วันเวลาปัจจุบัน 22 ก.ค. 2025, 08:15  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 28 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.พ. 2010, 21:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว




v.jpg
v.jpg [ 24.51 KiB | เปิดดู 6404 ครั้ง ]
cheesy
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.พ. 2010, 22:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 พ.ย. 2009, 18:14
โพสต์: 435

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




11.1.gif
11.1.gif [ 27.04 KiB | เปิดดู 6388 ครั้ง ]
:b8: :b8:

.....................................................
สรุปคำสอนของสมเด็จองค์ปฐม
"ท่านทั้งหลาย การหลบหลีกไม่ต้องตกอบายภูมิ มีนรกเป็นต้น เป็นของ ไม่ยาก
1. ขอทุกท่านจงอย่าลืมความตาย จงคิดว่าความตาย อาจจะมีกับเราเดี๋ยวนี้ไว้เสมอๆ
2. เคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ ด้วยศรัทธาแท้ (ด้วยความจริงใจ)
3. มีศีลบริสุทธิ์เป็นปกติ และ
4. เป็นกรณีพิเศษ ปฏิเสธการเกิดเป็นมนุษย์ เทวดา นางฟ้า และพรหม ในชาติต่อไป ทุกท่านเห็นนิพพาน แล้วตั้งใจไปพระนิพพานได้ในที่สุด"
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.พ. 2010, 23:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


O.wan เขียน:

:b10: เคยดูรายการกบนอกกะลา เค้าบอกว่าร่างกายที่เราบริจาคไว้ เพื่อเป็นอาจารย์ใหญ่
ต้อง firm จริงๆ ไม่อ้วนไป ไม่ผอมไป ไม่เป็นโรค...หลายๆ..โรค ไม่มีอุบัติเหตุ
ต้องครบทุกส่วน คุณBwitch เคยทราบไม๊คะ :b7:
o.wan ว่าเกิดบังเอิญเราอยู่ไปสัก 70 ปี เวลานั้นร่างกายเราจะไหว...เหรอคะ :b32:
แบบนี้คงต้องหมั่นภาวนา ให้ได้มีบุญ..วาสนา...ได้เป็นอาจารย์ใหญ่สักครั้งมังคะ
หรือ...พอมีข้อมูลมาเล่าสู่กันฟังหน่อยซิคะ เพราะบริจาคไว้เมื่อสัก 10 ปีมาแล้ว
แต่พอมาดูแล้ว คิดว่าต้องมีบุญจริงๆนะคะ ถึงจะได้เป็นอาจารย์ใหญ่ :b48:



tongue ขออนุญาตนำเรื่องเก่ามาเล่าใหม่นะคะ
viewtopic.php?f=19&t=26978

แบบที่ 1 บริจาคเพื่อให้นักศึกษาแพทย์ได้ศึกษา

ข้อจำกัด (โปรดศึกษาข้อกำหนดให้ดีค่ะ)
- ขณะเสียชีวิตอายุต้องไม่เกิน 80 ปี น้ำหนักโดยประมาณไม่ต่ำกว่า 40 กิโลกรัม
- ไม่เป็นศพเกี่ยวกับคดี
- ไม่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง, โรคไต, โรคเบาหวาน และอุบัติเหตุ
- ไม่เป็นศพที่มีสภาพไม่เหมาะสม เช่น ศพเน่าเปื่อย อวัยวะขาดหายไปไม่ครบสมบูรณ์ ยกเว้นกรณีบริจาคดวงตา
- ที่เก็บศพของภาควิชาฯ เต็ม

แบบที่ 2 บริจาคเพื่อให้แพทย์เฉพาะทางฝึกผ่าตัด
ข้อจำกัด
- ไม่เคยผ่าตัดบริเวณข้อต่อต่าง ๆ
- เมื่อเสียชีวิต ญาติต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ภาควิชาฯ ให้มารับศพทันที
- ให้ญาติตัดผม และเล็บของศพใส่โลงเพื่อสวดทำบุญ
- ไม่ฉีดยารักษาศพ

แบบที่ 3 บริจาคเพื่อเก็บโครงกระดูกใช้ในการศึกษา
ข้อจำกัด
- ขณะเสียชีวิตอายุต้องไม่เกิน 55 ปี
- ญาติสามารถนำอวัยวะบางส่วนของศพดอง ไปทำพิธีทางศาสนาได้
- ไม่ฉีดยารักษาศพ เพราะจะทำให้ไม่สามารถเก็บเป็นโครงกระดูกได้


เรื่องของอายุ......ปัจจุบันเกิดภาวะขาดแคลนร่างอาจารย์ใหญ่ค่ะ
คือมีผู้ใจบุญแจ้งความจำนงอุทิศร่างเพื่อการศึกษาจำนวนมากก็จริง แต่ว่าท่านเหล่านั้นอายุยืนค่ะ :b12:

พอดีมีหนังสืออนุสรณ์ แด่ครูผู้อุทิศ วางอยู่ใกล้ๆ จึงเปิดดูอายุของอาจารย์ใหญ่บางท่านก็
40 บ้าง 70 บ้าง แต่ที่อายุมากหน่อยก็ 88-90 ปีค่ะ

ขออนุโมทนากับคุณ O.wan นะคะ :b8:

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.พ. 2010, 03:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 04:38
โพสต์: 376

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


murano เขียน:
ไม่แน่ใจว่า แนวคิดแบบนี้เอามาจากไหน ใครเป็นคนเริ่ม... แต่สำหรับเราแล้ว เคยเห็นภาพแบบนี้ครั้งแรก ก็ที่เว็บพลังจิต

ภาพพวกนี้ พิจารณาไปเถอะ ไม่มีวันได้มรรคผลอะไร นอกจากเพิ่ม การรบกวน ทางจิต อันเป็น อกุศล บางคนอาจเพิ่มความรุนแรง บางคนอาจเพิ่มความรังเกียจ ฯลฯ

อสุภะนั้น เขาให้พิจารณาถึงความไม่เที่ยง ในแง่ที่ว่า สิ่งที่เราเห็นว่างามนั้น ท้ายสุดก็อนิจจัง คือ ผุพังไปตามกาลเวลา ไม่ใช่ให้มาดูภาพผ่าท้องกันแบบนี้
พิจารณาด้วยจิตตนเองดูเถิด ดูแล้วรู้สึกปลงสังเวช หรือดูแล้วเกิดความรู้สึกอย่างอื่น จะดูภาพพวกนี้ ให้เอารูปคนที่แก่มากๆ จนหมดสภาพ หรือรูปเด็กพิการต่างๆ มาดู ยังจะได้ผลดีกว่า...

ไปถามหมอหรือนักเรียนแพทย์ดูก็แล้วกัน มีใครปลงอสุภะได้บ้าง... ทายได้เลย ไม่มีแม้แต่คนเดียว

ปล. วิธีแบบนี้ ก็ไม่มีในพระไตรปิฎกนะ อ่านดีๆ


คุณเข้าใจคำว่า "อสุภ" อย่างไร....?


รูปารมรณ์ที่นำไปพิจารณา ความไม่เที่ยง หรือ เพื่อตัด, ละความยึดมั่น ถือมั่น
ในจิตที่ลุ่มหลง รูปของเพศตรงข้าม สามารถนำไปใช้เป็น อสุภกรรมฐานได้ทั้งนั้น

วิธีทำสมถกรรมฐาน ไม่จำเป็นต้องนำมาจากพระไตรปิฎฏ เสมอไปเช่น คำภาวนา ยุบหนอ....พองหนอ , พุท....โธ ก็ไม่มีในพระไตรปิฎก

แล้วเหตุใด อาจารย์หลายสำนัก........."สอน"

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
เมื่อท่านจะเรียน.........เฉพาะแต่ในพระไตรปิฎก
แล้วเหตุใดท่านจึง "ยกเอาความคิดของตน" เองมากล่าวคำ "จำกัดความ" ว่า
murano เขียน:
"อสุภะนั้น เขาให้พิจารณาถึงความไม่เที่ยง ในแง่ที่ว่า สิ่งที่เราเห็นว่างามนั้น ท้ายสุดก็อนิจจัง คือ ผุพังไปตามกาลเวลา ไม่ใช่ให้มาดูภาพผ่าท้องกันแบบนี้"

คำจำกัดความนี้ มีในพระไตรปิฎกหรือครับ...?
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
ส่วนคำที่ท่านสมาชิกดูแคลนผู้อื่นไว้ล่วงหน้าว่า
murano เขียน:
"ภาพพวกนี้ พิจารณาไปเถอะ ไม่มีวันได้มรรคผลอะไร นอกจากเพิ่ม การรบกวนทางจิต อันเป็น อกุศล บางคนอาจเพิ่มความรุนแรง บางคนอาจเพิ่มความรังเกียจ ฯลฯ
....ฯลฯ....
ไปถามหมอหรือนักเรียนแพทย์ดูก็แล้วกัน มีใครปลงอสุภะได้บ้าง... ทายได้เลยไม่มีแม้แต่คนเดียว"

เป็นเรื่องที่ท่านวิจารณ์ผู้อื่น ในระดับปัญญาของท่านเอง

โดยเฉพาะ....ปรามาสเจาะจงไปถึง ผู้มีวิชาชีพแพทย์

อย่าดูแคลนผู้อื่นไว้ล่วงว่า ... บุคคลอื่นๆ จะมีปัญญา...เพียงเท่าที่ท่านมีอยู่เลยครับ
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

ขอเรียนเพื่อนๆ ว่า....ควรพิจารณาด้วยปัญญา (ระดับสุตเป็นต้นไป)ครับ

ส่วนท่านจะมีปัญญาระดับใด และจะพิจารณาได้แค่ไหนก็สุดแต่....ปัญญาของแต่ละท่านครับ

นอกจากปัญญาแล้ว
...จริตก็สำคัญ ถ้าไม่ถูกจริตก็ไม่ควรนำไปพิจารณา

ที่สำคัญ อย่า...ดัดจริต...แล้ว ,
ไปปรามาสผู้อื่นไว้ล่วงหน้า ด้วยระดับปัญญาของตนเอง


ขอนุโมทนาในกุลกรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.พ. 2010, 03:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 04:38
โพสต์: 376

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชาติสยาม เขียน:
ข้าพเจ้าเฉยๆอยู่ดี
แต่ที่ข้าพเจ้าสติแตกไปเลยคือคลิบที่เพื่อนหลอกให้ดู
เป็นคลิบที่ผู้ก่อการร้ายมันปาดคอคนเป็นๆ แล้วก็ตัดคอ
มีดเล็กๆทื่อๆมันก็หั่น

เกลียดไอ้เพื่อวรนัทนี่มากเลย หลายปีแล้วยังจำอยู่เลย
วิบากแรงมากๆ


ท่านชาติสยาม

นำภาพมาลงไม่ใช่ คาดหวังให้ รู้สึกว่าน่ากลัวหรือสยดสยอง

"หลงประเด็น"......หรือเปล่าครับ

"อสุภ" มีไว้พิจารณาเพื่อ ตัด ละ "สุภวิปลาส"
เหมาะสำหรับคนมีราคะจริต

แล้ว "ปาดคอคน" เป็นโทสะไม่ไช่หรือ ,
เอาไว้พิจารณาอะไร.....ครับท่าน

ขออนุโมทนา


แก้ไขล่าสุดโดย Eikewsang เมื่อ 19 ก.พ. 2010, 03:29, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.พ. 2010, 09:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


จะไม่โต้ยืดยาวหรอกนะ แค่ความเห็นนี้เท่านั้น...
ก็รู้สึกจะเดือดดาลขึ้นมาทันที ดูภาพพวกนี้มากๆ แล้ว ไม่รู้สึกปลงอะไรขึ้นมาบ้างรึ หือ...

อาชีพที่สามารถทำให้เกิดความรู้สึก ปลงสังขารได้ คือ สัปเหร่อ นะ ไม่ใช่แพทย์ (ใกล้เคียง มรณานุสติ) พวกมูลนิธิทั้งหลายแบบ ปอเต็กตึ๊ง ก็เช่นกัน ไม่สามารถทำให้ปลงสังเวชได้...
แต่แยกแยะเสียหน่อย เราพูดถึงกรณี ปลง แพทย์ไม่ได้เรียนมาเพื่อให้ปลง เพราะถ้าปลงสังขารจริง ศาสตร์ทางแพทย์ก็ไม่ก้าวหน้าขนาดนี้หรอก
แล้วเว็บที่โพสต์ภาพพวกนี้มากๆ เห็นแต่ละคน อัตตารุนแรงทั้งนั้น ไม่ต่างจากพวกปริยัติ ไม่เห็นจะมีใครปลงสังขารได้ซักคน

ดูเหมือนการแยกแยะจะต่ำนะ นี่เราพูดถึงมูลนิธิด้วย ก็คงไม่ออกมาพูดว่า "งั้นมูลนิธิก็ไม่ดี" หรอกนะ

ที่เขียนนี่ ต้องการสะกิดให้คนที่เข้ามาดู รู้สึก ถึงความผิดปกติบางอย่าง ส่วน จขกท.จะยืนยันในความคิดตน อันนั้นเราไม่สนใจเท่าไร

อ้อ จะใช้คำว่า ละราคะ ก็ได้... มีใครดูภาพพวกนี้ แล้วละราคะได้งั้นหรือ
สรุปสุดท้าย... ตามตำรา เขาให้ดูซากศพที่เน่าเปื่อย... แต่ความตื่นตาตื่นใจ (หรือด้วยความรู้สึกอย่างอื่น) ทำให้พอเห็นภาพพวกนี้แล้ว นึกอยากเอามาโพสต์ และพาลอ้างว่าเป็น อสุภะ
และภาพความรุนแรงทั้งหลาย ก็ไม่เกี่ยวข้องกับอสุภะ


เพิ่มเติม... ว่าจะไม่เข้ามาแล้ว แต่อยากซาวเสียงคนอื่นๆ หน่อย ความเห็นที่เราโพสต์ไปอันแรก มันให้ความรู้สึก ดูถูกดูแคลน ปรามาส หรือหยิ่นหยามอะไรใครหรือเปล่า... ถ้าให้ความรู้สึกแบบนั้น ต่อไปจะพยายามให้มันซอฟต์ๆ ลง แต่ถ้าไม่ ก็แสดงว่าแทงใจดำ และจะแทงไปเรื่อยๆ อิอิ


แก้ไขล่าสุดโดย murano เมื่อ 19 ก.พ. 2010, 16:10, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.พ. 2010, 09:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


Eikewsang เขียน:
...........


อ้าว เหรอ
ไม่รู้นี่นา โทษทีๆ

ก็จิตมันเฉยนี่ ก็ว่าไปตามจริงน่ะพ่อคุณ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.พ. 2010, 04:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 04:38
โพสต์: 376

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


murano เขียน:
จะไม่โต้ยืดยาวหรอกนะ แค่ความเห็นนี้เท่านั้น...
ก็รู้สึกจะเดือดดาลขึ้นมาทันที ดูภาพพวกนี้มากๆ แล้ว ไม่รู้สึกปลงอะไรขึ้นมาบ้างรึ หือ...

ก็เหมือนเดิม เริ่มต้นก็เดาสุ่ม...ดูแคลนผู้อื่นทันที ,

คำว่า "เดือดดาล" หมายถึงโทสะใช่มั๊ย....?
อย่าเอาระดับปัญญา ผสมมาตราฐานของตนเอง ไปวิจารณ์ผู้อื่นเลยคุณ....มันไม่ถูกหรอก

คุณจะเป็นยังไง ... ก็เป็นเรื่องของคุณ
ส่วนผมจะพิจารณาอสุภะเมื่อไหร่ก็อีกกรณีหนึ่ง
จะปลงเมื่อไหร่หรือไม่ก็คนละเรื่องกัน

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

murano เขียน:
อาชีพที่สามารถทำให้เกิดความรู้สึก ปลงสังขารได้ คือ สัปเหร่อ นะ ไม่ใช่แพทย์ (ใกล้เคียง มรณานุสติ) พวกมูลนิธิทั้งหลายแบบ ปอเต็กตึ๊ง ก็เช่นกัน ไม่สามารถทำให้ปลงสังเวชได้...
แต่แยกแยะเสียหน่อย เราพูดถึงกรณี ปลง แพทย์ไม่ได้เรียนมาเพื่อให้ปลง เพราะถ้าปลงสังขารจริง ศาสตร์ทางแพทย์ก็ไม่ก้าวหน้าขนาดนี้หรอก
แล้วเว็บที่โพสต์ภาพพวกนี้มากๆ เห็นแต่ละคน อัตตารุนแรงทั้งนั้น ไม่ต่างจากพวกปริยัติ ไม่เห็นจะมีใครปลงสังขารได้ซักคน
ดูเหมือนการแยกแยะจะต่ำนะ นี่เราพูดถึงมูลนิธิด้วย ก็คงไม่ออกมาพูดว่า "งั้นมูลนิธิก็ไม่ดี" หรอกนะ

นี่ก็เป็นความเห็น....แบบขาดความรู้....ของคุณคนเดียวล้วนๆ ,

ไม่ว่า สัหเหร่อ แพทย์ หรืออาชีพอื่นๆ ใครจะปลงอสุภะ หรือไม่ ...?
โดยใช่รูปารมณ์ใด ....? มันก็แล้วแต่จริต อัธยาศัยของเค้า

เอาเหตุผลอะไรมาอ้างอิงว่า คนนั้นใช่ คนนี้ไม่ใช่ ....
คุณกำลังเอามาตราฐาน และระดับปัญญาของคุณ ตัดสินคนอื่น


และคุณเอาข้อมูลอะไรยืนยันว่า

"อาชีพที่สามารถทำให้เกิดความรู้สึก ปลงสังขารได้ คือ สัปเหร่อ นะ ไม่ใช่แพทย์ (ใกล้เคียง มรณานุสติ) พวกมูลนิธิทั้งหลายแบบ ปอเต็กตึ๊ง ก็เช่นกัน ไม่สามารถทำให้ปลงสังเวชได้...อาชีพที่ปลงสังขารได้ คือ สัปเหรอเท่านั้น ไม่ใช่แพทย์ "

เดา มั่วๆ สุ่มๆ เอาเองทั้งนั้น

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


murano เขียน:
ที่เขียนนี่ ต้องการสะกิดให้คนที่เข้ามาดู รู้สึก ถึงความผิดปกติบางอย่าง ส่วน จขกท.จะยืนยันในความคิดตน อันนั้นเราไม่สนใจเท่าไร

ตรงไหนที่เป็นความคิดเห็นของผม กรุณาตีกรอบให้ดูหน่อยครับ....

เท่าทีดูมา มีแต่ความคิดเห็นที่ไม่มีเหตุผล ... ไร้ปัญญาประกอบ

และเป็นแต่ในทางดูถูกดูแคลนคนอื่น....ของคุณทั้งนั้น


๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


murano เขียน:
อ้อ จะใช้คำว่า ละราคะ ก็ได้... มีใครดูภาพพวกนี้ แล้วละราคะได้งั้นหรือ

สำหรับคุณ...อาจจะใช้ภาพพวกในการพิจารณาอสุภะ ไม่ได้
ก็เป็นเรื่องของ "ระดับปัญญา" ของคุณ
แต่...ทำไมคุณต้องคิดว่า คนอื่นต้องมีปัญญาระดับเดียวกับคุณด้วยล่ะ
"ทัพพี" อยู่กับแกงตลอด แต่.....ไม่เคยรู้รสแกง



murano เขียน:
สรุปสุดท้าย... ตามตำรา เขาให้ดูซากศพที่เน่าเปื่อย... แต่ความตื่นตาตื่นใจ (หรือด้วยความรู้สึกอย่างอื่น) ทำให้พอเห็นภาพพวกนี้แล้ว นึกอยากเอามาโพสต์ และพาลอ้างว่าเป็น อสุภะ และภาพความรุนแรงทั้งหลาย ก็ไม่เกี่ยวข้องกับอสุภะ

คุณเอาความรู้อะไรมา "บัญญัติ...คำจำกัดความ" ของคำว่า "อสุภะ"
ข้อจำกัดที่คุณกล่าวอ้างข้างต้นนั้น คุณเดาสุ่มเอาเอง ด้วยระดับปัญญาของคุณเอง....ทั้งนั้น

ส่วนที่บอกว่า "ผมพาลอ้างว่าเป็นอสุภะ" นี่ก็ดูแคลนคนอื่นอีกแล้ว
อย่าเอามาตราฐานของตนเอง วิจารณ์ผู้อื่นเลยดีกว่าครับ

ตำราที่คุณอ้างถึง...ใครเขียน , ชื่อตำราอะไร
หรือคุณพาลอ้างตำราขึ้นเอง.....ทั้งๆ ที่ไม่เคยอ่าน


ที่ผมนำภาพมาลง เพราะมีตำราระบุไว้ว่า เป็นลักษณะศพที่นำมาพิจารณาอสุภะได้
ไม่ใช่ พวกชอบ มั่วๆ เดาสุ่มๆ แบบคุณหรอกน่า

ตามตำราพระอภิธรรม สอนวิธีพิจารณาอสุภะ จากศพ 10 ลักษณะเป็นอย่างน้อย

ตัวอย่าง..............เช่น

"วิจฉิททก" คือ ศพที่ถูกฟันขาด เป็นท่อนๆ

"วิกขายิตก" คือ ศพที่ถูกสัตว์กัดกิน กระจัดกระจาย อวัยวะเรี่ยราด

"วิขิตตก" คือ ศพที่ แขน ขา ขาดกระจัดกระจาย.....อวัยวะกระเด็นไปคนละทิศทาง

"หตวิกขิตตก" คือ ศพที่ถูกฟัน หรือ ผ่าด้วยมีด
.........
.........เป็นต้น

ภาพศพอื่นๆ ท่านสอนให้นำมาพิจารณาอสุภะได้ทั้งนั้น ทั้งนี้...ตาม แต่จริตของแต่ละคน



กรุณาอย่าวิจารณ์ และ ดูถูกดูแคลนผู้อื่น
โดย "ความไม่รู้"....ของคุณ อีกเลย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.พ. 2010, 02:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ม.ค. 2010, 04:16
โพสต์: 40

แนวปฏิบัติ: แนวนั่ง แนวนอน แนวดิ่ง แนวๆๆๆ
งานอดิเรก: อยู่ไม่เฉย
สิ่งที่ชื่นชอบ: การ์ตูน เรื่องจะเอาอะไรกับผม
ชื่อเล่น: อาร์ต
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นแล้วหมดอารมณ์เลย เซงจริงๆ Onion_L


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2010, 10:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 ธ.ค. 2009, 19:01
โพสต์: 10

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอออกความคิดเห็น ตามสติปัญญาที่น้อยนิดนะครับ

การพิจารณาซากศพ นี่ คิดว่า อยู่ที่คนพิจารณาด้วยนะครับ อย่างหมอหรือนักเรียนแพทย์นี่จะศึกษาในทางกายภาพ ว่าตรงไหนมีอะไร ชื่ออะไร ทำงานยังไง ไม่ได้พิจารณาในทางธรรมมะ ที่พิจารณาการเปลี่นแปลงไม่เที่ยง และ ดูให้เห็นถึงความสกปรก ของร่างกายคนเรา เลยอาจให้ผลในด้านธรรมมะที่แตกต่างกัน กับผู้ปฏิบัติธรรม ซึ่งหากพิจารณาอย่างมีสติ ค่อยๆสังเกตุ ค่อยๆ พิจารณาแล้วก็เอามาเปรียบเทียบกับร่างกายตัวเอง ก็น่าจะได้อะไรจากการพิจารณาบ้างพอสมควร

คงแล้วแต่ว่าใครชอบแบบไหน มีสมาธิ มีนิสัยแบบไหน ตามจริตของตัวเองไป อย่างผมชอบนั่ง-นอน แล้วก็ภาวนา พุท-โธ เห็นภาพเหล่านี้ ก็เอามาเปรียบเทียบกับร่างกายตัวเองเหมือนกัน แต่ก็ไม่ค่อยชอบนัก ก็ไม่กลัวนะ แต่มันไม่ค่อยเจริญตาเท่านั้นเอง แต่กับบางคนอาจจะได้คิดได้สติ ต่างกันไป

เคยอ่านเจอ ท่านว่า ซากศพที่พระพุทธองค์ แบ่งไว้ มี 10 ลักษณะ คือ

อสุภ 10 อย่าง
- อุทธุมาตกอสุภ ซากศพที่พองขึ้น
- วินีลกอสุภ ซากศพที่ขึ้นสีเขียว
- วิปุพพกอสุภ ซากศพที่มีหนองแตกพลัก
- วิจฉิททกอสุภ ซากศพที่ถูกตัดเป็นท่อนๆ
- วิกขายิตกอสุภ ซากศพที่ถูกสัตว์กัดกระจุยกระจาย
- วิกขิตตกอสุภ ซากศพที่ถูกทิ้งไว้เรี่ยราด
- หตวิขิตตกอสุภ ซากศพที่ถูกสับฟันทิ้งกระจัดกระจาย
- โลหิตกอสภ ซากศพที่มีโลหิตไหลออก
- ปุฬุวกอสุภ ซากศพที่เต็มไปด้วยหนอง
- อัฏฐิกอสุภ ซากศพที่เหลือแต่ร่างกระดูก


ขออภัยหาก มีสิ่งใดที่ไม่ถูกต้อง ไม่สมควร ครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2010, 11:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 ธ.ค. 2009, 19:01
โพสต์: 10

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อานุภาพของอารมณ์สมถะกรรมฐาน ๔๐

อารมณ์กรรมฐานทั้ง ๔๐ อย่างดังที่กล่าวมาแล้ว มีอานภาพหรือให้ผลต่างกัน ดังนี้

๑. กรรมฐานที่ให้สำเร็จเพียงอุปจารสมาธิ มี ๑๐ อย่างคือ
ก.อนุสติ
- พุทธานุสสติ ระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า
- ธัมมานุสติ ระลึกถึงคุณของพระธรรม
- สังฆานุสติ ระลึกถึงคุณของพระสงฆ์
- สีลานุสติ ระลึกถึงศีลของตนที่ถือมั่นอยู่ไม่ด่างพร้อย
- จาคานุสสติ ระลึกถึงการบริจาคของตนที่ได้กระทำไป
- เทวตานุสสติ ระลึกถึงคุณธรรมที่ทำให้เป็นเทวดา
- มรณัสสติ ระลึกถึงความตาย
- อุปสมานุสสติ ระลึกถึงพระนิพพานอันเป็นที่สงบระงับกองทุกข์ทั้งปวง

ข.อาหารเร ปฏิกูลสัญญา ได้แก่ การกำหนดพิจารณาอาหารให้เห็นว่าน่าเกลียดปฏิกูล

ค.จตุธาตุววัตถาน ได้แก่ การพิจารณาแยกส่วนประกอบต่างๆ ของร่างกายให้เห็นว่า เป็นเพียงธาตุ 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ มาประชุมกันเข้า

เพราะกรรมฐานเหล่านี้ มีอารมณ์สุขมละเอียดยิ่งนักไม่ปรากฏชัด จิตและเจตสิก ไม่อาจจะมาแอบแนบติดกันสนิทตั้งอยู่ได้นาน จึงเป็นเพียงอุปจารสมาธิเท่านั้น

๒. กรรมฐานที่ให้สำเร็จถึงขั้น อัปปนาสมาธิ หรือที่เรียกว่าขั้นฌานนั้น มี ๓๐ อย่าง คือ
ก. กสิณ ทั้ง ๑๐ อย่าง
ข. อสุภ ทั้ง ๑๐ อย่าง
ค. อนุสสติ
- กายคตาสติ ระลึกถึงร่างกายให้เห็นว่าเป็นของไม่งาม น่าเกลียดปฏิกูล
- อานาปานสติ การมีสติกำหนดลมหายใจเข้าออก
ง.พรหมวิหาร ๔
จ. อรูปธรรม ๔

๓. ในกรรมฐาน ๓๐ ที่ให้สำเร็จถึงขั้น อัปปนาสมาธิ นั้นก็ให้อานุภาพต่างกัน ดังนี้

ก. อสุภ ๑๐ และ กายคตาสติ รวม ๑๑ อย่าง ให้สำเร็จได้เพียง รูปาพจรปฐมฌาน เท่านั้น

ข.พรหมวิหาร ๔ มีอานุภาพให้สำเร็จเพียง รูปฌาน ขั้นที่ ๑ถึงขั้นที ๔ เท่านั้น คือ ตั้งแต่ปฐมฌานถึง จตุตถฌาน ในฌานปัญจกนัยเท่านั้น

ค.อุเบกขา มีอานุภาพให้สำเร็จเพียงปัญจมรูปฌานเท่านั้น

ง. กสิณ ๑๐ และ อานาปานสติ รวม ๑๑ อย่าง มีอานุภาพให้สำเร็จตั้งแต่รูปาพจรปฐมฌาน ถึง รูปาพจรปัญจมฌาน

จ. อรูปกรรมฐาน ๔ มีอานุภาพให้สำเร็จอรูปฌานอย่างเดียวเท่านั้น


ที่มา http://www.bloggang.com/viewdiary.php?i ... 35&gblog=2


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มี.ค. 2010, 23:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ดันเล่นๆ :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มี.ค. 2010, 17:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 04:38
โพสต์: 376

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คิดตรงๆ เขียน:
ขอออกความคิดเห็น ตามสติปัญญาที่น้อยนิดนะครับ


สวัสดีครับ...คุณคิดตรง

ผมก็เป็นผู้มี สติ และ ปัญญา น้อยนิด เช่นกันครับ
การแสดงความคิดเห็นของผม จึงต้อง ยืนอยู่บน
บทความของผู้อื่น ที่เห็นว่า ถูกตรง หรือ
เดินตามพระสัทธรรม .... ครับ


คิดตรงๆ เขียน:
การพิจารณาซากศพ นี่ คิดว่า อยู่ที่คนพิจารณาด้วยนะครับ อย่างหมอหรือนักเรียนแพทย์นี่จะศึกษาในทางกายภาพ ว่าตรงไหนมีอะไร ชื่ออะไร ทำงานยังไง ไม่ได้พิจารณาในทางธรรมมะ ที่พิจารณาการเปลี่นแปลงไม่เที่ยง และ ดูให้เห็นถึงความสกปรก ของร่างกายคนเรา เลยอาจให้ผลในด้านธรรมมะที่แตกต่างกัน กับผู้ปฏิบัติธรรม ซึ่งหากพิจารณาอย่างมีสติ ค่อยๆสังเกตุ ค่อยๆ พิจารณาแล้วก็เอามาเปรียบเทียบกับร่างกายตัวเอง ก็น่าจะได้อะไรจากการพิจารณาบ้างพอสมควร

คงแล้วแต่ว่าใครชอบแบบไหน มีสมาธิ มีนิสัยแบบไหน ตามจริตของตัวเองไป อย่างผมชอบนั่ง-นอน แล้วก็ภาวนา พุท-โธ เห็นภาพเหล่านี้ ก็เอามาเปรียบเทียบกับร่างกายตัวเองเหมือนกัน แต่ก็ไม่ค่อยชอบนัก ก็ไม่กลัวนะ แต่มันไม่ค่อยเจริญตาเท่านั้นเอง แต่กับบางคนอาจจะได้คิดได้สติ ต่างกันไป


แสดงความคิดเห็นได้ "โดน" มากๆ เลยครับ

ผมขอยกตัวอย่าง "การคิด" ของบุคคลครับ

สมมุติ "กรณีการเทน้ำล้างจาน ลงบนพื้นดิน หรือ ใต้ต้นไม้"

............(ตย. 1) ผู้ "ไม่สนใจ" ใฝ่ธรรม เทน้ำทิ้ง ......
จิตใจเค้า ก็คงไม่สนใจ ไม่คิดอะไรอะไรเกี่ยวกับบุญ-บาป
ส่วนใหญ่ก็คงคิดเพียงว่า น้ำไม่สะอาดแล้ว ก็เททิ้งไป
ซึ่งอาจคิดเรื่องต่างๆ นานา ไม่เรื่อยเปื่อย

............(ตย 2.) คนจิตใจโหดร้าย......
คงคิดในเชิงทำลาย , อยากให้ น้ำที่เทไปนั้น ทำร้ายแมลง มด ปลวก สัตว์อื่นๆ
ที่อยู่ใต้พื้นดิน ได้รับความเดือดร้อน หรือ ตาย

............(ตย 3.) คนมีจิตใจเมตตา กรุณา.....
คิดอย่างเดียว "ขอให้น้ำที่เทไปนี้ จงสำเร็จเป็นประโยชน์
ให้ความสุข แก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ใต้พื้นดินนี้ด้วยเทอญ"


คิดตรงๆ เขียน:
เคยอ่านเจอ ท่านว่า ซากศพที่พระพุทธองค์ แบ่งไว้ มี 10 ลักษณะ คือ
อสุภ 10 อย่าง
- อุทธุมาตกอสุภ ซากศพที่พองขึ้น
- วินีลกอสุภ ซากศพที่ขึ้นสีเขียว
- วิปุพพกอสุภ ซากศพที่มีหนองแตกพลัก
- วิจฉิททกอสุภ ซากศพที่ถูกตัดเป็นท่อนๆ
- วิกขายิตกอสุภ ซากศพที่ถูกสัตว์กัดกระจุยกระจาย
- วิกขิตตกอสุภ ซากศพที่ถูกทิ้งไว้เรี่ยราด
- หตวิขิตตกอสุภ ซากศพที่ถูกสับฟันทิ้งกระจัดกระจาย
- โลหิตกอสภ ซากศพที่มีโลหิตไหลออก
- ปุฬุวกอสุภ ซากศพที่เต็มไปด้วยหนอง
- อัฏฐิกอสุภ ซากศพที่เหลือแต่ร่างกระดูก

ขอขอบคุณที่นำรายละเอียด มาลงให้ได้อ่านกันครับ

นอกจากนี้ ยังมีอยู่ในส่วนของ กายนุปัสสนาสติปัฏฐานอีกด้วย
ในหมวดพิจารณาศากศพ หรือ [url]นวสีวถิกามนสิการบรรพ[/url]
(พิจารณาซากศพในป่าช้า 9 ลักษณะ)
1 ซากศพสีเขียว
2 ซากศพถูกฝูงสัตว์จิกกิน
3 ซากศพมีเนื้อและเลือด
4 ซากศพเปื้อนเลือด
5 ซากศพร่างกระดูกปราศจากเนื้อและเลือด
6 ซากท่อนกระดูกกระจัดกระจาย
7 ท่อนกระดูกสีขาว
8 ท่อนกระดูกกองเรี่ยราย

http://www.siangtai.com/TH/newsmonk_det ... ws_ID=1184

คิดตรงๆ เขียน:
ขออภัยหาก มีสิ่งใดที่ไม่ถูกต้อง ไม่สมควร ครับ


onion onion onion

ขออนุโมทนาครับ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 28 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร