วันเวลาปัจจุบัน 15 ก.ค. 2025, 23:34  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 40 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2010, 13:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ท่านสวนไผ่อิงธรรม เมื่อพิจารณา แม้"พระโสดาบัน" ก็ปิดอบายทุกคติได้
พระพุทธองค์ ยังทรงบัญญัติ ต่อไปอีกว่า ผู้มีคุณธรรมต่างๆ ดังต่อไปนี้ ก็จะถึงพร้อมด้วยความเป็น พระโสดบัน ไม่มีประการอื่นเลย

คุณธรรม ของพระโสดาบัน 4 ประการที่จำต้องศึกษา และน้อมเข้ามาในตน คือ

1. อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้าว่า แม้เพราะเหตุนี้ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึก ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกธรรม

2. ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระธรรมว่า พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัสดีแล้ว อันผู้ได้บรรลุจะพึงเห็นเอง ไม่ประกอบด้วยกาล ควรเรียกให้มาดู ควรน้อมเข้ามา อันวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน

3.ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระสงฆ์ว่า พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาค ปฏิบัติดีแล้ว ปฏิบัติตรง ปฏิบัติเป็นธรรม ปฏิบัติสมควร คือ คู่แห่งบุรุษ ๔ บุรุษบุคคล ๘ นี่พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาค ผู้ควรของคำนับ ควรของต้อนรับ ควรของทำบุญ ควรทำอัญชลี เป็นนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า

4. ประกอบด้วยศีลที่พระอริยเจ้าใคร่แล้ว ไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย เป็นไท วิญญูชนสรรเสริญ อันตัณหาและทิฏฐิไม่ลูบคลำแล้ว เป็นไปเพื่อสมาธิ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2010, 13:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อ พระโสดาบัน เป็นผู้ไม่ตกต่ำ เป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า
ความเป็นพระโสดาบันจึงไม่ใช่เป็นผู้ที่เพียงนั่งนึก นั่งฝันกลางอากาศ โดยไม่ทำสิ่งไรเลย
ผู้ปฏิบัติธรรม จำต้องประชุม คุณธรรมทั้ง 4 ประการเหล่านั้นให้เกิดขึ้นในจิตของตน

คุณธรรมข้อแรก คือการระลึกรู้ถึง พุทธคุณ 9 โดยตั้งจิตขอเอาพระพุทธองค์เป็นครูเป็นอาจารย์ และดำเนินรอยตามพระบาทแห่งพระศาสดา. ศึกษา พุทธคุณ 9 อย่างรอบรู้ว่า

1. พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น เป็นพระอรหันต์
2.ตรัสรู้เองโดยชอบ
3.ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ
4.เสด็จไปดีแล้ว
5.ทรงรู้แจ้งโลก
6.เป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึก ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า
7.เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
8.เป็นผู้เบิกบานแล้ว
9.เป็นผู้จำแนกธรรม.

ซึ่งในพุทธคุณ 9 แต่ละหัวข้อนั้นก็มีรายละเอียดต่างๆกันออกไป. ซึ่งถ้าศึกษาจนซึ้งจิตซึ้งใจได้ ก็ยิ่งศรัทธาใน พระพุทธองค์อย่างแน่นแฟ้นมากขึ้นๆ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2010, 13:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ความเป็นผู้ระลึกถึงพระธรรมคุณ 6 ประการ ย่อมทำให้เป็นผู้มีความไม่ตกต่ำ เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า

พระธรรมคุณ 6 ประการ จึงจำต้องศึกษาให้รู้รอบเช่นกัน ว่า อะไรหนอคือ ปริยัติศาสนา หรือตัวศาสนาในพระธรรมวินัยนี้. การเข้าหาครูอาจารย์ การศึกษาพระไตรปิฏก ย่อมเป็นการเจริญสุตตมยปัญญา ซึ่งเป็นการศึกษาตัวศาสนา นี้เอง. เมื่อศึกษาอยู่อย่างนี้การภาวนาต่อไปย่อมเป็นไปได้. ย่อมได้รับความรู้แรกเริ่มสำหรับปฏิบัติศาสนา. ย่อมได้รับความรู้ในคุณค่าของพระธรรมของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น.

พระธรรมคุณ 6 ประการ คือ
1.พระธรรมอันพระผู้มีพระภาค
ตรัสดีแล้ว
2.อันผู้ได้บรรลุจะพึงเห็นเอง
3.ไม่ประกอบด้วยกาล
4.ควรเรียกให้มาดู
5.ควรน้อมเข้ามา
6.อันวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน


ถ้าไม่ได้ยินไม่ได้ฟัง ไม่ได้เข้าหาพระอริยสงฆ์ สัตบุรุษ กัลยาณมิตร ไม่ได้ศึกษา มีหรือจะระลึกถึงพระธรรมคุณได้.

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2010, 13:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผู้ที่เป็นพยาน เป็นผู้มีคุณใหญ่ เป็นพระสาวก เมื่อระลึกถึง บุคคลเหล่านั้นย่อมทำให้รู้ว่า ศาสนานี้ไม่ใช่ความเลื่อนลอย ยิ่งน้อมใจให้เป็นไปเพื่อให้ได้ฉันทะในการปฏิบัติธรรมยิ่งขึ้นไป

พระสังฆคุณ 9

1.พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาค ปฏิบัติดีแล้ว
2.ปฏิบัติตรง
3.ปฏิบัติเป็นธรรม
4.ปฏิบัติสมควร คือ คู่แห่งบุรุษ ๔ บุรุษบุคคล ๘ นี่พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาค


5.ผู้ควรของคำนับ
6.ควรของต้อนรับ
7.ควรของทำบุญ
8.ควรทำอัญชลี
9.เป็นนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า


นั่นคือสามัญผลต่างๆ ย่อมมีเพราะเหตุอันทำได้จริงๆ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2010, 14:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ในชั้นของการปฏิบัติเพื่อ เป็นผู้ไม่ตกต่ำ ย่อมเป็นผู้ที่เกรงกลัวและละอายต่อการทำบาปกรรมมา เพราะเป็นผู้ที่เกรงกลัวต่อ คติหลังความตาย ว่าจะตกต่ำไปสู่ทุคติ. อีกทั้งมีความรู้ความเข้าใจธรรมพอประมาณ ย่อมประกอบศีลอันสมบูรณ์ ไม่อาจติเตียนตนเองด้วยศีลได้.

นั่นคือ

ประกอบด้วยศีลที่พระอริยเจ้าใคร่แล้ว ไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย เป็นไท วิญญูชนสรรเสริญ อันตัณหาและทิฏฐิไม่ลูบคลำแล้ว เป็นไปเพื่อสมาธิ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2010, 14:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เครื่องชี้ว่า บรรลุคุณธรรมเหล่านั้น คือ

ความเป็นผู้มีความเห็นตรง ในเรื่องทุกข์

ผู้มีความเห็นตรงในเรื่องทุกข์ ย่อมได้ความเห็นว่า อัตตาในขันธ์ 5 อุปาทานขันธ์ 5 ขันธ์ 5 นั่นแหละทุกข์

แต่ก็เป็นเพียง ระดับพ้นทิฏฐิ แต่ก็ยังละความอาลัยอาวรณ์ ความยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ 5 ในอัตตาที่เป็นไปยังไม่ได้

แต่เพราะ ด้วยความรักศรัทธาในพระพุทธ ในพระธรรม ในพระสงฆ์ ย่อมเป็นผู้ไม่ลังเลที่จะปฏิบัติตามต่อไปเพื่อให้บรรลุคุณวิเศษเพิ่มขึ้น เจริญขึ้น โดยไม่มีข้อกังขา และโดยไม่ไพล่ไปหลงยึดเอาข้อปฏิบัติอื่นนอกจาก อริยสัจจ์ 4 หรือพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์.

หากท่านผู้ใดสอบสวน จิตของตนด้วยปัญญาอันชอบ แล้วพิจารณา เห็นชัดว่าเป็นผู้มีคุณธรรมดังกล่าวข้างต้นจริงๆ โดยไม่ลำเอียง ย่อมเป็นผู้ที่ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผลแล้ว

เจริญธรรม

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2010, 15:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 มิ.ย. 2010, 12:05
โพสต์: 282

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


[quote="Joylyเรียนถามเพราะติดใจว่า หากมรรคผลนิพพาน เป็นปัจจัตตัง
แล้วพระพุทธเจ้าและพระสาวก ท่านสอนเราให้รู้ให้เข้าใจได้อย่างไรคะ
ขอถามทุกท่านนะคะ ไม่เฉพาะคุณนิดหนึ่ง ขอบคุณคะ :b4:
ขออนุญาติ จขกท ก่อนนะคะ :b8:[/quote]

ขออนุญาตตอบตามความเข้าใจนะคะ
เพราะพระพุทธองค์ตรัสรู้ธรรมด้วยพระองค์เองแล้ว
จึงมาบอกทางให้เราต่อค่ะ

แต่ท่านก็ทำได้เพียงบอกทาง
หากเราไม่ลงเท้าก้าวเดินเอง
ยังไงก็ไม่สามารถไปถึงจุดหมายได้ค่ะ
จึงมีคำกล่าวว่าวิญญูชนพึงรู้ได้เฉพาะตน

ลำพังแค่อ่าน นึกคิด เปรียบเทียบ พระไตรปิฎกจนจบ
ก็ไม่สามารถรู้ธรรมได้อย่างแท้จริง
เพราะมรรคผลเป็นสภาวะปรมัตถ์ที่รู้ได้ด้วยจิต ไม่ใช่เป็นบัญญัติที่จะรู้ด้วยสมองค่ะ

ตามความเข้าใจส่วนตัวนะคะ
ผิดพลาดต้องขออภัยค่ะ

.....................................................
อย่ามัวเสียใจกับเรื่องที่ผ่านมา อย่าปล่อยให้ชราแล้วตายไปเปล่า อย่ามัวแต่ตำหนิตนเองหรือผู้อื่นอยู่ คิดอยู่เสมอว่าจะพัฒนาจิตใจตน และทำประโยชน์ให้ผู้อื่นอย่างไร แล้วเร่งกระทำทันที อย่ามัวรีรอ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2010, 15:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Joyly เขียน:
นิดหนึ่ง เขียน:
เรียนถามเพราะติดใจว่า หากมรรคผลนิพพาน เป็นปัจจัตตัง
แล้วพระพุทธเจ้าและพระสาวก ท่านสอนเราให้รู้ให้เข้าใจได้อย่างไรคะ


มรรค ผล นิพพาน เป็นปัจจัตตัง
คือต้องทำให้เกิดขึ้นด้วยตนเอง ใครทำแทนกันก็ไม่ได้ จึงเป็นเรื่องเฉพาะตน

พระพุทธเจ้า และพระสาวก ท่านก็สอนให้เราทำไง ล่ะจ๊ะ ^ ^

เพราะท่านทั้งหลาย นั้นทำเสร็จแล้ว รู้แล้ว เห็นแล้ว ทราบเหตุปัจจัย จึงค่อยๆ สอนให้รู้ตามเห็นตาม
ผู้ที่จะสอนได้ขนาดนี้ ต้องเปี่ยมไปด้วย ปฏิสัมภิทา 4 น๊ะ ไม่อย่างงั้น รู้แต่ก็สอนไม่เป็นหรอก.

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2010, 16:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้อ เด๋วได้ถามต่ออีก

ปฏิสัมภิทาญาณ 4 ที่ผู้รู้ผู้เห็น ต้องมีเพื่อสอนผู้อื่นให้รู้ตามเห็นตาม คือ
ธรรมปฏิสัมภิทา ความรู้ในเหตุ
อรรถปฏิสัมภิทา ความรู้ในผล
นิรุตติปฏิสัมภิทา ความรู้ในนิรุตติ คือถ้อยคำ
ปฏิภาณปฏิสัมภิทา ความฉลาดเฉลียว เห็นเชื่อมโยง ถึงธรรมต่างๆ เข้าด้วยกันได้

ขาดตัวใด ตัวหนึ่ง ก็แค่สำเร็จกิจ แต่สอนต่อไม่ได้หรอก

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2010, 16:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 มิ.ย. 2010, 08:34
โพสต์: 47

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Joyly เขียน:
เรียนถามเพราะติดใจว่า หากมรรคผลนิพพาน เป็นปัจจัตตัง
แล้วพระพุทธเจ้าและพระสาวก ท่านสอนเราให้รู้ให้เข้าใจได้อย่างไรคะ


ขอบคุณ คุณจันทร์ ณ ฟ้า คุณเช่นนั้นนะค่ะที่เข้ามาช่วยตอบ แต่คุณเช่นนั้นเข้าใจผิดไปนิด อิอิ
:b32: Joyly เป็นคนถามนะค่ะ ไม่ใช่ คุณนิดหนึ่ง :b32:
ขอบคุณหลาย ๆ คะ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2010, 16:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มิ.ย. 2010, 13:19
โพสต์: 2

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อารมณ์ของพระโสดาบัน ก็คล้ายกับชาวบ้านชั้นดี ยังอยากรวย อยากสวย มีโกรธ มีโลภ มีหลง แต่ท่านมีศีล 5 ครบ ท่านมีอธิศีลสิกขา รักษาศีล 5 ยิ่งกว่าชีวิต ยอมตายไม่ยอมผิดศีล มีจิตมั่นคงในศีล 5 ไม่ยอมฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ละเมิดความรักผู้อื่น ไม่พูดปด ไม่ดื่มสุรา เล่นการพนัน หรือติดยาฝิ่นยาบ้า มีอารมณ์รักพระนิพพาน เบื่อการเกิดเป็นคน เทวดา หรือพรหม มีความเคารพรักศรัธทาในพระพุทธเจ้า ในพระธรรม ในพระอริยสงฆ์อย่างแท้จริง และอารมณ์วิปัสสนาญาณของพระโสดาบันในอริยสัจ 4 เห็นว่าร่างกายคน สัตว์เต็มไปด้วยความทุกข์ยากลำบากแถมเดินเข้าหาความตายตลอดเวลา ท่านตัดกิเลสเครื่องร้อยรัดใน 3 ข้อแรกของสังโยชน์ 10 ได้ คือ 1 ตัดสักกายทิฏฐิได้เบา ๆ คือรู้ตัวว่าจะตายไม่ตกใจ 2. ตัดวิกิจฉา เคารพเชื่อฟัง พระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ ไม่สงสัย และ 3. ตัดสีลัพพตปรามาส คือไม่ลูบคลำศีล มีศีล 5 ครบในใจ ไม่ตื่น ไม่ถือโชคลาง หรือติดในพิธี ข่าวมงคลหนักแน่นในศีล 5 ครบ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2010, 19:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 มิ.ย. 2010, 09:08
โพสต์: 4

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


"ความเป็นผู้พ้นจากนรก จากกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน จากปิตติวิสัย และจากอบาย ทุคติ วินิบาต มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า" คือพระโสดาบัน"


เป็นคำอธิบายความเป็นพระโสดาบันได้น่าเลื่อมใสมากครับ ท่านเช่นนั้น

ขอบคุณมาครับสำหรับคำแนะนำเพิ่มเติม

ขอความเจริญในธรรม จงบังเกิดมีแด่ทุกท่านที่ได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้นะครับ

ขอเจริญพร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ค. 2010, 23:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ม.ค. 2010, 23:37
โพสต์: 31

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุกับทุกคนที่ได้โสดาบันกันแล้ว...
เรายังไม่ได้...จึงตอบไม่ได้ :b40:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2010, 00:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


พูดดูดีเนอะ..คุณชาติ..แต่

พูดจาเสียดสี..

หรือ.ไม่..

ดูที่ใจตัวเองก็แล้วกัน..

ถ้าใช่..ก็ให้รู้ตัวซะว่า..ตัวเองนั้นยังเลวมาก
:b6: :b6: :b6:


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 02 ก.ค. 2010, 00:41, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2010, 15:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
:b1:
...พระโสดาบันรู้สภาวะธรรมคือการเกิดดับแต่ละขณะได้ตรงตามพระธรรมที่ทรงแสดงว่า...
...นี้ทุกข์...ไม่เที่ยง...เป็นอนิจจัง...ทุกขัง...อนัตตา...ถ้ายังเห็นว่าเป็นสิ่งใดสิ่งหนึ่งอยู่...
...โดยไม่รู้แจ้งแทงตลอดในสภาวะของการเกิดและดับ...ก็ไม่ใช่ปัญญาขั้นพระโสดาบัน...
:b13:
:b55: :b55:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 40 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร