วันเวลาปัจจุบัน 03 ต.ค. 2025, 05:04  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 38 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2009, 08:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: คุณdamjao ค่ะ
:b48: การที่จะดำเนินชีวิตต่อไปในทางที่ถูกที่ควร
ก็ต้องอาศัยธรรมะปฏิบัติเป็นหลัก เพื่อจะได้พบความผิดพลาดให้น้อยที่สุด
:b48: ขอบคุณนะคะ ที่สละเวลามาชี้แนะให้ได้รู้มากขึ้นค่ะ
ก็อ่านโพสต์ของคุณบ่อยๆค่ะ ยินดีมากค่ะที่ได้มีกัลยาณมิตรเพิ่มขึ้นค่ะ :b16:

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2009, 09:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4147

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


อ้างคำพูด:
กุหลาบสีชา เขียน:
ความรู้ทางโลก
แม้เรียนไปอีกหลายภพชาติก็ไม่สามารถเรียนได้จบ
แต่ความรู้ทางธรรม
และการฝึกฝนประพฤติปฏิบัติตนทางธรรม นั้น
หากเรียนและนำไปปฏิบัติอย่างจริงจังจนสุดสายปลายทางนั้น
จะ “รู้หมด... จบเลย”
(หากวาสนาบารมีถึงในชาติภพนี้)

แต่หากยังไม่ถึงในชาติภพนี้
ก็จะสั่งสมเป็นพลวปัจจัยให้สืบสานต่อยอดไปได้ในชาติภพต่อไป
แตกต่างจากความรู้ด้านอื่นๆ ที่เป็น "สัญญา"
ซึ่ง “ตายไป...เกิดใหม่...... ลืมหมด”
ต้องเริ่มสะสมกันใหม่อีกครั้ง



natdanai เขียน:
จะว่าลืมมันก็ใช่อยู่หรอกครับ แต่มันไม่ได้หมดไปจากสัญญา เพราะว่ามันมีการระลึกได้ และที่ว่าต้องเริ่มสะสมกันใหม่นั้นแท้จริงแล้วเป็นการสะสมต่อ....เพราะบุญบารมีที่ทำสำเร็จไว้แล้วนั้นจะไม่มีการสูญหายไปไหนมีแต่จะพอกพูนขึ้นเรื่อยๆจนเต็มเปี่ยม (มิได้คัดค้านนะครับ...แต่มันสะดุดนิดนึงที่ตรงนี้ครับ)


:b43: :b43: :b43:

ขออภัยด้วยค่ะคุณ natdanai และทุกท่าน
ที่อธิบายได้ไม่เคลียร์
และขอบคุณมากนะคะที่ทักท้วง
และช่วยขยายความต่อมาด้วยค่ะ

:b8: :b4: :b17:

ใช่แล้วค่ะไม่ได้หมดไปจาก "สัญญา"
เพราะ อุปนิสัยใจคอ ความประพฤติ
และทักษะความชำนาญบางอย่าง
ที่เราเรียกว่า "อุปนิสสัย" และ "วาสนา"
เป็นสิ่งที่สั่งสม และสืบสานต่อเนื่องข้ามภพชาติมานับไม่ถ้วน

ถึงแม้จะเกิดใหม่ และกฏธรรมชาติทำให้เรา ต้อง "ลืม"
และร่ำเรียนกันใหม่
แต่ถ้ามีอะไรมา "สะกิด" และมีโอกาสได้ต่อยอดสักหน่อย
ก็สามารถเรียนรู้ และปฏิบัติได้เป็นอย่างดี
และรวดเร็วกว่าคนอื่นที่ไม่มีการสั่งสมมาน่ะค่ะ

เอ....อย่างนี้จะเข้าข่ายว่าระลึกได้รึเปล่าคะ คุณ natdanai :b6: :b10:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2009, 09:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4147

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


O.wan เขียน:
เคยเปิดรูปที่คุณโพสต์มาในงาน วันวิสาขบูชาให้เค้าดูนะคะ
เค้าตื่นเต้นมาก ไม่เคยเห็น ถามจนไม่รู้จะตอบอะไร(เพราะตัวเองก็ไม่ค่อยรู้เท่าไหร่ )
สรุปว่า น้าพาหนูไปได้ไม๊ หนูอยากไป


กรณีคุณหลานของ คุณ O.wan ข้างต้น
อาจเป็นตัวอย่างที่ดีและเห็นได้ชัดของ
ผู้มีอุปนิสสัยและวาสนาทางธรรมมาเนิ่นนานนะคะ

คุณ O. wan อาจเป็นห่วงโซ่หนึ่ง
ที่มีภารกิจที่สำคัญเพื่อชีวิตอันงดงามของคุณหลานคนนี้
ต่อไปในเร็วๆนี้ก็เป็นได้นะคะ
:b12:

หากมีอะไรที่กุหลาบสีชาจะช่วยตอบคำถาม
และแนะนำเกี่ยวกับวัด และการปฏิบัติที่นั่นได้
ก็ขอให้บอกมา อย่าได้เกรงใจนะคะ
ยินดีเสมอค่ะ

อนุโมทนาในอุปนิสสัยใฝ่ธรรมของทั้งคุณน้า
และคุณหลานเป็นอย่างยิ่งนะคะ
:b8: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2009, 11:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


O.wan เขียน:
:b12: คุณชาติสยาม ปรกติคุณก็แนะนำเราอยู่ ครั้งนี้อยากให้แนะนำหน่อยน่ะค่ะ :b13:


:b32: จุดธูปเชิญแบบนี้ค่อยกล้าพูดหน่อย
เอาละนะ จับเก้าอี้ไว้ให้ดีๆ :b32: งานนี้ของเข้าตัวหลายคน

เรื่องพวกนี้ พระพุทธเจ้าบอกว่า
1. ให้ทำให้สิ่งที่รัก (ฉันทะ)
2. แล้วมันจะเกิดวิริยะขึ้นมาเอง
3.เมื่อลงมือทำแล้ว ถ้ามันเป้นสิ่งที่รักจริงๆละก็ มันจะเกิดจิตใจที่จดจ่อมุ่งมันไม่หันหลัง(จิตตะ)
4. เมื่อทั้งรัก ทั้งลงมือทำ ทั้งมุ่งมั่น มันจะเกิด Research & Development ขึ้นมาเอง
คือพัฒนาองค์ความรู้ยิ่งๆขึ้นไปเอง (วิมังสา)

แล้ววงจรอิทธิบาทนี้ ยิ่งหมุนไปเท่าไหร่ มันจะยิ่งแก่รอบ แก่วิชา
คนเป็นอัจฉริยะก็เพราะอย่างนี้
ไม่เชื่อลองนึกถึงคนที่เขาเก๋าๆในแต่ละด้านสิ
ลองเอามาฃำแหละดูว่าเขาขาดอะไรในอิทธิบาท 4 บ้าง
ลองไปศึกษาเรื่องราวในชีวิตเขาดูสิว่า มีใครไหมที่เริ่มจากความไม่รัก
ทุกคนเป็นไปตามหลักอิทธิบาท 4 ทั้งนั้น

คนที่ประสบความสำเร็จเหล่านั้น ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะพูดว่า
ฉันไม่รักในสิง่ที่ฉันทำ
ฉันไม่ได้พยามอะไรเลยนะ มันมาเอง
ฉันเลิกสนใจมันแล้ว ฉันไม่เอาแล้ว แต่มันยังฐาโถมมาใส่ฉัน
ความรู้ทั้งหลายของฉันที่มันมากมายนี้ มันมาเอง ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย


ทีนี้ ที่มันเป้นปัญหาเพราะว่า
ฉันทะของพ่ออย่างหนึ่ง ของแม่อย่างหนึ่ง
ของญาติอย่างหนึ่ง ของตัวเด็กก็อีกอย่างหนึ่ง
คราวนี้เด็กมันรักเรานี่ เด็กดีไม่อยากขัดใจเรา
เราก้เลยเอาความรักของเรานี่แหละ ไปเป็นกรงขังเด็กๆ เอาไปบงการเด็กๆ
ให้มันไม่กล้าคิดไม่กล้าทำอะไรที่มันรัก ไม่กล้าทำอะไรเอง
เพราะเรามีทิฐิว่าเราอยากจะให้เด็กมันได้ดี
เลยพยามจะตบแต่งจิตใจเด็กว่าเขาควรจะชอบอันนั้น ชอบอันนี้ ถึงจะดี ถึงจะรอด ถึงจะสบาย เอาทิฐิเราไปยัดใส่หัวเด็กอีกนะ

ถ้าพ่อแม่แลญาติ อยากจะทำหน้าที่ให้พอดี ก็ควรจะมีหน้าที่ให้โอกาส ให้ข้อมูล
อยากทำอะไรปล่อยให้ทำ เขาอยากรู้อะไรพาไปดู อยากลองอะไรพาไปลอง
ตั้งหน้าตั้งตาหา $$$ เตี๊ยมไว้ให้ทันใช้ก็แล้วกัน
แต่อย่าแอบชักจูงในทีให้ทำอะไรอย่างที่เราต้องการ


แล้วค่อยไปใช้อำนาจในการบังคับเขาเมื่อเขาอยากลองอะไรที่มันเสื่อม
เช่นบังคับไม่ให้เที่ยวกลาวคืน กินเหล้า เล่นพนัน อะไรทำนองนั้น โอเลย
ถ้าไม่ฟัง เบิร์ดกะโหลกสักเป๊กสองเป๊กยังได้เลย เพราะนี่มันเป้นหน้าที่ของความเป็นพ่อแม่ ในการปกป้องอันตรายให้ลูก สัตว์ในป่ามันก็ทำหน้าที่อย่างนี้ทั้งนั้น
ถ้าไม่ทำสิ ถึงจะเรียกว่าพ่อแม่บกพร่องในหน้าที่


หน้าที่นั้น อย่าให้เกิน อย่าให้ขาด


:b28:

อนุโมทนาทุกท่านด้วยนะจ๊ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2009, 11:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4147

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


ชาติสยาม เขียน:
เรื่องพวกนี้ พระพุทธเจ้าบอกว่า
1. ให้ทำให้สิ่งที่รัก (ฉันทะ)
2. แล้วมันจะเกิดวิริยะขึ้นมาเอง
3.เมื่อลงมือทำแล้ว ถ้ามันเป้นสิ่งที่รักจริงๆละก็ มันจะเกิดจิตใจที่จดจ่อมุ่งมันไม่หันหลัง(จิตตะ)
4. เมื่อทั้งรัก ทั้งลงมือทำ ทั้งมุ่งมั่น มันจะเกิด Research & Development ขึ้นมาเอง
คือพัฒนาองค์ความรู้ยิ่งๆขึ้นไปเอง (วิมังสา)

แล้ววงจรอิทธิบาทนี้ ยิ่งหมุนไปเท่าไหร่ มันจะยิ่งแก่รอบ แก่วิชา
คนเป็นอัจฉริยะก็เพราะอย่างนี้
ไม่เชื่อลองนึกถึงคนที่เขาเก๋าๆในแต่ละด้านสิ
ลองเอามาฃำแหละดูว่าเขาขาดอะไรในอิทธิบาท 4 บ้าง
ลองไปศึกษาเรื่องราวในชีวิตเขาดูสิว่า มีใครไหมที่เริ่มจากความไม่รัก
ทุกคนเป็นไปตามหลักอิทธิบาท 4 ทั้งนั้น

คนที่ประสบความสำเร็จเหล่านั้น ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะพูดว่า
ฉันไม่รักในสิง่ที่ฉันทำ
ฉันไม่ได้พยามอะไรเลยนะ มันมาเอง
ฉันเลิกสนใจมันแล้ว ฉันไม่เอาแล้ว แต่มันยังฐาโถมมาใส่ฉัน
ความรู้ทั้งหลายของฉันที่มันมากมายนี้ มันมาเอง ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย

ทีนี้ ที่มันเป้นปัญหาเพราะว่า
ฉันทะของพ่ออย่างหนึ่ง ของแม่อย่างหนึ่ง
ของญาติอย่างหนึ่ง ของตัวเด็กก็อีกอย่างหนึ่ง
คราวนี้เด็กมันรักเรานี่ เด็กดีไม่อยากขัดใจเรา
เราก้เลยเอาความรักของเรานี่แหละ ไปเป็นกรงขังเด็กๆ เอาไปบงการเด็กๆ
ให้มันไม่กล้าคิดไม่กล้าทำอะไรที่มันรัก ไม่กล้าทำอะไรเอง
เพราะเรามีทิฐิว่าเราอยากจะให้เด็กมันได้ดี
เลยพยามจะตบแต่งจิตใจเด็กว่าเขาควรจะชอบอันนั้น ชอบอันนี้ ถึงจะดี ถึงจะรอด ถึงจะสบาย เอาทิฐิเราไปยัดใส่หัวเด็กอีกนะ

ถ้าพ่อแม่แลญาติ อยากจะทำหน้าที่ให้พอดี ก็ควรจะมีหน้าที่ให้โอกาส ให้ข้อมูล
อยากทำอะไรปล่อยให้ทำ เขาอยากรู้อะไรพาไปดู อยากลองอะไรพาไปลอง
ตั้งหน้าตั้งตาหา $$$ เตี๊ยมไว้ให้ทันใช้ก็แล้วกัน
แต่อย่าแอบชักจูงในทีให้ทำอะไรอย่างที่เราต้องการ

แล้วค่อยไปใช้อำนาจในการบังคับเขาเมื่อเขาอยากลองอะไรที่มันเสื่อม
เช่นบังคับไม่ให้เที่ยวกลาวคืน กินเหล้า เล่นพนัน อะไรทำนองนั้น โอเลย
ถ้าไม่ฟัง เบิร์ดกะโหลกสักเป๊กสองเป๊กยังได้เลย เพราะนี่มันเป้นหน้าที่ของความเป้นพ่อแม่ ในการปกป้องอันตรายให้ลูก สัตว์ในป่ามันก้ทำหน้าที่อย่างนี้ทั้งนั้น
ถ้าไม่ทำสิ ถึงจะเรียกว่าพ่อแม่บกพร่องในหน้าที่


หน้าที่นั้น อย่าให้เกิน อย่าให้ขาด


:b43: :b43: :b43:

อืม...ต้องขอพูดว่า "That 's Cool !!!" :b4: :b17: :b11:
วันหลังขอเรียนเชิญไปเป็น guest speaker
ให้เด็กๆ ฟังในวันปัจฉิมนิเทศก์ หน่อยนะคะ คุณพระเอก ... :b32: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2009, 12:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


กุหลาบสีชา เขียน:

:b43: :b43: :b43:

อืม...ต้องขอพูดว่า "That 's Cool !!!" :b4: :b17:

วันหลังขอเรียนเชิญไปเป็น guest speaker
ให้เด็กๆ ฟังในวันปัจฉิมนิเทศก์ หน่อยนะคะ คุณพระเอก ... :b32: :b12:


:b13: :b4: ขอบคุณครับ

พูดให้เด็กๆฟังมันรักษาไม่ถูกคนนะคับผมว่า
ต้องงานประชุมผู้ปกครองอะไรทำนองนั้น
:b13: :b32:

แต่ไม่กล้าหรอกฮับ
เพราะผู้ปกครองจะตกใจคน speak ว่า่อ่อนคราวลูกจะมารู้อะไร :b34: :b34:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2009, 12:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4147

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


ชาติสยาม เขียน:
ขอบคุณครับ

พูดให้เด็กๆฟังมันรักษาไม่ถูกคนนะคับผมว่า
ต้องงานประชุมผู้ปกครองอะไรทำนองนั้น

แต่ไม่กล้าหรอกฮับ
เพราะผู้ปกครองจะตกใจคน speak ว่า่อ่อนคราวลูกจะมารู้อะไร


ก็จริงอยู่นะคะ..คุณพระเอก
แต่.... :b6:

"ครูสอนศิษย์ดีที่สุดนั้น ไม่ใช่ครูที่ทรงความรู้
แต่เป็นครูที่ให้ความบันดาลใจแก่ศิษย์อย่างลึกซึ้ง
แม้อายุ และความรู้จะน้อยกว่าศิษย์..."
:b4: :b20:

(เป็นคำของ ท่านเขมานันทะ
ผู้ที่ตนเองถือว่าเป็นครูบาอาจารย์ท่านนึงได้กล่าวไว้น่ะค่ะ)
:b8:

(ก็เห็นมากล่าวได้ "โดน" ซะขนาดนี้
ก็ทำให้ปรุงตรึกนึกไปว่าเป็น "คุณปู่ หรือคุณลุง"
ที่เคยอบรมลูกหลานมาหลายชั่วอายุแล้ว)
:b32: :b13:

เด็กๆ ที่ว่าเนี่ยะ จริงๆแล้วก็คือ "เด็กโข่ง"
ไม่ได้อยู่ในวัยเด็กแล้วล่ะค่ะ
ปีสุดท้ายจะรับปริญญาแล้วน่ะค่ะ :b13:

แต่ก็นั่นแหละนะคะ...คุณพระเอก
เพราะเป็น ลูกหลาน เรา เลยอยากให้ได้ดังใจเรา
เพราะคำว่า "ของเรา" ที่ยึดไว้ คำเดียวนี่เอง...กระมัง :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2009, 16:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


:b35: :b35: คุณชาติสยาม :b21: เสียตั้งนาน
ปล่อยหมัดที เล่นเอาคนฟังเคลิ้ม :b27: แบบพระเอก ที่คุณกุหลาบสีชากล่าวไว้เลยค่ะ
:b48: อาจจะเป็เพราะคุณชาติสยามเป็นลูกชาย ด้วยหรือเปล่าคะ
เลยมีความรู้สึกว่ามีความเป็นตัวเองดีค่ะ ดูหนักแน่นแบบ man....man :b11:
:b48: แต่เราจะมีลูกสาว หลานสาว เสียส่วนใหญ่น่ะค่ะ และอาจจะเลี้ยงเค้ามา แบบไปไหนไปด้วย
(คนหัวเก่ามั้งค่ะ :b10: )เลยไม่เคยเห็นพวกเค้าโตเสียที คอยแต่จะชี้แนะ(แอบบังคับ :b9: )ด้วย
และเด็กที่ถูกเลี้ยงแบบนี้ ก็ไม่กล้าที่จะขัดใจผู้ใหญ่อยู่แล้ว
:b53:พอเค้าเสนออะไรมา ไม่อยู่ในโปรแกรมของพ่อ แม่ เลยดูไม่ได้ไปหมด :b2:
จากหลายๆคำแนะนำที่ได้อ่านมา ก็จะพยายามรวมเป็นคำพูดกับพี่สาว
เผื่อหลานเราอาจจะได้ในสิ่งที่เค้าอยากทำก็ได้นะคะ

:b48: แต่แหม ! คุณชาติสยาม
:b11: ถ้าไม่ฟัง เบิร์ดกะโหลกสักเป๊กสองเป๊กยังได้เลย :b11: เป็นพระเอกทำไมใจร้ายจัง :b32:

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2009, 20:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


O.wan เขียน:
แต่แหม ! คุณชาติสยาม
:b11: ถ้าไม่ฟัง เบิร์ดกะโหลกสักเป๊กสองเป๊กยังได้เลย :b11: เป็นพระเอกทำไมใจร้ายจัง :b32:


:b2: :b2: :b2: คุณ o.wan :b32:

ผมลืมไป แบบว่าตอนเขียนนั้นคิดภาพกว้างๆ พูดไปกว้างๆน่ะคับ :b10:
ไม่ได้เฉพาะเจาะจงเรื่องหลานสาว :b14:
เดี๋ยวจะเข้าใจว่าสอนให้ตบหลานสาว :b5: :b5: หาเป็นเช่นนั้นไม่

ภาษิตว่้ารักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องตีจริงๆน่ะคับ
ไม่งั้นผมอาจจะต้องขอเปลี่ยน nick เป้นดาม ดัสกร หรือ อัล คาโปน อะไรทำนองนั้น จะได้เหมาะกับบท :b32: :b32:

แต่เลี้ยงลูกหลานก้ต้องดูจิตดุใจดูธาตุเขาด้วยเนาะ
ความสามารถในการรับได้ของคนมันไม่เท่ากัน
คนไหนกล้วยไม้ ก็ foggy เช้า foggy เย็น
คนไหนตะบองเพ็ด รดน้ำมากๆมันก็จะตายเอา

เหมือนข่าวเด็กโดนห้ามเล่นเกมส์ แล้วโดดตึกตาย
ภาษิตว่า "รักลูกให้ตี" ก็หวดด้วยไม้เบสบอลเลย หักดิบไปหน่อย
ใจเด็กมันรับไม่ไหว :b13: :b34:
เข้าทำนองพุทธพจน์ที่ว่า
ถ้าพูดแล้วเขาเคือง ตถาคตก็ย่อมพยากรณ์ที่จะกล่าวคำนั้น
(พยากรณ์ในที่นี้คือ ประเมิน พิเคราะห์ดู ว่าจะพูดเวลาไหน พูดอย่างไร)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2009, 20:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


กุหลาบสีชา เขียน:
"ครูสอนศิษย์ดีที่สุดนั้น ไม่ใช่ครูที่ทรงความรู้
แต่เป็นครูที่ให้ความบันดาลใจแก่ศิษย์อย่างลึกซึ้ง
แม้อายุ และความรู้จะน้อยกว่าศิษย์..."
:b4: :b20:

(เป็นคำของ ท่านเขมานันทะ
ผู้ที่ตนเองถือว่าเป็นครูบาอาจารย์ท่านนึงได้กล่าวไว้น่ะค่ะ)
:b8:


แหม ถูกของท่านแล้วล่ะครับ
ลูกศิษย์ต้องฉลาดกว่าครู ยิ่งๆขึ้นไป
ไม่งั้นถ้าครูมีความรู้ 10 ส่วน
ลูกศิษย์เอาไปได้แค่ 9 ส่วน ตามหลักที่ว่าครุต้องเก่งกว่าศิษย์
ฉะนั้นเมื่อลำดับอนุกรมลงไป ก้จะพบโง่ลงๆเป็นรุ่นๆ
จนไม่เหลือความรู้เลย :b5: :b14:

กุหลาบสีชา เขียน:
(ก็เห็นมากล่าวได้ "โดน" ซะขนาดนี้
ก็ทำให้ปรุงตรึกนึกไปว่าเป็น "คุณปู่ หรือคุณลุง"
ที่เคยอบรมลูกหลานมาหลายชั่วอายุแล้ว)
:b32: :b13:


อุตส่าห์ออกเปรี้ยวๆ ยังดูแก่อยู่เหรอเนี่ยะ ตายแล้นๆ
ต้องเติมเปรี้ยวเพิ่ม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2009, 21:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


ปริญญาโทก็ไม่น้อยแล้วนะ อายุ 23 ก็ไม่น้อยเหมือนกัน ผู้คนสมัยนี้โตไว...

หากเจ้าหล่อนจะมุ่งมั่นในทางธรรม และมี "บารมี" มาในทางนี้ ก็จะมีเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งให้ไปทางนั้นเอง ไม่ว่าจะอยู่ในประเทศใดก็ตามที
แต่ยังไงก็ตาม การทำบุญจนสุดตัวนั้น ก็น่าเป็นห่วง ลองแนะให้เจ้าหล่อนเข้าปฏิบัติกรรมฐานดูซิ มีหลายสำนักอยู่ เลือกสำนักให้เหมาะกับฐานานุรูปของเขาก็แล้วกัน...


ส่วนเรื่องอื่นนั้น เห็นจะแนะได้เล็กน้อย ด้วยคำถามว่า...
ที่อยากให้เขาไปเรียนน่ะ เพื่อเขาหรือเพื่อเราเอง ไหนๆ ลองทำวิปัสสนาหน่อยจิ...
แต่ก็นะ อายุเท่านี้ก็น่าจะสัมผัสเรื่องราวทางโลกไปก่อน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2009, 22:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


O.wan เขียน:
:b29: แวะมาดูแลลานอย่างเดียวหรือคะ :b10:
ปรกติคุณnatdanai ก็จะเป็นผู้รู้คนหนึ่ง อยากขอความคิดเห็นด้วยน่ะค่ะ :b10:

ที่ได้มาก็เยอะมากแล้วครับ... :b32: :b32: (เหนื่อยแทนท่าน O.wan เลยล่ะ..เลือกถูกมั้ยเนี่ย..ว่าจะใช้วิธีไหน :b10: )แต่ถ้าจะถามความเห็นกระผมแล้วล่ะก็...ให้น้องเขาคิดเองเถอะครับ อนาคตของเขา และเขาก็ไม่ได้วิปริต เราเพียงแนะนำสิ่งที่ถูกที่ควร...ส่วนเรื่องการตัดสินใจเป็นของเขาครับ จะตัดสินใจอย่างไรนั้นก็ขึ้นอยู่ที่กรรมเขาทำไว้อย่างไร เขาก็จะต้องไปอย่างนั้น เราไม่รู้หรอกครับ(ถึงรู้ได้ก็แค่นั้นครับเพราะมันอยู่นอกเหนือความควบคุม เป็นอนิจจัง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา)

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2009, 22:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


กุหลาบสีชา เขียน:
เอ....อย่างนี้จะเข้าข่ายว่าระลึกได้รึเปล่าคะ คุณ natdanai :b6: :b10:

:b14: :b14: :b21: :b21: :b1:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2009, 23:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ย. 2006, 09:43
โพสต์: 180

ที่อยู่: กทม

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอแชร์ความเห็นสักหน่อย ก่อนจะเข้านอน :b30:
ทางคุณO.wan น่าจะPrint กระทู้นี้ไปให้พ่อแม่เขาอ่าน จะได้เห็นความคิดมุมมองของคนที่มีใจใฝ่ในธรรมทั้งหลาย ในประเด็นนี้ คงจะช่วยให้พ่อแม่เขามีมุมมองเพิ่มขึ้น ก่อนจะตัดสินใจอะไร อย่างไรไป
ถ้าเป็นลูกผู้ชายและเขาขอบวชตลอดชีวิต คงจะเป็นเรื่องให้พ่อแม่หนักใจกว่านี้อีก :b9:
แต่เท่าที่อ่านเข้าใจว่าเขาสนใจแค่ทำบุญ
O.wan เขียน:
...เพราะไปอเมริกากลัวหาที่วัดที่จะทำบุญไม่ได้เหมือนเมืองไทยถ้าอยากปล่อยปลา ทำทานบริจาค ก็ไม่รู้จะไปที่ไหนกลัวว่าถ้าไม่รีบสั่งสมบุญ ทานแต่ตอนนี้ เกิดบังเอิญตายไปถ้าต้องเกิดใหม่กลัวเกิดมาแล้วลำบาก ไม่สบายเหมือนตอนนี้ ...

ก็อาจแนะนำเขาว่า เรียนสูงๆก็จะได้มีเงินเยอะๆจะได้เอาไปทำบุญเยอะๆก็อาจจะช่วยให้เขาอยากเรียนต่อก็เป็นได้
ที่อเมริกานั้นมีวัดไทยอยู่ไม่น้อย ช่วงที่ผมอยู่ รัฐที่ผมอยู่ เป็นประสบการณ์อะไรที่ยอดเยี่ยมมากเลย ได้รู้จักศึกษาปฏิบัติธรรมแบบต่างๆ เช่น ZEN,ทิเบตแบบ...(คนละนิกายกับของดาไลลามะ), รวมถึงวัดไทยก็มี2-3วัด ได้คุยได้รู้จักฝรั่งที่สนใจธรรม และยิ่งตอนนี้อเมริกาก็สนใจธรรมมากกกกขึ้นมากขึ้นมาก
สำหรับผมเป็นประสบการณ์ที่ไม่มีวันได้ถ้าอยู่ที่เมืองไทยแน่ๆเลย คือเช่นว่า(กรณีผมๆเป็นผู้ชายนะ) ถ้าอยู่เมืองไทยก็คงมีเรื่องผู้หญิง,หรือไม่ก็เพื่อนชวนไปเที่ยวโน่นเที่ยวนี่, จะได้อยู่ค่อนข้างสงบอย่างนั้นคงยากมาก หรืออาจได้เนื้อหาธรรมไม่เท่าถ้าอยู่เมืองไทย คือฝรั่งเขาจะมุ่งไปที่แก่นมากกว่าคนไทย และเขามุ่งไปที่จริงๆแล้วพระพุทธเจ้าสอนอะไร คนไทยจะออกไปทางทำบุญเพื่อหวังรวย วัดก็พลุกพล่าน อะไรๆประมาณนั้น แต่ประสบการณ์ผมคงต่างจากชาวบ้านส่วนใหญ่เขานะ ไปอยู่เมืองแห่งเจ้าวัตถุนิยม แต่กลับกลายเป็นสนใจเข้าใจธรรมมากขึ้น
ถ้าให้เขาไปแล้วพอกลับมากลายเป็นหนักธรรมเข้าไปอีก กลายเป็นอยากบวชชี(ใช่ใหมถ้าเป็นผู้หญิง?)เลยคราวนี้ ก็คงจะSURPRISE
:b11:

.....................................................
โคตมะพุทธ ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ ผู้รู้แจ้งโลก อัจฉริยมนุษย์ ยอดครูของครูทั้งหลาย
ศาสดาของเทวดาและมนุษย์ ผู้ก่อตั้ง ผู้ค้นพบ คำสอนถูกบรรจุอยู่ในพระไตรปิฏก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มิ.ย. 2009, 13:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ขออนุโมทนาในทุกคำตอบที่ให้แง่คิดดีดีที่มีประโยชน์นะคะ
และขออนุโมทนากับคุณ O.Wan ที่น่ารัก ที่รักและ็เป็นห่วงหลานค่ะ

ลูกโป่งว่าน้องต้องเลือกให้ดีนะคะ
วิชาทางโลกก็มีความสำคัญในการดำรงชีพ
วิชาทางธรรมยิ่งมีความสำคัญในการดำเนินชีวิต
ถ้าน้องยังอยากเรียน อายุยังไม่มาก
พ่อแม่สามารถส่งเสียได้ ไม่ลำบาก น้องก็ควรเรียนต่อนะคะ
ถ้าน้องไม่แน่ใจว่า อยากเรียนต่อหรือไม่ หรือสองจิตสองใจ
น้องก็ลองทำงานหาประสบการณ์ดูก่อนก็ได้
แล้วค่อยคิดกันอีกที่...ก็ไม่น่าสายไป

น่าดีใจแทนคุณO.Wanนะคะ ที่มีหลานสาวที่น่ารัก
ใฝ่ดีทั้งทางโลกและทางธรรม (...เหมือนคุณน้าเลย)
ลูกโป่งเอง ถ้า่เป็นน้องก็คงคิดหลายตลบเหมือนกัน
แต่อย่างไรก็ตาม ชีวิตเป็นของน้อง
น้องควรมีโอกาสเลือกเองนะคะ
น้องคะ ณ ที่แห่งใดในโลกนี้
หากน้องปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เป็นคนดี
ตั้งใจทำ ศรัทธาธรรม มีสติ รักษาใจให้บริสุทธ์
หมั่นรักษาศีล ทำสมาธิ ปฏิบัติธรรม เจริญภาวนา
น้องก็สามารถเป็นชาวพุทธที่ดีได้ค่ะ

โชคดีว่า ในชีวิตของลูกโป่ง
คุณพ่อ คุณแม่ แทบจะไม่บังคับเลย
มีแต่คอยแนะนำสั่งสอนแบบห่างๆ
ถ้าอันไหนดี มีแต่คอยสนับสนุน
ถ้าไม่ดี ก็แนะนำกันไป
เลือกเรียน เลือกใช้ชีวิต...ได้ทุกอย่างในแบบที่ชอบ
โชคดีที่สุดอีกอย่าง...เพราะำได้มีโอกาสเป็นชาวพุทธ
ได้ใช้ธรรมะของพระพุทธองค์ในการดำเนินชีวิต
ได้รับใช้พระพุทธศาสนา
ดีใจมากแล้วค่ะ...ที่เกิดมาแล้วเป็นแบบนี้
แต่ก็พยายามสร้างสมความดีต่อไป ไม่ประมาทกับชีวิต

น้องคะ...หากน้องคิดแล้วคิดอีกแล้วยังไม่แน่ใจ
จะลองตั้งจิตอธิษฐานดูก็ได้นะคะ
ให้ทุกสิ่งที่เหมาะกับน้องเกิดขึ้นกับน้องค่ะ

ลองอ่านหนังสือนี้ดูนะคะ
อธิษฐานบารมี ของดร.สนอง วรอุไร
http://www.kanlayanatam.com/Mybookneana ... aramee.pdf

ขอให้เลือกให้ดีที่สุดนะคะ

รักและเป็นกำลังใจให้น้องค่ะ

:b48: รูปภาพ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 38 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร