วันเวลาปัจจุบัน 20 พ.ค. 2025, 12:40  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 19 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ย. 2008, 10:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ก.ค. 2008, 23:37
โพสต์: 449

ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


การซ้ำคำนี่บางทีผมแก้โดยการโพสต์แล้ว กลับมาแก้ทีหลังโดยดูตอนที่มันจะตัดบรรทัดใหม่ แล้วกดEnter เพื่อเลื่อนบรรทัดใหม่แก้หลายครั้งก็เข้ารูปเข้ารอย แต่เหนื่อยนิดนึง

.....................................................
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ย. 2008, 10:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หากใช้ internet explorer รุ่น 7 เห็นอักษรที่โพสต์ขึ้นซ้อนกัน ดูวิธีแก้จากลิงค์นี้ครับ

http://wmk.siam108site.com/modules.php? ... wforum&f=1

ที่กรอบซ้ายมือล่างสุด แต่ต้องสมัครสมาชิกก่อน จึงจะเห็นวิธี :b41:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ย. 2008, 07:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 พ.ย. 2008, 07:35
โพสต์: 3


 ข้อมูลส่วนตัว


เรียนท่านผู้ตั้งกระทู้
การบรรลุธรรมขั้นต่างๆเขาไม่ใคร่ถามกันของผู้ปฎิบัติหรอกครับผม เขาจะรู้กันเอง
ที่เรียกว่า ปัจัตตัง งัยครับผมบอกกันไม่ได้ และขณะปฎิบัติไปมันจะไม่สงสัย ตราบใดที่ยังสงสัยอยู่ในขั้นนั้นท่านว่ามันยังไม่ไม่ใช่ ส่วนที่ว่านพพานเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ นั้นอันนั้นผมก็คงตอบไม่ได้เหมือนกัน มันเป้นเรื่องของส่วนบุคคล เราปำบัติไปให้ถึงเป็นใช้ได้ แต่ขั้นต้นในการปฎิบัตินั้น ผมเคยได้ยินพ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านมักพูดว่า
1. เราต้องมีความเห็นถูกก่อน คือ บาป บุญคุณโทษ ตามความเป็นจริง
2.เราต้องเข้าใจว่าทุกอย่างล้วนแต่เป้นไปตามกรรม
3. เราต้องเชื่อมั่นใน พระรัตนตรัย ไม่เชื่อ โชคลางของขลัง
ตราบใดที่สามสิ่งนี้อยู่กับตัวเกิดขึ้นที่ตัวเราเมื่อไหร่ ตราบนั้นยังเชือว่าเราได้เข้าใกล้ฝั่งพระนิพพาน ส่วนอย่างอื่นอย่าไปสงสัยเลย มันเป็นกิเลส นะครับ มุ่งหน้าเริ่มปฎิบัติเลยจะดีกว่า เพราะเวลาเราเหลือน้อยแล้ว คนเราตายลงทุกเวลานาที ทุกลมหายใจนะครับ แต่ก็ยังดีใจที่มีความอยาก ความสงสัยอยู่
ศิษย์วัดป่า


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ย. 2008, 11:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


ศิษย์วัดป่า เขียน:
เรียนท่านผู้ตั้งกระทู้
การบรรลุธรรมขั้นต่างๆเขาไม่ใคร่ถามกันของผู้ปฎิบัติหรอกครับผม เขาจะรู้กันเอง
ที่เรียกว่า ปัจัตตัง งัยครับผมบอกกันไม่ได้ และขณะปฎิบัติไปมันจะไม่สงสัย ตราบใดที่ยังสงสัยอยู่ในขั้นนั้นท่านว่ามันยังไม่ไม่ใช่ ส่วนที่ว่านพพานเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ นั้นอันนั้นผมก็คงตอบไม่ได้เหมือนกัน มันเป้นเรื่องของส่วนบุคคล เราปำบัติไปให้ถึงเป็นใช้ได้ แต่ขั้นต้นในการปฎิบัตินั้น ผมเคยได้ยินพ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านมักพูดว่า
1. เราต้องมีความเห็นถูกก่อน คือ บาป บุญคุณโทษ ตามความเป็นจริง
2.เราต้องเข้าใจว่าทุกอย่างล้วนแต่เป้นไปตามกรรม
3. เราต้องเชื่อมั่นใน พระรัตนตรัย ไม่เชื่อ โชคลางของขลัง
ตราบใดที่สามสิ่งนี้อยู่กับตัวเกิดขึ้นที่ตัวเราเมื่อไหร่ ตราบนั้นยังเชือว่าเราได้เข้าใกล้ฝั่งพระนิพพาน ส่วนอย่างอื่นอย่าไปสงสัยเลย มันเป็นกิเลส นะครับ มุ่งหน้าเริ่มปฎิบัติเลยจะดีกว่า เพราะเวลาเราเหลือน้อยแล้ว คนเราตายลงทุกเวลานาที ทุกลมหายใจนะครับ แต่ก็ยังดีใจที่มีความอยาก ความสงสัยอยู่
ศิษย์วัดป่า


ตอบ คุณผู้ใช้ชื่อว่า ศิษย์วัดป่า

การเรียนรู้สิ่งใด ต้องเรียนรู้ให้ถึงแก่นแท้ คุณไม่รู้ว่า อะไรคือการบรรลุธรรม เพื่อเป็นบรรทัดฐาน มาอ้างว่า รู้ได้ด้วยตัวเอง ไม่ถูกต้องขอรับ
การจะบรรลุธรรม ต้องมีบรรทัดฐาน มีหลักที่ถุกต้อง ไม่ใช่รู้ได้เฉพาะตัวเอง ผู้อื่นก็ต้องสามารถรู้ได้ด้วย แต่การรู้ว่าบรรลุธรรม ก็เป็น กิเลสอย่างบางสุดอย่างหนึ่ง แต่ต้องรู้ เพื่อมิให้เกิด อาสวะอย่างหนา คือเกิดความหลง โดยที่ตัวเองไม่รู้เลยว่า อย่างไรคือการบรรลุธรรม
ดังทึ่ข้าพเจ้าได้อรรถาธิบายไป ก็ย่อมเป็นไปตามนั้น แต่ถ้าการบรรลุธรรม ตั้งแต่ โสดาบัน เป็นต้นไป จะเกิด แสงหรือฉัพพรรณรังสี อันเกิดจากการขจัด คลื่นอาสวะแห่งกิเลสต่างๆ
หากคุณติดตาม บทความของข้่าพเจ้า ก็ไม่ต้องอธิบายมาก
แต่ถ้าไม่เคยสนใจ ก็จะอธิบายให้สักเล็กน้อยว่า
กิเลส คือ ความคิด อารมณ์ ความรู้สึก หรือสภาพสภาวะจิตใจ ในรูปแบบต่างๆกัน กิเลส หรือ ความคิด อารมณ์ ความรู้สึก สภาพสภาวะจิตใจ ในร่างกายมนุษย์นั้น จะมีสถานะ เป็นคลื่นไฟฟ้า
ถ้ากิเลสมาก คือคิดไปในทางโลภ โกรธ หลงมาก คลื่นไฟฟ้าในร่างกายก็จะมีสีดำ หากกิเลสเบาบางลง คลื่นไฟฟ้าในร่างกายก็จะมีสีเจือจางลง
และยังมีอีกหลายรูปแบบ
ดังนั้น ถ้าบุคคลใดใด สามารถปฏิบัติธรรมจนบรรลุถึงชั้น โสดาบัน เป็นต้นไป ก็จะสามารถขจัดอาสวะออกจากร่างกาย
แต่ อาสวะเหล่านั้น มีสถานะเป็นคลื่นไฟฟ้า เมื่อขจัดออกมา จึงปรากฎแสงสีแตกต่างกันไป
ไม่ใช่ กสิณ แสง อะไรที่พวกคุณทำอยู่ คนละอย่างกัน
ความสงสัย เป็นสิ่งดี เพราะทำให้เราค้นหาสิ่งนั้นให้หายสงสัย ไม่ใช่มัวแต่หลงในความคิดของตนเอง โดยไม่มีบรรทัดฐาน ไม่รู้อะไรเลย ทำไปตามความคิดของตัวเอง พิสูจน์ไม่ได้
ส่วนเรื่องที่คุณเขียนมา 3 ข้อนั้น มันเป็นเพียงกระพี้ ไม่สามารถทำให้หลุดพ้นจากอาสวะแห่งกิเลสได้ เพราะไม่ใช่หลักวิชชา
แต่กลับจะทำให้คุณเกิดความเศร้าหมองโดยที่คุณไม่รู้ตัวว่ามันคือ เคร่ื่องเศร้าหมอง
เช่นถ้าเกิดความเบื่อ ความระอา อยากปลีกวิเวก ฯลฯ นั่นแหละ จงรู้เอาไว้ หลงผิดสุดๆ กิเลสสุดๆ
จงจำไว้ว่า
ผู้รู้ ,ผู้ตื่น ,ผู้เบิกบาน
ไม่ใช่เศร้าหมองเบื่อหน่าย

สำหรับขอ 3 แสดงให้เห็นภูมิความรู้ ความเข้าใจของคุณ คุณกลับไปอ่าน กระทู้นี้ใหม่แล้วทำความเข้าใจให้ดี
ใครจะเชื่ออะไร ก็ได้ทั้งนั้น เพราะเขารู้แบบนั้น เขาก็บรรลุธรรมแบบที่เขากระทำอยู่ เหมือนคุณนั่่นแหละขอรับ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 19 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร