วันเวลาปัจจุบัน 03 พ.ค. 2025, 04:14  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 220 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12 ... 15  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2012, 09:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
วันนี้ ระหว่างเดินจงกรม เกิดเวทนาสุดๆ อยู่ๆมีอาการเหมือนกล้ามเนื้อหลังจะเป็นตะคริว มันเป็นกลุ่มเป็นก้อนๆขึ้นมา แต่ยังไม่ถึงขั้นตะคริว แว่บแรก …

ความคิดอันดับแรกที่เกิดก็คือ กลัวสุดๆ กลัวเป็นอัมพาต เพราะหลังนี่สำคัญมากๆ

หายใจยาวๆ กำหนดรู้หนอๆๆแล้วหยุดเดิน เปลี่ยนอารมณ์มาจับตรงเวทนาแทน ค่อยๆเอามือออกจากการที่จับไว้ตรงกระเบนเหน็บ หายใจยาวๆ กำหนดรู้ไปเรื่อยๆ เปลี่ยนเอามือมากุมไว้ข้างหน้า


แต่ยกมือขึ้นไม่ได้ หลังมันจะเป็นตะคริว ความรู้สึกยังกลัวอยู่แบบบอกไม่ถูก แต่ใจก็คิด ถ้าจะเป็นอะไรไปเพราะการปฏิบัติ ก็ให้มันเป็นไป ยังกำหนดรู้อยู่อย่างนั้น


หายใจยาวๆ ค่อยๆลองยกแขนมากุมไว้ข้างหน้า ยังหายใจยาวๆ ใช้สติจับอยู่ที่อาการทุกขณะ พอยกมือมากุมไว้ข้างหน้าได้แล้ว ก็เริ่มยกมือไปกุมไว้ข้างหลัง พอกุมมือได้ สักพัก มีอาการเหมือน แผ่นหลังมันแตกออกเป็นส่วนๆ

เหมือนกายมันแยกออกจากกัน มันดังเปรี๊ยะในความรู้สึก แล้วมันก็รู้สึกว่าในหัวสมองมันโล่งไปหมดเลย มันโล่งแบบบอกไม่ถูก ทั้งตัวนี่เบาไปหมด

แล้วพอมานั่งสมาธิต่อ แค่หย่อนตัวนั่งลง ยังไม่ทันจะหายใจเข้าเลย มันเข้าสู่สมาธิทันที ไม่ได้คิดว่าอาการที่เกิดขึ้นนั้นมันคืออะไร เพียงแต่มองว่า เวทนาแต่ละครั้งนี่ มันช่างสุดๆจริงๆ


ครั้งที่ ๑ ที่จำได้คือ เวทนาที่เกิดตอนนั่งสมาธิ อันนี้เกิดที่ขา แต่ที่เหมือนกันคือมันหฤโหดสุดๆเหมือนๆกัน เหมือนกายมันระเบิดแยกออกจากกันเหมือนกัน แต่ตรงนี้พอมันแตกออกมา มันกลับมีตัวรู้เกิดขึ้น


ตั้งแต่ผ่านตรงนั้นมา พลังของสมาธิเปลี่ยนไป มันมีพลังมากๆ เหมือนเราพร้อมที่จะเกิดสมาธิได้ตลอดเวลา แค่กลืนน้ำลายก็จะเข้าสมาธิละ บอกไม่ถูก นี่ก็รู้สึกนะ มันหมุนติ้วๆอยู่ในตัว
ลุยต่อเลยสุดยอดอย่ากลัว อรหันต์อยู่ตรงหน้าแล้วอิๆๆ :b12: :b12:

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2012, 09:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


กว่าพระผู้มีพระภาค จะตรัสรู้ได้ ทรงประสพทุกขเวทนามากมายขนาดไหน

พระผู้มีพระภาค ทรงเริ่มต้น จากความไม่รู้เหมือนๆกัน ทรงเรียนรู้สภาวะต่างๆ ด้วยพระองค์เอง เหมือนๆกัน



ไม่ว่ายุคไหน สมัยไหน มีตำราแล้ว นำสภาวะไปเทียบกับตำรา หรือแม้กระทั่ง สภาวะที่เกิดขึ้น

คิดว่า โสดาบัน เป็นของง่าย ขนาดนั้นเลยหรือ ยิ่งสภาวะที่สูงกว่าโสดาบัน ยิ่งไม่ต้องไปกล่าวถึงเลย


นี่แหละ ความไม่รู้ ที่มีอยู่ ความโง่กับกิเลส(อธิโมกข์) แต่ไม่รู้ว่าโง่ เพราะถูกอวิชชา ครอบงำอยู่



เพราะพระองค์ทรงรู้เหตุตรงนี้ จึงทรงวางหลัก โยนิโสมนสิการ ไว้ให้ แต่ทุกสรรพสิ่ง ล้วนมีเหตุ เป็นแดนเกิด

สภาวะโยนิโสมนสิการ ยังคงมีอยู่ ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัยก็ตาม ที่เปลี่ยนแปลงไป คือ โยนิโสมนสิการ ที่ถูกเปลี่ยนแปลง ไปตามเหตุปัจจัย ของคนยุคนั้น สมัยนั้น

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 27 ก.ค. 2012, 09:15, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2012, 09:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
กว่าพระผู้มีพระภาค จะตรัสรู้ได้ ทรงประสพทุกขเวทนามากมายขนาดไหน

พระผู้มีพระภาค ทรงเริ่มต้น จากความไม่รู้เหมือนๆกัน ทรงเรียนรู้สภาวะต่างๆ ด้วยพระองค์เอง เหมือนๆกัน

มีตำราแล้ว นำสภาวะไปเทียบกับตำรา หรือแม้กระทั่ง สภาวะที่เกิดขึ้น

คิดว่า โสดาบัน เป็นของง่าย ขนาดนั้นเลยหรือ ยิ่งสภาวะที่สูงกว่าโสดาบัน ยิ่งไม่ต้องไปกล่าวถึงเลย


นี่แหละ ความไม่รู้ ที่มีอยู่



เพราะพระองค์ทรงรู้เหตุตรงนี้ จึงทรงวางหลัก โยนิโสมนสิการไว้ให้ แต่ทุกสรรพสิ่ง ล้วนมีเหตุ เป็นแดนเกิด

สภาวะโยนิโสมนสิการ ยังคงมีอยู่ ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัยก็ตาม ที่เปลี่ยนแปลงไป คือ โยนิโสมนสิการ ที่ถูกเปลี่ยนแปลง ไปตามเหตุปัจจัย ของคนยุคนั้น สมัยนั้น
ขอบคุณที่แนะนำครับ แต่ละคนชอบมองออกนอกตัว ก็เลยมักจะคิดว่าเขาเห็นผิด แต่มักจะคิดว่าตัวเองทำถูก รวมทั้งตัวผมด้วย นักปฎิบัติเขาไม่วัดกันตรงความคิดหรอกครับ เพราะทุกคนเขาก็ว่าเขาถูกรวมถึงตัวผมด้วย เขาถึงวัดกันตรงลดละเลิกอะไรได้มากกว่าเพราะมันเป็นรูปธรรมครับ อิๆๆ :b12:

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2012, 09:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
ขอบคุณที่แนะนำครับ แต่ละคนชอบมองออกนอกตัว ก็เลยมักจะคิดว่าเขาเห็นผิด แต่มักจะคิดว่าตัวเองทำถูก รวมทั้งตัวผมด้วย นักปฎิบัติเขาไม่วัดกันตรงความคิดหรอกครับ เพราะทุกคนเขาก็ว่าเขาถูกรวมถึงตัวผมด้วย เขาถึงวัดกันตรงลดละเลิกอะไรได้มากกว่าเพราะมันเป็นรูปธรรมครับ อิๆๆ :b12:




แนะนำใครเหรอ ไม่คิดแนะนำ ไม่มีในสองเลยสักนิดเดียว เพราะ มันเป็นเหตุของแต่ละคน


เรื่องความคิดเห็นที่คุณแสดงมา มันเป็นเรื่องปกติที่คุณมีอยู่และเป็นอยู่ คุณคิดอะไร อย่างไร นั่นเหตุของคุณที่มีอยู่

แม้กระทั่ง เรื่องที่วลัยพรเขียนๆลงไป เขียนไปเรื่อยๆ ก็เป็นเรื่องปกติที่ วลัยพรมีอยู่และเป็นอยู่

ส่วนใครใคร่อ่าน อ่าน ใครไม่ใคร่อ่าน นั่นก็เหตุของเขา หรือใครแสดงข้อคิดเห็นอย่างไร นั่นก็เป็นเรื่องปกติของคนๆนั้น ที่มีอยู่และเป็นอยู่

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2012, 09:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
bigtoo เขียน:
ขอบคุณที่แนะนำครับ แต่ละคนชอบมองออกนอกตัว ก็เลยมักจะคิดว่าเขาเห็นผิด แต่มักจะคิดว่าตัวเองทำถูก รวมทั้งตัวผมด้วย นักปฎิบัติเขาไม่วัดกันตรงความคิดหรอกครับ เพราะทุกคนเขาก็ว่าเขาถูกรวมถึงตัวผมด้วย เขาถึงวัดกันตรงลดละเลิกอะไรได้มากกว่าเพราะมันเป็นรูปธรรมครับ อิๆๆ :b12:




แนะนำใครเหรอ ไม่คิดแนะนำ ไม่มีในสองเลยสักนิดเดียว เพราะ มันเป็นเหตุของแต่ละคน


เรื่องความคิดเห็นที่คุณแสดงมา มันเป็นเรื่องปกติที่คุณมีอยู่และเป็นอยู่ คุณคิดอะไร อย่างไร นั่นเหตุของคุณที่มีอยู่

แม้กระทั่ง เรื่องที่วลัยพรเขียนๆลงไป เขียนไปเรื่อยๆ ก็เป็นเรื่องปกติที่ วลัยพรมีอยู่และเป็นอยู่

ส่วนใครใคร่อ่าน อ่าน ใครไม่ใคร่อ่าน นั่นก็เหตุของเขา หรือใครแสดงข้อคิดเห็นอย่างไร นั่นก็เป็นเรื่องปกติของคนๆนั้น ที่มีอยู่และเป็นอยู่
ที่เขียนมาเหมือนจะรู้นี่ครับว่าอะไรคืออะไร แล้วทำไมไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องปกติละครับ อ่านแล้วก็ผ่านไป

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2012, 09:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
ที่เขียนมาเหมือนจะรู้นี่ครับว่าอะไรคืออะไร แล้วทำไมไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องปกติละครับ อ่านแล้วก็ผ่านไป



อะไร คือ อะไร อะไรๆๆๆๆ ของตาทู่ล่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2012, 09:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
bigtoo เขียน:
ที่เขียนมาเหมือนจะรู้นี่ครับว่าอะไรคืออะไร แล้วทำไมไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องปกติละครับ อ่านแล้วก็ผ่านไป



อะไร คือ อะไร อะไรๆๆๆๆ ของตาทู่ล่ะ
เรื่องความคิดเห็นที่คุณแสดงมา มันเป็นเรื่องปกติที่คุณมีอยู่และเป็นอยู่ คุณคิดอะไร อย่างไร นั่นเหตุของคุณที่มีอยู่

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2012, 11:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณวลัยพร เคยเจอสภาวะที่เกิดอาการ
อยากจะบวชใจแทบขาดมั๊ย

ถ้าเคย แล้วจัดการกับอาการนั้นยังไง
เพราะเท่าที่ทราบ ตอนนี้คุณไม่ได้บวช และก็มีสามีแล้วอีกด้วย... :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2012, 12:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
มีอะไรที่อาการของ เขา(ที่คุณยกตัวอย่างมา) ต่างจาก อาการของคุณวลัยพร บ้าง ... มั๊ย

:b1:


ข้อแตกต่าง ไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอก เพราะ สภาวะนี้ ไม่ได้เกิดแค่เพียงครั้งเดียว แล้วจบเลย

แม้กระทั่ง สภาวะ กายแยก กายแตกละเอียดไปหมด เพราะทุกขเวทนาที่เกิดขึ้น มากมายยิ่งนัก สุดจะสรรหาคำมาเปรียบเทียบได้ มันจะรู้สึกเหมือน กายนี้ ถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ กายเหมือนแตกละเอียดไปหมด ก็ไมได้เกิดแค่ครั้งเดียว สภาวะมีมาสอนตลอดเวลา


รู้แล้วยึด ก็เป็นอุปสรรค ในการปฏิบัติ เพราะสิ่งที่รู้ ที่เป็นปัญญา ต้องกลับกลายเป็นสัญญา เพราะเหตุนี้

ทุกๆระยะที่ตัวรู้เกิด ยึดเมื่อใด วิปัสสนูปกิเลส เกิดขึ้นทันที

เหตุนี้ พระผู้พระภาค จึงทรงวางหลักเรื่อง โยนิโสมนสิการไว้ให้ ถ้าเข้าใจ จะผ่านไปได้ตลอด จากชีวิตที่ไม่ปกติ คือ มีความพยายาม ในการกระทำ หรือปฏิบัติเพื่อมุ่งหวัง เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ

มันจะแค่รู้ ปฏิบัติเป็นปกติ อารมรืใดๆเกิดขึ้นก็รู้ ไม่ต้องไปพยายามทำ เพื่อให้สิ่งนั้นๆเกิดขึ้นแต่อย่างใด นี่แหละ ความปกติของสภาวะ



ตอนที่อ่านสภาวะที่เขาส่งมาให้ แว่บแรก รู้สึกเสียดาย ผ่านไปตั้ง ๒๕ ปีแล้ว หากเขาปฏิบัติต่อเนื่อง คงปราฎพระภิกษุ ที่สามารถนำพระธรรมคำสอน มาสอนได้ถูกต้องตามสภาวะ

แต่เป็นเหตุของเขา วิบากกรรมมาตัดรอนไปเสียก่อน จึงมีเหตุทำให้เขา ไม่ได้ปฏิบัติต่อเนื่อง

เนื่องด้วย ความศรัทธาที่เขามีอยู่มาก จากการที่เขาได้ไปสัมผัสสภาวะนั้นมา เขาจึงทำตามเหตุปัจจัยของเขา คือ ทำบ้าง ไม่ทำบ้าง พยายามรักษาศิล

เพราะคิดว่า ศิล อาจเป็นทางที่สามารถพาเขาไปในทางที่ถูกที่ควร จริงๆแล้ว แค่ใช่ ในเพียงส่วนหนึ่ง แต่ขาดส่วนที่สำคัญมากที่สุด คือ สมถะ-วิปัสสนา ในสติปัฏฐาน ๔ ที่เขาไม่ได้ทำต่อเนื่อง


ทีนี้ ถ้าทำ อาจจะเจออุปสรรค เรื่องคำว่า สมถะ-วิปัสสนาอีก เพราะสรุปแล้ว สมถะ-วิปัสสนา ในสติปัฏฐาน ๔ นั้น ตกลงแล้ว เป็นแบบไหนกันแน่


ถึงบอกว่า ทุกๆสรรพสิ่ง ล้วนมีเหตุ เป็นแดนเกิด

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2012, 12:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
คุณวลัยพร เคยเจอสภาวะที่เกิดอาการ
อยากจะบวชใจแทบขาดมั๊ย

ถ้าเคย แล้วจัดการกับอาการนั้นยังไง
เพราะเท่าที่ทราบ ตอนนี้คุณไม่ได้บวช และก็มีสามีแล้วอีกด้วย... :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2012, 12:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
คุณวลัยพร เคยเจอสภาวะที่เกิดอาการ
อยากจะบวชใจแทบขาดมั๊ย

ถ้าเคย แล้วจัดการกับอาการนั้นยังไง
เพราะเท่าที่ทราบ ตอนนี้คุณไม่ได้บวช และก็มีสามีแล้วอีกด้วย... :b1:




หุหุ พูดอย่างไม่อาย เคยสิ เคยมากๆเลยด้วยแหละ (หลงไง แต่ตอนนั้น ยังไม่รู้ว่าหลง) ไม่ต้องไปคิดจัดการอะไร

ทุกๆครั้ง ที่เกิดอุปกิเลส เราจะไม่รู้ตัวหรอก เพราะ สภาวะอุปกิเลส จะเนียน ละเอียดมากๆ ต้องเจอบททดสอบ เดิมๆซ้ำๆ จนจำขึ้นใจ จิตจะไม่ไปยึดกับสภาวะที่กิดขึ้นอีกเลย แค่รู้อย่างเดียว ไม่มีการเรียกว่า ได้อะไร เป็นอะไร เพียงรู้ว่า สิ่งๆนี้ มีอะไร เป็นองค์ประกอบบ้าง และมีลักษณะอาการเกิดขึ้นอย่างไร


เพราะ มันมีเหตุนะ คงเป็นเหตุดีหรือไม่ดี ก็แล้วแต่เหตุ คือ ตอนนั้น วลัยพร มีหนี้เยอะมาก จึงไม่สามารถบวชได้




ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ล้วนมีเหตุ ในชีวิต เคยคิดไว้ว่า จะไม่แต่งงาน ชีวิตนี้ มุ่งปฏิบัติอย่างเดียว

เวลาบอกกับใครๆ ที่รู้จักกันว่า มีครอบครัวแล้ว แต่ละคน ร้องว่า เป็นไปได้ไง ท่าทีไม่มี และไม่เคยเห็นคบหากับใคร

ครั้งนี้ ก็เกิดจากสภาวะ ที่ติดขัดอยู่ ใครๆอ่านแล้วอาจจะงง ว่า การมีครอบครัว มันเกี่ยวอะไรกับสภาวะ ทุกๆสิ่ง ล้วนเป็นสภาวะ เกี่ยวข้องกันหมด หากยังมีเหตุอยู่



เพียง นำเรื่องต่างๆมาลงเรื่อยๆ เพื่อเป็นวิทยาทาน ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ วลัยพรมองแค่เหตุอย่างเดียว ไม่ได้คิดเกินเลยจากนั้น


อย่างน้อย สภาวะของคำเรียกต่างๆ อาจจะมีประโยชน์ บ้าง ไม่มากก็น้อย

เพราะ ถ้าเข้าใจในลักษณะ อาการที่เกิดขึ้น ของสภาวะหรือ คำเรียกนั้นๆ การปฏิบัติ จะได้ไม่ต้องทำเพราะความอยากมี อยากได้ อยากเป็นอะไรๆในบัญญัติ มันมีแต่ทุกข์ ทุกข์เพราะคิด ทุกข์เพราะอยาก แต่ไม่รู้ว่าสร้างเหตุแห่งทุกข์ เพราะไม่รู้ชัดในทุกข์นั้นๆ

วลัยพรถึงบอกว่า ที่พูด ล้วนเป็นเพียงสัญญา เพราะถ้าปัญญา จะเป๊ะๆ จบเลย

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2012, 12:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


"walaiporn"
ข้อแตกต่าง ไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอก เพราะ สภาวะนี้ ไม่ได้เกิดแค่เพียงครั้งเดียว แล้วจบเลย


สำคัญ

แม้กระทั่ง สภาวะ กายแยก กายแตกละเอียดไปหมด เพราะทุกขเวทนาที่เกิดขึ้น มากมายยิ่งนัก สุดจะสรรหาคำมาเปรียบเทียบได้ มันจะรู้สึกเหมือน กายนี้ ถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ กายเหมือนแตกละเอียดไปหมด ก็ไมได้เกิดแค่ครั้งเดียว สภาวะมีมาสอนตลอดเวลา

อันนี้สภาวะเด็ก ๆ ซึ่งมันเป็นสภาวะที่ต้องจบลง

รู้แล้วยึด ก็เป็นอุปสรรค ในการปฏิบัติ เพราะสิ่งที่รู้ ที่เป็นปัญญา ต้องกลับกลายเป็นสัญญา เพราะเหตุนี้
ทุกๆระยะที่ตัวรู้เกิด ยึดเมื่อใด วิปัสสนูปกิเลส เกิดขึ้นทันที


เขาไม่ได้รู้ยึด ยึดรู้อะไร ปัจจัยหลักที่ส่งเขาตรงนี้คือ จิตวิเวก
ช่วงนั้น เขาไม่ได้มีอะไร ๆ ที่จะชักจูงเขาเข้าไปสู่การปรุงแต่งอารมณ์มากนัก

เหตุนี้ พระผู้พระภาค จึงทรงวางหลักเรื่อง โยนิโสมนสิการไว้ให้ ถ้าเข้าใจ จะผ่านไปได้ตลอด จากชีวิตที่ไม่ปกติ คือ มีความพยายาม ในการกระทำ หรือปฏิบัติเพื่อมุ่งหวัง เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ

มันจะแค่รู้ ปฏิบัติเป็นปกติ อารมณ์ใดๆเกิดขึ้นก็รู้ ไม่ต้องไปพยายามทำ เพื่อให้สิ่งนั้นๆเกิดขึ้นแต่อย่างใด นี่แหละ ความปกติของสภาวะ


เหตุนั้น ไม่ใช่เหตุนี้

ถ้าจะชี้ให้เขาเห็นสิ่งที่เขาประสบ ต้องชี้ไปที่ตัว จิต
และ จิตวิเวก เป็นจิตที่วิเวกจากอะไร อย่างไร สภาวะธรรมนั้น ๆ จึงปรากฎ

:b1:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 27 ก.ค. 2012, 12:47, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2012, 12:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:

หุหุ พูดอย่างไม่อาย เคยสิ เคยมากๆเลยด้วยแหละ (หลงไง แต่ตอนนั้น ยังไม่รู้ว่าหลง) ไม่ต้องไปคิดจัดการอะไร



ทำไมถึงคิดว่า อาการอยากบวชมาก ๆ ที่คุณเคยอยากนั้น เป็นอาการหลงล่ะ

:b1:

แล้วตอนที่คุณอยากบวชทุกครั้ง คุณเห็นโลก

เช้าขึ้นมาเป็นเรื่องเลย เพราะเห็นต้นไม้ใบหญ้าสีสันมันสดขึ้นผิดปกติ มองอะไรก็เห็นอย่างนั้น ไม่มีจุดรวมโฟกัสสายตา เห็นมันทีเดียวทั้งภาพเลย อะไรเคลื่อนไหวตรงมุมไหนของสายตาเห็นได้หมด และเห็นพร้อมๆกันในคราวเดียวด้วย ไม่มีอาการเพ่งไปที่จุดใดจุดหนึ่ง

เวลาเดินนี่ยุ่งเลย เพราะมันกะระยะไกลไม่ถูก พอจะรู้บ้างก็แต่ส่วนที่กว้างยาว ส่วนลึกกะประมาณไม่ถูกเลย รู้สึกว่าโลกนี้ไม่มีจริง มันเป็นเหมือนภาพสองมิติมาหุ้มล้อมตัวเราอยู่ และเรากำลังเดินอยู่ในภาพสองมิติ(เข้าใจเอาเองว่าจิตอยู่ในมิติสวรรค์)


เป็นอย่างนี้ด้วยรึเปล่า ...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2012, 12:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
walaiporn เขียน:

หุหุ พูดอย่างไม่อาย เคยสิ เคยมากๆเลยด้วยแหละ (หลงไง แต่ตอนนั้น ยังไม่รู้ว่าหลง) ไม่ต้องไปคิดจัดการอะไร



ทำไมถึงคิดว่า อาการอยากบวชมาก ๆ ที่คุณเคยอยากนั้น เป็นอาการหลงล่ะ

:b1:

แล้วตอนที่คุณอยากบวชทุกครั้ง คุณเห็นโลก

เช้าขึ้นมาเป็นเรื่องเลย เพราะเห็นต้นไม้ใบหญ้าสีสันมันสดขึ้นผิดปกติ มองอะไรก็เห็นอย่างนั้น ไม่มีจุดรวมโฟกัสสายตา เห็นมันทีเดียวทั้งภาพเลย อะไรเคลื่อนไหวตรงมุมไหนของสายตาเห็นได้หมด และเห็นพร้อมๆกันในคราวเดียวด้วย ไม่มีอาการเพ่งไปที่จุดใดจุดหนึ่ง

เวลาเดินนี่ยุ่งเลย เพราะมันกะระยะไกลไม่ถูก พอจะรู้บ้างก็แต่ส่วนที่กว้างยาว ส่วนลึกกะประมาณไม่ถูกเลย รู้สึกว่าโลกนี้ไม่มีจริง มันเป็นเหมือนภาพสองมิติมาหุ้มล้อมตัวเราอยู่ และเรากำลังเดินอยู่ในภาพสองมิติ(เข้าใจเอาเองว่าจิตอยู่ในมิติสวรรค์)


เป็นอย่างนี้ด้วยรึเปล่า ...





ยิ่งกว่านี้อีก

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2012, 13:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


ยิ่งกว่ายังไง :b13:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 27 ก.ค. 2012, 13:03, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 220 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12 ... 15  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร