ขอเชิญศึกษาธรรมบรรลุฉลับพลัน จบโลก จบธรรม จบกรรม การปฏิบัติ โดยหลวงพ่อโพธิ์ศรีสุริยะ เขมรโต วัดร่มโพธิธรรม จ.เลย ที่บอร์ดสนทนาทั่วไปขอรับ หรือ http://www.rombodhidharma.com/

ก่อนอื่นขออนุโมทนาด้วยกับ คุณPanejon ด้วย
ทางลัด หรือที่ตรงต่อสัจธรรม ไม่ใช่ว่าเรามาตั้งคำถามให้กับตัวเองว่าเราจะหลุดจากมันอย่างไร ทำอย่างไรจึงจะหลุดจากมัน มันเป็นความคิด คำถามที่ไม่ตรงต่อความเป็นเดิมแท้ หากว่าหลุดก็หลุดกันอยู่เองแล้ว อนิจจังอยู่เองแล้ว วาง ว่าง อยู่ก่อนแล้ว ไม่ซ้อนการดำเนินการปฏิบัติการใดๆในธรรมอีก คือไม่เริ่ม ไม่คอยที่อะไรกับอะไรอีก อยู่เอง อยู่เอง ไม่อะไรกับอะไร ท่านทบทวนก็แค่นี้สั้นๆ
ทีเขียนนี้อาจจะไม่แจ่มชัดเท่าไร หากคุณมีโอกาสมีก็ขอเชิญไปศึกษาธรรมที่วัดร่มโพธิธรรม มีข้อสงสัยอะไรก็เรียนถามหลวงพ่อโดยตรง แค่ธรรมไม่กี่ประโยคก็สามารถดับเหตุ ไม่เป็นเหตุ จบภพ จบชาติได้ ไม่แสดงธรรมแล้วให้รู้ตามปฏิบัติตาม แต่ที่ท่านแสดงนั้นเป็นการสะท้อนให้ดับตาม ไม่สร้างเหตุอย่างไรก็ไม่เป็นเหตุนั้น นั่นละที่คุณใฝ่หาละตอนนี้


ขอให้ท่านมีส่วนในความ ไม่ติด ไม่ขัด ไม่ข้อง ไม่คา แจ่มแจ้งในสัจธรรม ลุล่วงพ้นทุกข์ ตามองค์พุทธะ พระอรหันต์ พระโพธิสัตว์ หลวงพ่อโพธิ์ศรีสุริยะ เขมรโต นั่นเทอญ

ผมขอขอบพระคุณทุกท่านเป็นอย่างมาก
ที่ให้ความรู้ความเข้าใจกระผม แนวทางที่ท่านได้ชี้แนะผมจะนำไปปฏิบัติครับ

การนั่งสมาธิเมื่อจิตฟุงซ่านหรือเวลาไม่นั่งสมาธิก็ตามความคิดมันจะ
กระโดดไปโน้นไปนี่ตลอดผมควรทำอย่างไรดีครับถึงจะให้จิตนั้นสงบได้ครับ

สวัสดีครับคุณพเนจร

แสดงว่าอ่านแล้วอาจไม่เข้าใจการปฏิบัตินะครับ


ลองหายใจลึก ๆ เต็มปอดให้สม่ำเสมอ แล้วอบรมจิตใจตนเองว่า จิตมั่นคง ๆๆๆๆๆบ่อย ๆ ลองดูครับ เมื่อจิตใจเข้มแข็งมั่นคง จิตย่อมตั้งมั่น มีปีติสุขและอุเบกขาได้ครับ

ต่อจากนั้นเอาบทอรหัตตมัคคมาท่องอบรมจิตทั้งบทก็ได้ครับ


แล้ปฏิบัติตามคาถาบทนี้ให้สำเร็จก็พอครับ


ความโศกทั้งหลาย
ย่อมไม่มีแก่ผู้มีจิตมั่นคง ไม่ประมาท
เป็นมุนีผู้ศึกษาในทางแห่งมโนปฏิบัติ ผู้คงที่
สงบระงับแล้วมีสติในกาลทุกเมื่อ



เจริญในธรรมครับ

ขอเชิญศึกษาธรรมบรรลุฉลับพลัน จบโลก จบธรรม จบกรรม การปฏิบัติ โดยหลวงพ่อโพธิ์ศรีสุริยะ เขมรโต วัดร่มโพธิธรรม จ.เลย ที่บอร์ดสนทนาทั่วไปขอรับ หรือ http://www.rombodhidharma.com/

ช่างมัน ไม่อะไรกัยอะไร เตือนแค่นี้พอ ยกให้เป็นความธรรมขาติทั้งหมดระบบกาย ใจ หมายถึงปลง ละ สงบก็ธรรมชาติมัน ไม่สงบก็ธรรมชาติมัน ไม่อะไรกับอะไรกับมัน การแก้ วางไม่ใช่ไปคอยขัดแย้งธรรมชาติที่การปรับเปลี่ยนและเลือกเอาอย่างหนึ่งอย่างใด ไม่เป็นตัณหาเลือกเอา จะได้เลิกเอียงที่ต้องการจะสงบอย่างเดียว ที่ว่ามานี้คือเป็นการสงบจากตัวตน ไม่ใช่เอาตัวตนมุ่งเพื่อสงบ ไม่เป็นเหตุไปซะเอง

ขอให้ท่านมีส่วนในความ ไม่ติด ไม่ขัด ไม่ข้อง ไม่คา แจ่มแจ้งในสัจธรรม ลุล่วงพ้นทุกข์ ตามองค์พุทธะ พระอรหันต์ พระโพธิสัตว์ หลวงพ่อโพธิ์ศรีสุริยะ เขมรโต นั่นเทอญ

ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ชี้แนะแนวทางการปฏิบัติทั้งหลาย


หลังปีใหม่ประมาณวันที่ 6-7ม.ค. 53 ผมจะได้ติดตามพระอาจารย์ที่วัดใกล้บ้าน
ไปปฏิบัติธรรม ผมจะนำความรู้ที่ได้จากทุกท่านน้อมปฏิบัติ
พระอาจารย์ท่านว่าถ้าต้องการศึกษาธรรมต้องเข้าปฏิบัติกันเลย
ไปในที่นี้เป็นการไปธุดงค์ของพระอาจารย์ผมเป็นผู้ติดตาม
ไปแถวประเทศเพื่อนบ้าน (เขมร) ไม่รู้ว่าผมจะไหวใหม
อย่างไรก็ช่วยเป็นกำลังใจให้ผมหน่อยนะครับ
ถ้ามีอะไรชี้แนะแนวทางการปฏิบัคติติดตามพระอาจารย์ออกธุดงค์ก็ช่วยบอกผม
ด้วยนะครับ ว่าผมต้องทำอย่างไรบ้าง

ก่อนไปธุดงค์ ตอนนี้เราตัดใจไปก่อน ตัดปลิโพธิไปก่อนเลย คือไม่ห่วงกังวล การเป็นการอยู่จะมีกินหรือไม่มีกิน ลำบากไม่ลำบากอะไร เรียกว่าตายเป็นตาย ไม่อะไรกับอะไร เด็ดขาดหน่อยใจอะ เรียกว่าไม่ดิดที่อยู่ที่นอน เสื้อผื่น หมอนไม่ต้องประมาณนี้ จะไม่หนักถ้ามีการเดินเยอะๆ เอาแต่ของใช้ที่จำเป็น เวลาไปถึงสถานที่ไหน ก็ให้อ่อนน้อมถ่อมตน ดำริหรือพูด ลูก ผมขอพักกี่คืนกี่วัน ต่อภูมิที่ภูมิทาง จะไม่ได้เป็นการไปเบียดเบียนเขา และกรวดน้ำแผ่เมตตาให้ภูมิที่ภูมิทางเขา และสรรพดวงจิตทั้งหลายที่เขามาสัมผัสกับเราได้มีส่วนบุญด้วยกับเราด้วย ข้อสำคัญเวลาตากเสื้อผ้าให้เตรียมเชือกไปด้วย ห้ามตากพาดกิ่งไม้ ก้อนหินเด็ดขาด ให้ใช้เชือกมัดจากกิ่งไม้ ต้นไม่เอา หากไปนอน นั่งสมาธิปลงใจอะไร อยู่ริมหน้าผาควรให้ศรีษะไปทางหน้าผา ควรหันหลังให้ ผา เพราะตกใจอะไรจะไม่วิ่งตกหน้าผา
เวลาไปก็เตือนใจ ที่ไปนี้ไม่ได้ไปเอาอะไร ไม่มีอะไรที่จะยึดได้จริง
ฝึกออกจากเรือนดีแล้ว เป็นฝึกสละ ฝึกไม่ยึด เริ่มต้น เดียวคุ้นเคยก็สละจริงๆ

ขอแสดงความคิดเห็นหรือตอบเท่าที่ความรู้มีนะครับ

1 จิตคือผู้คิด ผู้นึก ผู้รู้ .....หน้าที่ของจิตคือ รู้ รับ จับ คิด

2 จิตเดิมแท้ ว่ากันตามพระไตรปิฎก ก็บริสุทธิ์

ว่ากันตามโลก ก็มีกิเลสปกคลุม อยู่เนืองๆ

3 จิตมีได้ กับสิ่งมีชีวิตที่ มีวิญญาณ

ขออนุโมทนา..สาธุ..ที่คิด..ที่ปรารถณา..มาค้นหา..ความสุข..ความเจริญ..ในเส้นทางที่..ย้อนกระแสโลก..ผู้จะคิดได้เช่นนี้..มีจำนวนน้อยยิ่งกว่าน้อย.. สาธุ..

สำหรับคำถาม...เมื่อพิจารณาแล้ว..ยังไม่เห็นประโยชน์อะไรที่ผู้ถามจะได้จากคำตอบ..ขณะนี้

เพราะอะไรนะหรือ..

เพราะทางแห่งนี้จะสำเร็จได้ด้วยการปฏิบัติจริง..ผลจริง..เท่านั้น..คำตอบต่อคำถามจะมีผลจริงก็ต่อเมื่อการปฏิบัติมาถึงจุดนั้นแล้ว..คำตอบนั้น ๆ จึงจะเป็นประโยชน์ได้..( ประโยชน์แค่ตัดความลังเล..สงสัย..จะได้ไม่เสียเวลา..เท่านั้น )..และผู้ที่จะให้คำตอบนั้น..ต้องเป็นครูบาอาจารย์..ที่ได้ผ่านตรงนั้นไปแล้ว..จริง ๆ ..จึงจะเป็นคำตอบที่ถูกต้อง..บริสุทธิ์

และ..การได้คำตอบก่อนเวลา..ที่ควร..อาจกลายมาเป็นโทษหนัก..ก็ได้นะครับ..มีเยอะครับที่หลงในสัญญา..ว่าเป็นปัญญา..ที่ว่าหลงทางเสียเวลา..นั้น..แต่หลงสัญญา..นี้มันโคตะระเสียเวลา..เลยคุณ

ดูง่าย ๆ เลยก็ได้ว่า..จิต..เจิต..ไม่ต้องรู้แระ..มานี้ก็มาหานิพพาน..ก็ถามถึงนิพพาน..ไปเลย..แล้วเป็นงัย..ยกพระไตรปิฎกมาตอบทั้งตู้เลย..เป็นงัย..แล้วจะได้นิพพานมั้ย?..มันก็ไม่ได้..และที่มันไม่ได้เพราะอะไร?..เพราะปัญญาที่ได้..มันแค่จดจำ..มันแค่คิด..มันเข้าถึงความจริงยังไม่ได้..มันต้องใช้เจ้าปัญญาที่ยิ่งไปกว่า..สิ่งที่โลกเขาคุ้นชินกัน..มันคือ..ภาวนามยปัญญา..ต้องปฏิบัติเอา..ด้วยตัวเอง..เท่านั้น

แต่หาก..จะหาความบันเทิงในธรรม..เป็นธรรมะบันเทิง..ละก้อ..ขอบอกว่า..คุณมาถูกที่แล้วครับ



มีครับ..มีหลายทาง..และก้อมีคนเขาเคยเดินจนสำเร็จมาแล้วด้วย..

มีท่านหนึ่ง..แค่ฟัง..คำว่า..เธอเห็นก็สักแต่ว่าเห็น..ได้ยินก็สักแต่ว่าได้ยิน..

หากยังไม่ปิ๋ง..มีอีกครับ..

มีท่านหนึ่ง..ท่านพิจารณาเลือด..ที่ท่านเชือดจากคอของท่านเอง..หวาดเสียวดีมัย?

นี้งัยครับ..ทางของท่าน..

แล้วทางของเรา..ละ..มันจะเป็นทางเดียวกับท่าน..หรือ..คนละทาง..ก็ต้องปฏิบัติกันไป..ผมละคนหนึ่ง..เชือดคอดูเลือดนะไม่เอา

ขอบพระคุณครับ

คุณกบนอกกะลาครับ ธรรมะบันเทิงมีอยู่หรือ แต่บันเทิงในธรรมผมยอมรับว่ามี
การศึกษาก่อนรู้ก่อนเป็นการหลงทางผมไม่ทราบมาก่อนว่าเป็นการหลงทาง
ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี แสดงว่าผมเข้าใจผิดใช่ใหมครับ

แล้วจิตไม่ควรที่ศึกษาก่อนแล้วผมต้องศึกษาอะไรก่อนครับ
จริงๆแล้วผมก็อยากถามการเข้าถึงพระนิพพาน แต่ผมไม่กล้า
ผมคิดว่าเป็นการใฝ่สูงเกินไป

ผมก็เคยได้อ่านได้ยินมาว่าการที่จะเข้าถึงนิพพานต้องว่างจากกิเลสทั้งมวน
อย่างหมดจด จิตต้องบริสุทธ์ขาวสะอาด ไร้ซึ่งกิเลสที่จะมาเกาะติดโดยสิ้นเชิง
จิตไร้การปรุงแต่งใดทั้งสิ้น นอกเหนือสิ่งใดๆทั้งมวนทั้งเหตุและผล ไร้ซึ่งอุปทาน
ทั้งหลาย และอื่นๆอีกมากมาย ผมเลยคิดจุดเริ่มต้นผมจะเริ่มที่จิต
แต่ถ้าเป็นการเริ่มต้นที่ผิดผมต้องเริ่มต้นที่ใหนดีครับทุกๆท่าน

ที่เว็บไม่รู้ลองเข้าดุ มาฟังธรรมะท่านหรือยัง ของหลวงพ่อโพธิ์ศรีสุริยะ
เข้าไปฟังธรรมเลยที่เว็บด้านล่างนี้ ธรรมที่ท่านให้ฉลับพลัน ฉลับพลันอยู่แล้ว

http://www.rombodhidharma.com/Pg-04-Dharma.htm
เรื่อง 184 ตรงต่อนิพพานอยู่แล้ว

เห็นอยากรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ตอนนี้อาศัยเข้ามาฟังบ่อยๆนะครับจะได้รู้อะไรเป็นอะไร และที่ไม่ใช่อะไรเป็นอย่างไร

ครับคุณ yodchaw ผมเคยลองฟังธรรมของหลวงพ่อบ้างแล้ว
แต่ผมยังไม่เข้าใจ คืออะไรไม่กับอะไรอยู่แล้ว มันเป็นเองของมันอยู่แล้ว

และการวางจิตคือต้องไม่ยึดจิต และไม่ต้องไปทรงอะไร
แสดงว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นขันธ์ทั้งหลาย รูปนามทั้งหลายให้เราไม่ให้
ความสำคัญทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสุขเป็นทุกข์เป็นรูปเป็นนาม
อะไรมันจะเกิดจะเป็นก็สักแต่ว่ามันเกิดมันเป็น
สักแต่ว่ารู้เฉยๆแต่ไม่ยึดกับรู้ใช่ใหมครับ