วันเวลาปัจจุบัน 19 พ.ค. 2025, 21:06  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 139 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 6, 7, 8, 9, 10  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.พ. 2014, 18:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b27:
พบทางสงบเย็น ในท่ามกลางความวุ่นวายได้...ก็สาธุ อนุโมทนา
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.พ. 2014, 11:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ม.ค. 2014, 08:17
โพสต์: 73

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปัจฉิมสาวก สุภัททะภิกษุ

พระตถาคตเห็นความตั้งใจของสุภัททะ จึงรับสั่งให้พระอานนท์นำสุภัททะไปบรรพชาอุปสมบท พระอานนท์ทรงทำตามรับสั่ง นำสุภัททะปริพาชกไปปลงผม โกนหนวด บอกกรรมฐาน ให้ตั้งอยู่ในไตรสรณคมน์ศีล สำเร็จเป็นสามเณร บรรพชาแล้วนำมา เฝ้าพระตถาคตซึ่งทรงตรัสบอกกรรมฐาน อีกครั้งหนึ่ง

ตลอดราตรีนั้น พระภิกษุสุภัททะได้ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะทำกรรมฐาน เดินจงกรมอย่างไม่ยอมย่อท้อ ไม่คำนึงถึงความเหน็ดเหนื่อยเพื่อบูชาคุณแห่งพระบรมศาสดาผู้จะปรินิพพานในปัจฉิมยามนี้ ในขณะที่เดินจงกรมอยู่ภายใต้แสงจันทร์เต็มดวง ในคืนวิสาขปุรณมีนั้น พระจันทร์ที่สุกสกาวเจิดจรัส เต็มท้องฟ้านั้น กลับถูกเมฆก้อนใหญ่ดำทมึนเคลื่อนคล้อยเข้าบดบัง จนมิดดวงไป แต่ไม่นานนักก้อนเมฆนั้นก็เคลื่อนคล้อยออก แสงจันทร์นวลสุกสกาวกลับสว่างตามเดิมนั่นเป็นเหตุให้ดวงปัญญาของพระภิกษุสุภัททะบังเกิดขึ้น เมื่อท่านเปรียบเทียบแสงจันทร์และก้อนเมฆนั้น

“โอ.. จิตนี้เป็นธรรมชาติที่ผ่องใส มีรัศมีเหมือนดวงจันทร์แต่อาศัยกิเลศที่จรมาเป็นครั้งคราว
จิตนี้จึงเศร้าหมอง เหมือนก้อนเมฆบดบังดวงจันทร์ให้อับแสง”


แล้ววิปัสนาญานก็บังเกิดแก่พระภิกษุสุภัททะ สามารถขจัดอาสวะกิเลสทั้งมวล บรรลุอรหัตผลในคืนนั้น จึงนับเป็น พระอัครสาวกองค์สุดท้ายที่พระพุทธเจ้าทรงประทานบวชให้
:b8: :b8: :b8: :b8: :b8:

ที่มา : http://www.phuttha.com/%E0%B8%9E%E0%B8% ... 9%E0%B8%B8


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.พ. 2014, 14:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


สองใจ เขียน:
ปัจฉิมสาวก สุภัททะภิกษุ

พระตถาคตเห็นความตั้งใจของสุภัททะ จึงรับสั่งให้พระอานนท์นำสุภัททะไปบรรพชาอุปสมบท พระอานนท์ทรงทำตามรับสั่ง นำสุภัททะปริพาชกไปปลงผม โกนหนวด บอกกรรมฐาน ให้ตั้งอยู่ในไตรสรณคมน์ศีล สำเร็จเป็นสามเณร บรรพชาแล้วนำมา เฝ้าพระตถาคตซึ่งทรงตรัสบอกกรรมฐาน อีกครั้งหนึ่ง

ตลอดราตรีนั้น พระภิกษุสุภัททะได้ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะทำกรรมฐาน เดินจงกรมอย่างไม่ยอมย่อท้อ ไม่คำนึงถึงความเหน็ดเหนื่อยเพื่อบูชาคุณแห่งพระบรมศาสดาผู้จะปรินิพพานในปัจฉิมยามนี้ ในขณะที่เดินจงกรมอยู่ภายใต้แสงจันทร์เต็มดวง ในคืนวิสาขปุรณมีนั้น พระจันทร์ที่สุกสกาวเจิดจรัส เต็มท้องฟ้านั้น กลับถูกเมฆก้อนใหญ่ดำทมึนเคลื่อนคล้อยเข้าบดบัง จนมิดดวงไป แต่ไม่นานนักก้อนเมฆนั้นก็เคลื่อนคล้อยออก แสงจันทร์นวลสุกสกาวกลับสว่างตามเดิมนั่นเป็นเหตุให้ดวงปัญญาของพระภิกษุสุภัททะบังเกิดขึ้น เมื่อท่านเปรียบเทียบแสงจันทร์และก้อนเมฆนั้น

“โอ.. จิตนี้เป็นธรรมชาติที่ผ่องใส มีรัศมีเหมือนดวงจันทร์แต่อาศัยกิเลศที่จรมาเป็นครั้งคราว
จิตนี้จึงเศร้าหมอง เหมือนก้อนเมฆบดบังดวงจันทร์ให้อับแสง”


แล้ววิปัสนาญานก็บังเกิดแก่พระภิกษุสุภัททะ สามารถขจัดอาสวะกิเลสทั้งมวล บรรลุอรหัตผลในคืนนั้น จึงนับเป็น พระอัครสาวกองค์สุดท้ายที่พระพุทธเจ้าทรงประทานบวชให้
:b8: :b8: :b8: :b8: :b8:

ที่มา : http://www.phuttha.com/%E0%B8%9E%E0%B8% ... 9%E0%B8%B8

:b8:
สาธุ ภันเต
:b27:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.พ. 2014, 18:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ก.ค. 2013, 19:24
โพสต์: 29

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แนะนำว่าให้ไประลึกถึงความตายเอาไว้ให้คิดว่าชีวิตเป็นของไม่แน่จะตายตอนไหนก็ไม่รู้
สำหรับคุณระลึกบ่อยๆทุกวันจิตจะมีกำลัง จะดูจิตต่อได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.พ. 2014, 20:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ม.ค. 2014, 08:17
โพสต์: 73

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tel1998 เขียน:
แนะนำว่าให้ไประลึกถึงความตายเอาไว้ให้คิดว่าชีวิตเป็นของไม่แน่จะตายตอนไหนก็ไม่รู้
สำหรับคุณระลึกบ่อยๆทุกวันจิตจะมีกำลัง จะดูจิตต่อได้



:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.พ. 2014, 10:54 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ม.ค. 2014, 08:17
โพสต์: 73

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สองใจ เขียน:
tel1998 เขียน:
แนะนำว่าให้ไประลึกถึงความตายเอาไว้ให้คิดว่าชีวิตเป็นของไม่แน่จะตายตอนไหนก็ไม่รู้
สำหรับคุณระลึกบ่อยๆทุกวันจิตจะมีกำลัง จะดูจิตต่อได้



:b8: :b8: :b8:


หลวงพ่อคะ่ สองใจก็ระลึกถึงความตายอยู่เนื่องๆ
ตอนนี้ สองใจกลับมาตามรู้ตามดูจิตได้ตามปกติแล้วค่ะ
ปัญญามันนำหน้า สมาธิไม่พอ เลยเป็นเหตุให้ต้องเข้ามาขอคำแนะนำในบอร์ดแห่งนี้
แต่การกลับมาตามดูตามรู้ ในครั้งนี้ ไม่เหมือนเดิมเจ้าค่ะ โปร่ง โล่ง เบา สบาย ไม่มีภาระ
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.พ. 2014, 11:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


สองใจ เขียน:
สองใจ เขียน:
tel1998 เขียน:
แนะนำว่าให้ไประลึกถึงความตายเอาไว้ให้คิดว่าชีวิตเป็นของไม่แน่จะตายตอนไหนก็ไม่รู้
สำหรับคุณระลึกบ่อยๆทุกวันจิตจะมีกำลัง จะดูจิตต่อได้



:b8: :b8: :b8:


หลวงพ่อคะ่ สองใจก็ระลึกถึงความตายอยู่เนื่องๆ
ตอนนี้ สองใจกลับมาตามรู้ตามดูจิตได้ตามปกติแล้วค่ะ
ปัญญามันนำหน้า สมาธิไม่พอ เลยเป็นเหตุให้ต้องเข้ามาขอคำแนะนำในบอร์ดแห่งนี้
แต่การกลับมาตามดูตามรู้ ในครั้งนี้ ไม่เหมือนเดิมเจ้าค่ะ โปร่ง โล่ง เบา สบาย ไม่มีภาระ
:b8:


:b1: :b12:

ทำไมคุณสองใจจึงมั่นใจเรียกท่านว่า หลวงพ่อ ล่ะ
คือ เอกอนเองนั่งอ่านความเห็นท่าน ก็รู้สึกสะดุดตาสะดุดใจอยู่

:b12: :b12: :b12:

เอกอนเห็นความเห็นท่านแล้วเอกอนรู้สึกดีใจที่ได้เห็นท่านน่ะ

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.พ. 2014, 11:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ม.ค. 2014, 08:17
โพสต์: 73

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
สองใจ เขียน:
สองใจ เขียน:
tel1998 เขียน:
แนะนำว่าให้ไประลึกถึงความตายเอาไว้ให้คิดว่าชีวิตเป็นของไม่แน่จะตายตอนไหนก็ไม่รู้
สำหรับคุณระลึกบ่อยๆทุกวันจิตจะมีกำลัง จะดูจิตต่อได้



:b8: :b8: :b8:


หลวงพ่อคะ่ สองใจก็ระลึกถึงความตายอยู่เนื่องๆ
ตอนนี้ สองใจกลับมาตามรู้ตามดูจิตได้ตามปกติแล้วค่ะ
ปัญญามันนำหน้า สมาธิไม่พอ เลยเป็นเหตุให้ต้องเข้ามาขอคำแนะนำในบอร์ดแห่งนี้
แต่การกลับมาตามดูตามรู้ ในครั้งนี้ ไม่เหมือนเดิมเจ้าค่ะ โปร่ง โล่ง เบา สบาย ไม่มีภาระ
:b8:


:b1: :b12:

ทำไมคุณสองใจจึงมั่นใจเรียกท่านว่า หลวงพ่อ ล่ะ
คือ เอกอนเองนั่งอ่านความเห็นท่าน ก็รู้สึกสะดุดตาสะดุดใจอยู่

:b12: :b12: :b12:

เอกอนเห็นความเห็นท่านแล้วเอกอนรู้สึกดีใจที่ได้เห็นท่านน่ะ

:b8: :b8: :b8:


ถ้าความจำได้หมายรู้ในการฟังธรรมของสองใจไม่ได้ผิดเพี้ยน ท่านจะพูดแต่หลักของการปฏิบัติอย่างแน่วแน่ มั่นคง ท่านคงใช่หลวงพ่อที่สองใจเคารพ มั้งค่ะ :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.พ. 2014, 12:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ก.ค. 2013, 19:24
โพสต์: 29

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สองใจ เขียน:
สองใจ เขียน:
tel1998 เขียน:
แนะนำว่าให้ไประลึกถึงความตายเอาไว้ให้คิดว่าชีวิตเป็นของไม่แน่จะตายตอนไหนก็ไม่รู้
สำหรับคุณระลึกบ่อยๆทุกวันจิตจะมีกำลัง จะดูจิตต่อได้



:b8: :b8: :b8:


หลวงพ่อคะ่ สองใจก็ระลึกถึงความตายอยู่เนื่องๆ
ตอนนี้ สองใจกลับมาตามรู้ตามดูจิตได้ตามปกติแล้วค่ะ
ปัญญามันนำหน้า สมาธิไม่พอ เลยเป็นเหตุให้ต้องเข้ามาขอคำแนะนำในบอร์ดแห่งนี้
แต่การกลับมาตามดูตามรู้ ในครั้งนี้ ไม่เหมือนเดิมเจ้าค่ะ โปร่ง โล่ง เบา สบาย ไม่มีภาระ
:b8:


เหตุที่จิตหนีการรู้ทุกข์ เป็นเพราะจิตไม่ตั้งมั่นหรือสมาธิไม่พอนั่นแหละ มีสองวิธี
1ทำสมาธิเพิ่มให้จิตตั้งมั่น
2รู้ทันตัญหาที่พอใจในภพโล่งๆสบายนี้
ลองไปทำดูครับ
อีกอย่างผมไม่ใช่พระครับแค่คนธรรมดา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.พ. 2014, 14:10 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ม.ค. 2014, 08:17
โพสต์: 73

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tel1998 เขียน:
สองใจ เขียน:
สองใจ เขียน:
tel1998 เขียน:
แนะนำว่าให้ไประลึกถึงความตายเอาไว้ให้คิดว่าชีวิตเป็นของไม่แน่จะตายตอนไหนก็ไม่รู้
สำหรับคุณระลึกบ่อยๆทุกวันจิตจะมีกำลัง จะดูจิตต่อได้



:b8: :b8: :b8:


หลวงพ่อคะ่ สองใจก็ระลึกถึงความตายอยู่เนื่องๆ
ตอนนี้ สองใจกลับมาตามรู้ตามดูจิตได้ตามปกติแล้วค่ะ
ปัญญามันนำหน้า สมาธิไม่พอ เลยเป็นเหตุให้ต้องเข้ามาขอคำแนะนำในบอร์ดแห่งนี้
แต่การกลับมาตามดูตามรู้ ในครั้งนี้ ไม่เหมือนเดิมเจ้าค่ะ โปร่ง โล่ง เบา สบาย ไม่มีภาระ
:b8:


เหตุที่จิตหนีการรู้ทุกข์ เป็นเพราะจิตไม่ตั้งมั่นหรือสมาธิไม่พอนั่นแหละ มีสองวิธี
1ทำสมาธิเพิ่มให้จิตตั้งมั่น
2รู้ทันตัญหาที่พอใจในภพโล่งๆสบายนี้
ลองไปทำดูครับ
อีกอย่างผมไม่ใช่พระครับแค่คนธรรมดา



:b8: :b8:
ข้อนี่แหละค่ะ งานยาก งานละเอียด ม๊ากมากเลยค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.พ. 2014, 19:05 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ก.ค. 2013, 19:24
โพสต์: 29

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตอนภาวนาแล้วเกิดภพโล่งสบายลองไปดูจิต2แบบนะครับ
1 รู้สึกชอบแบบที่เป็นอยู่
2 รู้สึกกังวนใจที่มันไม่ก้าวหน้า

แล้วลองไปเดินจงกรมแบบนี้ดู
เดินไปแล้วเมื่อเท้ากระทบพื้นแล้ว ถัดจากนั้น อะไรที่นอกเหนือจากเท้ากระทบพื้น ปรากฎ ให้รู้สึก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.พ. 2014, 16:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ม.ค. 2014, 08:17
โพสต์: 73

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tel1998 เขียน:
ตอนภาวนาแล้วเกิดภพโล่งสบายลองไปดูจิต2แบบนะครับ
1 รู้สึกชอบแบบที่เป็นอยู่
2 รู้สึกกังวนใจที่มันไม่ก้าวหน้า

แล้วลองไปเดินจงกรมแบบนี้ดู
เดินไปแล้วเมื่อเท้ากระทบพื้นแล้ว ถัดจากนั้น อะไรที่นอกเหนือจากเท้ากระทบพื้น ปรากฎ ให้รู้สึก



:b8: :b8: :b8: :b8: :b8:
ตอนนี้สติไวมากเลยเจ้าค่ะ รู้เห็นถี่ยิบไปหมด มันว่างมันโล่งก็จริงนะคะ แต่ไม่ติดเฉย
มีสติเกิดตลอดเวลาที่ถูกกระทบ หรือ เวลาที่จิตเค้าไปแอบคิดๆ ทั้งในปัจจุบัน อดีต อนาคต
คิดตลอดเวลาไม่เคยหยุดพัักเลย แต่เราก็มีความสุขเนาะ เห็นก็สุข ไม่เห็นก็สุข


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.พ. 2014, 18:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ก.ค. 2013, 19:24
โพสต์: 29

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าสติเกิดแบบนี้ถูกแล้วทำต่อไป จนหมดหนทางเจริญก้าวหน้า จนคนพบว่า ไม่มีทางนั่นแหละคือทาง
ใกล้ถึงเป้าหมายแรกแล้วครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.พ. 2014, 21:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ม.ค. 2014, 08:17
โพสต์: 73

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เป้าหมายแรกคือ.....................
สงสัยนิดนุงค่ะ
555555555555555555555555555555555


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.พ. 2014, 05:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สองใจ เขียน:
eragon_joe เขียน:
สองใจ เขียน:
สองใจ เขียน:
tel1998 เขียน:
แนะนำว่าให้ไประลึกถึงความตายเอาไว้ให้คิดว่าชีวิตเป็นของไม่แน่จะตายตอนไหนก็ไม่รู้
สำหรับคุณระลึกบ่อยๆทุกวันจิตจะมีกำลัง จะดูจิตต่อได้



:b8: :b8: :b8:


หลวงพ่อคะ่ สองใจก็ระลึกถึงความตายอยู่เนื่องๆ
ตอนนี้ สองใจกลับมาตามรู้ตามดูจิตได้ตามปกติแล้วค่ะ
ปัญญามันนำหน้า สมาธิไม่พอ เลยเป็นเหตุให้ต้องเข้ามาขอคำแนะนำในบอร์ดแห่งนี้
แต่การกลับมาตามดูตามรู้ ในครั้งนี้ ไม่เหมือนเดิมเจ้าค่ะ โปร่ง โล่ง เบา สบาย ไม่มีภาระ
:b8:


:b1: :b12:

ทำไมคุณสองใจจึงมั่นใจเรียกท่านว่า หลวงพ่อ ล่ะ
คือ เอกอนเองนั่งอ่านความเห็นท่าน ก็รู้สึกสะดุดตาสะดุดใจอยู่

:b12: :b12: :b12:

เอกอนเห็นความเห็นท่านแล้วเอกอนรู้สึกดีใจที่ได้เห็นท่านน่ะ

:b8: :b8: :b8:


ถ้าความจำได้หมายรู้ในการฟังธรรมของสองใจไม่ได้ผิดเพี้ยน ท่านจะพูดแต่หลักของการปฏิบัติอย่างแน่วแน่ มั่นคง ท่านคงใช่หลวงพ่อที่สองใจเคารพ มั้งค่ะ :b12: :b12:


เข้าใจผิดแล้วที่ว่าคุณ"tel1998" พูดแต่หลักปฏิบัติ
เอาแค่ที่แกพึ่งพูดมันก็ผิดหลักของการปฏิบัติแล้ว

มันมีเยี่ยงอย่างที่ไหน อยู่ดีๆให้ระลึกถึงความตายเนื่องๆ การปฏิบัติมันต้องมีเหตุผลครับ
เหตุแห่งทุกข์เป็นอย่างไร เราต้องเอาธรรมที่ถูกต้องมาดับเหตุแห่งทุกข์
ไม่ใช่อยู่ดีๆก็ให้ระลึกถึงความตาย แบบนี้เขาเรียกไปจำขี้ปากชาวบ้านมาพูดโดยขาดความเข้าใจ

ยกตัวอย่าง ถ้าพึ่งเริ่มปฏิบัติ แต่กลับมาระลึกถึงความตายเนื่องๆ
แบบนี้เราจะปฏิบัติทำไม เพราะเดี๋ยวก็ตายแล้ว ดูแล้วมันตลกมั้ย

การระลึกถึงความตาย มันเป็นอนุสติเป็นหนึ่งในกรรมฐานสี่สิบ ท่านมีไว้เพื่อดับนิวรณ์
การระลึกถึงความตาย(มรณานุสติ)มันขึ้นอยู่ที่ว่านิวรณ์ตัวไหนมารบกวนจิต

ไม่ใช่ตะบี้ตะบี้ระลึกถึงความตาย แบบนี้มันเป็นจิตของผู้ที่หมดอาลัยตายอยากครับ

อยากจะบอกคุณสองใจ ฟังธรรมต้องมีสติ อย่าเคลิ้มอย่าหลง
ฟังให้รู้ว่ามันมีเหตุผลหรือไม่ ถ้าคุณมีอาการติดอกติดใจกับคำพูดของคนอื่น
ถึงขนาดคาดเดาไปต่างๆนาๆ แสดงว่าคุณกำลังหลงในตัวบุคคล
คุณยังขาดความเข้าใจในอรรถเนื้อหาของธรรม


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 139 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 6, 7, 8, 9, 10  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร