วันเวลาปัจจุบัน 20 ก.ค. 2025, 03:26  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 159 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 6, 7, 8, 9, 10, 11  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ธ.ค. 2016, 19:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b44:
ข้อความทั้งหมดที่เล่าและกรัชกายก้อปมาแปะย้ำให้ดูอีกนั้น ชัดเจนดีและสมบูรณ์พร้อมทุกอย่างแล้ว

คนปัญญาน้อย ความสังเกตไม่ดีอาจจะตีความสรุปความไปมั่วๆได้เยอะแยะ

คนที่สติปัญญาดีเขาอ่านแค่นี้ก็พอที่จะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด
ละครับ
onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ธ.ค. 2016, 19:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b44:
ข้อความทั้งหมดที่เล่าและกรัชกายก้อปมาแปะย้ำให้ดูอีกนั้น ชัดเจนดีและสมบูรณ์พร้อมทุกอย่างแล้ว

คนปัญญาน้อย ความสังเกตไม่ดีอาจจะตีความสรุปความไปมั่วๆได้เยอะแยะ

คนที่สติปัญญาดีเขาอ่านแค่นี้ก็พอที่จะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด
ละครับ
onion



บอกวิธีทำสมาธิหมุนสิขอรับ หมุนยังไง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ธ.ค. 2016, 20:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b44:
ข้อความทั้งหมดที่เล่าและกรัชกายก้อปมาแปะย้ำให้ดูอีกนั้น ชัดเจนดีและสมบูรณ์พร้อมทุกอย่างแล้ว

คนปัญญาน้อย ความสังเกตไม่ดีอาจจะตีความสรุปความไปมั่วๆได้เยอะแยะ

คนที่สติปัญญาดีเขาอ่านแค่นี้ก็พอที่จะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด
ละครับ
onion



บอกวิธีทำสมาธิหมุนสิขอรับ หมุนยังไง

:b38:
สนใจวิธีทำสมาธิหมุนของพระอาจารย์รัตน์ รัตนญาโนหรือครับ?
:b4:
เริ่มต้นด้วยการตั้งสติปัญญามาสังเกตเข้าไปในกายและใจ
ถ้ามีความจดจ่อใส่ใจดี สมาธิในการเฝ้าดูเฝ้าสังเกตจะมีกำลังมากขึ้นทุกทีจนสัมผัสรู้อาการของกายที่โยกคลอนและสั่นสะเทือนไปตามจังหวะการเต้นของหัวใจและชีพจรทำสมาธิให้แน่วแน่ยิ่งขึ้นกับอาการสั่นและโยกคลอนของกายนั้น ผู้ปฏิบัติจะรู้สึกเหมือนร่างกายนี้โยกคลอนและหมุนส่ายไป ยิ่งเพิ่มสมาธิจดจ่อเข้าไปมากเท่าไหร่ อาการหมุนโยกคลอนนั้นจะยิ่งแรงเร็วมากขึ้นเท่านั้น

อย่าฝืนอย่าขัดขืนอาการตามธรรมชาติที่เกิดขึ้นให้มีแต่สติปัญญาคอยสังเกตอาการไปตลอดเวลา การหมุนนั้นจะแรงขึ้นแรงขึ้นจนถึงจุดลืมตัวปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างทั้งหมดดับวูบ
ผู้ปฏิบัติส่วนใหญ่จะล้มหงายผลึงลงไปพร้อมกับจิตที่หลุดลอยออกจากความยึดถือทั้งปวง

เราเรียกว่า "จิตหลุด" คือหลุดพ้นจากความยึดถือบัญญัติ สมมุติทั้งหลายไปชั่วพริบตาเดียว พอกลับมารู้ตัว บางคนจิตเป็นกูเป็นเราก็พาลหายไปด้วย ชั่วคราวหรือถาวร

นี่ว่าโดยย่อและสรุปคร่าวๆ แต่เทคนิคที่จะทำให้จิตหลุดพ้นจากความยึดถือโดยการหมุนเอานี้ ยังมีอีก จะบอกเล่าต่อไปเมื่อมีผู้สนใจและไม่คัดค้าน ขัดขวางวิธีการของสมาธิหมุนที่ว่ามานี้ครับ

onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ธ.ค. 2016, 20:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b44:
ข้อความทั้งหมดที่เล่าและกรัชกายก้อปมาแปะย้ำให้ดูอีกนั้น ชัดเจนดีและสมบูรณ์พร้อมทุกอย่างแล้ว

คนปัญญาน้อย ความสังเกตไม่ดีอาจจะตีความสรุปความไปมั่วๆได้เยอะแยะ

คนที่สติปัญญาดีเขาอ่านแค่นี้ก็พอที่จะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด
ละครับ
onion



บอกวิธีทำสมาธิหมุนสิขอรับ หมุนยังไง

:b38:
สนใจวิธีทำสมาธิหมุนของพระอาจารย์รัตน์ รัตนญาโนหรือครับ?

เริ่มต้นด้วยการตั้งสติปัญญามาสังเกตเข้าไปในกายและใจ
ถ้ามีความจดจ่อใส่ใจดี สมาธิในการเฝ้าดูเฝ้าสังเกตจะมีกำลังมากขึ้นทุกทีจนสัมผัสรู้อาการของกายที่โยกคลอนและสั่นสะเทือนไปตามจังหวะการเต้นของหัวใจและชีพจรทำสมาธิให้แน่วแน่ยิ่งขึ้นกับอาการสั่นและโยกคลอนของกายนั้น ผู้ปฏิบัติจะรู้สึกเหมือนร่างกายนี้โยกคลอนและหมุนส่ายไป ยิ่งเพิ่มสมาธิจดจ่อเข้าไปมากเท่าไหร่ อาการหมุนโยกคลอนนั้นจะยิ่งแรงเร็วมากขึ้นเท่านั้น

อย่าฝืนอย่าขัดขืนอาการตามธรรมชาติที่เกิดขึ้นให้มีแต่สติปัญญาคอยสังเกตอาการไปตลอดเวลา การหมุนนั้นจะแรงขึ้นแรงขึ้นจนถึงจุดลืมตัวปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างทั้งหมดดับวูบ
ผู้ปฏิบัติส่วนใหญ่จะล้มหงายผลึงลงไปพร้อมกับจิตที่หลุดลอยออกจากความยึดถือทั้งปวง

เราเรียกว่า "จิตหลุด" คือหลุดพ้นจากความยึดถือบัญญัติ สมมุติทั้งหลายไปชั่วพริบตาเดียว พอกลับมารู้ตัว บางคนจิตเป็นกูเป็นเราก็พาลหายไปด้วย ชั่วคราวหรือถาวร

นี่ว่าโดยย่อและสรุปคร่าวๆ แต่เทคนิคที่จะทำให้จิตหลุดพ้นจากความยึดถือโดยการหมุนเอานี้ ยังมีอีก จะบอกเล่าต่อไปเมื่อมีผู้สนใจและไม่คัดค้าน ขัดขวางวิธีการของสมาธิหมุนที่ว่ามานี้ครับ


ท่านอโศกเคยทำหรือยัง ถ้าทำแล้วหมุนได้กี่รอบ :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ธ.ค. 2016, 20:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12:
55555 หมุนจนจิตหลุดแหละครับ กลายเป็นคนใหม่ไปเลย
onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ธ.ค. 2016, 20:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b44:
ข้อความทั้งหมดที่เล่าและกรัชกายก้อปมาแปะย้ำให้ดูอีกนั้น ชัดเจนดีและสมบูรณ์พร้อมทุกอย่างแล้ว

คนปัญญาน้อย ความสังเกตไม่ดีอาจจะตีความสรุปความไปมั่วๆได้เยอะแยะ

คนที่สติปัญญาดีเขาอ่านแค่นี้ก็พอที่จะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด
ละครับ
onion



บอกวิธีทำสมาธิหมุนสิขอรับ หมุนยังไง

:b38:
สนใจวิธีทำสมาธิหมุนของพระอาจารย์รัตน์ รัตนญาโนหรือครับ?

เริ่มต้นด้วยการตั้งสติปัญญามาสังเกตเข้าไปในกายและใจ
ถ้ามีความจดจ่อใส่ใจดี สมาธิในการเฝ้าดูเฝ้าสังเกตจะมีกำลังมากขึ้นทุกทีจนสัมผัสรู้อาการของกายที่โยกคลอนและสั่นสะเทือนไปตามจังหวะการเต้นของหัวใจและชีพจรทำสมาธิให้แน่วแน่ยิ่งขึ้นกับอาการสั่นและโยกคลอนของกายนั้น ผู้ปฏิบัติจะรู้สึกเหมือนร่างกายนี้โยกคลอนและหมุนส่ายไป ยิ่งเพิ่มสมาธิจดจ่อเข้าไปมากเท่าไหร่ อาการหมุนโยกคลอนนั้นจะยิ่งแรงเร็วมากขึ้นเท่านั้น

อย่าฝืนอย่าขัดขืนอาการตามธรรมชาติที่เกิดขึ้นให้มีแต่สติปัญญาคอยสังเกตอาการไปตลอดเวลา การหมุนนั้นจะแรงขึ้นแรงขึ้นจนถึงจุดลืมตัวปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างทั้งหมดดับวูบ
ผู้ปฏิบัติส่วนใหญ่จะล้มหงายผลึงลงไปพร้อมกับจิตที่หลุดลอยออกจากความยึดถือทั้งปวง

เราเรียกว่า "จิตหลุด" คือหลุดพ้นจากความยึดถือบัญญัติ สมมุติทั้งหลายไปชั่วพริบตาเดียว พอกลับมารู้ตัว บางคนจิตเป็นกูเป็นเราก็พาลหายไปด้วย ชั่วคราวหรือถาวร

นี่ว่าโดยย่อและสรุปคร่าวๆ แต่เทคนิคที่จะทำให้จิตหลุดพ้นจากความยึดถือโดยการหมุนเอานี้ ยังมีอีก จะบอกเล่าต่อไปเมื่อมีผู้สนใจและไม่คัดค้าน ขัดขวางวิธีการของสมาธิหมุนที่ว่ามานี้ครับ



นีี่ใช่สมาธิหมุนไหมขอรับ

อ้างคำพูด:
ผมก็นั่งตามลมหายใจพุทโธไป

วันแรกๆก็ไม่เป็นอะไร พอวันที่สามนั่งไปซักพักประมาณสิบนาทีเริ่มมีอาการเหวี่ยงแบบเหวี่ยงหมุนจน เวียนหัวจึงนั่งต่อไม่ได้ลืมตาขึ้นมานั่งดูพระรูปอื่น

เป็นอย่างนี้อยู่เกือบตลอด กลับมาที่กุฏิก่อนจะจำวัดก็นั่งก็เป็นอีก

จนมาถามพระพี่เลี้ยงท่านบอกเหมือนจิตกำลังจะได้เข้าสู่ความสงบให้ผ่านจุดนี้ไปให้ได้ แต่มันก็ได้แบบแปปๆแล้วก็หมุนอีกหมุนอีก

จนลาสิกขามาก็เริ่มมาหาอ่านเองจนได้อ่านบันทึกกรรมฐานของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช ให้พิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม

คราวนี้ก็ทำตามหนังสือ หายใจตอนแรกก็ยาว ก็ตามไปซักพัก เริ่มพิจารณาตามสติปัฐฐาน คราวนี้หมุนเร็วเลยหมุนแรงมากจนรู้สึกจะอาเจียนเลย

ผมก็พิจารณาว่าเป็นทุกขเวทนา ก็ดีขึ้นแปปก็หมุนอีกเรื่อยๆ จนตอนนี้ยังแก้ไม่ได้เลยครับ ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ล่าสุดเมื่อคืนหมุนจนจะอ้วกจนถอนสมาธิออกมา ยังมีอาการเวียนหัวจะอ้วกมาอีกซักสิบห้านาทีค่อยดีขึ้น

คำถามครับ

1. ผมควรแก้ปัญหานี้ยังไงดี ฝืนนั่งไปเรื่อยๆจนหายหรือต้องกำหนดอะไรยังไง

2. จุดมุ่งหมายจริงๆ คือวิปัสสนากรรมฐานคืออะไรครับ ไม่ได้โอ้อวดว่าตัวเองเก่งนะครับ พอดีผมเรียนแพทย์เลยเข้าใจพวกสรีระร่างกายมนุษย์อยู่แล้ว เมื่อมาเรียนรู้ทางธรรมพิจารณาตามขันธ์ 5 ก็เข้าใจว่ามันไม่ได้มีตัวตนจริงๆของเรา เหมือนเท่าที่อ่านการฝึกวิปัสสนาทำให้เราเข้าใจว่าทุกอย่างมีเกิดดับของมัน เป็นธรรมดา ไม่ให้เรายึดติด แต่ถ้าผมอ่านแล้วเข้าใจแล้วจะทำไปเพื่ออะไร หรือว่าให้จิตเราแข็งแกร่ง จะได้มีสติรู้เท่าทันทุกการกระทำ หลังสึกออกมาทุกวันนี้ เวลาจะโกรธใครก็เหมือนมีสติมาห้ามทัน แต่ก็ยังมีหลุดบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้จะตอบโต้แทบจะทันทีเพราะเป็นคนใจร้อน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ธ.ค. 2016, 20:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b12:
หมุนจนจิตหลุดแหละครับ กลายเป็นคนใหม่ไปเลย


จิตมันหลุดไปไหนขอรับ :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ธ.ค. 2016, 21:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b12:
หมุนจนจิตหลุดแหละครับ กลายเป็นคนใหม่ไปเลย


จิตมันหลุดไปไหนขอรับ :b10:

:b12:
หลุดไปจากความยึดมั่นถือมั่น
onion
ส่วนนายแพทย์ที่นั่งแล้วหมุนนั้นหมุนโดยบังเอิญ
ถ้าทำอยู่ต่อหน้าพระอาจารย์รัตน์ท่านจะแนะทางออกสู่ความหลุดพ้นของจิตได้ทันที

แนะนำให้เขาไปปฏิบัติกับพระอาจารย์รัตน์ ที่สำนักของท่าน
อยู่ใกล้ๆกับน้ำตกแม่สา อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
เปิดกูเกิ้ล หรือยูทูปดูก็ได้ครับ
onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ธ.ค. 2016, 08:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b12:
หมุนจนจิตหลุดแหละครับ กลายเป็นคนใหม่ไปเลย


จิตมันหลุดไปไหนขอรับ :b10:


หลุดไปจากความยึดมั่นถือมั่น
onion
ส่วนนายแพทย์ที่นั่งแล้วหมุนนั้นหมุนโดยบังเอิญ
ถ้าทำอยู่ต่อหน้าพระอาจารย์รัตน์ท่านจะแนะทางออกสู่ความหลุดพ้นของจิตได้ทันที

แนะนำให้เขาไปปฏิบัติกับพระอาจารย์รัตน์ ที่สำนักของท่าน
อยู่ใกล้ๆกับน้ำตกแม่สา อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
เปิดกูเกิ้ล หรือยูทูปดูก็ได้ครับ
onion


จิตหลุด คือ หลุดไปจากความยึดมั่นถือมั่น :b1: ตกลงไม่ยึดมั่นถือมั่นนี่หลุดเพราะสมาธิหมุนหรือหลุดเพราะญาณ 16 ก่อน 6 โมงเช้าแน่ :b10:

ที่ว่ากลายเป็นคนใหม่ล่ะ ยังไง คือ ท่านอโศกคนนี้กับคนเดิมไม่ใช่คนเดียวกันหรือ หรือยังไง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ธ.ค. 2016, 08:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:

ศึกษา ฟัง แล้ว คิด
คิดแล้วทำ
ทำแล้ววิเคราะห์สรุปผล



เอาตามที่ท่านอโศกทำมาวางไว้ใกล้ๆด้วยว่า ไว้ 9 อย่าง


อ้างคำพูด:
asoka
สนใจอยากรู้ว่าอโศกะเคยทำภาวนาแบบไหน แล้วไปเกิดญาณ 16 จากการภาวนาแบบไหน เชนนั้นหรือ?

ถ้าสนใจก็จะเล่าให้ฟังคร่าวๆเป็นวิทยาทาน

ภาวนาที่อโศกะเคยทำมา

1.พองหนอยุบหนอ....หรือหนอให้ทันปัจจุบันอารมณ์

2.ท่องคาถาปลุกพระ ท่องคาถาหัวใจต่างๆเป็นคาบๆ

3.กำหนดต้นธรรม ตามแบบเจ้ามาวหลวง อ.อริยวังโส (ไทยใหญ่)

4.พิจารณาอนิจจัง ตามแบบหลวงพ่อพุทธวาที (พม่า)

5.สมาธิหมุน (พระอาจารย์รัตน์ รัตนยาโน)

6.พุทโธ (สายหนองป่าพง)

7.อนัตตา (หลวงพ่อธี)

8.กำหนดกระแสสั่นสะเทือนในร่างกาย (ท่านโกเอ็นก้า)

9.เจริญสติปัญญาอยู่กับปัจจุบันอารมณ์ (ตามภัทเทกรัตคาถา)
ใช้อยู่ประจำในปัจจุบัน

ตอนที่จะรู้ชัดญาณ 16 และปฏิจจสมุปบาทนั้นเป็นการเจริญภาวนาตามแบบที่ 9 โดยธรรมชาติ ไม่ได้ตั้งท่า ไม่ได้เข้ากรรมฐาน มันเกิดขึ้น เจริญไปและไหลไปเองตามธรรมตอน
วันแรม 14 ค่ำหลังวิสาจะบูชาปี 2542 เริ่มประมาณตีสามกว่า
จบปัจจเวกตอนเกือบหกโมงเช้า

แค่นี้ก็พอละมั้งครับกรัชกาย




คุยกับท่านอโศกได้ความรู้เยอะเลย ทำให้เห็นว่า ท่านอโศกนี่ไม่ใช่ธรรมดา สาธุๆๆ ขอให้เจริญในธรรม

สมาธิหมุนบอกไปแล้ว

ต่อไปเล่าวิธี

อ้างคำพูด:
กำหนดกระแสสั่นสะเทือนในร่างกาย


เริ่มทำยังไงครับ เล่าให้ฟังหน่อยขอรับ :b14:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ธ.ค. 2016, 14:54 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b38:
อยากฟังวิธีการภาวนาของท่านอาจารย์โกเอ็นก้าหรือ?
:b4:
ในหลักสูตร 10 วัน 3 วันแรกผู้ปฏิบัติทุกคนต้องมาตั้งใจทำสมาธิอยู่กับลมหายใจ (ไม่ใช่อานาปานสติ 16 ขั้นตอน แต่คล้ายกับการภาวนาพุทโธตามลมหายใจเข้าออก)เพื่อให้เกิดสมาธิหรือความตั้งมั่นของจิต

พอขึ้นวันที่ 4 อาจารย์ช่วยสอนจะให้เริ่มการสะแกน หรือกวาดรู้ร่างกายตั้งแต่หัวถึงเท้า ๆ ถึงหัวกลับไปกลับมา จนสัมผัสรู้กระแสสั่นสะเทือนได้ทั่วร่าง ก็จะเกิด ภังคญาณ คือการล่มสลายของกายสังขาร เหมือนตัวตนอวัยวะทั้ง 32 ประการสลายหมดไปเหลือไว้แต่นามธรรมคือจิตรู้ หลังจากนั้นกระบวนการแห่งธรรมเขาจะทำงานเองโดยอัตโนมัติ ให้เห็นอนิจจังชัด จนละอัตตาเข้าสู่อนัตตาโดยสมบูรณ์

:b37:
เคล็ดลับในการสะแกนร่างกายที่อโศกะสังเกตและจับประเด็นได้คือ

ถ้าจิตมีสมาธิ สติปัญญาคมกล้าดีแล้วให้กำหนดตัวรู้หรือผู้รู้มาไว้ที่กลางศรีษะ สังเกตให้ดีๆและลึกละเอียดจะพบความสั่นสะเทือน(Vibration)เริ่มต้นเป็นจุดเล็กๆก่อน จากนั้นให้ค่อยขยายความรับรู้การสั่นสะเทือนนี้ไปทั่วทั้งหัว เลื่อนลงไปทางหู ตา แก้ม หน้า คาง คอ ไหล่ แขน มือ นิ้ว อก ท้อง เอว
สะโพก ต้นขา กลางขา แข้ง เท้า นิ้วเท้า จนถึงอุ้งเท้าฝ่าเท้าทั้งสองข้าง แล้วย้อนรู้กลับขึ้นไปตามลำดับจนถึงจุดกึ่งกลางศรีษะ
ใหม่ๆจะติดขัดตามส่วนต่างๆของร่างกาย ท่านก็ให้นิ่งรู้ความสั่นสะเทือน ณ จุดนั้น จนมันทะลวงผ่านรู้ไปได้ จนทั่วทั้งร่าง
ถ้าความสัมผัสรู้ความสะเทือนได้ทั่วทั้งร่างดีแล้ว มันจะเกิด
ภังคญาณตามมาแทบทุกคน นั่นคือไปถึงจุดเริ่มต้นแห่งความสำเร็จ

:b36:
เกริ่นให้ฟังคร่าวๆแค่นี้คงพอก่อนมั้ง คุณกรัชกายผู้ใฝ่รู้ แต่ไม่ใฝ่ทำจริง
:b32:
ถ้าสนใจรายละเอียดหรืออยากเจาะลึกในแง่มุมใด ก็ถามกันมาอย่างสุภาพและเคารพธรรม จะเมตตาเล่าให้ฟัง
onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ธ.ค. 2016, 18:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b38:
อยากฟังวิธีการภาวนาของท่านอาจารย์โกเอ็นก้าหรือ?
:b4:
ในหลักสูตร 10 วัน 3 วันแรกผู้ปฏิบัติทุกคนต้องมาตั้งใจทำสมาธิอยู่กับลมหายใจ (ไม่ใช่อานาปานสติ 16 ขั้นตอน แต่คล้ายกับการภาวนาพุทโธตามลมหายใจเข้าออก)เพื่อให้เกิดสมาธิหรือความตั้งมั่นของจิต

พอขึ้นวันที่ 4 อาจารย์ช่วยสอนจะให้เริ่มการสะแกน หรือกวาดรู้ร่างกายตั้งแต่หัวถึงเท้า ๆ ถึงหัวกลับไปกลับมา จนสัมผัสรู้กระแสสั่นสะเทือนได้ทั่วร่าง ก็จะเกิด ภังคญาณ คือการล่มสลายของกายสังขาร เหมือนตัวตนอวัยวะทั้ง 32 ประการสลายหมดไปเหลือไว้แต่นามธรรมคือจิตรู้ หลังจากนั้นกระบวนการแห่งธรรมเขาจะทำงานเองโดยอัตโนมัติ ให้เห็นอนิจจังชัด จนละอัตตาเข้าสู่อนัตตาโดยสมบูรณ์

:b37:
เคล็ดลับในการสะแกนร่างกายที่อโศกะสังเกตและจับประเด็นได้คือ

ถ้าจิตมีสมาธิ สติปัญญาคมกล้าดีแล้วให้กำหนดตัวรู้หรือผู้รู้มาไว้ที่กลางศรีษะ สังเกตให้ดีๆและลึกละเอียดจะพบความสั่นสะเทือน(Vibration)เริ่มต้นเป็นจุดเล็กๆก่อน จากนั้นให้ค่อยขยายความรับรู้การสั่นสะเทือนนี้ไปทั่วทั้งหัว เลื่อนลงไปทางหู ตา แก้ม หน้า คาง คอ ไหล่ แขน มือ นิ้ว อก ท้อง เอว
สะโพก ต้นขา กลางขา แข้ง เท้า นิ้วเท้า จนถึงอุ้งเท้าฝ่าเท้าทั้งสองข้าง แล้วย้อนรู้กลับขึ้นไปตามลำดับจนถึงจุดกึ่งกลางศรีษะ
ใหม่ๆจะติดขัดตามส่วนต่างๆของร่างกาย ท่านก็ให้นิ่งรู้ความสั่นสะเทือน ณ จุดนั้น จนมันทะลวงผ่านรู้ไปได้ จนทั่วทั้งร่าง
ถ้าความสัมผัสรู้ความสะเทือนได้ทั่วทั้งร่างดีแล้ว มันจะเกิด
ภังคญาณตามมาแทบทุกคน นั่นคือไปถึงจุดเริ่มต้นแห่งความสำเร็จ

:b36:
เกริ่นให้ฟังคร่าวๆแค่นี้คงพอก่อนมั้ง คุณกรัชกายผู้ใฝ่รู้ แต่ไม่ใฝ่ทำจริง
:b32:
ถ้าสนใจรายละเอียดหรืออยากเจาะลึกในแง่มุมใด ก็ถามกันมาอย่างสุภาพและเคารพธรรม จะเมตตาเล่าให้ฟัง
onion


แบบนี้ท่านโศกทำถึงไหนแล้วขอรับ กราบๆๆ :b8:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ธ.ค. 2016, 21:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


onion
ผมฝึกหัดตามแบบของท่านอาจารย์โกเอ็นก้าอย่างต่อเนื่อง 2 ปี ปีละหลายคอร์สจนได้สิทธิ์เข้าปฏิบัติคอร์ส 20 วัน
แต่ ภังคญาณไม่เกิด ได้แค่ประสบการณ์ธรรมมะและแบบปฏิบัติที่มีระบบระเบียบวินัยดีเยี่ยมไปใช้ในการถ่ายทอดธรรมะภาคปฏิบัติภายหลัง
:b38:
คุณกรัชกายเคยลองไปเข้าคอร์ปฏิบัติของสายท่านโกเอ็นก้าบ้างหรือยังล่ะ ถ้ายังก็น่าจะไปสัมผัสลองดูไว้เป็นธรรมทัศนะ
:b55:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ธ.ค. 2016, 21:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
onion
ผมฝึกหัดตามแบบของท่านอาจารย์โกเอ็นก้าอย่างต่อเนื่อง 2 ปี ปีละหลายคอร์สจนได้สิทธิ์เข้าปฏิบัติคอร์ส 20 วัน
แต่ ภังคญาณไม่เกิด ได้แค่ประสบการณ์ธรรมมะและแบบปฏิบัติที่มีระบบระเบียบวินัยดีเยี่ยมไปใช้ในการถ่ายทอดธรรมะภาคปฏิบัติภายหลัง
:b38:
คุณกรัชกายเคยลองไปเข้าคอร์ปฏิบัติของสายท่านโกเอ็นก้าบ้างหรือยังล่ะ ถ้ายังก็น่าจะไปสัมผัสลองดูไว้เป็นธรรมทัศนะ
:b55:



ท่านอโศกนี่ เหมือนจะเลือกเอาแต่ที่ตนชอบใจ พอใจ พูดเอาแต่ดีแต่ได้ ไม่แก้ปัญหาเมื่อมีปัญหา เด๋วก็ตีหน้าแข้งด้วยไม้หน้าสาม :b1:

มี 2 ตัวอย่างให้ดู


ความรู้สึกหลังออกจากสมาธินี้ คืออะไรครับ แล้วผมจะแก้ไขมันยังไง?

ผมได้มีโอกาสไปเข้าคอสวิปัสสนาที่สถานปฏิบัติธรรม ธรรมอาภาของอาจารย์โกเอ็นก้า ครั้งแรกผมรู้สึกดีกับการปฏิบัติมากครับ ใจสงบ เย็นดี กายสบายเหมือนมีละอองเล็กๆเบาๆเย็นรอบตัว ช่วงวันสุดท้ายที่มีแผ่เมตตาผมรู้สึกเหมือนน้ำเย็นสาดจากหัวถึงเท้า เหมือนตัวว่างเปล่า มันทำให้สดชื่นเบาสบาย

ระหว่างอยู่ที่บ้านก็นั่งสมาธิบ้างทำๆหยุดๆ ดูลมหายใจ ใจสงบดี แต่ก็ไม่ได้ทำต่อเนื่องครับ

ครั้งที่สองที่ไปคือเมื่อปีที่แล้ว การปฏิบัติก็เป็นไปปกติ มีความรู้สึกถึง กลุ่มก้อนละเอียด และ กลุ่มก่อนหยาบบนผิวหนัง แต่คราวนี้รู้สึกเลยเขามาในร่างกาย คล้ายๆมวลสารขนาดหมวกกันน็อก ตันๆครอบหัวอยู่แล้วค่อยๆไหลทะลุมาที่บ่าแล้วออกไปที่หลัง จากนั้นก็มีก้อนใหม่วนเวียน บางทีก็ทีละสองก้อน ผมก็นั่งดูมันเคลื่อนไปเหมือนนั่งดูแม่น้ำที่มีเรือผ่าน

ตอนแรกความรู้สึกหนักตันที่ค่อยๆเคลื่อนนี้จะอยู่เฉพาะตอนทำสมาธิครับ ช่วงวันหลังๆแค่หลับตาจะนอนก็เห็นเลยครับ วันสุดท้ายก้อนนี้มันเกาะอยู่แม้ตอนลืมตา แล้วมันก็เคลื่อนลงมาที่หน้า ปาก ในปาก แล้วก็ติดแหมะอยู่ในนั้น

ตอนนี้ผมมีความรู้สึกดันๆตึงๆที่เคลื่อนไปมาได้ ค้างอยู่บนเพดานปาก ไม่หลุดไปไหน ย้ายไปซ้ายที ขวาที

ตอนกลับมาใหม่ๆผมคิดว่ามันก็ดีเป็นเหมือนการบ้านให้มีสติรู้ตัวตลอดเวลา ถึงเวลาคงหายเอง... ปีนึงผ่านไปก็ยังรู้สึกเหมือนวันแรก... เริ่มไม่ชอบครับ เวลานั่งสมาธิมันก็จะอยู่ตรงนั้น

ผมแก้ปัญหาด้วยการ แผ่เมตตาหลังสมาธิ ทำบุญถวายสัฆทาน อุทิศส่วนกุศลก็ไม่รู้สึกว่าเบาลงเลย

ทำให้ผมกังวล ว่าอาจจะเป็นโรคในช่องปาก ไปพบหมอทันตแพทย์ก็เจอฟันคุด จัดการผ่าออก พอยาชาหมดฤทธิ์ ก้อนนี้ยังอยู่... หลายเดือนให้หลังก็ให้หมอหูคอจมูกส่องกล้องเข้าไปในโพรงจมูก แต่ไม่พบความผิดปกติ

ความรู้สึกนี้ไม่ทำให้เจ็บปวด แต่เวลาที่ต้องใช้สมาธิ ในการทำงาน หรือเวลาพักผ่อนนั่งนิ่งๆ ความรู้สึกนี้ก็จะชัดมาก่อนเลย ไม่รู้จะปรึกษาใคร รบกวนท่านผู้รู้ช่วยชี้แนะด้วยครับ


http://pantip.com/topic/34139751


ดิฉันฝึกหัดนั่งสมาธิวิปัสสนาแนวทางท่านอาจารย์โกเอ็นก้า คือนั่งดูลมหายใจเข้าออกเฉยๆ ไม่บริกรรม และให้ดูเวทนาที่เกิดในร่างกายแล้วให้มีอุเบกขา

คอร์สแรกที่ดิฉันไปศึกษาเรียนรู้เป็นเวลา10 วัน และหลังจากนั้นดิฉันก็กลับมาปฎิบัติที่บ้าน สม่ำเสมอ วันละหลายครั้ง บางทีก็หลายชั่วโมงติดต่อกัน

ล่วงเข้ามาประมาณเดือนที่ 3 ดิฉันมีอาการ ร้อนที่ร่างกายทุกส่วน และเกิดอาการปวดศีรษะเหมือนมีเข็มเป็น ร้อยๆเล่มอยู่ในหัว บางที แข็ง ตึง มึน ทึบอยู่ในหัว จนยากที่จะอธิบาย จนขนาดต้องไปเอกซ์เรย์แต่ไม่มีอะไรผิดปรกติ

อาการมันลงมาที่มือข้างซ้าย และ กรามบน ขมับ 2 ข้าง เหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งอยู่ตลอดเวลาเป็นที่ทรมานมาก

ระยะ หลังมาดิฉันก็เลยนั่งบ้างไม่นั่งบ้าง เพราะปวดหัวเหลือเกิน บาง อาการไม่สามารถบอกมาเป็นตัวอักษรได้ว่ารู้สึกอย่างไร อาการเป็นตลอด เวลา 2 - 4 ชั่วโมง ทั้งหลับทั้งตื่น ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ไปหาหมอฝังเข็ม ฝังมา 9 ครั้ง ไม่มีทีท่าว่าจะทุเลา อาการยังมี ตลอด ดิฉันก็ได้แต่อุเบกขา ทำใจไป คิดไปต่างๆนานา เวลานั่งก็ขออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง

ตอนนี้นับระยะเวลาเป็นมากว่า 2 ปี ได้แต่หวังว่าผู้รู้ทั้งหลายคงช่วยอนุเคราะห์คนมีกรรมคนนี้ด้วย ขอได้โปรดเมตตาช่วยด้วยนะคะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ธ.ค. 2016, 07:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
เขาทั้ง 2 ยังสะแกนร่างกายไม่เป็นไม่ถูกวิธี โรคกรรมที่ปรากฏในกายจึงไม่สามารถถูกชำระออกได้

ให้เขาโทรไปคุยกับอโสกะสิ จะแนะวิธีผ่านปัญหานี้ให้ได้
แล้วจงกลับไปเข้าคอร์ส 10 วันอีกหลายๆครั้งโดยสลับกันระหว่างผู้ปฏิบัติ กับธรรมบริกร

0898386213

:b37:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 159 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 6, 7, 8, 9, 10, 11  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร