47846.พระไตรปิฎกแปลช่วยได้ แต่จะแน่ต้องให้ถึงพระไตรปิฎกบาลี

กรัชกาย

เช่นนั้น เขียน:

กรัชกาย เขียน:

เช่นนั้นแปลบาลีสองประโยคนี้

อ้างคำพูด:

เจตนาหํ ภิกูขเว กมฺมํ วทามิ

ครั้งที่แล้วก็ ยกอัตตาหิอัตตโนนาโถ มา
นี่ก็ยกลอยๆมาอีกนะ เออ :b9:

มิหนำซ้ำยังลอกผิดลอกถูกอีกน่ะ

ภิกูขเว บาลีประเทศมอนเตนิโก หรือครับ :b19:

เจตนาหํ ภิกฺขเว กมฺมํ วทามิ เจตยิตฺวา กมฺมํ กโรติ กาเยน วาจาย มนสา ฯ
กตโม จ ภิกฺขเว กมฺมานํ นิทานสมฺภโว ผสฺโส ภิกฺขเว กมฺมานํ นิทานสมฺภโว

Quote Tipitaka:

เจตนาหํ ภิกฺขเว กมฺมํ วทามิ เจตยิตฺวา กมฺมํ กโรติ กาเยน วาจาย มนสา ฯ
(ภิกษุทั้งหลายเรากล่าวเจตนาว่าเป็นกรรม บุคคลคิดแล้วจึงกระทำกรรมด้วยกาย ด้วยวาจาด้วยใจ )

แล้วตัวสีน้ำเงินๆ น่ะ ....กรัชกายแปลสิ

แปลว่าไง เอามาเองก็แปลเองซี่ :b1:

เช่นนั้น

กรัชกาย เขียน:

แปลว่าไง เอามาเองก็แปลเองซี่ :b1:

กรัชกาย

เช่นนั้น เขียน:

กรัชกาย เขียน:

มันค้านกันหมดนั่นแหละ ไม่ว่าจะใช้พุทโธ พอง-ยุบ อะไรที่เกี่ยวกับกายใจ กายมโน กาย เวทนา จิต ธรรม ขัดหมดกับเช่นนั้น :b1:

นั่นคือสิ่งที่กรัชกาย เข้าใจ คิดเองเออเอง

จะพุทโธ พอง-ยุบ ป่อง-แฟ่บ อะไรก็ตาม ถ้าศึกษาพระสูตรให้เข้าใจ ก็ทำได้หมด
แต่ถ้า ทำตามความรู้ที่คิดเองเออเอง ทำเจตนาฟุ้งแล้วนึกว่าใช่ นั่นล่ะ
ต่อให้ พุทโธ ป่องแฟ่บ พองยุบ ไปจนตาย ก็ฟุ้ง

กรัชกาย ก็ คง งง เช่นเคย :b19:

ขอคำปรึกษาเช่นนั้น ผู้ศึกษาพระสูตรจนเข้าใจทะลุปรุโปร่ง แน่ะนำวิธีทำกรรมฐาน แบบพุทโธ กับ พอง-ยุบ ป่อง-แฟ่บ เพื่อเป็นวิทยาทานหน่อยเถอะขอรับ :b1:

เอาเลยครับว่าไป จะนั่งพนมมือฟังด้วยดี :b14:

ปล. อย่าทำไม่เห็นนะขอรับ :b13:

กรัชกาย

เช่นนั้น เขียน:

กรัชกาย เขียน:

ไม่อ่าน ให้ศึกษา ก็ไม่อ่านเอ้า ศึกษายังไง :b10:

นี่ก็แสดงความโง่อีก
55555

การทำความศึกษา
มันมากกว่าการอ่านขึ้นไปอีก

เพราะกรัชกายคิดว่า การศึกษาพระสูตร เหมือนการอ่านแล้วจำ นี่เอง
ทำให้กรัชกาย เวิ่นเว้อไม่ศึกษา ไม่เปิดพระสูตรนี่เอง

มัวแต่มาดู กายใจ ด้วยจิตที่มืดๆ มัวๆ
ดูกายดูใจด้วยจิตที่มืดมัว ถึงนั่งดูไปให้หมดวัน ก็เหมือน ไก่ได้พลอย ลิงได้เพชร :b9:

เรื่องนี้เรื่องใหญ่

มัวแต่มาดู กายใจ ด้วยจิตที่มืดๆ มัวๆ
ดูกายดูใจด้วยจิตที่มืดมัว ถึงนั่งดูไปให้หมดวัน ก็เหมือน ไก่ได้พลอย ลิงได้เพชร

เช่นนั้น มีวิธีดูกายใจ ยังไง จึงจะไม่มืดๆมัวๆ ว่าไปจะฟังด้วยดีขอรับ :b1:

เช่นนั้น

กรัชกาย เขียน:

ปล. อย่าทำไม่เห็นนะขอรับ :b13:

เห็นครับแต่ ยังไม่ถึงเวลาบอก

กรัชกาย

เช่นนั้น เขียน:

กรัชกาย เขียน:

ปล. อย่าทำไม่เห็นนะขอรับ :b13:

เห็นครับแต่ ยังไม่ถึงเวลาบอก

คิกๆๆ

กรัชกาย

กรัชกาย เขียน:

เช่นนั้น เขียน:

กรัชกาย เขียน:

ไม่อ่าน ให้ศึกษา ก็ไม่อ่านเอ้า ศึกษายังไง :b10:

นี่ก็แสดงความโง่อีก
55555

การทำความศึกษา
มันมากกว่าการอ่านขึ้นไปอีก

เพราะกรัชกายคิดว่า การศึกษาพระสูตร เหมือนการอ่านแล้วจำ นี่เอง
ทำให้กรัชกาย เวิ่นเว้อไม่ศึกษา ไม่เปิดพระสูตรนี่เอง

มัวแต่มาดู กายใจ ด้วยจิตที่มืดๆ มัวๆ
ดูกายดูใจด้วยจิตที่มืดมัว ถึงนั่งดูไปให้หมดวัน ก็เหมือน ไก่ได้พลอย ลิงได้เพชร :b9:

เรื่องนี้เรื่องใหญ่

มัวแต่มาดู กายใจ ด้วยจิตที่มืดๆ มัวๆ
ดูกายดูใจด้วยจิตที่มืดมัว ถึงนั่งดูไปให้หมดวัน ก็เหมือน ไก่ได้พลอย ลิงได้เพชร

เช่นนั้น มีวิธีดูกายใจ ยังไง จึงจะไม่มืดๆมัวๆ ว่าไปจะฟังด้วยดีขอรับ :b1:

นี่ล่ะว่าไง :b1:

เช่นนั้น

บอกไปแล้ว นานแล้วด้วยครับ
กลับไปทบทวนสิ่งที่สนทนามาโดยตลอดครับกรัชกาย

กรัชกาย

เช่นนั้น เขียน:

wink
บอกไปแล้ว นานแล้วด้วยครับ
กลับไปทบทวนสิ่งที่สนทนามาโดยตลอดครับกรัชกาย

ทบทวนที่ไหน กระทู้่ไหนขอรับ :b32:

เล่นลูกไม้อโศกแระ :b1:

กรัชกาย

กรัชกาย เขียน:

เช่นนั้น เขียน:

กรัชกาย เขียน:

ไม่อ่าน ให้ศึกษา ก็ไม่อ่านเอ้า ศึกษายังไง :b10:

นี่ก็แสดงความโง่อีก
55555

การทำความศึกษา
มันมากกว่าการอ่านขึ้นไปอีก

เพราะกรัชกายคิดว่า การศึกษาพระสูตร เหมือนการอ่านแล้วจำ นี่เอง
ทำให้กรัชกาย เวิ่นเว้อไม่ศึกษา ไม่เปิดพระสูตรนี่เอง

มัวแต่มาดู กายใจ ด้วยจิตที่มืดๆ มัวๆ
ดูกายดูใจด้วยจิตที่มืดมัว ถึงนั่งดูไปให้หมดวัน ก็เหมือน ไก่ได้พลอย ลิงได้เพชร :b9:

เรื่องนี้เรื่องใหญ่

มัวแต่มาดู กายใจ ด้วยจิตที่มืดๆ มัวๆ
ดูกายดูใจด้วยจิตที่มืดมัว ถึงนั่งดูไปให้หมดวัน ก็เหมือน ไก่ได้พลอย ลิงได้เพชร

เช่นนั้น มีวิธีดูกายใจ ยังไง จึงจะไม่มืดๆมัวๆ ว่าไปจะฟังด้วยดีขอรับ :b1:

นี่ล่ะว่าไง :b1:

เช่นนั้นจิตสว่างเอาหน่อยน่า อยากเห็นพูดเรื่องนี้บ้าง :b1:

เช่นนั้น

กรัชกาย เขียน:

เช่นนั้นจิตสว่างเอาหน่อยน่า อยากเห็นพูดเรื่องนี้บ้าง :b1:

ทำเหตุให้ได้ปัญญา จิตก็สว่างพอประมาณ
ค่อยเอาจิตนั้นมาดู
ดูไปดูมา ก็สว่างขึ้นไปอีก
55555 กรัชกาย งง ต่อ เอิ๊กๆๆๆ

กรัชกาย

เช่นนั้น เขียน:

กรัชกาย เขียน:

เช่นนั้นจิตสว่างเอาหน่อยน่า อยากเห็นพูดเรื่องนี้บ้าง :b1:

ทำเหตุให้ได้ปัญญา จิตก็สว่างพอประมาณ
ค่อยเอาจิตนั้นมาดู
ดูไปดูมา ก็สว่างขึ้นไปอีก
55555 กรัชกาย งง ต่อ เอิ๊กๆๆๆ

ดีแต่พืช พืชได้เป็นคุ้งเป็นแคว :b13:

เช่นนั้น

กรัชกาย เขียน:

เช่นนั้น เขียน:

กรัชกาย เขียน:

เช่นนั้นจิตสว่างเอาหน่อยน่า อยากเห็นพูดเรื่องนี้บ้าง :b1:

ทำเหตุให้ได้ปัญญา จิตก็สว่างพอประมาณ
ค่อยเอาจิตนั้นมาดู
ดูไปดูมา ก็สว่างขึ้นไปอีก
55555 กรัชกาย งง ต่อ เอิ๊กๆๆๆ

ดีแต่พืช พืชได้เป็นคุ้งเป็นแคว :b13:

555 ขำ กรัชกายมาก
ไปไหนไม่เป็น
ได้แต่กอดคำศัพท์ .....

กรัชกาย

กรัชกาย เขียน:

เช่นนั้น เขียน:

กรัชกาย เขียน:

ไม่อ่าน ให้ศึกษา ก็ไม่อ่านเอ้า ศึกษายังไง :b10:

นี่ก็แสดงความโง่อีก
55555

การทำความศึกษา
มันมากกว่าการอ่านขึ้นไปอีก

เพราะกรัชกายคิดว่า การศึกษาพระสูตร เหมือนการอ่านแล้วจำ นี่เอง
ทำให้กรัชกาย เวิ่นเว้อไม่ศึกษา ไม่เปิดพระสูตรนี่เอง

มัวแต่มาดู กายใจ ด้วยจิตที่มืดๆ มัวๆ
ดูกายดูใจด้วยจิตที่มืดมัว ถึงนั่งดูไปให้หมดวัน ก็เหมือน ไก่ได้พลอย ลิงได้เพชร :b9:

เรื่องนี้เรื่องใหญ่

มัวแต่มาดู กายใจ ด้วยจิตที่มืดๆ มัวๆ
ดูกายดูใจด้วยจิตที่มืดมัว ถึงนั่งดูไปให้หมดวัน ก็เหมือน ไก่ได้พลอย ลิงได้เพชร

เช่นนั้น มีวิธีดูกายใจ ยังไง จึงจะไม่มืดๆมัวๆ ว่าไปจะฟังด้วยดีขอรับ :b1:

นี่ล่ะว่าไง :b1:

เช่นนั้นจิตสว่างเอาหน่อยน่า อยากเห็นพูดเรื่องนี้บ้าง :b1:

เช่นนั้นที่เคารพ มาว่าเรื่องนี้กัน

เช่นนั้น

กรัชกาย เขียน:

เช่นนั้นที่เคารพ มาว่าเรื่องนี้กัน

พูดไปแล้วครับ

47846.พระไตรปิฎกแปลช่วยได้ แต่จะแน่ต้องให้ถึงพระไตรปิฎกบาลี

ผู้ใช้งานขณะนี้