วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 05:04  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 43 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ส.ค. 2009, 22:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2009, 08:46
โพสต์: 405

แนวปฏิบัติ: ดูจิต-อานา
ชื่อเล่น: ขวานผ่าซาก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตรงประเด็น เขียน:
moddam เขียน:
และุถ้า คุณ mes ไปโรงเรียน แต่ไม่ทำตามระเบียบของโรงเรียน จะเรียนจบไหมครับ

cool



เรียนทางอินเตอร์เน็ต หรือ กสท. สิครับ

ไม่ต้องมีระเบียบอะไรมาก จบเหมือนกัน

แต่ ต้องมีปัญญาเฉียบคมหน่อยน่ะ จึงจะจบได้



ตอบได้น่า :b34: จ ริง ครับ

:b13:

.....................................................
สุ จิ ปุ ลิ...(หัวใจนักปราชญ์)

ปัจจุบันธรรม

โยนิโส มนสิการ
สติ สัมปชัญญะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ส.ค. 2009, 23:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ก.ค. 2008, 23:37
โพสต์: 449

ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ถามว่า ทำธุรกิจแบบไหนถึงประสบความสำเร็จ ก็ต้องไปถามคนที่สำเร็จแล้ว ถึงจะได้คำตอบ

.....................................................
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ส.ค. 2009, 01:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เอ๋..แล้วในสมัยพุทธกาล..ท่านพาหิยะ..ไปปฏิบัติกรรมฐาน..มาจากที่ไหนหนอ..

มิใช่..เพราะท่านใช้ใจ..โยนิโส..พระธรรมคำสอน..อันย่อ..จากพระพุทธองค์..ดอกหรือ

ติ๊ก..ต๊อก..ๆ ๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ส.ค. 2009, 09:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ตรงประเด็น เขียน:
ประเด็น มันอยู่ตรงคำว่า"แบบแผน"นี้ละครับ มันครอบคลุม แค่ไหน?






ถ้า แบบแผนหมายถึง อริยมรรคที่มีองค์แปด-สติปัฏฐานสี่ ... ก็บอกได้เลยว่า จำเป็น ต้องมี.

เพราะ พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ในมหาปรินิพพานสูตร ว่า ในศาสนาอื่น(นอกอริยมรรค)ย่อมว่างเว้นจากสมณะผู้รู้ทั่วถึง แม้น สมณะที่ ๑ ...๒...๓...๔

พียงแต่ รูปแบบนั้นมีหลากหลาย "ตามจริตนิสัย และ ในสมัยที่ควร"

เพราะ พอมาดูแต่ละคน ต่างก็มีจริตนิสัย เหตุปัจจัยพื้นฐานต่างกันไปอีก ...แบบแผน ที่ว่า มี เลยไม่ค่อยจะชัดเจนอีก
เพราะ นานาสังวาส นานาจิตตัง

และ บางแบบแผนที่เราว่าเป็นแบบแผนนั้น พระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ได้สอนเอาไว้เสียด้วยซ้ำ
อาจารย์รุ่นหลังประมวลกันขึ้นมาเอง





แม้นแต่ วิธีการที่เรียกว่า ไม่เป็นแบบแผน.... ดูดีๆ มันก็มีแบบแผน
ยกตัวอย่าง เช่น การเจริญสติในชีวิตประจำวัน ทำความรู้สึกตัวในการยืน เดิน นั่น นอน ดื่ม กิน พูด คิด.... เรามักจะเรียกในลักษณะนี้ ว่า ไม่เป็นแบบแผน หรือ ไม่เป็นตามรูปแบบ

แต่ ความจริง ลองดูใน สัมปชัญญะบรรพ กายานุปัสสนาสติปัฏฐานดูสิครับ... ก็คือ สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้เช่นกัน นั่นก็คือ สิ่งที่เราท่านในปัจจุบัน เรียกกันว่า ไม่เป็นแบบแผน


กระทู้ที่ผมตั้งกำกวมครับ

ผมน่าจะใช้คำว่า รูปแบบ แทน คำว่า แบบแผน จะชัดเจนกว่าครับ


อ้างคำพูด:
เพราะ พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ในมหาปรินิพพานสูตร ว่า ในศาสนาอื่น(นอกอริยมรรค)ย่อมว่างเว้นจากสมณะผู้รู้ทั่วถึง แม้น สมณะที่ ๑ ...๒...๓...๔


ที่เรียกว่าศาสนาพุทธ คือการบรรลุธรรมตามอริยะมรรค ในสมัยพุทธกาลนั้นเรียกว่า ประพฤติ

พรหมจรรย์

คำว่าศาสนาพุทธรุ่นหลังตั้งขึ้นมา

ตรงนี้แหละครับเป้นจุดม่งหมายของผม

อริยะมรรคที่มีองค์แปดก็ดี สติปัฏฐานสี่ก็ดี เป็นธรรมชาติ เป็น ธรรมฐิติ

ชนรุ่นหลังรวบรวมจัดระเบียบวางระบบเป็นตำรา

ตำราหลักคือพระไตรปิฎก

ย่อยๆลงมาเป็นอรรถกถา

เป็นทิฏฐิ หรือ ทฤษฎีของแต่ละสำนักแต่ละอาจารย์

จนเกิดรูปแบบต่างๆขึ้นมากมาย

และแตกต่างกันไปจนเกิดวิวาทะกันของต่างสำนักไม่รู้จักจบสิ้น


ในความคิดเห็นผมนั้น

อริยะมรรคที่มีองค์แปดก็ดี

สติปํฏฐานสี่ก็ดี

มีอยู่ในมนุษย์เป็นธรรมชาติ

ตัวอย่างของปัจเจกพุทธเจ้าเป็นต้น

ท่านคงไม่ได้เดินตามรูปแบบของสำนักทิศาปราโมทย์สำนักใดๆ


การวางกรอบให้กับสิ่งต่างๆมีทั้งผลดีและผลเสีย

ผลดีคือความเป็นระเบียบ

ผลเสียคือความคับแคบ


หากเราแหกคอก ยกกรอบทิ้งเสีย

เอาสาระเป็นที่ตั้ง

เราคงไม่จำเป็นต้องมาทุ่มเถียงกันให้บาดหมางใจกัน



ขำขันประจำวัน

ขณะที่มีบางคนบางกลุ่มกำลังทุ่มเถียงถึงโสดาบัน

หลายคนที่ฟังสิ่งที่คนกลุ่มนั้นกำลังวิวาทะอยู่ไม่เข้าใจ ได้บรรลุโสดาบันไปนานแล้ว


จึงมีคำถามว่า

เรากำลังหาทางปลดเปลื้องกิเลสเพื่อบรรลุเป็นอริยะบุคคล

หรือเรากำลังต้องการเลี่ยนแบบอริยะบุคคล


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ส.ค. 2009, 09:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
เอ๋..แล้วในสมัยพุทธกาล..ท่านพาหิยะ..ไปปฏิบัติกรรมฐาน..มาจากที่ไหนหนอ..

มิใช่..เพราะท่านใช้ใจ..โยนิโส..พระธรรมคำสอน..อันย่อ..จากพระพุทธองค์..ดอกหรือ

ติ๊ก..ต๊อก..ๆ ๆ


จากไหนเอย!!!!!!!!!!!!!!!!!

ไม่รุ

กบนอกกะลาเฉลยครับ

แต่อย่าจำท่านพาหิยะ สับ กับท่านอื่นอีก

นะจะบอกให้ อิอิอิ

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ส.ค. 2009, 09:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


กามโภคี เขียน:
mes เขียน:
จึงเกิดประเด็นขึ้นมาว่า
โสดาบันยังติดวิปัสสนูกิเลสครับ


ด้วยความรู้ที่ยังไม่มากพอ แต่เท่าที่ดูในพระไตรปิฎกและคัมภีร์ต่างๆ
บางบทบางตอนไม่ได้บอกตรงๆ แต่ก็พอจะเข้าใจได้ว่า เว้นพระอรหันต์เท่านั้น
ที่ละวิปัสสนูปกิเลสได้
ในพระโสดาบันนั้น ยังมากด้วยวิปัสสนูปกิเลสครับ ลองคิดนะครับ กิเลสหยาบๆบางอย่างยังละไม่ได้เลย
นางวิสาขาเองก็ลูกหลานมากมาย ในมหาปรินิพพานสูตรเอง ยังมีบรรยายว่า พระอริยะชั้นโสดาบัน
ร้องไห้คร่ำครวญเมื่อคราวที่พระพุทธองค์ปรินิพพาน เช่นพระอานนท์เถระเป็นต้น ผมอ่านไปอ่านมา
ทำให้เข้าใจอย่างหนึ่งว่า เราจะว่าใครต้องระวังมาก ยิ่งคนปฏิบัติธรรมด้วยแล้ว ชั้นภูมิโสดาบันหรือ
สกิทาคามีนี้ คล้ายคนธรรมดามาก หยาบๆท่านละได้ แต่ละเอียดจริงๆท่านยังละไม่ได้ เลยทำให้คล้ายคน
ธรรมดา เช่น คนที่สงบเสงี่ยมเจียมตัวดีและปฏิบัติธรรม มองยากว่าภูมิธรรมเขาถึงไหน
ข้อนี้อันตราย
เผลอไปว่า ถ้าเขาเป็นอริยภูมิก็เข้าอริยูปวาทันตรายเลย ชาตินี้ห้ามมรรคผลไปอีก ทางที่ดี ดูนานๆ
ดูดีๆ หาหลักวินิฉัยให้แน่ก่อน จะพูดจาก็กลางๆไว้ก่อน พ้นอันตรายได้เอง



เห็นด้วยกับท่านกามโภคีครับ


โสดาบันก็มีลักษณะภายนอกเป็นคนธรรมดานี่แหละครับ

และไม่ได้เรียบร้อยสงบเสงี่ยมอะไรด้วย

ก่อนเป็นปุถุชนเป็นอย่างไรก็ยังเป็นเหมือนเดิม


แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ

คุณธรรมความคิดครับ


ถ้ามีโสดาบัน หรือ สกิทาคามี ตัวจริงเสียงจริง มาแนะนำตัวกับเรา

ร้อยทั้งร้อย ผมว่าไม่มีใครเชื่อ


อริยะบุคคลอยู่ที่จิต (วิญญาณ)ครับ

ไม่ใช่กิริยาท่าทาง

ทุกวันนี้

อริยะจอมปลอมนุ่งห่มจีวรสีสวย จิบปากจิบคอเวลาพูด จะเดินเหินก็กระตุ้งกระติ้ง จนคนนึกว่าเป็น

พระอรหันต์ ขนเงินทองไปถวายให้ท่านล้างผลาญเป็นว่าเล่น

ขณะที่เลยไปอีกไม่กี่กิโลเมตร

พระอรหันต์ตัวจริงของใครก็ตามในสถานสงเคราะห์คนชรากำลังขาดแคลนทั้งเงินทอง และคนดูแล


เงินสิบบาทยี่สิบบาทสร้างวัตถุอะไรไม่ได้หรอกครับ

แต่สร้างความสุขให้กับท่านเหล่านั้นได้

ผมเลยเป็นตัวแทนของอนาคตพวกเราประชาสัมพันธ์กันเลย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ส.ค. 2009, 09:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


wic เขียน:
ผมก็ปฏิบัติโดย

อ้างอิงคำพูด:
ไม่นั่งกรรมฐาน สมถะ วิปัสสนา เดินจงกรม ตามแบบแผนที่สำนักต่างๆสอนกัน
แต่ใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ

มีการก้าวเดิน(โพชฌงค์ 7) ไปตามทาง(มรรค 8)ที่บรรยายไว้ใน มหาจัตตรีสกสูตร

หลายคนในหมู่กลุ่มที่ปฏิบัติแนวนี้ ก็ได้ผลกันมาก ที่เห็นชัดเจนก็ละอบายมุขได้
หลายคนมีศีลเป็นปรกติในชีวิตประจำวันโดยไม่ต้องไปอราธนาศีล กันบ่อยๆ


ครับผม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ส.ค. 2009, 09:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงใหญ่ เขียน:
07
mes เขียน:
ไม่ปฏิบัติกรรมฐานตามแนวที่มีแบบแผน จะบรรลุธรรมหรือไม่
หมายความถึงว่า
ไม่นั่งกรรมฐาน สมถะ วิปัสสนา เดินจงกรม ตามแบบแผนที่สำนักต่างๆสอนกัน
แต่ใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ
สำหรับบางคนทีดำเนินชีวิตอย่างมีสติ มีสมาธิ หรือ เอกัคคตาจิตจะบรรลุธรรมโดยปริยาย ได้หรือไม่


ตอบคำถามของคุณ ต้องตอบเป็นอย่างๆ เพราะข้อสงสัยของคุณ มันค้านก้นเอง ในข้อสุดท้าย เพราะที่คุณว่า ไม่ปฏิบัติกรรมฐานตามแนวที่มีแบบแผน จะบรรลุธรรมหรือไม่ แต่คุณดันบอกว่า บางคนที่ดำเนินชีวิตอย่างมีสติ มีสมาธิ หรือเอกัคคตาจิต จะบรรลุธรรม โดยปริยาย ได้หรือไม่
ในข้อสงสัยข้อสุดท้ายทีคุณถามนั้น มันก็คือ การปฏิบัติตามแนวที่มีแบบแผน รูปแบบหนึ่ง เหมือนกันขอรับ ดังนั้น คำตอบ ก็คือ ถ้าคุณไม่มีความรู้ ไม่ได้คิดพิจารณา ในความรู้เหล่านั้น (ความรู้ในที่นี้ หมายถึง หลักธรรม ทั้งหลายที่มีอยู่) หรือมีความรู้ แต่ไม่ได้ปฏิบัติตามความรู้นั้นๆ คุณ หรือ ใคร หรือผู้ใดก็ตาม ก็ไม่มีวัน บรรลุธรรมใดใด ขอรับ

ถ้าคุณยังสงสัยในคำตอบของข้าพเจ้า คุณก็ลองพิจารณา หน้าที่การงานของคุณที่คุณทำอยู่ทุกชนิด ว่า คุณต้องอาศัยความรู้ (หลักธรรม) พิจารณาความรู้ ประพฤติปฏิบัติตามความรู้ในหน้าที่การงานนั้นๆ หรือไม่ ถ้าคุณไม่ีมีความรู้ ในหน้่าที่การงานนั้นๆ คุณจะทำงานเหล่านั้นได้หรือไม่ เหมือนกัน ขอรับ


รับทราบครับ

ท่านเปลี่ยนฉายาเถอะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ส.ค. 2009, 10:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


kokodado เขียน:
ถามว่า ทำธุรกิจแบบไหนถึงประสบความสำเร็จ ก็ต้องไปถามคนที่สำเร็จแล้ว ถึงจะได้คำตอบ


อ้าวอาจารย์ตามมหาวิทยาลัยคณะนักธุรกิจบริหาร

ทราบแล้วเปลี่ยน

อิอิอิ

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ส.ค. 2009, 10:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


moddam เขียน:
ตรงประเด็น เขียน:
moddam เขียน:
และุถ้า คุณ mes ไปโรงเรียน แต่ไม่ทำตามระเบียบของโรงเรียน จะเรียนจบไหมครับ





เรียนทางอินเตอร์เน็ต หรือ กสท. สิครับ

ไม่ต้องมีระเบียบอะไรมาก จบเหมือนกัน

แต่ ต้องมีปัญญาเฉียบคมหน่อยน่ะ จึงจะจบได้



ตอบได้น่า จ ริง ครับ



ห้ามทำร้ายอาจารย์ผม

นะจ๊ะ

จะบอกไห้!!!!!!!!!!!

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ส.ค. 2009, 10:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




oba41.gif
oba41.gif [ 18.27 KiB | เปิดดู 2145 ครั้ง ]
mes เขียน:
moddam เขียน:
ตรงประเด็น เขียน:
moddam เขียน:
และุถ้า คุณ mes ไปโรงเรียน แต่ไม่ทำตามระเบียบของโรงเรียน จะเรียนจบไหมครับ


เรียนทางอินเตอร์เน็ต หรือ กสท. สิครับ

ไม่ต้องมีระเบียบอะไรมาก จบเหมือนกัน

แต่ ต้องมีปัญญาเฉียบคมหน่อยน่ะ จึงจะจบได้


ตอบได้น่า จ ริง ครับ



ห้ามทำร้ายอาจารย์ผม

นะจ๊ะ

จะบอกไห้!




ห้ามทำร้ายอาจารย์ผม

นะจ๊ะ

จะบอกไห้



คุณ mes คุ้มกัน อ. สุดชีวิตน้อ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ส.ค. 2009, 11:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2009, 08:46
โพสต์: 405

แนวปฏิบัติ: ดูจิต-อานา
ชื่อเล่น: ขวานผ่าซาก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b13:

บางครั้งอ่านแล้วก็ผ่อนคลาย ครับ

cool

.....................................................
สุ จิ ปุ ลิ...(หัวใจนักปราชญ์)

ปัจจุบันธรรม

โยนิโส มนสิการ
สติ สัมปชัญญะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ส.ค. 2009, 11:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณพี่เมสครับ จะชวนสังเหตุอย่างนี้
คนเป้นเถ้าแก่เจ้าสัวในปัจจุบัน ตั้งแต่หลักแสนบาทถึงแสนล้าน
ถามว่ามีกี่คนจบปริญญา
ส่วนมาก ป.4 กันทั้งนั้นแหละครับ
เป็นเจ้านายปริญญชาชน

ปริญญาชนสมัยนี้ แม้กระทั้งด๊อกเตอร์
ถามว่ามีกี่คนที่เป็นนายตัวเอง เป็นนายคน
ทีเหลือก็ลูกจ้างทั้งนั่นแหละครับ

คนเป็นเถ้าแก่ ก็ด้วยความเรียนน้อย รู้น้อย เลยไม่คิดมาก
เมื่อไม่คิดมาก ก็จะทำไปด้วยความเพียร ความขยัน
เพียรในเหตุมาก ผลก็เกิดมาก
ถ้าบริบทช่วยเสริม ก็เจริญหลุดความยากลำบากขึ้นไป

ส่วนคนเรียนมาก ก็เพราะรู้มาก ก้คิดมาก ทฤษฏีเยอะ
มีทิฐิอุปาทานมาก จะทำอะไรก็สร้างสังขารจิตขึ้นมามากมาย แล้วก็ยึดถือไว้มาก
สุดท้ายก็ไม่กล้าทำอะไร ไม่กล้าเสียง
เมื่อเสี่ยงน้อย ก็ได้น้อย

ผมส่งเสริมการเรียนนะ
ผมยินดีที่คนจะเรียนอะไรเพื่อเพื่อรู้ เพื่อใช้ เพื่อประโยชน์
ผมไม่สนับสนุนการเรียนเพื่อค่านิยม หรือเรียนเพราะอายว่าไม่มีปริญญา

เพราะนิสัยบารมีความเป็นเถ้าแก่ เป็นนายตัวเองของคุณพี่
นั่นแหละ ยิ่งกว่าปริญญาใดๆในโลก
ถ้าตัวเราไม่มีเอง ปริญญาที่ไหนก็สอนให้ไม่ได้

ของพวกนี้คนทั่วไปคิดว่าเกิดมาแล้วมาสร้าง
ตายแล้วเอาไปไม่ได้ ชาติเดียวก็จบกันไป
หารู้ไม่ว่าพลังจิต หรือกำลังใจประเภทนี้มันเป็นสมบัติติดตัวไปได้
และเป้นสมบัติของสั่งสมมาหลายภพชาติ
เหมือนพระพุทธเจ้าของเรา ก้ต้องสั่งสมพลังจิตในด้านต่างๆมาไม่รู้กี่ชาติ
เช่นความเพียร ความอดทน ความใจเด็ด ความฉลาด


ผมคิดว่า มันคล้ายๆการปฏิบัติธรรม

คนรู้มาก จะมัววุ่นวายแต่กับความรู้ ทำอะไรก้จะมีแต่มัวคิดอยู่ สังขารจิตเต้มไปหมด
คิดอยู่นั่นแหละ ไม่ยอมแลก กลัวเสียหาย กลัวจน กลัวตาย กลัวเจ็บ

คนรู้น้อย ก็คล้ายๆปฏิปทาครูบาอาจารย์
คิดน้อย รู้น้อย "รู้น้อยจริงๆ(เล่นคำนะ คือรู้อยู่ิอย่างเดียว)"
แต่กล้ามาก เพียรมาก กล้าขนาดเอาชีวิตเข้าแลกเลย
ไม่มีนิสัยกระเสาะกระแสะ กลัวผิด กลัวถูก กลัวเจ็บ กลัวตาย กลัวเสียประโยชน์
ในที่สุดก็หลุดพ้นโลกไปเลย เพราะไม่กลัวตาย

อย่างไรก็ตาม คนประเภทนี้ต้องมีบุญมาก ไม่งั้นไม่รอด
ซึ่งก้คือมีสุดยอดกัลยาณมิตรอย่างหลวงปู่มั่น
เหมือนเถ้าแก่โชคดี ที่มีลูกเต้าดี มีคู่ครองดี มีญาติดี มีเพื่อนดี มีจังหวะที่ดี
อยู่ในแดนอุดมสมบูรณ์ บ้านเมืองสงบสุข ผู้คนเจริญ
ทำมาหากินเลยสบาย อย่างเมืองไทยเมืองพุทธนี่แหละ ครบทุกอย่าง

:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ส.ค. 2009, 11:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ชาติสยาม เขียน:
คุณพี่เมสครับ จะชวนสังเหตุอย่างนี้
คนเป้นเถ้าแก่เจ้าสัวในปัจจุบัน ตั้งแต่หลักแสนบาทถึงแสนล้าน
ถามว่ามีกี่คนจบปริญญา
ส่วนมาก ป.4 กันทั้งนั้นแหละครับ
เป็นเจ้านายปริญญชาชน

ปริญญาชนสมัยนี้ แม้กระทั้งด๊อกเตอร์
ถามว่ามีกี่คนที่เป็นนายตัวเอง เป็นนายคน
ทีเหลือก็ลูกจ้างทั้งนั่นแหละครับ

คนเป็นเถ้าแก่ ก็ด้วยความเรียนน้อย รู้น้อย เลยไม่คิดมาก
เมื่อไม่คิดมาก ก็จะทำไปด้วยความเพียร ความขยัน
เพียรในเหตุมาก ผลก็เกิดมาก
ถ้าบริบทช่วยเสริม ก็เจริญหลุดความยากลำบากขึ้นไป

ส่วนคนเรียนมาก ก็เพราะรู้มาก ก้คิดมาก ทฤษฏีเยอะ
มีทิฐิอุปาทานมาก จะทำอะไรก็สร้างสังขารจิตขึ้นมามากมาย แล้วก็ยึดถือไว้มาก
สุดท้ายก็ไม่กล้าทำอะไร ไม่กล้าเสียง
เมื่อเสี่ยงน้อย ก็ได้น้อย

ผมส่งเสริมการเรียนนะ
ผมยินดีที่คนจะเรียนอะไรเพื่อเพื่อรู้ เพื่อใช้ เพื่อประโยชน์
ผมไม่สนับสนุนการเรียนเพื่อค่านิยม หรือเรียนเพราะอายว่าไม่มีปริญญา

เพราะนิสัยบารมีความเป็นเถ้าแก่ เป็นนายตัวเองของคุณพี่
นั่นแหละ ยิ่งกว่าปริญญาใดๆในโลก
ถ้าตัวเราไม่มีเอง ปริญญาที่ไหนก็สอนให้ไม่ได้

ของพวกนี้คนทั่วไปคิดว่าเกิดมาแล้วมาสร้าง
ตายแล้วเอาไปไม่ได้ ชาติเดียวก็จบกันไป
หารู้ไม่ว่าพลังจิต หรือกำลังใจประเภทนี้มันเป็นสมบัติติดตัวไปได้
และเป้นสมบัติของสั่งสมมาหลายภพชาติ
เหมือนพระพุทธเจ้าของเรา ก้ต้องสั่งสมพลังจิตในด้านต่างๆมาไม่รู้กี่ชาติ
เช่นความเพียร ความอดทน ความใจเด็ด ความฉลาด


ผมคิดว่า มันคล้ายๆการปฏิบัติธรรม

คนรู้มาก จะมัววุ่นวายแต่กับความรู้ ทำอะไรก้จะมีแต่มัวคิดอยู่ สังขารจิตเต้มไปหมด
คิดอยู่นั่นแหละ ไม่ยอมแลก กลัวเสียหาย กลัวจน กลัวตาย กลัวเจ็บ

คนรู้น้อย ก็คล้ายๆปฏิปทาครูบาอาจารย์
คิดน้อย รู้น้อย "รู้น้อยจริงๆ(เล่นคำนะ คือรู้อยู่ิอย่างเดียว)"
แต่กล้ามาก เพียรมาก กล้าขนาดเอาชีวิตเข้าแลกเลย
ไม่มีนิสัยกระเสาะกระแสะ กลัวผิด กลัวถูก กลัวเจ็บ กลัวตาย กลัวเสียประโยชน์
ในที่สุดก็หลุดพ้นโลกไปเลย เพราะไม่กลัวตาย

อย่างไรก็ตาม คนประเภทนี้ต้องมีบุญมาก ไม่งั้นไม่รอด
ซึ่งก้คือมีสุดยอดกัลยาณมิตรอย่างหลวงปู่มั่น
เหมือนเถ้าแก่โชคดี ที่มีลูกเต้าดี มีคู่ครองดี มีญาติดี มีเพื่อนดี มีจังหวะที่ดี
อยู่ในแดนอุดมสมบูรณ์ บ้านเมืองสงบสุข ผู้คนเจริญ
ทำมาหากินเลยสบาย อย่างเมืองไทยเมืองพุทธนี่แหละ ครบทุกอย่าง


คุณน้อง ชาติสยาม

คำตอบข้างบนตรงใจผมที่สุด

การปฏิบัติธรรมก็เหมือนการทำการค้า


คนรู้มากมัวแต่เงื้อง่าราคาแพง

คนไม่มีความรู้ก้มหน้าก้มตาทำมาหากินเป็นเศษฐีจ้างพวกจบสูงๆมาเป็นลูกน้องดูแลกิจการ



นักปริยิติธรรมทั้งหลายบางท่านก็ได้แค่ใบกระดาษเปล่า

ยิ่งเรียนยิ่งติดล่ม

ไม่ไหนไม่รอด

สู้หลวงตาไม่ได้

แบกกลดขึ้นบ่านั่งฝึกสติที่หน้าผา

ไม่สงสัยว่าธรรมบรรทัดใดหน้าใดว่าอย่างไร


เมื่อท่านลงจากหน้าผา

ขณะที่นักปริยัติยังอ่านตำราถกเถียงกันไม่เสร็จ


แต่หลวงตาสำเร็จไปแล้วหลายขุม

ตั้งแต่

สัมมาสังกัปปะ ............



แต่

ก็อย่าประมาท

กัลยาณมิตรเป็นบุพกาลแห่งอรุณรุ่งของการบรรลุธรรม

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ส.ค. 2009, 20:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 เม.ย. 2009, 19:55
โพสต์: 548

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


mes เขียน:

ทุกวันนี้

อริยะจอมปลอมนุ่งห่มจีวรสีสวย จิบปากจิบคอเวลาพูด จะเดินเหินก็กระตุ้งกระติ้ง จนคนนึกว่าเป็น

พระอรหันต์ ขนเงินทองไปถวายให้ท่านล้างผลาญเป็นว่าเล่น

ขณะที่เลยไปอีกไม่กี่กิโลเมตร

พระอรหันต์ตัวจริงของใครก็ตามในสถานสงเคราะห์คนชรากำลังขาดแคลนทั้งเงินทอง และคนดูแล

เงินสิบบาทยี่สิบบาทสร้างวัตถุอะไรไม่ได้หรอกครับ

แต่สร้างความสุขให้กับท่านเหล่านั้นได้

ผมเลยเป็นตัวแทนของอนาคตพวกเราประชาสัมพันธ์กันเลย


:b16: :b16: :b16:

ช่วยชี้แจงเพิ่มเติมได้รึเปล่าครับ ตัวแทนอนาคต นี่ครับ
ท่านมี ทัศนะ ในเรื่องนี้อย่างไร
คือเหมือนว่าท่านกำลังมีเป้าหมายบางอย่าง ในด้านจิตอาสา อยู่ในใจน่ะครับ...

:b53: :b53: :b53:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 43 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร