วันเวลาปัจจุบัน 03 ส.ค. 2025, 18:40  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 112 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2015, 11:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
ถ้าสะสมเหตุมาดี มีบุญที่ได้ทำไว้แล้ว ย่อมได้เจอแต่กัลยาณมิตรตามที่อธิษฐานไว้
แล้วการที่จะทราบว่าท่านใดเป็นพระอรหันต์ เขาดูจากอัฐิกลายเป็นพระธาตุ
:b1:
ปัจจุบันในประวัติของครูบาอาจารย์ที่เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่มั่นรูปหนึ่ง คือท่านชื่อว่าหลวงปู่พรหม ท่านก็ก่อนที่ท่านจะออกปฏิบัติ ท่านกับภรรยาก็มีทรัพย์สมบัติ เป็นชาวนาชาวไร่ที่มีฐานะดี มีที่มีนามาก มีโคมีกระบือ มีสมบัติอะไรต่างๆ แต่ท่านไม่มีลูกไม่มีหลาน และท่านและภรรยามีศรัทธาที่อยากจะออกไปปฏิบัติไปบวช เพื่อมรรค ผล นิพพาน ท่านจึงประกาศให้ชาวบ้านได้ทราบว่า ถ้าใครขาดเหลืออะไรต้องการอะไรขอให้มารับจากท่านไปได้ ใครไม่มีที่อยากจะขอที่ท่านก็ให้ที่ ใครไม่มีโคไม่มีกระบือมาขอท่านก็จะให้ เพราะท่านไม่มีความต้องการในทรัพย์สมบัติข้าวของเหล่านี้แล้ว สิ่งที่ท่านต้องการก็คือความเป็นอิสระจากภารกิจในการดูแลจัดการทรัพย์สมบัติ ข้าวของเงินทองต่างๆ ที่ท่านมีอยู่ ท่านต้องการจะมีเวลาไว้ในการเจริญสติ สมาธิ และปัญญาเท่านั้น แล้วพอท่านสละไปหมดแล้ว ท่านก็ไปบวช ภรรยาท่านก็ไปบวชชี แล้วก็แยกกันอยู่ ท่านก็ตามหลวงปู่มั่นไป ไปศึกษากับหลวงปู่มั่น ไปยึดคำสอนของหลวงปู่มั่น ไปยึดปฏิปทาการปฏิบัติของหลวงปู่มั่น และในที่สุดท่านก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ เวลาที่ท่านตายไปแล้ว กระดูกของท่านก็เลยเป็นพระธาตุขึ้นมา
ที่มา http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=50731
:b16:
onion onion onion

wink
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
tongue
nongkong เขียน:
bigtoo เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ที่บอกว่าเด็ก ๆ..นั้น

เป็นเรื่องเด็ก ๆ จริง ๆ ....ไม่ใช่ดูถูก Bigtoo นะ.. :b9: :b9: :b9:

อายุ..8 - 9 ขวบ.นี้แหละ..แต่ไม่เกิน 10 ขวบ แน่

เหตุการณ์นี้..จำได้แม่นฝังใจ....เป็นครั้งแรก..ที่พิจารณาเงิน......เห็นเงินเป็นกระดาษ..เป็นของที่โลกสมมุติขึ้นมา....รู้สึกสมเพชนิด ๆ ที่เรา ๆ ต่างหลงผิด...เข้าใจว่า..นี้เงินของเรา..เงินนี้มีค่า.. s002 s002
สมเพชที่เรา ๆ หลงสมมุติ..จนลืมไปแล้วว่าเราสมมุติมันขึ้นมาเอง...แท้ ๆ

เด็ก ๆ...
นี้เป็นเด็ก จริง ๆ..
มันก็แค่คิดได้นิดหน่อยเพราะมันทำจากการดาษ แต่จะสละนะมันเรื่องยากย๊ากๆๆกบ. ของจริงไม่ได้โม๊

คุนน้องว่าชาตินี้ถ้าบิ๊กทู่ไม่เป็นอรหันต์..ต้องไปต่อยอดเพื่อให้นิพพานตามพระสมณโคดม..ก่อนจะสิ้นศาสนาคงมีทางเดียว..คือบิ๊กทู่ต้องไปเกิดเป็นเด็กวัด..เพราะบิ๊กทู่อธิษฐานไม่ขอมีศรัพสมบัติ
มีแต่ปัญญา..บิ๊กทู่ก็จะได้ต่อยอดอีกครั้ง..อานิสงค์การให้ทานจะทำให้บิ๊กทู่ เป็นเด็กวัดที่ มีอันจะกิน.. :b32: แถมเลือกกินได้สารพัดเลยนะเออ..เพราะยาติโยม มาถวาย ..ทั้งของคาวของหวาน..แถมยังได้อยู่ใกล้หลวงปู่หลวงตาในวัด.ได้ศึกษาพระธรนมคำสอนของพระศาสดาต่อยอดอีกครั้ง..อาจจะทำให้บิ๊กทู่ตัดสินใจอออกบวช..และสำเร็จอรหันต์ในชาตินั้น..แต่ก็ไม่แน่ อาจจะไปปิ้งสาว..และพยายามแอคทีฟตนเอง..ทำงานอยากรวย อยากมีเหมือนคนอื่น..เพราะตนไม่เคยมี..ทางสองแพ่งที่ต้องเลือกเดิน..ขอให้โชคดีในอนาคตกาลป๋าบิ๊ก :b4:
ปล.คุนน้องถนัดมโนเรื่องราวของผู้อื่น :b32:

:b12:
ถ้าเป็นไปตามคำทำนายของคุณน้องสงสัยท่านบิกทู่คงคิดหนักมั่กถ้าเกิดว่ายังมิถึงนิพพานชาตินี้
:b32: :b32:
ผมว่าพวกคุณนะที่จะต้องคิดนักกัน เพราะชาตินี้ยังตัดอะไรกันไม่ค่อยได้เรื่องราวเยอะไปหมด บิ๊กตู่ แทบจะไม่มีเรื่องคิดอะไรนอกจากคอยสอนผู้คนที่ยึดติดอะไรแบบละเอียดโดยไม่รู้ไม่เข้าใจ แบบท่องคาถาเงินล้าน แบบตามหาอรหันต์ แบบติดดีอีกเยอะ. เส้นทางนี้มีแต่ตัดๆๆๆๆไม่มีติดๆๆๆๆไม่ว่าดีหรือไม่ดี เข้าใจบ่


Kiss
ขอยืนยัน นั่งยัน นอนยัน ว่าต้องสวดพระคาถา
ยืนยันอีกครั้ง พระอรหันต์ท่านก็มีพระคาถาให้สวด
โดยเฉพาะพระสายป่ากรรมฐานหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น

:b17:
พระคาถา พระพุทธเจ้าชนะมาร

หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

(ตั้งนะโม ๓ จบ ก่อนสวดสาธยาย )

ปัจจะมาเรชิโนนาโถ ปัตโตสัมโพธิมุตตะมัง

จะตุสัจจังปะกาเสติ ธัมมะจักกังปะวัตตะยิ

เอเตนะสัจจะวัชเชนะ โหตุเมชะยะมังคะลัง.

:b20:

พระพุทธเจ้าผู้เป็นที่พึ่งของโลกทรงชนะมารทั้ง ๕ บรรลุ

สัมโพธิญาณอันอุดม ทรงประกอบอริยสัจ ๔ ยังล้อแห่งธรรมให้หมุนไป

แล้วจริง ด้วยการกล่าวคำสัจนี้ ขอชัยมงคง จงบังเกิดมีแก่ข้าพเจ้าเถิด.

(ภาวนาป้องกันอันตรายทั้งปวง และให้เกิดสรรพสิริมงคลแก่ตนและครอบครัว

ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก สวดในเวลาบ่ายสี่โมงเย็น ใส่น้ำมะพร้าว ไม่ต้องเทออกจากลูก สวดจบแล้วเป่า

ลงในน้ำมะพร้าวก่อนดื่ม เป็นพระคาถาอันประเสริฐ เพิ่มพลัง ชนะหมู่มารทั้งหลายทั้งปวง)
:b12:
มีอีกนะ พระคาถายูงทอง
พระคาถาแคล้วคลาด (หลวงปู่มั่น)

พระคาถาแคล้วคลาดโมรปริต (นกยูงทอง)

โมระปะริตตัง (คาถายูงทอง)

ในบรรดาพระป่าสายพระอาจารย์มั่น ส่วนมากได้ให้ความนับถือพระคาถาบทหนึ่ง คือพระคาถาโมรปริตหรือชาวบ้านทั่วไปเรียกกันว่า"พระคาถานกยูงทอง"

ความเดิมมีอยู่ว่า มีพญายูงทอง ตัวหนึ่งที่มีชีวิตแคล้วคลาดจากการถูกเข่นฆ่ามาได้โดยตลอด แม้พระราชาหรือนายพรานที่มีความชำนาญก็ยังจับไม่ได้ พญายูงทองได้ท่องพระคาถานี้มาโดยตลอด แม้จะถูกดักด้วยแร้ว กลไกของแร้วก็ไม่ลั่น จนกระทั่งมีนายพรานที่มีปัญญาหลักแหลมจึงหาอุบายเอานกยูงตัวเมียที่ฝึกไว้จนเชื่องและปฎิบัติตามคำสั่ง ได้เข้าไปล่อและส่งเสียงร้องก่อนที่พญายูงทองจะท่องพระคาถา พญายูงทองก็เกิดความกระสันด้วยกิเลส ลืมร่ายมนต์และเข้ามาหานางนกยูง เลยถูกบ่วงแร้วรัดตัวและถูกจับไว้ได้ในที่สุด

พระคาถาที่พญายูงทองได้สวดท่องทุกเช้าและค่ำมีดังนี้

บทสวดตอนเช้า

อุเทตะยัญจักขุมา เอกะราชา
หะริสสะวัณโณ ปะฐะวิปปะภาโส
ตัง ตัง นะมัสสามิ หะริสสะวัณณัง ปะฐะวิปปะภาสัง
ตะยัชชะ คุตตา วิหะเรมุ ทิวะสัง
เย พราหมะณา เวทะคุ สัพพะธัมเม
เต เม นะโม เต จะ มัง ปาละยันตุ
นะมัตถุ พุทธานัง นะมัตถุ โพธิยา
นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา
อิมัง โส ปะริตตัง กัตวา โมโร จะระติ เอสะนา ฯ

บทแปล

พระอาทิตย์เป็นดวงตาของโลก เป็นเจ้าแห่งแสงสว่าง กำลังอุทัยขึ้นมา ผู้สาดแสงสีทองส่องพื้นปฐพี ข้าพจ้าทั้งหลาย อันท่านคุ้มครองแล้ว พึงอยู่เป็นสุข ตลอดเวลากลางวันวันนี้
ท่านผู้ลอยบาปได้แล้ว เหล่าใด เป็นผู้รู้จบในธรรมทั้งปวง ขอท่านผู้ลอยบาปแล้วเหล่านั้น จงรับความนอบน้อมของข้าพเจ้าเถิด ขอท่านผู้ลอยบาปแล้วเหล่านั้น โปรดรักษาข้าพเจ้าด้วยเถิด ความนอบน้อมของข้าพเจ้า จงมีแด่พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ความนอบน้อมของข้าพเจ้า จงมีแด่พระโพธิญาณ ความนอบน้อมของข้าพจ้า จงมีแด่ท่านผู้หลุดพ้นแล้ว จากกิเลสทั้งหลาย ความนอบน้อมของข้าพเจ้า จงมีแด่วิมุตติธรรม นกยูงนั้น กระทำปริตรอันนี้แล้ว จึงเที่ยวไปแสวงหาอาหาร


บทสวดตอนค่ำ

อะเปตะยัญจักขุมา เอกะราชา
หะริสสะวัณโณ ปะฐะวิปปะภาโส
ตัง ตัง นะมัสสามิ หะริสสะวัณณัง ปะฐะวิปปะภาสัง
ตะยัชชะ คุตตา วิหะเรมุ รัตติง
เย พราหมะณา เวทะคุ สัพพะธัมเม
เต เม นะโม เต จะ มัง ปาละยันตุ
นะมัตถุ พุทธานัง นะมัตถุ โพธิยา
นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา
อิมัง โส ปะริตตัง กัตวา โมโร วาสะมะกัปปะยีติ ฯ

นะมัตถุ พุทธานัง : ความนอบน้อมของข้าฯ จงมีแด่พระพุทธเจ้าทั้งหลาย
นะมัตถุ โพธิยา : ความนอบน้อมของข้าฯ จงมีแด่พระโพธิญาณ
นะโม วิมุตตานัง : ความนอบน้อมของข้าฯ จงมีแด่ท่านผู้พ้นแล้วทั้งหลาย
นะโม วิมุตติยา : ความนอบน้อมของข้าฯ จงมีแด่วิมุตติธรรม

บทแปล

พระอาทิตย์เป็นดวงตาของโลก เป็นเจ้าแห่งแสงสว่าง กำลังลาลับไป จากการส่องแสงแก่พื้นปฐพี เพราะเหตุนั้น ข้าเจ้าขอนอบน้อม ซึ่งพระอาทิตย์นั้น ผู้สาดแสงสีทองส่องพื้นปฐพี ข้าพเจ้าทั้งหลาย อันท่านคุ้มครองแล้ว พึงอยุ่เป็นสุขตลอดรา...ี้
ท่านผู้ลอยบาปได้แล้วเหล่าใด เป็นผู้รู้จบในธรรมทั้งปวง ขอท่านผู้ลอยบาปแล้วเหล่านั้น จงรับความนอบน้อมของข้าพเจ้าเถิด ขอท่านผู้ลอยบาปแล้วเหล่านั้น โปรดรักษาข้าพเจ้าด้วยเถิด ความนอบน้อมของข้าพเจ้า จงมีแด่พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ความนอบน้อมของข้าพเจ้า จงมีแด่พระโพธิญาณ ความนอบน้อมของข้าพเจ้า จงมีแด่ผู้หลุดพ้นแล้ว จากกิเลสทั้งหลาย ความนอบน้อมของข้าเจ้า จงมีแด่วิมุตติธรรม นกยูงนั้น กระทำปริตรอันนี้แล้ว จึงพักผ่อนหลับนอนแล

เรื่องราวข้างล่างนี้ลอกมาจากเวปนะครับ ลองอ่านดู

ประมาณปี พ.ศ. ๒๔๘๗ เป็นปีที่คณะเสรีไทยกำลังโด่งดังมาก บ้านหนองผือก็เป็นอีกแห่งที่ คณะเสรีย์ไทยได้เข้าไปตั้งค่าย เพื่อฝึกอบรมคณะครูและประชาชนชายหนุ่มให้ไปเป็นกองกำลังทหาร ต่อสู้ ขับไล่ทหารญี่ปุ่นในสมัยนั้น คุณครูหนูไทย สุพลวานิช ( ชาวบ้านหนองผือ ผู้อยู่ในเหตการณ์และเป็นผู้ถ่ายทอดเรื่องราว ปัจจุบัน ( พ.ศ. ๒๕๔๔ ) ใช้ชีวิตอยู่ในอำเถอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร ) เป็นผู้หนึ่งที่ถูกเกณฑ์ให้ไปฝึกอบรมในค่ายนี้ ท่าน เกิดที่บ้านหนองผือนี่เอง เป็นธรรมดาสัญชาตญาณของคนเรา เมื่อตกอยู่ในภาวะเหตุการณ์เช่นนี้ จึงทำให้ แสวงหาสิ่งพึ่งพิงทางใจในยามคับขัน ช่วงเวลาว่างในการฝึกก็นั่งพักผ่อนตามอัธยาศัย พูดคุยสรวลเสเฮฮา กับหมู่เพื่อนร่วมค่ายหลายเรื่องหลายราว จนกระทั่งมาถึงเรื่องของดีของขลังของศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ เพื่อป้องกัน อันตรายที่จะมาถึงตัว มีเพื่อนคนหนึ่งในจำนวนนั้นได้พูดขึ้นว่า " ท่านพระอาจารย์ใหญ่ในวัดป่าบ้านหนองผือ ทราบข่าวว่าท่านเป็นพระดีองค์หนึ่ง พวกเราจะไม่ลองไปขอของดีกับท่านดูบ้างหรือ ท่านคงจะให้พวกเรา "

ด้วยคำพูดของเพื่อนจึงทำให้คุณครูหนูไทยนำไปคิดเป็นการบ้าน วันต่อมาคุณครูหนูไทยหาแผ่นทอง มาได้แผ่นหนึ่ง มาตัดเป็นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ วางใส่จานขันธ์ห้า แล้วให้โยมผู้เฒ่าทายกวัดที่เป็นญาติซึ่งไปจังหัน ที่วัดในตอนเช้านำแผ่นทองถวายท่านพระอาจารย์มั่น เพื่อให้ท่านทำหลอดยันต์ให้แต่โยมผู้ที่นำแผ่นทองไปนั้น ไม่กล้าเข้าไปหาท่านพระอาจารย์มั่นโดยตรง จึงให้พระอุปัฏฐากเข้าไปลองถามท่านดูก่อน ท่านพระอาจารย์มั่น ได้พูดตอบพระอุปัฏฐากว่า " เขาอยากได้ กะเฮ็ดให้เขาสั้นตั๊ว " ( หมายความว่า เขาต้องการก็ทำให้เขาได้จะเป็น อะไร ) เมื่อพระอุปัฏฐากเข้าใจแล้วจึงบอกให้โยมเอาแผ่นทองมาให้ท่าน รออยู่ประมาณสามวันพระอุปัฏฐาก ท่านก็นำหลอดยันต์นั้นมาให้โยมแล้วโยมผู้เฒ่าคนนั้นจึงนำมาให้คุณครูหนูไทยอีกทีหนึ่ง คุณครูหนูไทยเมื่อได้ ของดีแล้วก็มีความดีอกดีใจเป็นอันมาก ทะนุถนอมเก็บรักษาไว้ในที่มิดชิด และนำติดตัวไปในทุกสถานที่เลย ทีเดียว

วันหนึ่งว่างจากการฝึกอบรมจึงเดินเที่ยวเล่นไปทางด้านหลังสนาม เผอิญเหลือบไปเห็นพวกเพื่อน สามสี่คนกำลังทำอะไรกันอยู่ข้างมุมสนาม คุณครูหนูไทยจึงเดินไปดูก็เห็นพวกเขากำลังทดลองจะยิง " เขี้ยวหมูตัน " ด้วยอาวุธปืนคาร์ไบน์ ( ชื่อเรียกในสมัยนั้น ) เมื่อเขาทดลองยิงแล้วปรากฎว่า " เขี้ยวหมูตัน " ที่ถือว่าเป็นของขลังศักดิ์สิทธิ์นั้น แตกกระจายไปคนละทิศละทาง เพื่อนคนที่เป็นเจ้าของเขี้ยวหมูตันหน้าถอดสี ไปหมด ส่วนเพื่อนคนที่เป็นคนยิงคงจะย่ามใจ หันหน้ามาถามคุณครูหนูไทยที่เดินเข้าไปสมทบทีหลังว่า " มีของดีอะไรมาลองบ้างเพื่อน " ด้วยความซื่อและความเป็นเพื่อน คุณครูหนูไทยจึงตอบเขาไปว่า " มีอยู่ " แค่นั้นแหละเพื่อนคนนั้นก็ก้าวเท้าเข้ามาเอามือล้วงปั๊บไปทีกระเป๋าเสื้อของคุณครูหนูไทยพร้อมกับพูดขึ้นว่า " ไหนเอาของดีมาลองดูหน่อยซิ " โดยคุณครูหนูไทยคิดไม่ถึงว่าเพื่อนจะกล้าทำได้เช่นนั้น แต่ก็ช้าไปเสียแล้ว วัตถุสิ่งนั้นจึงติดมือเพื่อนคนนั้นไป คุณครูหนูไทยวอนขอเขาอย่างไร เขาก็ไม่ยอมคืนให้ท่าเดียว

ในที่สุดเขาก็นำตะกรุดยันต์นั้นไปวางที่ระยะห่างประมาณสัก ๓ - ๔ วา แล้วเขาก็ถอยกลับมายกปืน ขึ้นเล็งไปที่ตะกรุดยันต์นั้น เพื่อนทุกคนที่อยู่ที่นั่นเงียบกริบ ต่างคนก็ต่างเอาใจไปจดจ่อที่จุดเดียวกัน สักครู่คนยิงจึงกดไกปืนเสียงดัง " แชะ แชะ " แต่ไม่ระเบิด ทั้งหมดที่อยู่ที่นั่นต่างตกตะลึง ครั้งที่สามเขา ลองหันปลายกระบอกปืนนั้นขึ้นบนฟ้าแล้วกดไกอีกครั้ง ปรากฎว่าเสียงปืนกระบอกนั้นดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว บริเวณ ส่วนคุณครูหนูไทยนึกขึ้นได้จึงใช้จังหวะนั้นกระโดดวิ่งเข้าไปหยิบตะกรุดยันต์นั้นอย่างรวดเร็ว แล้ว กำไว้ในมืออย่างหวงแหนที่สุด ถึงแม้พวกเพื่อน ๆ จะขอดูขอชม ก็ไม่อยากให้เขาดูเขาชม เดินบ่ายเบี่ยง ไปทางอื่น แต่พวกเพื่อนก็ขอดูขอชมจนได้ เสร็จแล้วทุกคนจึงพากันเลิกลา กลับไปที่พักของตนด้วยความ ฉงนสนเท่ห์และตื่นเต้นในอภินิหารตะกรุดยันต์ของท่านพระอาจารย์มั่นเป็นอย่างมาก อันนี้คุณครูหนูไทยเล่าให้ ฟังอย่างนั้น

ภายหลังต่อมาบางคนทราบข่าวจึงพากันไปขอจากท่านพระอาจารย์มั่นที่วัด ส่วนมากจะได้เป็น แผ่นผ้าลงอักขระคาถาด้วยยันต์ สำหรับตะกรุดแผ่นทองนั้นไม่ค่อยมี เพราะแผ่นทองสมัยนั้นหายากมาก ต่อมาไม่นานท่านพระอาจารย์มั่นคงเห็นว่ามากไปจนเกินเลย จึงบอกให้เลิก ท่านบอกว่าสงครามเขาจะสงบแล้ว ไม่ต้องเอาก็ได้ พวกตะกรุดยันต์ ผ้ายันต์ เหล่านั้น นั่นมันเป็นของภายนอก สู้เอาคาถาบทนี้ไปบริกรรมแนบ กับใจไม่ได้ ให้บริกรรม ทุกเช้าค่ำจนขึ้นใจ แล้วจะปลอดภัยอันตรายต่างๆ จะไม่มากล้ำกรายตัวเราได้เลย คาถาบทนั้นว่าดังนี้
"นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา" ฯลฯ
เป็นบทสวด ส่วนหนึ่งของบทสวดโมระปะริตตัง ( คาถายูงทอง )

ที่มา http://board.postjung.com/620006.html
:b8:
:b16: :b16:
onion onion onion

ที่มา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.phpf=1&p=377155#p377155


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2015, 19:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
ถ้าสะสมเหตุมาดี มีบุญที่ได้ทำไว้แล้ว ย่อมได้เจอแต่กัลยาณมิตรตามที่อธิษฐานไว้
แล้วการที่จะทราบว่าท่านใดเป็นพระอรหันต์ เขาดูจากอัฐิกลายเป็นพระธาตุ
:b1:
ปัจจุบันในประวัติของครูบาอาจารย์ที่เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่มั่นรูปหนึ่ง คือท่านชื่อว่าหลวงปู่พรหม ท่านก็ก่อนที่ท่านจะออกปฏิบัติ ท่านกับภรรยาก็มีทรัพย์สมบัติ เป็นชาวนาชาวไร่ที่มีฐานะดี มีที่มีนามาก มีโคมีกระบือ มีสมบัติอะไรต่างๆ แต่ท่านไม่มีลูกไม่มีหลาน และท่านและภรรยามีศรัทธาที่อยากจะออกไปปฏิบัติไปบวช เพื่อมรรค ผล นิพพาน ท่านจึงประกาศให้ชาวบ้านได้ทราบว่า ถ้าใครขาดเหลืออะไรต้องการอะไรขอให้มารับจากท่านไปได้ ใครไม่มีที่อยากจะขอที่ท่านก็ให้ที่ ใครไม่มีโคไม่มีกระบือมาขอท่านก็จะให้ เพราะท่านไม่มีความต้องการในทรัพย์สมบัติข้าวของเหล่านี้แล้ว สิ่งที่ท่านต้องการก็คือความเป็นอิสระจากภารกิจในการดูแลจัดการทรัพย์สมบัติ ข้าวของเงินทองต่างๆ ที่ท่านมีอยู่ ท่านต้องการจะมีเวลาไว้ในการเจริญสติ สมาธิ และปัญญาเท่านั้น แล้วพอท่านสละไปหมดแล้ว ท่านก็ไปบวช ภรรยาท่านก็ไปบวชชี แล้วก็แยกกันอยู่ ท่านก็ตามหลวงปู่มั่นไป ไปศึกษากับหลวงปู่มั่น ไปยึดคำสอนของหลวงปู่มั่น ไปยึดปฏิปทาการปฏิบัติของหลวงปู่มั่น และในที่สุดท่านก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ เวลาที่ท่านตายไปแล้ว กระดูกของท่านก็เลยเป็นพระธาตุขึ้นมา
ที่มา http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=50731
:b16:
onion onion onion
ไม่ใช่น๊า

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ส.ค. 2015, 20:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
bigtoo เขียน:
ขอเตือนท่านต้องใช้สิทธิ์ของพระพุทธองค์บอกกล่าวพระนะครับ.





อ่านแล้ว :b32:

ช่างกล้าจริงๆ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ส.ค. 2015, 20:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
walaiporn เขียน:
bigtoo เขียน:
ขอเตือนท่านต้องใช้สิทธิ์ของพระพุทธองค์บอกกล่าวพระนะครับ.





อ่านแล้ว :b32:

ช่างกล้าจริงๆ
ขอเตือนในฐานะเพือนมนุษย์ สิทธิ์ของพระองค์คือศิลที่บัญญัติไว้เท่านั้นที่จะบอกกล่าวไม่ใช่ความคิดไปสอนท่านจำไว้นะ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ส.ค. 2015, 20:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ยิ่งเห็นยิ่งสังเวช

อริยะอย่างงั้นอย่างงี้

แต่อริยะไหงก็อปคำอธิบายของคนอื่นไปลงที่อื่น ไม่มีการอ้างอิงที่หยิบไปใช้
และลงในหัวข้อ ผลการปฏิบัติ


อริยะดื่มสุราได้

ช้างตายทั้งตัว เอาใบบัวมาปิดยังไง ก็ปิดไม่มิด


เห็นคราใด ขำทุกที :b32:

แค่นี้แหละตาทู่ ที่อยากพูด
นอกนั้น ไม่มีอะไรจะพูดด้วย

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ส.ค. 2015, 20:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
ยิ่งเห็นยิ่งสังเวช

อริยะอย่างงั้นอย่างงี้

แต่อริยะไหงก็อปคำอธิบายของคนอื่นไปลงที่อื่น ไม่มีการอ้างอิงที่หยิบไปใช้
และลงในหัวข้อ ผลการปฏิบัติ


อริยะดื่มสุราได้

ช้างตายทั้งตัว เอาใบบัวมาปิดยังไง ก็ปิดไม่มิด


เห็นคราใด ขำทุกที :b32:

แค่นี้แหละตาทู่ ที่อยากพูด
นอกนั้น ไม่มีอะไรจะพูดด้วย

อย่าดื้อซิ นักวิชาการ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ส.ค. 2015, 21:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


s005 s005 s005


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 112 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร