วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 15:18  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 31 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2016, 06:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


"..ตามความเป็นจริงแล้ว

โลกที่เราอยู่นี้ ไม่มีอะไรทำไมใครเลย

ไม่มีอะไรจะเป็นที่วิตกวิจารย์เลย

ไม่มีอะไรที่น่าจะร้องไห้หรือหัวเราะ

เพราะมันเป็นเรื่องอย่างนั้นธรรมดาๆ

แต่เราพูดธรรมดาได้ แต่มองไม่เห็นธรรมดา

แต่ถ้าเรารู้ธรรมะสม่ำเสมอ

ไม่มีอะไรเป็นอะไรแล้ว

มันเกิดมันดับของมันอยู่อย่างนั้น

เราก็สงบ.."

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงพ่อชา สุภัทโท






"...การต่อสู้กามกิเลสเป็นสงครามอันยิ่งใหญ่ กามกิเลสนี้ร้ายนัก มันมาทุกทิศทาง ความพอใจก็คือกิเลส ความไม่พอใจก็คือกามกิเลส

กามกิเลสนี้อุปมาเหมือนแม่น้ำ ธารน้ำน้อยใหญ่ไม่มีประมาณ ไหลลงสู่ทะเล ไม่มีที่เต็ม ฉันใดก็ดี กามตัณหาที่ไม่พอดี ภวตัณหา วิภวตัณหา เป็นแหล่งก่อทุกข์ ก่อความเดือดร้อนไม่มีที่สิ้นสุด

ทั้งหมดอยู่ที่ใจ สุขก็อยู่ที่ใจ ทุกข์ก็อยู่ที่ใจ ใจนี่แหละคือตัวเหตุ ทำความพอใจให้อยู่ที่ใจนี่..."

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ





"..เวลาปฏิบัติ พอจะได้ดีหน่อยมันอยากจะพูด อยากจะเล่าให้ใครฟัง จริงไหมล่ะแก ข้ารู้ ข้าก็เคยเป็นมา

แกจำไว้เลยนะ! คนที่ทำเป็น เขาไม่พูด คนที่พูดนั่นยังทำไม่เป็น.."

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ






"... ถ้าเรามีสติอยู่ มีสัมปชัญญอยู่ มีความรู้ตัวอยู่เสมอแล้ว ก็คือเราได้ประพฤติปฏิบัติธรรมอยู่ตลอดกาลตลอดเวลา ดังนั้น ไม่ควรคิดว่าธรรมะอยู่ไกล

ถ้าเราเห็นสิ่งเหล่านี้ สักแต่ว่าเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา เท่านี้ปัญญามันก็เกิด ถ้าอารมณ์สุขขึ้นมา ทุกข์ขึ้นมา ชอบใจขึ้นมา ไม่ชอบใจขึ้นมา เรานึกเห็นมันทุกอย่างว่ามัน ก็เท่านั้นแหละ ..."

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงพ่อชา สุภัทโท





“...ความสมมุติของโลกว่า สิ่งนั้นเป็นนั้น สิ่งนี้เป็นนี้ ไม่มีสิ้นสุด แม้จะสมมุติว่าสิ่งใดเป็นอะไร ก็ยึดถือในสิ่งนั้น รักก็ยึด ชังก็ยึด เกลียดก็ยึด โกรธก็ยึด อะไรๆ ก็ยึดทั้งนั้น เพราะเรื่องของโลกก็คือกิเลสเป็นสำคัญ มีแต่เรื่องยึดและผูกพัน ไม่มีคำว่า “ปล่อยวาง” กันบ้างเลย

ความยึดถือเป็นสาเหตุให้เกิดทุกข์กังวล โลกจึงมีแต่ความทุกข์ความกังวล เพราะความยึดถือ ถ้าความยึดถือเป็นเหมือนวัตถุ มองเห็นได้ด้วยตาเนื้อแล้ว มนุษย์เราแบกหามกันทั้งโลกคงดูกันไม่ได้

เพราะบนหัวบนบ่า เต็มไปด้วยภาระความแบกหามพะรุงพะรัง ที่ต่างคน ต่างไม่มีที่ปลงที่วาง ราวกับเป็นบ้ากันทั้งโลกนั่นแล ยังจะว่าดี มีเกียรติยศชื่อเสียงอยู่หรือ? จนปราชญ์ท่านไม่อาจทนดูได้ เพราะท่านสงสารสังเวชความพะรุงพะรังของสัตว์โลก ผู้หาเมืองพอดีไม่มี...”

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2016, 11:20 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 02:09
โพสต์: 456


 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุ..สาธุ..สาธุ..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2016, 21:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




มีแต่เหตุกับผล_resize_resize.jpg
มีแต่เหตุกับผล_resize_resize.jpg [ 40.89 KiB | เปิดดู 4578 ครั้ง ]
:b38:
โลกนี้มีแต่เรื่องของเหตุ ปัจจัยและผล ทำปฏิกิริยากันไปมา
ไม่มีสัตว์ บุคคลตัวตน เรา เขา อะไรเลย ดูตามภาพจะยิ่งเข้าใจ

onion
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ธ.ค. 2016, 09:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b38:
โลกนี้มีแต่เรื่องของเหตุ ปัจจัยและผล ทำปฏิกิริยากันไปมา
ไม่มีสัตว์ บุคคลตัวตน เรา เขา อะไรเลย ดูตามภาพจะยิ่งเข้าใจ

onion


แล้วที่คิดๆเขียนๆโยงไปนั่นมานี่เรียกว่าอะไรล่ะ :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ธ.ค. 2016, 21:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b38:
โลกนี้มีแต่เรื่องของเหตุ ปัจจัยและผล ทำปฏิกิริยากันไปมา
ไม่มีสัตว์ บุคคลตัวตน เรา เขา อะไรเลย ดูตามภาพจะยิ่งเข้าใจ

onion


แล้วที่คิดๆเขียนๆโยงไปนั่นมานี่เรียกว่าอะไรล่ะ :b10:

:b12:
เรียกว่า

"อะไร ที่พาไปให้ถึงที่ไม่มีอะไร"
:b11:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ม.ค. 2017, 16:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b38:
โลกนี้มีแต่เรื่องของเหตุ ปัจจัยและผล ทำปฏิกิริยากันไปมา
ไม่มีสัตว์ บุคคลตัวตน เรา เขา อะไรเลย ดูตามภาพจะยิ่งเข้าใจ


แล้วที่คิดๆเขียนๆโยงไปนั่นมานี่เรียกว่าอะไรล่ะ


เรียกว่า

"อะไร ที่พาไปให้ถึงที่ไม่มีอะไร"


ท่านอโศกนี่หมดตูดจินๆ

แล้วมันอารัยเล่าที่พาไปหือ :b10:

นักธรรมที่คิดแบบนี้แหละ ถึงบอกว่าไปอำเภอทำบัตรปชช. :b32:

จนท. ถาม ลุงมาทำอะไรคะ ?

อึ อึ

จนท. ถามย้ำว่า ลุงมาทำอะไรคะ ?

อึ

อ๋อ ปวดหนักหรือคะ ห้องน้ำไปทางโน้นค่ะ ไปอึก่อนนะค่ะ :b1:

อึ (พร้อมส่ายหน้า) :b16:

จนท. ? :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ม.ค. 2017, 09:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นแล้วน้ำลายไหลเลย :b21:

https://pbs.twimg.com/media/C1JfexLVIAA4Rt8.jpg


https://www.youtube.com/watch?v=apWSdsVHl8s

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ม.ค. 2017, 17:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เห็นแล้วน้ำลายไหลเลย :b21:

https://pbs.twimg.com/media/C1JfexLVIAA4Rt8.jpg


https://www.youtube.com/watch?v=apWSdsVHl8s

grin
ฟุ้งซ่านไปเรื่อยเลยนะกรัชกาย ขยายสังขารความปรุงแต่ง
กว้างจวางออกไปเรื่อยๆ แล้วอย่างนี้เมื่อไหรจึงจะเข้าถึงความสงบได้สักทีนะ ?????????
huh


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ม.ค. 2017, 17:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เห็นแล้วน้ำลายไหลเลย :b21:

https://pbs.twimg.com/media/C1JfexLVIAA4Rt8.jpg


https://www.youtube.com/watch?v=apWSdsVHl8s

grin
ฟุ้งซ่านไปเรื่อยเลยนะกรัชกาย ขยายสังขารความปรุงแต่ง
กว้างจวางออกไปเรื่อยๆ แล้วอย่างนี้เมื่อไหรจึงจะเข้าถึงความสงบได้สักทีนะ ?????????


ไม่ใช่คนตายนะ จะไม่ให้คิดอะไร คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ม.ค. 2017, 08:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เห็นแล้วน้ำลายไหลเลย :b21:

https://pbs.twimg.com/media/C1JfexLVIAA4Rt8.jpg


https://www.youtube.com/watch?v=apWSdsVHl8s

grin
ฟุ้งซ่านไปเรื่อยเลยนะกรัชกาย ขยายสังขารความปรุงแต่ง
กว้างจวางออกไปเรื่อยๆ แล้วอย่างนี้เมื่อไหรจึงจะเข้าถึงความสงบได้สักทีนะ ?????????


ไม่ใช่คนตายนะ จะไม่ให้คิดอะไร คิกๆๆ

:b7:
น่าเสียดายความรู้มากของกรัชกายนะที่รู้ แต่ไม่รู้ว่าคนที่ไม่คิดนะมีตั้งหลายประเภทนอกจากคนตาย

ไปค้นตำรามาตอบหน่อยไป้ นักวิชาการ
ตัวอย่างเช่น

คนที่เข้าฌาณ 2 แล้วก็หยุดคิด ดังนี้เป็นต้น
s004


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ม.ค. 2017, 08:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เห็นแล้วน้ำลายไหลเลย :b21:

https://pbs.twimg.com/media/C1JfexLVIAA4Rt8.jpg


https://www.youtube.com/watch?v=apWSdsVHl8s

grin
ฟุ้งซ่านไปเรื่อยเลยนะกรัชกาย ขยายสังขารความปรุงแต่ง
กว้างจวางออกไปเรื่อยๆ แล้วอย่างนี้เมื่อไหรจึงจะเข้าถึงความสงบได้สักทีนะ ?????????


ไม่ใช่คนตายนะ จะไม่ให้คิดอะไร คิกๆๆ

:b7:
น่าเสียดายความรู้มากของกรัชกายนะที่รู้ แต่ไม่รู้ว่าคนที่ไม่คิดนะมีตั้งหลายประเภทนอกจากคนตาย

ไปค้นตำรามาตอบหน่อยไป้ นักวิชาการ
ตัวอย่างเช่น

คนที่เข้าฌาณ 2 แล้วก็หยุดคิด ดังนี้เป็นต้น


พูดเหมือนเคยเข้าฌานมาแล้วงั้นแหละ เออ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ม.ค. 2017, 19:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b44:
ไม่ต้องถึงขนาดนั้นครับ แค่ฌาณ 2 ความคิดก็หยุดทำงานแล้วครับ

สติทันปัจจุบันได้ดี ความคิดก็หยุดทำงานครับ

ช่วงขณิกะสมาธิความคิดจะหยุดได้เป็นพักๆระยะสั้นๆ

ช่วงอุปจาระสมาธิความคิดจะหยุดได้ยาวขึ้นอีกนิด ตอนวิตก
ช่วงที่หยุดคิดนี้จะได้เห็นหรือรู้สภาวะธรรมตามจริง
ไม่มีคำบรรยายจากความคิด ช่วงที่อยู่ในฌาณ 2 จะเห็นหรือรู้สภาวธรรมตามจริงไม่มีวิตกวิจารณ์หรือคำบอกกล่าวใดๆจากสัญญาหรือสมมุติบัญญัติ

ตอนทำวิปัสสนา สติปัญญาเขาจะรู้เห็นสภาวะเป็นช่วงสั้นๆแล้วถอยมาวิตกวิจารณ์สลับกันไปสลับกันมา เช่น
เห็นรูปนามแยกจากกันก่อน แล้วเห็นสันตติขาด
แล้วเห็นเกิดดับ
แล้วเห็นหรือรู้เหตุเกิดดับ
:b24:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ม.ค. 2017, 19:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b44:
ไม่ต้องถึงขนาดนั้นครับ แค่ฌาณ 2 ความคิดก็หยุดทำงานแล้วครับ

สติทันปัจจุบันได้ดี ความคิดก็หยุดทำงานครับ

ช่วงขณิกะสมาธิความคิดจะหยุดได้เป็นพักๆระยะสั้นๆ

ช่วงอุปจาระสมาธิความคิดจะหยุดได้ยาวขึ้นอีกนิด ตอนวิตก
ช่วงที่หยุดคิดนี้จะได้เห็นหรือรู้สภาวะธรรมตามจริง
ไม่มีคำบรรยายจากความคิด ช่วงที่อยู่ในฌาณ 2 จะเห็นหรือรู้สภาวธรรมตามจริงไม่มีวิตกวิจารณ์หรือคำบอกกล่าวใดๆจากสัญญาหรือสมมุติบัญญัติ

ตอนทำวิปัสสนา สติปัญญาเขาจะรู้เห็นสภาวะเป็นช่วงสั้นๆแล้วถอยมาวิตกวิจารณ์สลับกันไปสลับกันมา เช่น
เห็นรูปนามแยกจากกันก่อน แล้วเห็นสันตติขาด
แล้วเห็นเกิดดับ
แล้วเห็นหรือรู้เหตุเกิดดับ


อ้างคำพูด:
สติทันปัจจุบันได้ดี ความคิดก็หยุดทำงานครับ

มั่วไปเรื่อย พูดไม่ดูตาม้าตาเรือว่ากำลังพืดเอ้ยพูดอยู่กับใคร

ท่านอโศกขอรับ สติเป็นเจตสิก มันอาศัยจิตเกิด ความคิด (จิต) หยุดทำงานแล้วสติมันจะออกมาเต้นระบำได้ยังไงกันล่ะ หือ :b32:

จิตกับเจตสิกเขาอาศัยกันและกันเกิด-ดับ เกิดพร้อมกันดับพร้อมกัน พูดเอาแต่ได้ทั้งเพทั้งระยอง คิกๆๆ เลอะขอรับ

แค่แยกพูดทีละตัวๆแบบนี้ก็ผิดธรรมชาติแล้ว เออ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2017, 13:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


onion
การเกิดดับของจิตแต่ละดวงมันรวดเร็วยิ่งกว่ารวดเร็วเสียอีก
กรัชกายนับแยกทันหรือ ในบรรยายของท่านผู้รู้บางท่านกล่าวไว้ว่าใน 1 วินาทีจิตเกิดดับด้วยความเร็วเท่ากับ 1 เติมศูนย์ไป 22 ตัว เพราะฉนั้นการที่สตินทรีย์กับปัญญินทรีย์เจตสิกจะผุดขึ้นมาทำงานก็รวดเร็วปานกันนั่นแหละ จึงกล่าวว่า
"สำรวมกายใจมานิ่งรู้นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์ จนมันดับไปต่อหน้าต่อตา" ได้อย่างไม่มีปัญหาอะไรเพราะเป็นไปตามธรรม
onion


แก้ไขล่าสุดโดย asoka เมื่อ 11 ม.ค. 2017, 18:49, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2017, 15:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
onion
การเกิดดับของจิตแต่ละดวงมันรวดเร็วยิ่งกว่ารวดเร็วเสียอีก
กรัชกายนับแยกทันหรือ ในบรรยายของท่านผู้รู้บางท่านกล่าวไว้ว่าใน 1 วินาทีจิตเกิดดับด้วยความเร็วเท่ากับ 1 เติมศูนย์ไป 16 ตัว เพราะฉนั้นการที่สตินทรีย์กับปัญญินทรีย์เจตสิกจะผุดขึ้นมาทำงานก็รวดเร็วปานกันนั่นแหละ จึงกล่าวว่า
"สำรวมกายใจมานิ่งรู้นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์ จนมันดับไปต่อหน้าต่อตา" ได้อย่างไม่มีปัญหาอะไรเพราะเป็นไปตามธรรม


ก็บอกแล้วไงว่า จิตกับเจตสิกเกิดพร้อมกันดับพร้อมกันมีอารมณ์เป็นอย่างเดียวกัน อย่าแยกพูดว่าจิตหยุดแล้ว แต่เจตสิกยังทำงานนั่นนี่อยู่ มันจะแยกไปทำไม่ได้ ไปต้องไปด้วยกัน หยุดก็หยุดด้วยกัน ทำก็ทำด้วยกัน เออ :b1:

ปล.ตามธรรมอีกแระ คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 31 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร