วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 02:40  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 135 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 5, 6, 7, 8, 9  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2011, 00:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


Supareak Mulpong เขียน:
ถ้าต้นมันคด ปลายก็ไม่มีทางตรงไปได้


ก็คงจะเป็นญาติกาเดียวกับ

การกำพระธรรมอันเป็นธรรมที่เป็นไปเพื่อการละวางมาบอกมากล่าว นั่นละ

และลูกไม้ก็หล่นไม่ไกลต้น
เมื่อเห็นต้นกล้าแทงต้นขึ้นจากดิน ก็สันนิษฐานไปถึงต้นตอแห่งสายพันธ์ได้ไม่ยาก

:b1: :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2011, 00:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


Supareak Mulpong เขียน:
ถ้าต้นมันคด ปลายก็ไม่มีทางตรงไปได้

เท่าที่เสวนากันมา ดูเหมือนว่า คุณพูดขาว ผมว่าดำ คุณพูดดำ ผมว่าขาว ไม่ใช่ผมจะเข้ามาเพื่อตอบค้านคุณ ผมแสดงความจริงที่มีเหตุปัจจยหรือมีกฏธรรมชาติ ๒ กฏรองรับเท่านั้น ไม่มีความเห็นหรือความเชื่อ ส่วนที่มันไปขัดกับข้อมูลของคุณ มันเป็นอีกเรื่องอย่าเอามาปนกัน



..มรรคหายไปพันกว่าปี...

นี้นะ..ไม่ใช่ความเห็นหรือความเชื่อ...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2011, 07:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


ยิ่งตรงยิ่งคดลึก

ยิ่งจะให้ ตรงมาก ยิ่งคดลึก
เป็นข้าศึก เร้นลับ กลับร้ายใหญ่
อยากจะตรง เพราะอยากดี อยากมีชัย
มันตรงอยู่ เมื่อไร? ใครคิดดู

อวดว่าตรง ตามเขาว่า น่าสรรเสริญ
ยังตรงเกิน ต้องนอนจม พยศอยู่
ที่อยากตรง เพื่อให้ใคร เขาอุ้มชู
ไว้ให้หนู เด็กๆเขา เราโตครัน

จิตที่แจ่ม จนปล่อย เสียได้หมด
ทั้งตรง-คด ไม่เห็น เป็นแผกผัน
พ้นคด-ตรง จนไม่หลง ในเรามัน
จะสุทธิ์สันติ์ พ้นโลก หมดโยกเอยฯ


http://dhammapoem.blogspot.com/2010/08/ ... st_31.html


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2011, 08:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


Supareak Mulpong เขียน:

เท่าที่เสวนากันมา ดูเหมือนว่า คุณพูดขาว ผมว่าดำ คุณพูดดำ ผมว่าขาว ไม่ใช่ผมจะเข้ามาเพื่อตอบค้านคุณ ผมแสดงความจริงที่มีเหตุปัจจยหรือมีกฏธรรมชาติ ๒ กฏรองรับเท่านั้น ไม่มีความเห็นหรือความเชื่อ ส่วนที่มันไปขัดกับข้อมูลของคุณ มันเป็นอีกเรื่องอย่าเอามาปนกัน



เท่าที่เสวนากันมา - เบื้องต้นเราเข้ามาเพื่อถามหาคุณ Suthee

ดูเหมือนว่า - อันนี้ความเห็นของใคร ท่านเห็น หรือ ข้าพเจ้าเห็น
หรือ ท่านเห็นว่าข้าพเจ้าเห็น
หรือ ท่านคิดว่าข้าพเจ้าเห็น
ท่านเห็น การคิดว่าข้าพเจ้าเห็น ทันรึเปล่า


ผมแสดงความจริงที่มีเหตุปัจจัย หรือมีกฎธรรมชาติ ... ไม่มีความเห็นหรือความเชื่อ
- ก็นั่นล่ะ ที่ท่านแสดง

ส่วนที่มันไปขัดกับข้อมูลของคุณ มันเป็นอีกเรื่องอย่าเอามาปนกัน
-อันนี้ความเห็นของใคร ท่านเห็น หรือ ข้าพเจ้าเห็น
หรือ ท่านเห็นว่าข้าพเจ้าเห็น
หรือ ท่านคิดว่าข้าพเจ้าเห็น
ท่านเห็น การคิดว่าข้าพเจ้าเห็น ทันรึเปล่า


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2011, 09:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ถ้าจริงแบบ กฏ 2 ข้อ นั่น ละก้อ ขอบอกว่า ก็ จริง ได้แค่ ใน โลกและจักรวาล เท่านั้น แหละขะ
สัญญาดีจริงก็ต้องจำให้ได้ด้วยสิข๊ะว่า สุดยอดความจริง ของ โลกและจักรวาล มีอยู่ เรื่องเดียว คือ มันเป็น สมมติ นะเจ้าข่ะ
ไม่มีโลก ไม่มีสัตว์ ไม่มีสิ่งของ ไม่มีตัวตน ฯ เพราะสิ่งเหล่านี้ เป็นเพียงธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นเพราะเหุตปัจจัย ตั้งอยู่เพราะเหตุปัจจัย ดับไปเพราะเหตุปัจจัย ควบคุมไม่ได้ จึงได้ชื่อว่า เป็นเพียงสมมุติ หรือ เป็นอนัตตา

ไตรลักษณ์ กับ อิททัปปัจจยตาฯ อยู่ตรงใหนในโลกและจักรวาลบ้างล่ะ?

FLAME เขียน:
คุณ supareak ทราบได้อย่างไรว่ามรรคหายไป และทราบได้อย่างไรว่ามรรคจะหายไปอีก

มรรคจะหายไปพร้อมกับอริยบุคคลท่านสุดท้ายที่สิ้นไป หรือ ถ้าโลกขาดผู้รู้ สิ้นผู้รู้ตามท่านผู้รู้แล้ว โลกก็ไม่มีใครสามารถบอกทางที่ถูกต้องได้ ต้องรอจนกว่าจะเกิดพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขึ้นมาอีก

ราวๆ พ.ศ. ๙๔๕ พวกมหายานได้บันทึกไว้ว่า ไม่มีพุทธเหลือในอินเดียอีกเลย เหลือในลังกานิดหน่อย และมหายานก็ส่งนักปราชญ์ทางโลกไปทำลายโดยทันที ... พุทธที่เข้ามาบ้านเราสมัยสุโขทัยก็มาจากลังกา

ในพระไตรปิฏก พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า ถ้าหากมีมาตุคามมาบวช ศาสนาจะดำรงอยู่ได้ไม่นาน

ในมิลินปัญหา พระนาคเสนตอบพระยามิลินว่า พุทธจะอยู่ได้ ๑๐๐๐ ปี เพราะเกิดมีภิกษุณีในธรรมวินัยนี้

ถ้าตามรอยคำสอนของพระช่วง ๑๐๐๐ ปีให้หลัง จะพบว่า ขัดธรรมวินัย ขัดพระปาติโมกข์ คำสอนก็ไม่เหมือนกัน แตกแยกเป็นสำนัก แยกกันอยู่ ไม่ได้อยู่รวมกันเป็นสังคมของผู้ที่ได้ฟังจากผู้รู้มาดีแล้วเหมือนในอดีต มีการเอาความเห็นปนความจริง ไม่ได้แสดงเหตุปัจจัย แต่แสดงเหตุผล สอนโดยใช้ตรรกปรัชญาทั้งๆ ที่พระพุทธองค์ห้ามไว้ ฯ

สัจจะมี ๑ เดียว ผู้เห็นสัจจะเดียวกันย่อมพูดเหมือนกัน พระอริยะไม่ขัดพระปาติโมกข์ สอนธรรมและเหตุของธรรม มุ่งปฏิบัติธรรมที่เหตุ ฯ

แต่คำสอนที่เกิดมาในช่วงหลัง กลับไปตรงกับคำสอนและวิธีปฏิบัติของฤาษีพราหมณ์ คือ ถือศีลบริสุทธิ์ เพ่งฌาน เพื่อหาปัญญาในสมาธิ หรือ กลับไปเป็นเหมือนสมัยก่อนที่พระพุทธองค์จะตรัสรู้ ไม่มีใครรู้ว่า อัตมันคืออะไร และพยายามค้นหาอัตตมันในสมาธิ หรือ มรรคหายไป ปัญญาหายไป ก็พากันกลับไปค้นหาปัญญากันใหม่ ... สมัยนี้ก็เหมือนกัน พระสอนให้ไปหาปัญญาในสมาธิ

บางท่านตั้งใจมาบวชเพื่อหาทางหลุดพ้นจริงๆ แต่พอได้บวชแล้วหาทางออกให้กับตัวเองไม่ได้ เดินหน้าก็ไม่ได้ ถอยหลังก็ไม่ได้ ไปทางใหนไม่ถูก สุดท้ายก็ไปจบที่ สมาธิฌานอภิญญา ...

กบนอกกะลา เขียน:
Supareak Mulpong เขียน:
รูปธรรม ประกอบด้วยดินน้ำลมไฟ ทำให้เกิด รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสเย็นร้อนอ่อนแข็งตึงใหว ครบ รวมไปทั้งแรงดึงดูดด้วย



รูปธรรม..เหล่านี้..นำออกจากทุกข์..ได้มั้ย??

ออกจากทุกข์ไม่ได้...ควรจะยกย่องให้เป็นธรรมะมั้ย???
รูปธรรม นามธรรม ทั้งหมดก็คือธรรม การศึกษาธรรมหรือการรู้แจ้งแทงตลอดในธาตุทั้งหลายก็คือการศึกษาความจริงของธรรมชาติ หรือ ศึกษาสัจจะธรรม

ความรู้ที่พระพุทธองค์ตรัสรู้อุปมาเหมือนรอยเท้าช้าง ความรู้ทั้งหมดในโลกเหมือนรอยเท้าสัตว์อื่นที่ย่อมเล็กกว่ารอยเท้าช้าง จัดลงในรอยเท้าช้างได้

ในบรรดาความจริงทั้งหมด ความจริงที่ประเสริญที่สุดมี ๔ ประการ คือ เรื่องทุกข์ กับการดับทุกข์ หรือ ใบไม้ในกำมือของพระพุทธองค์

การจำกัดความว่า การศึกษาธรรม คือ การศึกษาเรื่องทุกข์กับการดับทุกข์ ไม่เกี่ยวกับเรื่องอื่นๆ เป็นคตินิยม เพราะผู้ที่เข้ามาในธรรมวินัยนี้ ต่างก็มุ่งมาเพื่อการดับทุกข์ .... แต่หากได้เข้ามาอยู่ในธรรมวินัยจริงๆ สิ่งที่ท่านจะได้เห็นด้วยก็คือ ความจริงทั้งหมดของโลกและจักรวาล เว้นแต่ใครไม่สนใจก็ยกไว้

อ้างคำพูด:
..มรรคหายไปพันกว่าปี...

นี้นะ..ไม่ใช่ความเห็นหรือความเชื่อ...
ก็ท่านเชื่อวว่ามันยังอยู่ ... มันก็ยังอยู่จริงๆ อยู่ในพระไตรปิฏกมาพันกว่าปีไม่มีใครสนใจเท่านั้นเอง

อ้างคำพูด:
ยิ่งตรงยิ่งคดลึก
ปลูกมละกอ จะเอาผลเป็นมะม่วงให้ได้นะท่าน ... ก็นี่แหละ การใช้เหตุผล เหตุผลของปุถุชนมาจากความเชื่อที่สะสม มีอิทธิพลมาจากความไม่รู้ มาจากความพอใจไม่พอใจจนหลง พระพุทธองค์จึงตรัสห้ามการแสดงธรรมด้วยเหตุผล
อ้างคำพูด:
เบื้องต้นเราเข้ามาเพื่อถามหาคุณ Suthee
หาพวก .. ว่างั้น
อ้างคำพูด:
ผมแสดงความจริงที่มีเหตุปัจจัย หรือมีกฎธรรมชาติ ... ไม่มีความเห็นหรือความเชื่อ
- ก็นั่นล่ะ ที่ท่านแสดง
ก็นั่นแหละ ... เป็นพระปาติโมกข์
อ้างคำพูด:
ส่วนที่มันไปขัดกับข้อมูลของคุณ มันเป็นอีกเรื่องอย่าเอามาปนกัน
-อันนี้ความเห็นของใคร
เป็นความจริง ไม่ใช่ความเห็น

ตกลงไม่มีสักนิดที่เกิดในความคิดเลยใช่มั้ยที่ว่า ทำไมสิ่งที่ฉันรู้มันขัดกับพระไตรปิฏก ขัดกับเหตุปัจจัย ฯ ทำไมฉันศึกษาธรรมปฏิบัติธรรมมาตั้งนาน ฉันทะราคะในผัสสะ สักนิดหรือแค่ชั่วระยะเวลาสั้นๆ ฉันก็เอาชนะมันไม่ได้ ฯ อยากสงบก็ต้องไปหาเอาในสมาธิ ละผัสสะหนึ่งไปหาผัสสะทางใจ ฯ .... หรือ คิดได้อย่างเดียวว่า ตอนนี้กำลังถูก blame

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2011, 14:05 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว



เพราะเข้ามายังไม่ทันได้เข้ามาอ่านกระทู้
เพราะมีข้อความบางข้อความเข้ามาขัดสายตาไว้ก่อน

อืม
เพราะสัจจะบางประการได้กล่าวไปแล้วในเบื้องต้น :b1:
ด้วยมีเหตุบางประการเกิดขึ้น
ซึ่งเราคงไม่อาจจะตอบเรื่องราวอันไม่รู้จักจบของท่านต่อไปได้

จะได้เข้ามาอีกหรือไม่
ตอนนี้ก็ขอวางคีย์บอร์ด รอรับการตัดสิน

:b8: :b8: :b8:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 17 มิ.ย. 2011, 14:24, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2011, 14:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มี.ค. 2011, 21:46
โพสต์: 373

ชื่อเล่น: ฮานะ ธรรมอาสา
อายุ: 28

 ข้อมูลส่วนตัว


Supareak Mulpong เขียน:
อ้างคำพูด:
ถ้าจริงแบบ กฏ 2 ข้อ นั่น ละก้อ ขอบอกว่า ก็ จริง ได้แค่ ใน โลกและจักรวาล เท่านั้น แหละขะ
สัญญาดีจริงก็ต้องจำให้ได้ด้วยสิข๊ะว่า สุดยอดความจริง ของ โลกและจักรวาล มีอยู่ เรื่องเดียว คือ มันเป็น สมมติ นะเจ้าข่ะ
ไม่มีโลก ไม่มีสัตว์ ไม่มีสิ่งของ ไม่มีตัวตน ฯ เพราะสิ่งเหล่านี้ เป็นเพียงธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นเพราะเหุตปัจจัย ตั้งอยู่เพราะเหตุปัจจัย ดับไปเพราะเหตุปัจจัย ควบคุมไม่ได้ จึงได้ชื่อว่า เป็นเพียงสมมุติ หรือ เป็นอนัตตา

ไตรลักษณ์ กับ อิททัปปัจจยตาฯ อยู่ตรงใหนในโลกและจักรวาลบ้างล่ะ?


ก้ออยู่ตรง ความเชื่อ ที่ท่าน เกาะ เอาไว้อย่างเหนียวแ่น่น ยังไงละ เจ๊าข๊ะ
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา สัญญา ไม่เที่ยง จริงๆ ฮ๊าฮานะ :b4:

Supareak Mulpong เขียน:
ทั้งโลกและจักรวาล มีความจริงอยู่เพียง ๒ เรื่อง ก็คือ ไตรลักษณ์ และอิททัปปัจยตาปกิจจสมุปบาท นอกจากนั้นก็คือความเชื่อทั้งหมด อริยสัจสี่หรือความจริงเกี่ยวกับการเกิดตายของเหล่าสัตว์ ก็อยู่ภายใต้กฏธรรมชาติ ๒ กฏนี้

ถ้าท่านเห็นความจริง ท่านจะทราบได้โดยไม่ยากว่า อะไรคือความจริง อะไรคือความเชื่อ

ท่านจะเอาความจริงเป็นเกาะ เอาความจริงเป็นที่พึ่ง หรือจะหยุดอยู่ที่ความเชื่อ ขึ้นอยู่กับท่านเป็นผู้เลือก ...

.....................................................
ผู้ใดประพฤติธรรม ผู้นั้นชื่อว่าบูชาตถาคตอย่างยิ่ง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2011, 14:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มี.ค. 2011, 21:46
โพสต์: 373

ชื่อเล่น: ฮานะ ธรรมอาสา
อายุ: 28

 ข้อมูลส่วนตัว


Supareak Mulpong เขียน:
ไม่มีโลก ไม่มีสัตว์ ไม่มีสิ่งของ ไม่มีตัวตน ฯ เพราะสิ่งเหล่านี้ เป็นเพียงธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นเพราะเหุตปัจจัย ตั้งอยู่เพราะเหตุปัจจัย ดับไปเพราะเหตุปัจจัย ควบคุมไม่ได้ จึงได้ชื่อว่า เป็นเพียงสมมุติ หรือ เป็นอนัตตา

ไตรลักษณ์ กับ อิททัปปัจจยตาฯ อยู่ตรงใหนในโลกและจักรวาลบ้างล่ะ?


อันนี้ก็....ฮานะ

ในเมื่อ กล่าวแล้วว่า ไม่มีโลก ไม่มีสัตว์ ไม่มีสิ่งของ ไม่มีตัวตน ฯ
แล้วใยยังมาพูดอีกว่า สิ่งเหล่านี้ เป็นเพียงธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นเพราะเหุตปัจจัย ตั้งอยู่เพราะเหตุปัจจัย ดับไปเพราะเหตุปัจจัย

ก้อ สิ่งที่ไม่มีตัวตน มันจะ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ได้อย่างไร

ฮานะ อนุโมทนา ขะ :b8: :b4: rolleyes

.....................................................
ผู้ใดประพฤติธรรม ผู้นั้นชื่อว่าบูชาตถาคตอย่างยิ่ง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2011, 14:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ก้อ สิ่งที่ไม่มีตัวตน มันจะ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ได้อย่างไร
เสวนาธรรม หรือเสวนาภาษาศาสตร์กันเนี่ย กะจะเรียนธรรมแบบแกะทีละอักษรเลยรึไงท่าน

ไม่มีตัวตนเป็นของตน ถ้าจะให้เขียนแบบไม่มีย่นมีย่ออะไรเลย :b38:

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2011, 15:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


Supareak Mulpong เขียน:

ราวๆ พ.ศ. ๙๔๕ พวกมหายานได้บันทึกไว้ว่า ไม่มีพุทธเหลือในอินเดียอีกเลย เหลือในลังกานิดหน่อย และมหายานก็ส่งนักปราชญ์ทางโลกไปทำลายโดยทันที ... พุทธที่เข้ามาบ้านเราสมัยสุโขทัยก็มาจากลังกา


คุณ supareak กล่าวราวกับว่าพวกมหายานเป็นผู้ทำลายพุทธอย่างงั้น อันนี้เป็นการกล่าวติไปเสียตะพึดหรือเปล่า

Supareak Mulpong เขียน:

ถ้าตามรอยคำสอนของพระช่วง ๑๐๐๐ ปีให้หลัง จะพบว่า ขัดธรรมวินัย ขัดพระปาติโมกข์ คำสอนก็ไม่เหมือนกัน แตกแยกเป็นสำนัก แยกกันอยู่ ไม่ได้อยู่รวมกันเป็นสังคมของผู้ที่ได้ฟังจากผู้รู้มาดีแล้วเหมือนในอดีต มีการเอาความเห็นปนความจริง



ก็ตั้งใจสดับคำของพระตถาคต อย่าตั้งใจฟังคำของสาวกที่คิดขึ้นเอง

Supareak Mulpong เขียน:
แต่คำสอนที่เกิดมาในช่วงหลัง กลับไปตรงกับคำสอนและวิธีปฏิบัติของฤาษีพราหมณ์ คือ ถือศีลบริสุทธิ์ เพ่งฌาน เพื่อหาปัญญาในสมาธิ หรือ กลับไปเป็นเหมือนสมัยก่อนที่พระพุทธองค์จะตรัสรู้ ไม่มีใครรู้ว่า อัตมันคืออะไร และพยายามค้นหาอัตตมันในสมาธิ หรือ มรรคหายไป ปัญญาหายไป ก็พากันกลับไปค้นหาปัญญากันใหม่ ... สมัยนี้ก็เหมือนกัน พระสอนให้ไปหาปัญญาในสมาธิ


ถามคุณ supareak กลับว่า มีอาตมันที่เที่ยงแท้อยู่หรือไม่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2011, 15:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


FLAME เขียน:
คุณ supareak กล่าวราวกับว่าพวกมหายานเป็นผู้ทำลายพุทธอย่างงั้น อันนี้เป็นการกล่าวติไปเสียตะพึดหรือเปล่า
ความจริงมันเป็นอย่างนั้น พุทธมหายานจริงๆ ไม่มี ตั้งแต่คณะของมหาสังฆิกะแยกตัวออกไป ก็คือว่าเป็นการทำอนันตริยกรรมทั้งคณะแล้ว เมื่อเริ่มมีการแก้พระวินัย ต่อมาจึงมีการแก้พระสูตร ในระยะสุดท้ายก็ถูกพวกพราหมณ์ตันตระกลืน ราวๆ สมัยพระเจ้าอโศกฯ พวกมหายานแยกออกจากกันนับได้ ๑๗ คณะ

FLAME เขียน:
ก็ตั้งใจสดับคำของพระตถาคต อย่าตั้งใจฟังคำของสาวกที่คิดขึ้นเอง
ถ้าจะตามรอยว่า มรรคหายไปตั้งแต่เมื่อใหร หายอย่างไร ก็ต้องสืบย้อนแบบนี้

หลักมหาประเทศ ๔ พวกโยนทิ้งน้ำกันหมด ถึงยกพระสูตรพระวินัยมาแสดง ก็ไม่มีใครเชื่อแล้ว ตอนนี้เขาเชื่อหลวงปู่หลวงพ่อมากกว่าเชื่อพระศาสดากันเสียอีก

FLAME เขียน:
ถามคุณ supareak กลับว่า มีอาตมันที่เที่ยงแท้อยู่หรือไม่
ก็นิพพานั่นแหละ บางทีพระพุทธองค์ก็แสดงว่า นิพพานคือการหยั่งลงสู่อมตะ

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2011, 15:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


Supareak Mulpong เขียน:
FLAME เขียน:
คุณ supareak กล่าวราวกับว่าพวกมหายานเป็นผู้ทำลายพุทธอย่างงั้น อันนี้เป็นการกล่าวติไปเสียตะพึดหรือเปล่า
ความจริงมันเป็นอย่างนั้น พุทธมหายานจริงๆ ไม่มี ตั้งแต่คณะของมหาสังฆิกะแยกตัวออกไป ก็คือว่าเป็นการทำอนันตริยกรรมทั้งคณะแล้ว เมื่อเริ่มมีการแก้พระวินัย ต่อมาจึงมีการแก้พระสูตร ในระยะสุดท้ายก็ถูกพวกพราหมณ์ตันตระกลืน ราวๆ สมัยพระเจ้าอโศกฯ พวกมหายานแยกออกจากกันนับได้ ๑๗ คณะ


ถ้าท่านเข้าใจอย่างงั้นก็ตามใจ แต่สำหรับผมไม่ติไปตะพึดครับ ถูกว่าไปตามถูก ผิดว่าไปตามผิด สำหรับผม พิจารณาคำสอนเป็นหลัก ถามกลับอีกเช่นกัน หากคำสอนในมหายาน เข้าได้กับพุทธวจนะ ตามหลักมหาปเทสสี่ ท่านจะทำอย่างไร


Supareak Mulpong เขียน:
FLAME เขียน:
ถามคุณ supareak กลับว่า มีอาตมันที่เที่ยงแท้อยู่หรือไม่
ก็นิพพานั่นแหละ บางทีพระพุทธองค์ก็แสดงว่า นิพพานคือการหยั่งลงสู่อมตะ


ผมถามกลับอีกครั้ง อัตตาที่เที่ยงแท้มีอยู่หรือไม่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2011, 15:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ก้ออยู่ตรง ความเชื่อ ที่ท่าน เกาะ เอาไว้อย่างเหนียวแ่น่น ยังไงละ เจ๊าข๊ะ
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา สัญญา ไม่เที่ยง จริงๆ ฮ๊าฮานะ
โลกและจักรวาล ไม่เที่ยงฯ เกิดจากเหตุปัจจัยมาประชุมกันชั่วคราวแล้วแตกสลายฯ .. ผมเชื่ออย่างนี้ คุณว่ามันจริงมั้ย? และผมก็เอาความเชื่อนี้มาดับความคิดปรุงแต่งได้ คุณจะเอาไปลองดูหน่อยดีมั๊ย

ถ้าต่ออีกหน่อย แล้วอะไรคือโลกในวินัยของอริยะ?

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


แก้ไขล่าสุดโดย Supareak Mulpong เมื่อ 17 มิ.ย. 2011, 23:14, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2011, 15:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Supareak Mulpong เขียน:
อ้างคำพูด:
ก้อ สิ่งที่ไม่มีตัวตน มันจะ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ได้อย่างไร
เสวนาธรรม หรือเสวนาภาษาศาสตร์กันเนี่ย กะจะเรียนธรรมแบบแกะทีละอักษรเลยรึไงท่าน

ไม่มีตัวตนเป็นของตน ถ้าจะให้เขียนแบบไม่มีย่นมีย่ออะไรเลย :b38:

ประเด็นมันไม่ใช่เสวนาธรรมหรือภาษาศาศตร์หรอกครับ
เพียงแต่คุณอธิบายธรรมผิดหลัก ผิดธรรมครับ

ที่พระพุทธองค์ทรงบอกว่า ไม่เที่ยงเป็นทุกข์ไม่ใช่ตัวตน
ความหมายก็คือ ใจหรือจิตของเราที่ไปยึดเอาสิ่งภายนอกเข้ามาครับ
หรือเรียกอีกอย่างว่าอารมณ์ นี้ครับ ที่ว่า ไม่เที่ยงเป็นทุกข์ไม่ใช่ตัวตน

มันไม่ใช่ให้ไปดูคน สัตว์ สิ่งของแล้วบอกว่าไม่มีตัวตน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2011, 15:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
มันไม่ใช่ให้ไปดูคน สัตว์ สิ่งของแล้วบอกว่าไม่มีตัวตน
คอมพิวเตอร์ที่อยู่ต่อหน้าคุณ มีอยู่มั้ย แล้วอะไรที่ว่าเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์?

มีคนไทยไปบรรยายธรรมะให้ฝรั่งฟัง บอกฝรั่งว่า จริงๆ แล้วคน สัตว์ สิ่งของไม่มี ฝรั่งลุกขึ้นสวนกลางห้องประชุมทันทีว่า I'm here! :b23:

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 135 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 5, 6, 7, 8, 9  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร