วันเวลาปัจจุบัน 09 มิ.ย. 2025, 04:37  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 338 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12 ... 23  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ค. 2012, 14:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
โฮฮับ เขียน:
การจะเข้าใจปฏิจจสมุบาทได้ จะต้องมีความเข้าใจถึงกระบวนการขันธ์ห้าเสียก่อน
เพราะการจะแทงตลอดปฏิจจสมุบาทได้ มันต้องอาศัยกระบวนการขันธ์ห้า
เฉกเช่นการจะรู้อริยสัจจ์สี่ต้องรู้ที่รูปนามหรือที่กายใจ

การศึกษาปฏิจสมุปบาท
เมื่อพิจารณาดูหลักคำสอน จะเห็นเรื่อง ผัสสะ อายตนะ เป็นหลักในการทำความเข้าใจ
เพราะเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวและอธิบายเพื่อทำความเข้าใจได้ง่าย
บ่อยครั้งมากที่การแสดงธรรมจะเริ่มจากเรื่องที่คนทั่วไปเข้าใจได้ง่ายไล่เรียงไปสู่เรื่องที่ละเอียดขึ้นๆ
เช่น
การแสดงธรรมไล่เรียงจาก ชรามรณะ ฯลฯ มีชาติเป็นปัจจัย แสดงไล่ไปสู่ สังขาร มีอวิชชาเป็นปัจจัย
ส่วนเรื่องขันธ์5 ไม่ทรงแสดงไว้ในปฏิจสมุปบาท ด้วยเหตุว่าพระองค์แสดงถึงกองทุกข์ทั้งมวลเกิดเพราะเหตุปัจจัย ซึ่งขันธ์5 ไม่ใช่กองทุกข์ แต่ปัญจุปาทานขันธ์จึงเป็นกองทุกข์ การแสดงปฏิจสมุปบาท จึงแสดงอวิชชา สังขาร วิญญาณ นามรูป อายตนะ ผัสสะ เวทนา อุปาทาน ภพ ชาติ และกองทุกข์ ซึ่งเมื่อเข้าใจสิ่งเหล่านี้ ก็จะเข้าใจขันธ์ 5 ไปด้วย เพราะต้องทำความเข้าใจไปพร้อมๆกัน
การเรียนรู้ ธรรม จึงควรจะเป็นผู้ฉลาดใน ปฏิจสมุปบาท อายตนะ ธาตุ ในฐานะและอฐานะ



นี้ก็ทางเดียวกันทั้ง 2 ท่านนะ ผมว่า


คล้ายแต่ไม่เหมือน
ในปฏิจจสมุปาบาท ให้ความสำคัญต่อการแสดงการเกิดขึ้นแห่งปัญจุปาทานขันธ์

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ค. 2012, 14:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
แบบนี้ข้ามภพข้ามชาติมั้ยละหว่า

ถ้าจะทำความเข้าใจ ว่าข้ามภาพข้ามชาติไหม ก็ต้องอาศัยหลักกรรมครับ
"ฝึกจิต" พิจารณาพระสูตรนี้ดู ก็จะเห็นความเชื่อมโยงของปฏิจสมุปบาทและหลักกรรมครับ
http://84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=18&A=3449&Z=3475&pagebreak=0
Quote Tipitaka:
[๒๒๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงกรรมทั้งใหม่และเก่า ความดับ
แห่งกรรม และปฏิปทาอันเป็นเครื่องให้ถึงความดับแห่งกรรม ท่านทั้งหลายจงฟัง
จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็กรรมเก่าเป็นไฉน จักษุอันบัณฑิต
พึงเห็นว่าเป็นกรรมเก่า อันปัจจัยทั้งหลายปรุงแต่งแล้ว สำเร็จด้วยเจตนา เป็น
ที่ตั้งแห่งเวทนา หู ... จมูก ... ลิ้น ... กาย ... ใจอันบัณฑิตพึงเห็นว่าเป็นกรรมเก่า อัน
ปัจจัยปรุงแต่งแล้ว สำเร็จด้วยเจตนา เป็นที่ตั้งแห่งเวทนา ดูกรภิกษุทั้งหลาย
นี้เราเรียกว่า กรรมเก่า ฯ
[๒๒๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็กรรมใหม่เป็นไฉน กรรมที่บุคคลทำด้วย
กาย วาจา ใจ ในบัดนี้
นี้เราเรียกว่า กรรมใหม่ ฯ
[๒๒๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ความดับแห่งกรรมเป็นไฉน นิโรธที่ถูกต้อง
วิมุตติ เพราะความดับแห่งกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม นี้เราเรียกว่า ความดับ
แห่งกรรม ฯ
[๒๓๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปฏิปทาอันเป็นเครื่องให้ถึงความดับแห่งกรรม
เป็นไฉน อริยมรรคมีองค์ ๘ ประการ คือ สัมมาทิฏฐิ ๑ สัมมาสังกัปปะ ๑
สัมมาวาจา ๑ สัมมากัมมันตะ ๑ สัมมาอาชีวะ ๑ สัมมาวายามะ ๑ สัมมาสติ ๑
สัมมาสมาธิ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เราเรียกว่า ปฏิปทาอันเป็นเครื่องให้ถึงความ
ดับกรรม ฯ
[๒๓๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย กรรมเก่า กรรมใหม่ ความดับแห่งกรรม
และปฏิปทาอันเป็นเครื่องให้ถึงความดับกรรม เราได้แสดงแล้วแก่ท่านทั้งหลาย
ด้วยประการดังนี้แล กิจใดแล อันเราผู้ศาสดา ผู้แสวงหาประโยชน์เกื้อกูล ผู้
อนุเคราะห์แก่สาวกทั้งหลาย พึงทำ กิจนั้นเราทำแล้วเพราะอาศัยความอนุเคราะห์
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นั่นโคนไม้ นั่นเรือนว่างเปล่า เธอทั้งหลายจงพยายาม อย่า
ประมาท อย่าได้เป็นผู้มีความเดือดร้อนใจในภายหลัง นี้เป็นอนุศาสนีของเราเพื่อ
เธอทั้งหลาย ฯ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ค. 2012, 14:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 เม.ย. 2012, 17:37
โพสต์: 35


 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
ง่ายสุดๆ คือ รู้แล้วก็ไม่สน


อ่อ ค่ะ เพราะขันธ์ทำงานของมันตามระบบ แต่จิตไม่ติด ไม่ข้องในขันธ์ จิตเลยตัดอัตโนมัิติ แบบเข้ามาจะสะท้อนออกหรือรู้ปัจจุบันแต่ไม่ปรุงต่อ เห็นสิ่งที่เกิดปัจจุบัน ว่าเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อเข้าใจคำว่า ธรรมดา จิตก็ปล่อย เพราะเดี๋ยวมันก็ดับเป็นธรรมดา...เข้าใจค่ะ ขอบคุณนะค่ะ :b8:


แก้ไขล่าสุดโดย ขนมจีบซาลาเปา เมื่อ 07 พ.ค. 2012, 14:49, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ค. 2012, 14:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
โฮฮับ เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
[มีแต่ผู้รู้ผู้เห็น ผู้บรรลุอรหัตผลแล้ว จึงดับอวิชชาได้
ผู้ทรงอรหัตผล ย่อมไม่หน่วงอารมณ์นั้นไว้ในจิตปรุงแต่งประกอบกรรม จิตของท่านหลุดพ้นแล้ว อวิชชาดับแล้ว ทุกขณะจิตที่ท่านดำเนินไปในขณะที่ยังมีวิบากแห่งขันธ์เหลืออยู่ ท่านอยู่ด้วยวิชชา วิมุตติ การกระทำของท่านเป็นกิริยา ไม่ถูกต้องแล้วด้วยอวิชชาแต่ประการใด
ดังนั้น อรหันตบุคคลทรงจิตอยู่ในอรหัตผล ย่อมดับอวิชชาทุกขณะจิต เป็นผู้รู้ผู้เห็น

โบราณครับ พูดธรรมแบบนี้ ไม่มีใครรู้เรื่องหรอกครับ ผมว่าตัวผู้พูดก็ไม่เข้าใจ
ในสิ่งที่พูดด้วย

พระอรหันต์ท่านไปดับอวิชาอะไรตรงไหนครับ การปฏิบัติของพระอรหันต์ได้มาจาก
ขั้นตอนของรูปนาม วิชชามันเกิดที่รูปนาม มันไม่ได้เกิดที่ อวิชา

สิ่งที่พระอรหันต์ดับได้ก็คือสังโยชน์สิบ สังโยชน์สิบเป็นเหตุปัจจัย
แห่งความยึดมั่นถือมั่นของวงปฏิจจ์ทั้งวง


ฉะนั้นบอกกล่าวไว้เลยครับ เราอย่ามาดูที่วงปฏิจจ์ เพราะวงปฏิจจ์ไม่ได้เกี่ยวกับการปฏิบัติ
การปฏิบัติมันอยู่ที่กระบวนการขันธ์ห้า ขั้นแรกคือ รู้อริยสสัจจ์สี่
ขั้นตอนต่อมาก็คือปฏิบัติให้ได้มรรคแปด เมื่อได้ก็จะรู้อวิชาอีกสี่ตัวที่เหลือ นั้นก็คือ รู้อดีต
รู้อนาคต รู้อดีตและอนาคต ที่สำคัญที่สุดจะรู้ปฏิจจสมุบาทครับ :b13:

โฮฮับ ไม่รู้เรื่อง ก็สมควรอยู่แล้วครับ
เพราะโฮฮับ ไม่ทำความศึกษาหรือทำความเข้าใจในสิ่งที่แสดง
"อรหันตบุคคลทรงจิตอยู่ในอรหัตผล ย่อมดับอวิชชาทุกขณะจิต เป็นผู้รู้ผู้เห็น"
ท่านทำกิจเสร็จแล้วครับ

ไอ้ที่ผมบอกว่า ไม่รู้เรื่องมันเป็นเพราะ คุณเอาเรื่องขันธ์ห้ามาละเลงปนกับปฏิจจฯครับ
มันเลยไม่รู้เรื่อง ดูๆแล้วมันเหมือนตัว สมเสร็จครับ จะว่าช้างก็ไม่ใช่ หมูก็ไม่เชิง :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ค. 2012, 15:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขนมจีบซาลาเปา เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
ง่ายสุดๆ คือ รู้แล้วก็ไม่สน


อ่อ ค่ะ เพราะขันธ์มันเห็นมันทำงาน แต่จิตมันตัดอัตโนมัิติ...เข้าใจค่ะ ขอบคุณนะค่ะ :b8:

คุณ7/11ครับ แนะนำครับ ถ้ายังไม่เข้าใจก็บอกว่ายังไม่เข้าใจ
ไม่ต้องกลัวใครเข้าจะว่า ไม่ฉลาดหรอกครับ
ไอ้ที่ตอบมารู้เลยครับว่ายังไม่เข้าใจ มันอาจเป็นเพราะผู้ที่ให้คำตอบไม่กระจ่างก็เป็นได้ครับ

จะบอกให้ครับ เรื่องขันธ์ทำงานหรือกระบวนการขันธ์ห้านั้น
มันไม่ใช่จิตจะไปตัดอัตโนมัติ หลักการสำคัญมันต้องอยู่ที่เราละสักกายทิฐิแล้วครับ
คือไม่ยึดกายเป็นตัวตนของเรา ขันธ์ห้ารูปนามมันก็ก็อยู่ส่วนของมัน มันทำงานก็เป็น
เรื่องของมัน เราไปห้ามไม่ได้ เพียงเราต้องใช้สติครับ ไม่ใช่ใช้สติมาตัดนะครับ
แต่ใช้สติตามระลึกรู้ด้วยหลักสติปัฏฐานสี่ ในตอนแรกก็ตามระลึกรู้กายและอายตนะ12
แล้วเราก็จะรู้ว่า รูปนามที่กำลังทำงานไม่เกี่ยวข้องกับเรา หรือพูดอีกนัยหนึ่งว่า
ไม่ยึดมั่นในขันธ์ห้าครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ค. 2012, 15:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
แบบนี้ข้ามภพข้ามชาติมั้ยละหว่า

ถ้าจะทำความเข้าใจ ว่าข้ามภาพข้ามชาติไหม ก็ต้องอาศัยหลักกรรมครับ
"ฝึกจิต" พิจารณาพระสูตรนี้ดู ก็จะเห็นความเชื่อมโยงของปฏิจสมุปบาทและหลักกรรมครับ
http://84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=18&A=3449&Z=3475&pagebreak=0
Quote Tipitaka:
[๒๒๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงกรรมทั้งใหม่และเก่า ความดับ
แห่งกรรม และปฏิปทาอันเป็นเครื่องให้ถึงความดับแห่งกรรม ท่านทั้งหลายจงฟัง
จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็กรรมเก่าเป็นไฉน จักษุอันบัณฑิต
พึงเห็นว่าเป็นกรรมเก่า อันปัจจัยทั้งหลายปรุงแต่งแล้ว สำเร็จด้วยเจตนา เป็น
ที่ตั้งแห่งเวทนา หู ... จมูก ... ลิ้น ... กาย ... ใจอันบัณฑิตพึงเห็นว่าเป็นกรรมเก่า อัน
ปัจจัยปรุงแต่งแล้ว สำเร็จด้วยเจตนา เป็นที่ตั้งแห่งเวทนา ดูกรภิกษุทั้งหลาย
นี้เราเรียกว่า กรรมเก่า ฯ
[๒๒๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็กรรมใหม่เป็นไฉน กรรมที่บุคคลทำด้วย
กาย วาจา ใจ ในบัดนี้
นี้เราเรียกว่า กรรมใหม่ ฯ
[๒๒๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ความดับแห่งกรรมเป็นไฉน นิโรธที่ถูกต้อง
วิมุตติ เพราะความดับแห่งกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม นี้เราเรียกว่า ความดับ
แห่งกรรม ฯ
[๒๓๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปฏิปทาอันเป็นเครื่องให้ถึงความดับแห่งกรรม
เป็นไฉน อริยมรรคมีองค์ ๘ ประการ คือ สัมมาทิฏฐิ ๑ สัมมาสังกัปปะ ๑
สัมมาวาจา ๑ สัมมากัมมันตะ ๑ สัมมาอาชีวะ ๑ สัมมาวายามะ ๑ สัมมาสติ ๑
สัมมาสมาธิ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เราเรียกว่า ปฏิปทาอันเป็นเครื่องให้ถึงความ
ดับกรรม ฯ
[๒๓๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย กรรมเก่า กรรมใหม่ ความดับแห่งกรรม
และปฏิปทาอันเป็นเครื่องให้ถึงความดับกรรม เราได้แสดงแล้วแก่ท่านทั้งหลาย
ด้วยประการดังนี้แล กิจใดแล อันเราผู้ศาสดา ผู้แสวงหาประโยชน์เกื้อกูล ผู้
อนุเคราะห์แก่สาวกทั้งหลาย พึงทำ กิจนั้นเราทำแล้วเพราะอาศัยความอนุเคราะห์
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นั่นโคนไม้ นั่นเรือนว่างเปล่า เธอทั้งหลายจงพยายาม อย่า
ประมาท อย่าได้เป็นผู้มีความเดือดร้อนใจในภายหลัง นี้เป็นอนุศาสนีของเราเพื่อ
เธอทั้งหลาย ฯ

คุณเช่นนั้นเล่นง่ายไปมั้ยครับ ไหนลองอธิบายความพระสูตรบทนี้ให้ดูหน่อยครับ
เรื่องหลักกรรมที่คุณว่ามันเชื่อมโยงกับปฏิจจสมุบาทอย่างไรครับ

ที่ถามนี้เป็นการแลกเปลี่ยนความรู้นะครับ
กรุณาอย่าเข้าใจเป็นอื่น แล้วแกล้งทำเป็นใจน้อย ไม่คุยกับผมดื้อๆ :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ค. 2012, 16:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็กรรมเก่าเป็นไฉน จักษุอันบัณฑิต
พึงเห็นว่าเป็นกรรมเก่า อันปัจจัยทั้งหลายปรุงแต่งแล้ว สำเร็จด้วยเจตนา เป็น
ที่ตั้งแห่งเวทนา หู ... จมูก ... ลิ้น ... กาย ... ใจอันบัณฑิตพึงเห็นว่าเป็นกรรมเก่า...


หมายถึง การได้มาึซึ่งอวัยวะน้อยใหญ่ต่างๆ นั้นเป็นเพราะผลกรรมที่ได้ทำไว้แล้วแต่กาลก่อน
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน ปรากฏอยู่ในลักขณสูตร แสดงให้เห็นถึงวิบากกรรมที่ทำไว้จึงได้มาึซึ่งมหาปุริสลักษณะต่างๆ ของพระพุทธองค์
ยกตัวอย่าง เช่น
มีพระบาทประดิษฐานเป็นอันดี
Quote Tipitaka:
[๑๓๓] พระมหาบุรุษยินดีในวจีสัจ ในธรรม [กุศลกรรมบถ] ความ
ฝึกตน ความสำรวม ความเป็นผู้สะอาด ศีลที่เป็นอาลัย
อุโบสถกรรม ความไม่เบียดเบียนเหล่าสัตว์ และกรรมอันไม่
สาหัส สมาทานแล้วมั่นคง ทรงประพฤติมาแล้วอย่างรอบคอบ
เพราะกรรมนั้น พระมหาบุรุษจึงหลีกไปสู่ไตรทิพย์ เสวย
ความสุขและสมบัติเป็นที่เพลิดเพลินยินดี จุติจากไตรทิพย์แล้ว
เวียนมาในโลกนี้ เหยียบปฐพีด้วยฝ่าพระบาทอันเรียบ


ณ พื้นภายใต้ฝ่าพระบาท ๒ ของพระมหาบุรุษ มีจักรเกิดขึ้น มีซี่กำข้างละพัน มีกง มีดุม บริบูรณ์ด้วยอาการทั้งปวง
Quote Tipitaka:
[๑๓๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ภพก่อน
กำเนิดก่อน ได้เป็นผู้นำความสุขมาให้แก่ชนเป็นอันมาก บรรเทาภัยคือความ
หวาดกลัวและความหวาดเสียว จัดความรักษาปกครองป้องกันโดยธรรม และ
บำเพ็ญทานพร้อมด้วยวัตถุอันเป็นบริวาร เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก ย่อม
เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เพราะกรรมนั้นอันตนทำสั่งสม พอกพูน ไพบูลย์ ฯ
ตถาคตย่อมครอบงำเทวดาทั้งหลายอื่นในโลกสวรรค์โดยสถาน ๑๐ คือ
อายุทิพย์ วรรณทิพย์ ความสุขทิพย์ ยศทิพย์ ความเป็นอธิบดีทิพย์ รูปทิพย์
เสียงทิพย์ กลิ่นทิพย์ รสทิพย์ และโผฏฐัพพทิพย์ ครั้นจุติจากโลกสวรรค์นั้น
แล้ว มาถึงความเป็นอย่างนี้ย่อมได้เฉพาะซึ่งมหาปุริสลักษณะนี้ คือ ในฝ่าพระ
บาททั้ง ๒ มีจักรเกิดเป็นอันมาก มีซี่กำพันหนึ่ง มีกง มีดุม บริบูรณ์ด้วยอาการ
ทั้งปวง มีระหว่างอันกุศลกรรมแบ่งเป็นอันดี

Quote Tipitaka:
[๑๖๙] พระมหาบุรุษ ไม่กล่าวคำเพ้อเจ้อ ไม่กล่าวคำปราศจากหลักฐาน
มีคลองพระวาจาไม่เหลวไหล ทรงบรรเทาเสียซึ่งคำที่ไม่เป็น
ประโยชน์ ตรัสแต่คำที่เป็นประโยชน์และคำที่เป็นสุขแก่พหุชน
ครั้นทำกรรมนั้นแล้วจุติแล้วจากมนุษยโลก เข้าถึงแล้วซึ่งเทวโลก
เสวยวิบากอันเป็นผลแห่งกรรมที่ทำดีแล้ว จุติแล้วเวียนมาใน
โลกนี้ ได้แล้วซึ่งความเป็นผู้มีพระหนุดังว่าคางราชสีห์ที่
ประเสริฐกว่าสัตว์สี่เท้า

http://84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=11&A=3182&Z=3922&pagebreak=0
ยกตัวอย่างจากพระสรีระของพระพุทธองค์ คงทำให้เกิดความเข้าใจง่าย
ว่า ตา หู จมูป ปาก กาย นั้นต่างก็กล่าวได้ว่า กรรมจากอดีตชาติแต่งขึ้น

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ค. 2012, 17:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หากจะยกแต่ มหาบุรุษ ก็อาจจะรู้สึกว่าห่างไกลตัว
ในพระสูตรก็แสดง เหตุป้จจัยแห่งการได้ผิวพรรณทราม สติปัญญาด้อยก็มี เพราะอกุศลกรรมที่ได้กระทำไว้ในชาติก่อน ดังปรากฏอยู่ในพระสูตรนี้
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=14&A=7623&Z=7798&pagebreak=0

Quote Tipitaka:
[๕๘๖] ดูกรมาณพ บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นสตรีก็ตาม บุรุษก็ตาม
เป็นคนมักโกรธ มากด้วยความแค้นเคือง ถูกเขาว่าเล็กน้อยก็ขัดใจ โกรธเคือง
พยาบาท มาดร้าย ทำความโกรธ ความร้าย และความขึ้งเคียดให้ปรากฏ เขาตาย
ไป จะเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เพราะกรรมนั้น อันเขาให้พรั่งพร้อม
สมาทานไว้อย่างนี้ หากตายไป ไม่เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ถ้ามาเป็น
มนุษย์ เกิด ณ ที่ใดๆ ในภายหลัง จะเป็นคนมีผิวพรรณทราม
ดูกรมาณพ
ปฏิปทาเป็นไปเพื่อมีผิวพรรณทรามนี้ คือ เป็นคนมักโกรธ มากด้วยความแค้นเคือง
ถูกเขาว่าเล็กน้อยก็ขัดใจ โกรธเคือง พยาบาท มาดร้าย ทำความโกรธ ความร้าย
และความขึ้งเคียดให้ปรากฏ ฯ

[๕๙๔] ดูกรมาณพ บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นสตรีก็ตาม บุรุษก็ตาม
ย่อมไม่เป็นผู้เข้าไปหาสมณะหรือพราหมณ์แล้วสอบถามว่า อะไรเป็นกุศล อะไร
เป็นอกุศล อะไรมีโทษ อะไรไม่มีโทษ อะไรควรเสพ อะไรไม่ควรเสพ อะไร
เมื่อทำ ย่อมเป็นไปเพื่อไม่เกื้อกูล เพื่อทุกข์สิ้นกาลนาน หรือว่า อะไรเมื่อทำ
ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขสิ้นกาลนาน เขาตายไป จะเข้าถึง
อบาย ทุคติ วินิบาต นรก เพราะกรรมนั้น อันเขาให้พรั่งพร้อม สมาทานไว้
อย่างนี้ หากตายไป ไม่เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ถ้ามาเป็นมนุษย์ เกิด ณ
ที่ใดๆ ในภายหลัง จะเป็นคนมีปัญญาทราม
ดูกรมาณพ ปฏิปทาเป็นไปเพื่อ
มีปัญญาทรามนี้ คือ ไม่เป็นผู้เข้าไปหาสมณะหรือพราหมณ์แล้วสอบถามว่า อะไร
เป็นกุศล อะไรเป็นอกุศล อะไรมีโทษ อะไรไม่มีโทษ อะไรควรเสพ อะไร
ไม่ควรเสพ อะไรเมื่อทำ ย่อมเป็นไปเพื่อไม่เกื้อกูล เพื่อทุกข์สิ้นกาลนาน หรือว่า
อะไรเมื่อทำ ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขสิ้นกาลนาน ฯ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ค. 2012, 17:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
แบบนี้ข้ามภพข้ามชาติมั้ยละหว่า

ถ้าจะทำความเข้าใจ ว่าข้ามภาพข้ามชาติไหม ก็ต้องอาศัยหลักกรรมครับ
"ฝึกจิต" พิจารณาพระสูตรนี้ดู ก็จะเห็นความเชื่อมโยงของปฏิจสมุปบาทและหลักกรรมครับ
http://84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=18&A=3449&Z=3475&pagebreak=0
Quote Tipitaka:
[๒๒๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงกรรมทั้งใหม่และเก่า ความดับ
แห่งกรรม และปฏิปทาอันเป็นเครื่องให้ถึงความดับแห่งกรรม ท่านทั้งหลายจงฟัง
จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็กรรมเก่าเป็นไฉน จักษุอันบัณฑิต
พึงเห็นว่าเป็นกรรมเก่า อันปัจจัยทั้งหลายปรุงแต่งแล้ว สำเร็จด้วยเจตนา เป็น
ที่ตั้งแห่งเวทนา หู ... จมูก ... ลิ้น ... กาย ... ใจอันบัณฑิตพึงเห็นว่าเป็นกรรมเก่า อัน
ปัจจัยปรุงแต่งแล้ว สำเร็จด้วยเจตนา เป็นที่ตั้งแห่งเวทนา ดูกรภิกษุทั้งหลาย
นี้เราเรียกว่า กรรมเก่า ฯ
[๒๒๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็กรรมใหม่เป็นไฉน กรรมที่บุคคลทำด้วย
กาย วาจา ใจ ในบัดนี้
นี้เราเรียกว่า กรรมใหม่ ฯ
[๒๒๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ความดับแห่งกรรมเป็นไฉน นิโรธที่ถูกต้อง
วิมุตติ เพราะความดับแห่งกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม นี้เราเรียกว่า ความดับ
แห่งกรรม ฯ
[๒๓๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปฏิปทาอันเป็นเครื่องให้ถึงความดับแห่งกรรม
เป็นไฉน อริยมรรคมีองค์ ๘ ประการ คือ สัมมาทิฏฐิ ๑ สัมมาสังกัปปะ ๑
สัมมาวาจา ๑ สัมมากัมมันตะ ๑ สัมมาอาชีวะ ๑ สัมมาวายามะ ๑ สัมมาสติ ๑
สัมมาสมาธิ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เราเรียกว่า ปฏิปทาอันเป็นเครื่องให้ถึงความ
ดับกรรม ฯ
[๒๓๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย กรรมเก่า กรรมใหม่ ความดับแห่งกรรม
และปฏิปทาอันเป็นเครื่องให้ถึงความดับกรรม เราได้แสดงแล้วแก่ท่านทั้งหลาย
ด้วยประการดังนี้แล กิจใดแล อันเราผู้ศาสดา ผู้แสวงหาประโยชน์เกื้อกูล ผู้
อนุเคราะห์แก่สาวกทั้งหลาย พึงทำ กิจนั้นเราทำแล้วเพราะอาศัยความอนุเคราะห์
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นั่นโคนไม้ นั่นเรือนว่างเปล่า เธอทั้งหลายจงพยายาม อย่า
ประมาท อย่าได้เป็นผู้มีความเดือดร้อนใจในภายหลัง นี้เป็นอนุศาสนีของเราเพื่อ
เธอทั้งหลาย ฯ

คุณเช่นนั้นเล่นง่ายไปมั้ยครับ ไหนลองอธิบายความพระสูตรบทนี้ให้ดูหน่อยครับ
เรื่องหลักกรรมที่คุณว่ามันเชื่อมโยงกับปฏิจจสมุบาทอย่างไรครับ

ที่ถามนี้เป็นการแลกเปลี่ยนความรู้นะครับ
กรุณาอย่าเข้าใจเป็นอื่น แล้วแกล้งทำเป็นใจน้อย ไม่คุยกับผมดื้อๆ :b13:



พระพุทธองค์ ทั้งเรื่องกรรม และ ปฏิจจสมุปบาท ก็ทรงแสดงไว้ทั้ง ใน ข้ามภพข้ามชาติ ปัจจุบันชาติ และปัจจุบันขณะ
อดีต<-- ปัจจุบันขณะ -->อนาคต พระอาจารย์ทั้งหลายท่านจึงแน้นที่ ปัจจุบันขณะ ลงที่ เจริญสติ เป็นสำคัญ จะทำให้ พ้นทุกข์ได้ทั้ง ปัจจุบัณขณะ ปัจจุบันชาติ จนไม่มีภพชาติ

ไม่ไหวจะเป็นหนอนกัดกินใบลาน
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ค. 2012, 17:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
พระพุทธองค์ ทั้งเรื่องกรรม และ ปฏิจจสมุปบาท ก็ทรงแสดงไว้ทั้ง ใน ข้ามภพข้ามชาติ ปัจจุบันชาติ และปัจจุบันขณะ
อดีต<-- ปัจจุบันขณะ -->อนาคต พระอาจารย์ทั้งหลายท่านจึงแน้นที่ ปัจจุบันขณะ ลงที่ เจริญสติ เป็นสำคัญ จะทำให้ พ้นทุกข์ได้ทั้ง ปัจจุบัณขณะ ปัจจุบันชาติ จนไม่มีภพชาติ
ไม่ไหวจะเป็นหนอนกัดกินใบลาน


:b8:

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ค. 2012, 18:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


มีใครเคยใช้ปฏิจจะ..มาภาวนาบ้างครับ?

แล้วทำอย่างไร?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ค. 2012, 19:05 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
มีใครเคยใช้ปฏิจจะ..มาภาวนาบ้างครับ?

แล้วทำอย่างไร?


คุณกบ ใช่กรรมฐานอะไร ภาวนา เจริญสติ ครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ค. 2012, 19:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ลมหายใจบ้าง...ฟังเสียงบ้าง...นึกภาพบ้าง...ตามโอกาส

ระหว่างวัน..ดูใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ค. 2012, 22:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
มีใครเคยใช้ปฏิจจะ..มาภาวนาบ้างครับ?

แล้วทำอย่างไร?

สวดมนต์ไงล่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 00:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
พระพุทธองค์ ทั้งเรื่องกรรม และ ปฏิจจสมุปบาท ก็ทรงแสดงไว้ทั้ง ใน ข้ามภพข้ามชาติ ปัจจุบันชาติ และปัจจุบันขณะ
อดีต<-- ปัจจุบันขณะ -->อนาคต พระอาจารย์ทั้งหลายท่านจึงแน้นที่ ปัจจุบันขณะ ลงที่ เจริญสติ เป็นสำคัญ จะทำให้ พ้นทุกข์ได้ทั้ง ปัจจุบัณขณะ ปัจจุบันชาติ จนไม่มีภพชาติ
ไม่ไหวจะเป็นหนอนกัดกินใบลาน


:b8:

งั้นก็คงต้อง เอาจิตที่เป็นปัจจุบันขณะเช่นจิตที่เป็นกามสัญญามาเจริญอย่างเดียว...แล้วก็เอาการระลึกในทางอกุศล(มิจฉาสติ)ในปัจจุบันขณะมาเจริญถึงจะหลุดพ้นไม่มีภพชาติได้ อืมเอาจิตที่มีนิวรณ์ห้าในปัจจุบันขณะ มาเจริญด้วยก็ดีนะ อวิชชาจะได้อ้วนๆ เพราะมีอาหารกินได้เยอะๆ
:b5: :b14: กรรมฐาน40กองคงไม่มีประโยชน์อันใดแล้วกระมัง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 338 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12 ... 23  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร