วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 06:28  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 132 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 5, 6, 7, 8, 9  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2016, 18:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

ภิกษุความยึดมั่นสุขในเวทนาที่อาศัยผัสสะให้เกิดขึ้น
สุขในเวทนาย่อมคลอนแคลน เมื่อรู้สึกแล้วผัสสะย่อมดับไป

เมื่อเกิดความรู้สึกที่เกิดจากสุขในเวทนาแล้ว เหตุอันใดจึงดับอันตธานไป
เพราะว่าสุขในเวทนาอาศัยผัสสะอุบัติขึ้นแล้ว ก็บรรเทาดับหายไป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2016, 18:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สรุปเลยดีกว่าว่า..............คณเช่นนั้นแกไม่รูัเรื่องแล้วหลับหูหลับตาอ้าง
อ้างทั้งๆที่มันไม่ใช่เนื้อหาที่ตัวเองกำลังเป็นปัญหาอยู่

อันว่า....."ผัสสมูลกสูตร" นี่เป็นเรื่องของผัสสะโดยตรง ไม่ใช่เวทนา๓ตามที่เช่นนั้นมั่ว
โดยเนื้อหาในพระสูตร ท่านกำลังสื่อให้รู้ว่า .....ผัสสะมีอาการ๓อย่าง
สามอย่างในที่นี่ไม่ได้หมายความว่าผัสสะมี๓ ผัสสะมีเพียงหนึ่งแต่สามารถแสดงอากรได้๓อาการ
นั้นก็คือ......
ผัสสะเป็นที่เกิด มีผัสสะเป็นที่อาศัย มีผัสสะเป็นปัจจัย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2016, 21:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
รูปภาพ

กตมา ติสฺโส .....สิ่งใดเป็นอาการ๓ประการ
"" (ละไว้ฐานที่เข้าใจ) นั้นก็คือ เวทนา ผสฺสชา๑ ผสฺสมูลกา๑ ผสฺสนิทานา ๑

สุขา เวทนา..... ความสำราญใจ อันมีเวทนาและผัสสะเป็นที่เกิด
ทุกขา เวทนา.....ความไม่สบายใจ อันมีเวทนาและผัสสะเป็นที่เกิด
อทุกขมสุขเวทนา ...ความเมินเฉย อันมีเวทนาและผัสสะเป็นที่เกิด

นี้คือลักษณะประการที่ ๑

สุขา เวทนา.....ความสำราญใจ อันมีผัสสะเป็นที่ตั้ง ที่อาศัย
ทุกขา เวทนา...ความไม่สบายใจ อันมีผัสสะเป็นที่ตั้ง ที่อาศัย
อทุกขมสุขเวทนา...ความเมินเฉย อันมีผัสสะเป็นที่ตั้ง ที่อาศัย

นี่คือลักษณะประการที่ ๒

สุขา เวทนา........ความสำราญใจ อันมีผัสสะเป็นต้นเหตุ
ทุกขา เวทนา......ความไม่สบายใจ อันมีผัสสะเป็นต้นเหตุ
อทุกขมสุขเวทนา...ความเมินเฉย อันมีผัสสะเป็นต้นเหตุ

นี่คือลักษณะประการที่ ๓

สรุปคำว่า ติสฺโส อิมา ภิกฺขเว ก็คือ....เวทนา ผสฺสชา๑
ผสฺสมูลกา๑ ผสฺสนิทานา๑

โฮฮับ...แม้แต่จะมั่วๆ บิดเบือน ก็ยังไม่ดูดีๆ ลอกตกๆ หล่นๆ
เวทนา ผสฺสชา๑ ผสฺสมูลกา๑ ผสฺสนิทานา ๑ ..แล้ว ผสฺสปจฺจยา ๑ หายไปไหน โฮฮับ ...
คงไม่ใช่ 3 ม้างงง 4 หรือเปล่า
โฮฮับ จะแถเอาฮาไปถึงไหน ......

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2016, 22:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
รูปภาพ

ภิกษุความยึดมั่นสุขในเวทนาที่อาศัยผัสสะให้เกิดขึ้น
สุขในเวทนาย่อมคลอนแคลน เมื่อรู้สึกแล้วผัสสะย่อมดับไป

เมื่อเกิดความรู้สึกที่เกิดจากสุขในเวทนาแล้ว เหตุอันใดจึงดับอันตธานไป
เพราะว่าสุขในเวทนาอาศัยผัสสะอุบัติขึ้นแล้ว ก็บรรเทาดับหายไป

โฮฮับ จะฮาเป็นตลกคาเฟ่ หรือครับ

ความยึดมั่นสุขในเวทนา ที่อาศัยผัสสะให้เกิดขึ้น
สุขในเวทนาย่อมคลอนแคลน เมื่อรู้สึกแล้วผัสสะย่อมดับไป


ร้องเพลงแผ่นเสียงตกร่องรึครับ โฮฮับ
เมื่อรู้สึกแล้ว ผัสสะย่อมดับไป ฮร่าาาา

เมื่อเกิดความรู้สึกจากสุขในเวทนาแล้ว เหตุใดจึงดับอันตธานไป
เพราะว่าสุขในเวทนาอาศัยผัสสะอุบัติขึ้นแล้ว ก็บรรเทาดับหายไป


โฮฮับ สุขเวทนา อุบัติเอง บรรเทาเองดับเอง รึ ..........

อุตส่าห์จะโชว์ภูมิแปลพุทธพจน์ ก็ให้มีกึ๋นมากกว่านี้นะครับ
อย่ามั่ว จนฮา เป็นตลกคาเฟ่เลยโฮฮับ

บัณฑิตเขาแปลไว้ดีแล้ว
Quote Tipitaka:
สุขเวทนาเกิดขึ้นเพราะอาศัยผัสสะอันเป็นปัจจัยแห่งสุขเวทนา
ความเสวยอารมณ์ที่เกิดแต่ผัสสะนั้น ชื่อว่าสุขเวทนา
เกิดขึ้นเพราะอาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งสุขเวทนานั้น
ย่อมดับไปสงบไป เพราะผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งสุขเวทนานั้นแลดับไป

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2016, 08:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
โฮฮับ เขียน:
รูปภาพ

กตมา ติสฺโส .....สิ่งใดเป็นอาการ๓ประการ
"" (ละไว้ฐานที่เข้าใจ) นั้นก็คือ เวทนา ผสฺสชา๑ ผสฺสมูลกา๑ ผสฺสนิทานา ๑

สุขา เวทนา..... ความสำราญใจ อันมีเวทนาและผัสสะเป็นที่เกิด
ทุกขา เวทนา.....ความไม่สบายใจ อันมีเวทนาและผัสสะเป็นที่เกิด
อทุกขมสุขเวทนา ...ความเมินเฉย อันมีเวทนาและผัสสะเป็นที่เกิด

นี้คือลักษณะประการที่ ๑

สุขา เวทนา.....ความสำราญใจ อันมีผัสสะเป็นที่ตั้ง ที่อาศัย
ทุกขา เวทนา...ความไม่สบายใจ อันมีผัสสะเป็นที่ตั้ง ที่อาศัย
อทุกขมสุขเวทนา...ความเมินเฉย อันมีผัสสะเป็นที่ตั้ง ที่อาศัย

นี่คือลักษณะประการที่ ๒

สุขา เวทนา........ความสำราญใจ อันมีผัสสะเป็นต้นเหตุ
ทุกขา เวทนา......ความไม่สบายใจ อันมีผัสสะเป็นต้นเหตุ
อทุกขมสุขเวทนา...ความเมินเฉย อันมีผัสสะเป็นต้นเหตุ

นี่คือลักษณะประการที่ ๓

สรุปคำว่า ติสฺโส อิมา ภิกฺขเว ก็คือ....เวทนา ผสฺสชา๑
ผสฺสมูลกา๑ ผสฺสนิทานา๑

โฮฮับ...แม้แต่จะมั่วๆ บิดเบือน ก็ยังไม่ดูดีๆ ลอกตกๆ หล่นๆ
เวทนา ผสฺสชา๑ ผสฺสมูลกา๑ ผสฺสนิทานา ๑ ..แล้ว ผสฺสปจฺจยา ๑ หายไปไหน โฮฮับ ...
คงไม่ใช่ 3 ม้างงง 4 หรือเปล่า
โฮฮับ จะแถเอาฮาไปถึงไหน ......


:b32: มันจะหายไปไหน มันก็แค่อธิบายให้ฟังแล้ว"เช่นนั้น"ไม่รู้เรื่อง"หรือไม่ตั้งใจอ่าน
แนะนำให้กลับไปอ่านใหม่ ถ้ายังไม่รู้อีกก็อ่านซ้ำ ถ้าไม่รู้เรื่องก็อ่านไปเรื่อยๆจนครบร้อย
และถ้ายังไม่รู้เรื่องอีก ก็เลิกเถอะไปสนใจทำบุญปล่อยนกปล่อยปลาน่าจะดีกว่า เสียเวลาเปล่าๆ


อธิบายไปแล้วว่า ติสฺโส อิมา ภิกฺขเว เวทนา ผสฺสชา ผสฺสมูลกา ผสฺสนิทานา ผสฺสปจฺจยา ฯ

โฮฮับ เขียน:
ติสฺโส อิมา ภิกฺขเว......ภิกษุธรรมทั้ง๓ประการนั้น ดังต่อไปนี้
เวทนา ผสฺสชา ผสฺสมูลกา ผสฺสนิทานา ผสฺสปจฺจยา ฯ .... อาการ๓ประการนี้ คือ
เวทนา ผสฺสชาผสฺสมูลกาผสฺสนิทานา๑ ...มีผสฺสปจฺจยา เป็นเหตุเป็นปัจจัย


ในบาลีวรรคนี้ ท่านเน้นเรื่อง....ผสฺสปจฺจยา ฯ
เราต้องรู้และเข้าใจ "ผสฺสปจฺจยา"เสียก่อนจึงจะเข้าใจผัสสมูลกสูตรบทนี้


อธิบายไปก่อนหน้านี้ เป็นเพราะตัวเองไม่รู้เรื่องแต่ต้นนั้นเอง
ดูแล้วไม่ต่างจากนกแก้ว เจ้าของเขาสอนให้พูดอะไรก็พูดแต่ไม่เข้าใจความหมาย :b32:

ผสฺสปจฺจยา เป็นเหตุเป็นปัจจัยของอาการทั้ง๓นั้น
ส่วนอาการทั้ง๓เป็นผล เหตุกับผลมันคนละเรื่อง
ในที่นี้ท่านบอกว่า....ติสฺโส อิมา ก็คืออาการทั้ง๓นั้น
ผสฺสปจฺจยา เป็นต้นเหตุแห่งอาการทั้ง๓ มันคนละเรื่อง......อย่ามั่ว :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2016, 08:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
โฮฮับ เขียน:
รูปภาพ

ภิกษุความยึดมั่นสุขในเวทนาที่อาศัยผัสสะให้เกิดขึ้น
สุขในเวทนาย่อมคลอนแคลน เมื่อรู้สึกแล้วผัสสะย่อมดับไป

เมื่อเกิดความรู้สึกที่เกิดจากสุขในเวทนาแล้ว เหตุอันใดจึงดับอันตธานไป
เพราะว่าสุขในเวทนาอาศัยผัสสะอุบัติขึ้นแล้ว ก็บรรเทาดับหายไป

โฮฮับ จะฮาเป็นตลกคาเฟ่ หรือครับ

ความยึดมั่นสุขในเวทนา ที่อาศัยผัสสะให้เกิดขึ้น
สุขในเวทนาย่อมคลอนแคลน เมื่อรู้สึกแล้วผัสสะย่อมดับไป


ร้องเพลงแผ่นเสียงตกร่องรึครับ โฮฮับ
เมื่อรู้สึกแล้ว ผัสสะย่อมดับไป ฮร่าาาา

เมื่อเกิดความรู้สึกจากสุขในเวทนาแล้ว เหตุใดจึงดับอันตธานไป
เพราะว่าสุขในเวทนาอาศัยผัสสะอุบัติขึ้นแล้ว ก็บรรเทาดับหายไป


โฮฮับ สุขเวทนา อุบัติเอง บรรเทาเองดับเอง รึ ..........

อุตส่าห์จะโชว์ภูมิแปลพุทธพจน์ ก็ให้มีกึ๋นมากกว่านี้นะครับ
อย่ามั่ว จนฮา เป็นตลกคาเฟ่เลยโฮฮับ


คุณนกแก้วเช่นนั้นครับ อยากสอนธรรมให้สักบทสองบท....

[๕๗๖] ๑๓๗ อุปฺปาทา วา ภิกฺขเว ตถาคตานํ อนุปฺปาทา วา
ตถาคตานํ ิตาว สา ธาตุ ธมฺมฏฺิตตา ธมฺมนิยามตา สพฺเพ สงฺขารา
อนิจฺจาติ ๒- ตํ ตถาคโต อภิสมฺพุชฺฌติ อภิสเมติ อภิสมฺพุชฺฌิตฺวา
อภิสเมตฺวา อาจิกฺขติ เทเสติ ปญฺาเปติ ปฏฺเปติ วิวรติ วิภชติ
อุตฺตานีกโรติ สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจาติ ฯ

http://budsir.mahidol.ac.th/cgi-bin/Bud ... 76&Roman=0

ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา......รู้จักลักษณะของอนัตตาหรือเปล่า :b32:


และตามด้วยบทนี้ครับ........

{๑๖.๑} อิมสฺมิญฺจ ปน เวยฺยากรณสฺมึ ภญฺมาเน อายสฺมโต
โกณฺฑญฺสฺส วิรชํ วีตมลํ ธมฺมจกฺขุ อุทปาทิ ยงฺกิญฺจิ สมุทยธมฺมํ
สพฺพนฺตํ นิโรธธมฺมนฺติ ฯ

http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... &A=13&Z=17

สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ย่อมดับไปเป็นธรรมดา

ฝากคำพูดท่านอัสสชิอีกสักบทครับ....

เย ธมฺมา เหตุ ปปฺภวา...........เย ธัมมา เห ตุ ปัปภวา
เตสํ เหตํ ตถาคโต................เ่ตสัง เหตตัง ตถาคโต
เตสญฺ จ โย นิโรโธ จ............เตสัญ จะ โย นิโรโธ จะ
เอวํ วาที มหาสมโณ ............เอวัง วาที มหาสะมะโณ

"ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ
พระตถาคตเจ้าทรงแสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น
และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น
พระมหาสมณะมีปกติ ทรงสั่งสอนอย่างนี้"


เช่นนั้นเอ๋ย! ทำความเข้าใจกับสิ่งที่ถามด้วยธรรมะที่ผมเอามาให้
หัดคิดพิจารณาเองเสียบ้าง ปัญญาจะได้เกิด
อย่าทำตัวเป็นนกแก้วนกขุนทอง
ไม่งั้นมันก็อับปัญญาอยู่แบบนี้ :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2016, 17:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
ผสฺสปจฺจยา เป็นเหตุเป็นปัจจัยของอาการทั้ง๓นั้น
ส่วนอาการทั้ง๓เป็นผล เหตุกับผลมันคนละเรื่อง
ในที่นี้ท่านบอกว่า....ติสฺโส อิมา ก็คืออาการทั้ง๓นั้น
ผสฺสปจฺจยา เป็นต้นเหตุแห่งอาการทั้ง๓ มันคนละเรื่อง......อย่ามั่ว

คนมันอยากจะแถ ก็แถครืดคราด
ผสฺสปจฺจยา เป็นเหตุแก่ ผสฺสชา ; ผสฺสมูลกา; ผสฺสนิทานา ..... ฮามากโฮฮับ
ผัสสะเป็นปัจจัย แก่ การเกิดจากผัสสะ; ผัสสะเป็นมูล ; ผัสสะเป็นต้นเงื่อนเป็นนิทาน

โฮฮับ ...
หากศึกษาธรรมเพื่อความคะนองปาก เกรียนคีย์บอร์ด นายก็ได้เท่านี้ล่ะ ....

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2016, 18:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
โฮฮับ เขียน:
ผสฺสปจฺจยา เป็นเหตุเป็นปัจจัยของอาการทั้ง๓นั้น
ส่วนอาการทั้ง๓เป็นผล เหตุกับผลมันคนละเรื่อง
ในที่นี้ท่านบอกว่า....ติสฺโส อิมา ก็คืออาการทั้ง๓นั้น
ผสฺสปจฺจยา เป็นต้นเหตุแห่งอาการทั้ง๓ มันคนละเรื่อง......อย่ามั่ว

คนมันอยากจะแถ ก็แถครืดคราด
ผสฺสปจฺจยา เป็นเหตุแก่ ผสฺสชา ; ผสฺสมูลกา; ผสฺสนิทานา ..... ฮามากโฮฮับ
ผัสสะเป็นปัจจัย แก่ การเกิดจากผัสสะ; ผัสสะเป็นมูล ; ผัสสะเป็นต้นเงื่อนเป็นนิทาน

โฮฮับ ...
หากศึกษาธรรมเพื่อความคะนองปาก เกรียนคีย์บอร์ด นายก็ได้เท่านี้ล่ะ ....


ไอ้คำว่าแถที่คุณว่า ผมว่าเป็นคุณเองนั้นแหล่ะ
ความเห็นผมถูกผิดอย่างไร ก็แสดงมาซิครับ ไม่ใช่มาใช้วาจาประชดประชัน

ไอ้คำพูดของคุณ เหมือนกำลังไม่พอใจคนรักยังไงยังงั้น
บอกให้เลยว่า...ผมไม่ชอบไม้ป่าเดียวกันนะครับ


อุ๋ย ยะแยง่!! :b5:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2016, 21:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ภวังคจิต แปลว่า จิตที่เป็นองค์แห่งภพ (ถ้าใช้ศัพท์เชิงปฏิจจสมุปบาท เพื่อช่วยให้ชัดขึ้น ก็พูดว่าจิตที่เป็นองค์แห่งอุปปัตติภพ) ซึ่งเกิดดับสืบต่อกันไปตลอดเวลา ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบชีวิตของเรา คือตลอดชีวิต (พูดเป็นคำศัพท์ว่า ต่อจากปฏิสนธิ จนถึงจุติ) พูดเป็นภาษารูปธรรมหรือภาษาตัวตนว่า เป็นจิตยืนพื้น ใกล้กับคำที่ท่านใช้ว่าเป็น "ปกติจิต"


ภวังคจิตนี้ เป็นจิตที่เป็นวิบาก (ผล) เมื่อ มันเกิดดับสืบต่ออยู่ตลอดชีวิตของเรา จึงเท่ากับเป็นผลรวมแห่งกรรมทั้งหมดของเรา พูดเป็นภาษารูปธรรม หรือภาษาตัวตนว่า เป็นที่เก็บสะสมผลกรรมของเรา หรือทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นไปในชีวิตของเรา หรือเป็นที่ประมวลผลแห่งการแก้ไขปรับปรุงเปลี่ยนแปลงในตัวเรา เท่าที่ทำได้ และได้ทำมาทั้งหมดในชีวิต

พูดเชิงอนาคตว่า ภวังคจิต เป็นแหล่งแห่งศักยภาพ หรือเป็นศักยภาพที่แต่ละคนมีอยู่

ภวังคจิต เป็นชื่อที่ใช้เรียกในแง่การสืบต่อของชีวิต แต่ถ้าพูดในแง่การทำงานในกระบวนการรับรู้ตามปกตินี้ ก็เรียกว่า มโน คือ มนายตนะ หรือมโนทวาร นั่นเอง

ในฐานะเป็นมโน หรือเป็นมโนทวารนั้น มันเป็นที่เกิดหรือที่ปรากฏของมโนวิญญาณ ที่ทำงานในระดับแห่งวิถีจิต

อนึ่ง ในฐานะแห่งจิตที่เป็นวิบาก ภวังคจิต จึงเป็นกลางๆ ไม่ดีไม่ชั่ว คือไม่เป็นกุศล และไม่เป็นอกุศล เป็นจิตในภาวะที่กิเลสไม่ได้มาแสดงบทบาท แม้จะมีคุณสมบัติตามที่ประมวลผลเป็นวิบากไว้ ก็เป็นจิตตามสภาวะของมัน คือไม่มีตัวแปลกปลอมภายนอกมายุ่มย่าม

ดังนั้น ท่านจึงว่าภวังคจิตนี่แหละ ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าจิตเป็นประภัสสร คือสะอาดผ่องใส หมายความว่า จิตโดยสภาวะ คือตามภาวะของมันเอง เป็นอย่างนั้น แต่มันมัวหมองด้วยอุปกิเลสที่จรมา


tongue
มันแปลกๆนะคะตรงท้ายๆนี่เพราะที่รู้มาหลับสนิทเป็นอกุศล
ที่เกิดเป็นภวังคจิตที่คั่นยาวนานมากกว่าตอนมีวิถีจิตตอนไม่หลับ
ในความหมายที่บรรยายสีแดงคงหมายถึงจิตพระอรหันต์ใช่หรือเปล่า
:b13: :b10:
:b54: :b54: :b54:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ค. 2016, 18:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
มันแปลกๆนะคะตรงท้ายๆนี่เพราะที่รู้มาหลับสนิทเป็นอกุศล
ที่เกิดเป็นภวังคจิตที่คั่นยาวนานมากกว่าตอนมีวิถีจิตตอนไม่หลับ
ในความหมายที่บรรยายสีแดงคงหมายถึงจิตพระอรหันต์ใช่หรือเปล่า

ไปรู้มาจากไหน
หรือจากยูทุป ป้าจินต์?
^ ^

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ค. 2016, 18:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
Rosarin เขียน:
มันแปลกๆนะคะตรงท้ายๆนี่เพราะที่รู้มาหลับสนิทเป็นอกุศล
ที่เกิดเป็นภวังคจิตที่คั่นยาวนานมากกว่าตอนมีวิถีจิตตอนไม่หลับ
ในความหมายที่บรรยายสีแดงคงหมายถึงจิตพระอรหันต์ใช่หรือเปล่า

ไปรู้มาจากไหน
หรือจากยูทุป ป้าจินต์?
^ ^

:b12:
หลับสนิทเป็นสภาวะที่ไม่รู้อารมณ์ทางโลก
ก็ต้องเป็นภวังคจิตที่ยาวมากถ้ามันผ่องใสค่ะ
พระพุทธเจ้าก็ต้องสอนให้นอนมากจริงไหมคะ
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ค. 2016, 18:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
Rosarin เขียน:
มันแปลกๆนะคะตรงท้ายๆนี่เพราะที่รู้มาหลับสนิทเป็นอกุศล
ที่เกิดเป็นภวังคจิตที่คั่นยาวนานมากกว่าตอนมีวิถีจิตตอนไม่หลับ
ในความหมายที่บรรยายสีแดงคงหมายถึงจิตพระอรหันต์ใช่หรือเปล่า

ไปรู้มาจากไหน
หรือจากยูทุป ป้าจินต์?
^ ^

:b12:
หลับสนิทเป็นสภาวะที่ไม่รู้อารมณ์ทางโลก
ก็ต้องเป็นภวังคจิตที่ยาวมากถ้ามันผ่องใสค่ะ
พระพุทธเจ้าก็ต้องสอนให้นอนมากจริงไหมคะ
:b32: :b32:

ไปรู้มาจากไหน จำมาจากไหนว่า
"หลับสนิทเป็นอกุศล"

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ค. 2016, 19:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
Rosarin เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
Rosarin เขียน:
มันแปลกๆนะคะตรงท้ายๆนี่เพราะที่รู้มาหลับสนิทเป็นอกุศล
ที่เกิดเป็นภวังคจิตที่คั่นยาวนานมากกว่าตอนมีวิถีจิตตอนไม่หลับ
ในความหมายที่บรรยายสีแดงคงหมายถึงจิตพระอรหันต์ใช่หรือเปล่า

ไปรู้มาจากไหน
หรือจากยูทุป ป้าจินต์?
^ ^

:b12:
หลับสนิทเป็นสภาวะที่ไม่รู้อารมณ์ทางโลก
ก็ต้องเป็นภวังคจิตที่ยาวมากถ้ามันผ่องใสค่ะ
พระพุทธเจ้าก็ต้องสอนให้นอนมากจริงไหมคะ
:b32: :b32:

ไปรู้มาจากไหน จำมาจากไหนว่า
"หลับสนิทเป็นอกุศล"

:b1:
คุณกรัชกายรีบๆหาคำตอบมาอธิบายด้วยค่ะ
วลี กินน้อย นอนน้อย ทำความเพียรให้มาก ยังไง
ถ้านอนหลับมันดีจิตผ่องใสจะนอนมันทั้งวันเลยค่ะ
:b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2016, 12:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
Rosarin เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
Rosarin เขียน:
มันแปลกๆนะคะตรงท้ายๆนี่เพราะที่รู้มาหลับสนิทเป็นอกุศล
ที่เกิดเป็นภวังคจิตที่คั่นยาวนานมากกว่าตอนมีวิถีจิตตอนไม่หลับ
ในความหมายที่บรรยายสีแดงคงหมายถึงจิตพระอรหันต์ใช่หรือเปล่า

ไปรู้มาจากไหน
หรือจากยูทุป ป้าจินต์?
^ ^

:b12:
หลับสนิทเป็นสภาวะที่ไม่รู้อารมณ์ทางโลก
ก็ต้องเป็นภวังคจิตที่ยาวมากถ้ามันผ่องใสค่ะ
พระพุทธเจ้าก็ต้องสอนให้นอนมากจริงไหมคะ
:b32: :b32:

ไปรู้มาจากไหน จำมาจากไหนว่า
"หลับสนิทเป็นอกุศล"

:b1:
คุณกรัชกายรีบๆหาคำตอบมาอธิบายด้วยค่ะ
วลี กินน้อย นอนน้อย ทำความเพียรให้มาก ยังไง
ถ้านอนหลับมันดีจิตผ่องใสจะนอนมันทั้งวันเลยค่ะ
:b32:



อยากนอนหลับเป็นกุศล ก่อนนอนก็ไหว้พระสวดมนต์ เจริญเมตาสิ เจริญเมตตาจิตจนหลับไปเลย

จะได้หลับเป็นกุศล หลับเป็นสุข ตื่นเป็นสุข

อยู่คนเดียวมันฟุ้งซ่าน เชื่อกรัชกายดิ ถ้าคุณโรสแต่งงานมีครอบครัวมีลูกนะ ความฟุ้งซ่านเรื่องธัมมะหรือศาสนาจะน้อยลง ทำงานหนังขึ้น ที่นี้แหละหลับเป็นตาย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2016, 13:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่มีความเห็นที่เป็นประโยชน์ ก็ปล่อยๆกระทู้ให้ผ่านๆไปบ้างเถอะ
คุยกันแต่เรื่องไร้สาระ....อยากคุยก็แลกเบอร์แลกไลน์กันก็หมดเรื่อง

เหมือนอโสกะไม่มีผิด กระทู้หลายปีหลายเดือนยังขุดขึ้นมา แรกนึกว่ามีอะไรดี
มันก็เรื่องเพ้อเจ้อ กลัวกระทู้ตัวจะตกเทรน อยากให้ยอดดูเยอะ จขกทจะได้ดูดีไปด้วย

เขาไม่ดูที่ยอดคนดูหรอก เขาดูกันที่ความคิดความอ่าน
อัตตาเยอะชนิดรถแบ็กโคก็ขุดไม่ไหว ชีโรสอีกคน พดอยู่นั้นแหล่ะไม่มีตัวตน
แต่ตัวเองกลับเม้ามอยไม่รู้จบ เฮ่อ! ดูลครลิงยังสนุกกว่ากันเยอะเลย :b32:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 132 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 5, 6, 7, 8, 9  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร