเพราะถ้าไม่มีเครื่องมือ ที่ใช้เป็นมาตรการ ผู้ประกอบการย่อมต้องผลักภาระให้กับผู้ใช้แรงงานทั่วไปนั่นแหละจะมีใครที่ไหนอีก
แล้วเมื่อไหร่ประชาชนทั่วไปจะมีความสุข พออยู่พอกินอย่างสุขสบาย เงินเดือนหรือเงินค่าจ้างปรับเพิ่ม ,ราคาสินค้าคงเดิม จนไปถึงจุดหนึ่ง จึงจำเป็นต้องขึ้นราคาสินค้า แต่จะต้องขึ้นราคาสินค้าน้อยกว่าการปรับอัตราค่าจ้าง อย่างน้อย 80 ถึง 85 เปอร์เซ็นต์ หมายความว่า ถ้าอัตราค่าจ้างขึ้นไป 100 บาท ราคาสินค้าควรเพิ่มขึ้น 15 บาท นี้หมายถึงเมื่อถึงจุดที่ไม่สามารถใช้มาตรการเดิมได้อีกแล้ว อย่างนี้เป็นต้น
ถ้าหากปรับอัตราค่าจ้างแล้ว ก็ขึ้นราคาสินค้าทุกครั้งไป ผลก็คือเหมือนกับไม่ได้ปรับอัตราค่าจ้าง ย่อมจะมีผลเลวร้ายต่อการครองชีพของประชาชนทั่วไปยิ่งกว่าเดิม หรือย่อมจะมีผลเลวร้ายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ
ที่กล่าวไปทั้งหมดข้างต้น คงพอที่จะทำความเข้าใจให้กับท่านทั้งหลายได้บ้าง
จ่าสิบตรี เทวฤทธิ์ ทูลพันธ์
22 ก.ค. 2554


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2011, 04:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


sriariya เขียน:
ข้อเสนอแนะในการปรับอัตราค่าจ้างเพิ่มเติม 2
ท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้าจะแนะนำให้ท่านทั้งหลายในเรื่องของการอ่านหนังสือหรือกระทู้ว่า ต้องอ่านทั้งหมดเพราะเป็นบริบทที่เกี่ยวโยงเกี่ยวข้องกัน อย่าทำตัวเป็นเพียงพวกที่อยากเอาชนะผู้อื่น ทำเป็นอวดรู้อวดฉลาด นี้ไม่ใช่เป็นการด่าหรือสบประมาทนะขอรับ ความจริงแล้วข้าพเจ้าไม่อยากอธิบายให้ได้รู้ดอกขอรับ

ปัญหาที่ผมโต้แย้งมันก็เกิดจากคำที่คุณบอกนั้นแหล่ะว่า"ต้องอ่านให้หมด"
เพราะผมอ่านความเห็นคุณทุกตัวอักษร อย่าว่าแต่สิ่งที่คุณว่าดูเป็นบริบทเดียวกันเลย
ตัวคุณเองนั้นแหล่ะ หยิบโน้นมาใส่นี้ จนทำให้ความเห็นออกมาในลักษณะ หัวมังกุ ท้ายมังกร
เหมือนกับว่าเจ้าของความเห็นกำลังใช้ความพยายาม
อย่างยิ่งยวด ที่จะทำให้ความเห็นตัวเองเป็น บทความทางวิชาการที่น่าเชื่อถือ
แต่ผลที่ออกมาชนิดที่เจ้าของความเห็นยังไม่รู้ตัวก็คือ มันเหมือนเรียงความของเด็กประถมครับ

อยากบอกนะ อย่าเรียกว่าสอนเลย กับคำว่าบริบทเดียวกันที่คุณบอก
ผมขอถามครับ ศัพท์คำนี้คุณเข้าใจดีแล้วหรือ ผมว่าคุณไม่เข้าใจ เพราะสิ่งที่คุณร้องขอ
มันไม่มีบริบทอะไรหรือเป็นคนละเรื่องกับสิ่งที่จะให้
คิดก่อนครับแล้วค่อยขอ เงินเดือนที่ข้าราชการใช้อยู่ทุกวันนี้
คุณไม่รู้หรืออายที่จะพูดครับ เงินทุกบาทที่ข้าราชการชั้นประทวนอย่างคุณใช้อยู่
มันมาจากเงินภาษีอากรของฝ่ายเอกชนและเหล่ากรรมกรหาเช้ากินค่ำนะครับ
ภาษีที่รัฐเก็บได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยก็คือ ภาษีมูลค่าเพิ่ม

แล้วกรุณาเข้าใจเสียใหม่นะครับว่า ภาษีมูลค่าเพิ่มเขาเก็บจากประชาชนทุกระดับ
ไม่ใช่เก็บจากผู้ประกอบการ เขาเก็บจากขั้นตอนสุดท้ายคือผู้อุปโภคและบริโภค
ถามครับถ้าประชาชนไม่จับจ่ายใช้สอยเพราะเงินค่าแรงน้อย
แล้วรัฐบาลจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายให้พวกคุณครับ อย่าว่าแต่ปรับขึ้นเลย
อาจจะโดนลดเสียด้วยซ้ำถ้าหาภาษีไม่พอ

sriariya เขียน:
แต่ข้าพเจ้าคิดว่า สมองระดับท่านทั้งหลายบางคนบางท่านคงไม่สามารถที่จะสอนให้ได้เข้าใจได้โดยง่าย เอาเป็นว่า ข้าพเจ้าจะอธิบายให้ท่านทั้งหลาย ได้เกิดความรู้ความเข้าใจ ถึงแม้จะดูว่าเป็นการเมือง แต่ก็เป็นความรู้ที่ควรได้รู้ได้เข้าใจ ดังนี้.-
ประเทศชาติอันมีรัฐบาลเป็นผู้จัดการจะดำเนินกิจการต่างๆไปได้ ก็จำต้องมีบุคลากรเป็นเครื่องมือชนิดหนึ่งในการบริหารงานเพื่อให้ประเทศชาติเกิดความเจริญในด้านต่างๆ ถ้าบุคคากรอันเป็นเครื่องมือของรัฐบาลกระจอกงอกง่อย ไม่ได้อยู่ดีกินดี พวกเขาจะทำงานอย่างไร หลายๆท่านอาจจะแย้งไปต่างๆนานาก็ย่อมได้ เหมือนบางท่านแย้งแบบสีข้างเขาถูในการที่ข้าพเจัายกตัวอย่างให้เห็นว่า การทำงานทุกชนิดต้องเป็นไปตามลำดับขั้นตอน โดยการยกตัวอย่างให้เขียนคำว่า"ข้าพเจ้า" บางท่านก็อวดฉลาด คิดว่าตัวท่านความคิดของท่านฉลาดละซิท่า จึงได้ทำเป็นยอกย้อนแบบไร้ความคิด พิจารณาตัวเองเถอะขอรับ

ผมว่ากับไอ้คำว่ายอกย้อนแบบไร้ความคิดที่คุณกล่าว กรุณากลับไปคิดใหม่ทำใหม่นะครับ
แล้วพิจารณาดูน่ะว่าใครมีลักษณะที่คุณว่า
กับสิ่งที่คุณกล่าวมามันไม่มีแนวทางแก้ปัญหาอะไรเลย สิ่งที่เสนอมาล้วนเป็นปัญหาทั้งสิ้น
ทุกประโยคคำพูดออกมาในแนว "กำปั้นทุบดินล้วนๆ"
พูดอะไรดูง่ายๆไปหมด แม้กระทั้งเงินที่ตัวเองใช้อยู่แล้วกำลังจะขอเพิ่ม เจ้าตัวยัง
ไม่รู้เลยว่าเขาไปเอามาจากไหน แบบนี้ต้องเรียกว่า ดีแต่ใช้ดีแต่ขอแตไม่รู้วิธีหาครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2011, 06:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


sriariya เขียน:
ดังที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไป ว่ารัฐบาลย่อมจำต้องมีบุคลากรเป็นเครื่องมือในการบริหารงาน หรือเป็นผู้รับปฏิบัติงานในด้านต่างๆ เพื่อให้ประชาชนได้อยู่ดีกินดี ได้มีความสุขสบาย ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และอื่นๆอีกหลายๆด้าน ดังนั้น

กับความเห็นวรรคนี้ของคุณ มันทำให้ผมยิ่งแน่ใจในสิ่งที่ผมสบประมาทคุณในตอนแรก
ที่ว่าคุณเอาตัวคุณเป็นจุดศูนย์กลาง หรือพูดแบบบ้านๆก็คือ"เห็นแก่ตัว"

คุณจ่าครับ กรุณาอยู่กับความเป็นจริงเถอะครับ สงสัยดีแต่บอกคนอื่นว่า
ให้อ่านอะไรให้ทั่ว ตัวคุณล่ะครับอ่านหรือเปล่า ในตอนต้นๆผมพูดถึงที่มาที่ไป
ของการเข้ามารับราชการอย่างไรบ้าง นั้นแค่ส่วนหนึ่งที่เป็นส่วนที่เห็นจริง
แต่มันยังมีในส่วนที่เรารู้แต่มองไม่เห็นอีกเยอะครับ
คนไทยเขารู้กันทุกคนครับว่า จุดประสงค์ที่ต้องการเข้ามารับราชการเพราะอะไร
สิ่งไม่ดีมันมีเยอะครับ แต่มันไม่สมควรพูดในที่นี้ครับ

sriariya เขียน:
การจะปรับอัตราค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำจึงจำเป็นต้องปรับอัตราค่าจ้างแรงงานให้กับ ข้าราชการ เป็นอันดับแรก เหตุผลเพราะ ปรับได้ง่ายกว่า ไม่มีผลต่อผู้ประกอบการภาคเอกชน แต่ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการภาคเอกชน มักมีข้ออ้างในการขึ้นราคาสินค้าทุกครั้งเมื่อมีการปรับอัตราเงินเดือนของข้าราชการ

จ่าครับคิดก่อนพูดหรือเปล่า คิดสิครับคิด เงินที่จะเพิ่มใหข้าราชการนั้นน่ะ
เอามาจากไหน ถ้าไม่ใช่จาก ภาษี พูดมาได้ไงครับว่าไม่กระทบผู้ประกอบการ
อย่าว่าแต่ผู้ประกอบการเลย มันกระทบหมดที่เป็นประชาชนคนไทย
เพราะเงินที่คุณใช้มันมาจากภาษีของคนไทยทุกคน

sriariya เขียน:
ข้าพเจ้าไม่อยากกล่าวใส่ร้ายพวกเขาดอกนะ ดังนั้นในข้อนี้รัฐบาลสามารถควบคุมได้ ถ้ารัฐบาลเข้มแข้งมีความรู้ ไม่ตกอยู่ในวังวนของอิทธิพลที่ใช้ ระบอบการปกครองมาเป็นเครื่องมือ ท่านทั้งหลาย จะขัดแย้งก็ย่อมได้เพราะมีข้อขัดแย้งเยอะแยะ แต่ในทางที่เป็นจริง การปรับอัตราค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำต้องเริ่มที่ข้าราชการเป็นอันดับแรก

ถ้าคุณยังเอาตัวเองเป็นใหญ่ คุณก็ยังหลงคิดว่า ตัวเองอาชีพตนเองสำคัญที่สุด
ผมอยากชี้ให้ดูเล็กน้อย ถ้าอาชีพข้าราชการสำคัญจริง
-ทำไมรัฐบาลต้องจ้างเอกชนมาทำโครงการใหญ่ๆครับ
-ทำไมต้องมีต้องมีลูกจ้างประจำและลูกจ้างชั่วคราวในระบบราชการครับ
-ทำไมต้องมีระบบออลี่รีไทร์ครับ
-ทำไมแถบทุกรัฐบาล ถึงอยากโอนรัฐวิสาหกิจไปเป็นของเอกชนครับ
นี่เป็นเพียงส่วนน้อยครับ มันยังมีมีเยอะ
แต่ที่รู้ๆมันมีประโยคที่ฮิตมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายายครับ ประโยคนั้นก็คือ
เช้าชาม เย็นชามครับ
sriariya เขียน:
การปรับอัตราค่าจ้างแรงงานให้กับผู้ใช้แรงงานทั่วไป มีปัจจัยหลายปัจจัยที่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือ เพื่อเป็นมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการดังที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไป เหตุเพราะถ้าไม่มีเครื่องมือ ที่ใช้เป็นมาตรการ ผู้ประกอบการย่อมต้องผลักภาระให้กับผู้ใช้แรงงานทั่วไปนั่นแหละจะมีใครที่ไหนอีก

ผมได้อธิบายในรายละเอียดไปแล้ว เรื่องการปรับค่าแรงขั้นต่ำของกรรมกรผู้ใช้แรงงาน
ถ้าคุณจะตัดโทสะออกไปและเลิกอคติเห็นแก่ตัวออก แล้วอ่านความเห็นผมดูก็จะเข้าใจ

ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่การขึ้นเงินขั้นต่ำอะไรเลย เพราะผู้ประกอบการที่มีระบบการทำงาน
ทำงานด้วยจิตสำนึกและมีความสามารถในเชิงบริหาร ย่อมต้องเข้าใจและเห็นความสำคัญ
ของทรัพยากรบุคคล พูดง่ายๆว่า เขามีแผนงานของเขาอยู่แล้ว
แต่ปัญหาต้นทุนที่แท้จริง มันเกิดจากสิ่งที่มันมาจากนอกระบบครับ
อะไรที่เรียกนอกระบบ คุณย่อมรู้ดีนะครับว่าหมายถึงอะไร เอาเป็นว่าคุณรู้จักศัพท์เหล่านี้มั้ย
-เก๋าเจี๊ยะ
-น้ำร้อนน้ำชา
-ฮั๊ว
-เกี๊ยเซี๊ย
-กินตามน้ำ
และที่กำลังฮิตติดปากก็คือ "30เปอร์เซ็นต์"ครับ
sriariya เขียน:
แล้วเมื่อไหร่ประชาชนทั่วไปจะมีความสุข พออยู่พอกินอย่างสุขสบาย เงินเดือนหรือเงินค่าจ้างปรับเพิ่ม ,ราคาสินค้าคงเดิม จนไปถึงจุดหนึ่ง จึงจำเป็นต้องขึ้นราคาสินค้า แต่จะต้องขึ้นราคาสินค้าน้อยกว่าการปรับอัตราค่าจ้าง อย่างน้อย 80 ถึง 85 เปอร์เซ็นต์ หมายความว่า ถ้าอัตราค่าจ้างขึ้นไป 100 บาท ราคาสินค้าควรเพิ่มขึ้น 15 บาท นี้หมายถึงเมื่อถึงจุดที่ไม่สามารถใช้มาตรการเดิมได้อีกแล้ว อย่างนี้เป็นต้น

ไอ้นี่เป็นการบ่นครับ มันไม่ได้แก้ปัญหา
sriariya เขียน:
ถ้าหากปรับอัตราค่าจ้างแล้ว ก็ขึ้นราคาสินค้าทุกครั้งไป ผลก็คือเหมือนกับไม่ได้ปรับอัตราค่าจ้าง ย่อมจะมีผลเลวร้ายต่อการครองชีพของประชาชนทั่วไปยิ่งกว่าเดิม หรือย่อมจะมีผลเลวร้ายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ
ที่กล่าวไปทั้งหมดข้างต้น คงพอที่จะทำความเข้าใจให้กับท่านทั้งหลายได้บ้าง

อันนี้ก็เป็นความเห็นของคนที่ไม่รู้ว่าปัญหาเกิดมาจากอะไรครับ

สุดท้ายก่อนกระทู้โดนลบ ขอแนะนำครับ ที่บอกว่าข้าราชการเป็นเครื่องมือให้รัฐบาล
ที่ทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ฉะนั้นกรุณาเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพหน่อยครับ
ทำหน้าที่ของตัวเองที่ว่า ทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีก่อน

กรุณาอย่าทำตัวเป็นเครื่องมือที่รัฐบาลและประชาชนซื้อมาแล้ว
จะเอามาใช้แต่ละที ต้องซ่อมเครื่องมือนั้นก่อน ถ้าเป็นแบบนี้
ผมว่าไม่จำเป็นต้องมีเครื่องมือหรอกครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2011, 07:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มองหาอยู่ตั้งนานว่าหายไปไหน

รูปภาพ

ที่แท้ลงถังขยะเปียก

อยากเอาถังนี่ไปเผาไฟ :b9:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 30 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร