วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 22:51  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 21 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2010, 15:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มี.ค. 2010, 15:10
โพสต์: 1

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องทั้งหมดที่ผมจะเล่านี้เป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น แม้มันจะฟังดูไม่น่าเป็นไปได้ก็เถอะครับ
คือว่าเมื่อประมาณ 8 ปีที่แล้วตัวผมเองเป็นคนที่จิตฟุ้งซ่าน คิดแต่เรื่องที่ไม่ดี แล้วตอนนั้นผมก็เป็นคนที่งมงายอยู่กับอวิชชาด้วย ซึ่งในตอนนั้น(เมื่อ 8 ปีที่แล้ว)ตัวผมได้ให้สัญญากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่า เมื่อใดที่ผมคิดหรือทำอะไรไม่ดี ผมจะทรมาณร่างกายตัวเองเป็นการไถ่โทษ แล้วหลังจากนั้นผมก็ได้ทรมาณร่างกายตัวเองทุกครั้งที่ผมคิดหรือทำอะไรไม่ดีด้วยวิธีการต่างๆนาๆ เช่น เขกหัว กัดลิ้นตัวเอง เป็นต้น ซึ่งผมได้ทำเช่นนั้นอยู่เป็นเวลากว่า 8 ปีแล้ว
แต่ว่าในตอนนี้ ผมรู้ตัวแล้วว่า สิ่งที่ผมทำมาทั้งหมดเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง การทรมาณร่างกายนั้นเป็นบาป ผมจึงคิดอยากจะเลิก แต่นั่นเป็นการผิดสัญญาที่ผมเคยให้ไว้แด่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ อย่างที่รู้ๆกันนะครับ สัญญาที่ให้ไว้กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นสัญญาที่มิอาจบอกเลิกได้
ผมอยากจะถามว่า
1.ผมควรจะทำยังไงดี เพราะ หากผมยังทรมาณตัวเองต่อไปก็ผิด แต่จะเลิกก็ผิด
2.ยังพอมีวิธีถอนสัญญานั้นได้รึเปล่าครับ
ตอบด้วยนะครับ ผมยอมรับว่าผมเป็นคนงมงายและไม่รู้จักคิด


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2010, 17:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มี.ค. 2010, 17:43
โพสต์: 5

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณอย่าไปยึดติดกับสิ่งที่คุณเคยให้สัญญาไว้ การทรมานตัวเองเป็นหนทางไม่นำไปสู่นิพพาน
ขอให้ตัวคุณทำถูกวิธีคุณก็จะได้พบกับหนทางที่ดี ผมแนะนำคุณไปปฏิบัติธรรมนะครับ
พระพุทธเจ้าเคยบอกไว้ว่า ไสยศาสตร์มีจริงพระพุทธเจ้าไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่มี แต่ท่านบอกว่าไม่ใช่หนทางที่จะนำไปสู่พระนิพพานได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2010, 18:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
1.ผมควรจะทำยังไงดี เพราะ หากผมยังทรมานตัวเองต่อไปก็ผิด แต่จะเลิกก็ผิด
2.ยังพอมีวิธีถอนสัญญานั้นได้รึเปล่าครับ



กรณีเปรียบเทียบ พิจารณาดู

1-2 เพราะความเข้าใจผิดตั้งแต่แรกว่า การทรมานตนคงเป็นวิถีรู้แจ้งสัจจะ พระโพธิสัตว์จึงทรมานตัวเอง

ด้วยวิธีการต่างๆ

รูปภาพ

สุดท้ายอดอาหารจนร่างกายผ่ายผอมเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก จะลุกขึ้นเดินก็ซวนเซ ...จึงดำริว่า

ผู้ที่ทรมานตัวเองยิ่งไปกว่าเราไม่มีแล้ว เราทำถึงที่สุดแล้ว แต่ก็ยังไม่รู้แจ้งสัจธรรม

เมื่อรู้ตัวว่าปฏิบัติผิดก็เปลี่ยนพฤติกรรมและความคิดใหม่ หันมาทานอาหารตามปกติจนร่างกายมีกำลัง

จึงค้นวิธีปฏิบัติใหม่

-เมื่อคิดกลับใจเลิกละสิ่งที่ผิด แล้วทำในสิ่งถูกต้อง ถูกทาง ก็เท่ากับถอนสัญญาเดิมโดยอัตโนมัติแล้ว

คือ ยกเลิกสัญญาเก่าไปในตัวแล้ว :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 08 มี.ค. 2010, 18:40, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2010, 18:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
...แต่ว่าในตอนนี้ ผมรู้ตัวแล้วว่า สิ่งที่ผมทำมาทั้งหมดเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง การทรมาณร่างกายนั้นเป็นบาป ผมจึงคิดอยากจะเลิก แต่นั่นเป็นการผิดสัญญาที่ผมเคยให้ไว้แด่สิ่งศักดิ์สิทธิ์


ดีใจด้วยครับที่รู้เช่นนี้

อ้างคำพูด:
อย่างที่รู้ๆกันนะครับ สัญญาที่ให้ไว้กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นสัญญาที่มิอาจบอกเลิกได้


ตรงนี้คงเข้าใจไม่ถูกต้องเเล้วครับ ขอให้แก้ไขความเข้าใจใหม่ครับ..
มาดูความหมายของคำว่าสัญญาตามคำจำกัดความในพจนานุกรมก่อนครับ..

สัญญา
ความหมาย

น. (กฎ) ข้อตกลงระหว่างบุคคล ๒ ฝ่ายหรือหลายฝ่ายว่าจะกระทําการหรืองดเว้นกระทําการอย่างใดอย่างหนึ่ง; ข้อตกลงกัน


ถามว่าที่คุณไปทำสัญญานั้นทำกับใครครับ? สิ่งที่คุณเรียกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์คืออะไร? สิ่งนั้น รับรู้เรื่องสัญญานี้หรือเปล่า ? ถ้ารู้ คุณทราบได้อย่างไร ?..ถ้าไม่ทราบ แสดงว่าสิ่งที่คุณทำไปนั้นไม่เรียกว่า"สัญญา" เมื่อไม่ใช่สัญญา คุณก็ไม่ได้ถูกผูกมัดด้วยเงื่อนไขหรือสิ่งใดๆ คุณจะทำหรือไม่ก็ย่อมขึ้นกับตนเอง หาได้เกี่ยวข้องกับใครหรืออะไรไม่...ผมจึงไม่เห็นความจำเป็นอันใดที่คุณจะต้องถอนสัญญา หรือกลัวที่จะยุติการทำร้ายตนเองในบัดนี้..

อีกประการหนึ่ง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุณอ้างถึง หากเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริง ก็จะต้องเป็นผู้มีคุณความดี"พิเศษ" .. อันผู้มีความดีทั้งหลายนั้นย่อมไม่มีความปรารถนายินดีให้ใครๆเดือดร้อนโดยประการทั้งปวง..ทั้งท่านยังมีปรกติขวนขวายที่จะช่วยเหลือผู้ที่ทุกข์ร้อนหลงผิดให้กลับมีสุขและหายหลงอีกด้วย..ดังนั้นการที่คุณไปทำสัญญาดังเล่ามานั้น หากท่านรับรู้ท่านก็คงได้แต่"วางเฉย" ไม่รับรู้รับเอาด้วย เพราะท่านย่อมทราบถึงโทษแห่งบาปกรรมที่ท่านต้องเข้ามาร่วมข้องเกี่ยวด้วยแน่แท้..หากสิ่งศักดิ์นั้นจะโกรธและลงโทษใครๆด้วยเหตุที่ใครๆไม่ทำร้ายตนแบบที่คุณทำอยู่ ก็พึงทราบว่าสิ่งนั้นหาใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริงไม่ แต่เป็นพาลมิตรที่ใครๆไม่ควรส้องเสพด้วยเพราะจะเป็นไปเพื่อความหายนะแก่ตนเองแต่ถ่ายเดียว..

หากคุณไม่สบายใจ อยากถอนคำสาบาญ ก็ทำได้โดยไปยังสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นแล้วกล่าวคำถอนสัญญาว่า..
"ข้าพเจ้าขอถึงซึ่งพระรันตรัยเป็นที่พึ่ง สรณะอย่างอื่นของข้าพเจ้าไม่มี ข้าพเจ้าเชื่อในเรื่องกรรมว่ามีผล เชื่อว่าทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว บัดนี้ ข้าพเจาตระหนักถึงโทษของอกุศลในการทำร้ายตนเองเพราะคำสาบานที่ทำไปแล้ว บัดนี้ ข้าพเจ้าจึงขอถอนคำสาบานทั้งหมดที่เคยทำมาด้วยความหลงผิด ขอกุศลในการยุติบาปกรรมครั้งนี้จงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้ามีความเห็นถูกต้อง มีปัญญารู้ในสิ่งอันควรไม่ควร เป็นประโยชน์หรือเป็นโทษ..ให้เป็นผู้ไม่ประมาทขาดสติหลงสาบานในที่ใหนๆในทุกเรื่องที่ไม่เป็นคุณประโยชน์ให้เป็นผู้มั่นคงในศีลและมีโอกาสพบกัลยาณมิตรที่สามารถแนะนำธรรมะที่ถูกต้องได้ เพื่อปัจจัยทางปัญญาแก่ข้าพเจ้าต่อไปตลอดกาลเทอญ.."..

อ้างคำพูด:
ผมยอมรับว่าผมเป็นคนงมงายและไม่รู้จักคิด


ไม่ถูกทั้งหมดดอกครับ เมื่อก่อนอาจใช่ แต่เมื่อคุณตั้งกระทู้นี้ คุณเป็นผู้ไม่งมงายแล้วครับ.. :b4: :b4: :b4: :b35:

ขอให้เลิกทำร้ายตนเองได้โดยเด็ดขาดนับแต่วินาทีนี้ครับ และเจริญในธรรมครับ

:b46: :b47: :b48: :b55: :b55: :b55: :b48: :b47: :b46:

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


แก้ไขล่าสุดโดย เว็บมาสเตอร์ เมื่อ 15 มี.ค. 2010, 20:01, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2010, 21:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ปรับความคิดใหม่ อะไรทำให้คุณคิดไปแบบนั้นนนน
และควรเริ่มภาวนา :b8:

ปล อย่าไปคิดฆ่าตัวตายหรือ ฆ่าคนอื่นตายเพื่อการบูชายัญเข้าล่ะ :b14: :b5:


แก้ไขล่าสุดโดย หลับอยุ่ เมื่อ 07 มี.ค. 2010, 21:24, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2010, 22:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


เหมือนพระพุทธเจ้าเลย
กลับตัวอย่างนี้แหละ ถูกแล้ว

การจะเดินทางสายนี้
สำคัญมากว่าต้องมีความรู้ที่ถูกต้องก่อน เรียกว่าปริยัติ
ควรจะต้องเรียนบ้าง ให้พอเหมาะกับตัวเอง


ต่อไปนี้เอาใหม่ ต้องเรียนเป็นระบบหน่อยนึงนะ ที่ผ่านมานี่มันไม่เป้นระบบ
เดิมเคยทำอะไรต่อมิอะไรไปเพราะอาศัยความเชื่อ คิดว่าคงจะดี น่าจะดี น่าจะได้ผล
แต่ในใจลึกๆนี่ก็ไม่ทราบจริงๆว่ามันได้ผลหรือเปล่า แต่อาศัยว่าศรัทธา ก็เลยทำไป
มันไม่เป้นระบบ ไม่รู้ว่าทำอะไรเพื่ออะไร

ปริยัติที่ต้องเรียนก็มีสามอย่าง คือ ศีลสิกขา จิตสิกขา และปัญญาสิกขา
ได้คีเวิร์ดแล้ว ก้ลองไล่เรียงศึกษาดู

เรียนแค่ไหน?
เช่น เรื่องสวรรค์ นิพพาน อภินิหาร อะไรพวกนี้ถือว่าเกินตัว
ไม่มีความจำเป้นต้องสนใจอะไรเรื่องเหล่านั้น

แต่เรื่องการเจริญสติทำอย่างไร การทำสมาธิทำอย่างไร
แต่ละอย่างที่ทำ ทำไปเพื่อผลอะไร เราต้องทราบให้ชัดเจน

เหมือนเราจะยิงธนุออกไปนี่เราต้องทราบว่าจะยิงใส่ตรงไหน ยิงเพื่ออะไำร แล้วยิงอย่างไร
นี่เรียกว่ารู้จักเหตุ และผล(ผลของเหตุ)
ไม่ใช่ยิงส่งยิงดะ ขยันยิงลูกเดียว ด้วยความหวังว่ามันคงโดนเป่าสักอัน
ความจริงมันก็พอได้ แต่เหนื่อยหน่อยและเสียเวลามาก

จำไว้นะ ศีลสิกขา จิตสิกขา และปัญญาสิกขา
เรียนไป ทำไป ให้พอเหมาะกับตัวเอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2010, 23:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ม.ค. 2007, 11:39
โพสต์: 85

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อธิษฐานขอถอน

ให้อธิษฐานขอถอนต่อหน้าสิ่งที่ตนเองไปอธิษฐานจิตไว้ จริงเท็จ เราไม่อาจหยั่งรู้ได้
แต่เป็นการแก้ปมในจิตใจ


เคยได้รับคำแนะนำ เคยไปอธิษฐานในโบสถ์วัดพระแก้ว วัดชนะสงคราม เรื่องใหญ่ด้วย

เริ่มด้วย ไหว้พระ สมาทานศีลได้ ยิ่งดี

ขอขมาพระรัตนตรัย บิดา มารดา ผู้มีพระคุณก่อน


จุดธูปต่อหน้าสิ่งที่เราอธิษฐาน




เปล่งวาจา 3 รอบ

"ข้าแต่..............ข้าพเจ้า............ที่ได้เคยอธิษฐาน (สาบาน)ไว้ต่อหน้าท่านว่า...................บัดนี้ ข้าพเจ้า.................ขอถอนคำอธิษฐาน (คำสาบาน) นั้น
ขออย่าได้มีเวรภัย ขอให้ได้สร้างแต่กรรมดี เป็นสัมมาทิฏฐิ
เห็นแจ้งในธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยเทอญ" (ประยุกต์เอา)


ลองดูนะครับ


เรื่องการอธิษฐานถอนความปรารถนา

(ถ้าจำไม่ผิด เคยอ่าน ประวัติครูบาอาจารย์หลายท่านที่ปฏิบัติอย่างอุกกฤต
เพื่อให้บรรลุอริยธรรม แต่ไม่สามารถบรรลุได้
พระอาจารย์มั่น ท่านตรวจดู ทราบว่าท่านเคยปรารถนาพุทธภูมิไว้
ท่านแนะให้อธิษฐานถอนเสีย ก็สามารถบรรลุธรรมได้ทันที เนื่องจากบารมีเต็มเปี่ยมแล้ว)


อัศวโฆษ

:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มี.ค. 2010, 10:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ย. 2009, 13:38
โพสต์: 376

ชื่อเล่น: ต้น
อายุ: 0
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


1.ผมควรจะทำยังไงดี เพราะ หากผมยังทรมาณตัวเองต่อไปก็ผิด แต่จะเลิกก็ผิด
สิ่งที่คุณทำนั้นมันผิด ถ้าเลิกถึงจะถูก

2.ยังพอมีวิธีถอนสัญญานั้นได้รึเปล่าครับ
ให้สัจจะได้ก็ถอนสัจจะได้ อันที่จริงแล้วคุณเป็นคนมีสัจจะนะ
คนมีสัจจะเนี่ย เรียกว่าคนจริง ทำอะไรก็สำเร็จ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มี.ค. 2010, 11:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


เอนไลท์ เขียน:
เรื่องทั้งหมดที่ผมจะเล่านี้เป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น แม้มันจะฟังดูไม่น่าเป็นไปได้ก็เถอะครับ
คือว่าเมื่อประมาณ 8 ปีที่แล้วตัวผมเองเป็นคนที่จิตฟุ้งซ่าน คิดแต่เรื่องที่ไม่ดี แล้วตอนนั้นผมก็เป็นคนที่งมงายอยู่กับอวิชชาด้วย ซึ่งในตอนนั้น(เมื่อ 8 ปีที่แล้ว)ตัวผมได้ให้สัญญากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่า เมื่อใดที่ผมคิดหรือทำอะไรไม่ดี ผมจะทรมาณร่างกายตัวเองเป็นการไถ่โทษ แล้วหลังจากนั้นผมก็ได้ทรมาณร่างกายตัวเองทุกครั้งที่ผมคิดหรือทำอะไรไม่ดีด้วยวิธีการต่างๆนาๆ เช่น เขกหัว กัดลิ้นตัวเอง เป็นต้น ซึ่งผมได้ทำเช่นนั้นอยู่เป็นเวลากว่า 8 ปีแล้ว
แต่ว่าในตอนนี้ ผมรู้ตัวแล้วว่า สิ่งที่ผมทำมาทั้งหมดเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง การทรมาณร่างกายนั้นเป็นบาป ผมจึงคิดอยากจะเลิก แต่นั่นเป็นการผิดสัญญาที่ผมเคยให้ไว้แด่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ อย่างที่รู้ๆกันนะครับ สัญญาที่ให้ไว้กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นสัญญาที่มิอาจบอกเลิกได้
ผมอยากจะถามว่า
1.ผมควรจะทำยังไงดี เพราะ หากผมยังทรมาณตัวเองต่อไปก็ผิด แต่จะเลิกก็ผิด
2.ยังพอมีวิธีถอนสัญญานั้นได้รึเปล่าครับ
ตอบด้วยนะครับ ผมยอมรับว่าผมเป็นคนงมงายและไม่รู้จักคิด


ก็ในเมื่อรู้แล้วว่าการทำร้ายตนเองเป็นบาป...ท่านก็พึงรู้ด้วยว่า เทวดา หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ให้คุณในด้านของมงคล ย่อมไม่ได้สนับสนุนให้ท่านทำเรื่องเช่นนั้นอย่างแน่นอน เพราะเขารู้อยู่แล้วว่ามันบาป

แต่ที่ท่านทำไปนั้นเป็นเพราะท่านเอง อุปปาทานเอง เพราะมันเป็นผลกรรมที่ท่านเองทำไว้

ตอบคำถาม
ข้อ1 ทำสิ่งที่เขาเรียกกันว่า "เจริญสติ" เพื่อจะได้ไม่ต้องไปทำผิดสัญญา :b13:
ข้อ2 ไม่ต้องถอน หากทำในข้อ 1 ดีแล้ว :b32:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มี.ค. 2010, 11:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 มี.ค. 2010, 06:38
โพสต์: 59

อายุ: 21

 ข้อมูลส่วนตัว


ความจริงแล้วเรื่องของสิ่งศักดิ์สิทธิ์นี้ ถ้าท่านศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ท่านคงไม่อยากให้เราทำแบบนั้น
ตั้งแต่แรกอยู่แล้วครับ การตั้งสัจจะ การตั้งอธิษฐาน รวมเป็น การตั้งสัจจอธิษฐาน
ในการตั้งสัจจอธิษฐานนั้นไม่ได้สำคัญที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์เลยแต่สำคัญที่ใจของเราเอง เพราะแม้แต่กรรม
ของเราเองนั้นจิตของเราก็เป็นตัวบันทึกครับ หาใช่อะไรก็ตามที่บางคนเข้าใจกัน อันนี้ก็ไม่รู้ว่าผมเข้าใจถูกหรือไม่นะครับ
ขอใช้คำพูดง่ายๆนะครับ
การตั้งสัจจอธิษฐานนั้น ถ้าเป็นเรื่องที่ควรให้เปรียบเหมือนกับเดินตามทางรถไฟไปทิศเหนือ ถ้าเป็น
เรื่องที่ไม่ควรให้เปรียบเหมือนเดินตามรางรถไฟไปทิศใต้ เป้าหมายของเราอยู่ที่ทิศเหนือ(นิพพาน)
แล้วการที่คุณตั้งสัจจะอธิษฐานว่าคุณไปทิศใต้แล้วคุณรู้ว่าคุณไปผิดทาง คุณยังจะเดินไปทิศใต้อยู่หรือครับ เหมือนกันครับ สัจจอธิษฐานที่ไม่ควร ไม่เป็นไปตามมรรค ๘ ไม่ว่าจะตั้งไว้อย่างไร มันก็ไม่สำเร็จ
ดังนั้นสู้หยุดเดินแล้วเดินกลับไปในทางที่ถูกต้องถึงแม้ว่าจะโดนคนอื่นประณามแต่เราก็รู้ว่าทางที่เราเปลี่ยนนี้มันถูก มันก็เหมือนกับที่พระพุทธเจ้ารู้แล้วว่าการทำทุกขกิริยามันไม่ใช่มรรคามุ่งสู่นิพพาน
ท่านเลยเปลี่ยนทาง ถึงแม้ว่าจะทำให้ปัญจวัคคีย์เสื่อมศรัทธาก็ตาม

ผิดพลาดประการใดต้องขออโหสิกรรมด้วยครับขอบคุณครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มี.ค. 2010, 12:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


tonnk เขียน:
1.ผมควรจะทำยังไงดี เพราะ หากผมยังทรมาณตัวเองต่อไปก็ผิด แต่จะเลิกก็ผิด
สิ่งที่คุณทำนั้นมันผิด ถ้าเลิกถึงจะถูก

2.ยังพอมีวิธีถอนสัญญานั้นได้รึเปล่าครับ
ให้สัจจะได้ก็ถอนสัจจะได้ อันที่จริงแล้วคุณเป็นคนมีสัจจะนะ
คนมีสัจจะเนี่ย เรียกว่าคนจริง ทำอะไรก็สำเร็จ



นี่ไง มีคนตอบแล้ว

aswakos เขียน:
อธิษฐานขอถอน

ให้อธิษฐานขอถอนต่อหน้าสิ่งที่ตนเองไปอธิษฐานจิตไว้ จริงเท็จ เราไม่อาจหยั่งรู้ได้
แต่เป็นการแก้ปมในจิตใจ


เคยได้รับคำแนะนำ เคยไปอธิษฐานในโบสถ์วัดพระแก้ว วัดชนะสงคราม เรื่องใหญ่ด้วย

เริ่มด้วย ไหว้พระ สมาทานศีลได้ ยิ่งดี

ขอขมาพระรัตนตรัย บิดา มารดา ผู้มีพระคุณก่อน


จุดธูปต่อหน้าสิ่งที่เราอธิษฐาน




เปล่งวาจา 3 รอบ

"ข้าแต่..............ข้าพเจ้า............ที่ได้เคยอธิษฐาน (สาบาน)ไว้ต่อหน้าท่านว่า...................บัดนี้ ข้าพเจ้า.................ขอถอนคำอธิษฐาน (คำสาบาน) นั้น
ขออย่าได้มีเวรภัย ขอให้ได้สร้างแต่กรรมดี เป็นสัมมาทิฏฐิ
เห็นแจ้งในธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยเทอญ" (ประยุกต์เอา)


ลองดูนะครับ


เรื่องการอธิษฐานถอนความปรารถนา

(ถ้าจำไม่ผิด เคยอ่าน ประวัติครูบาอาจารย์หลายท่านที่ปฏิบัติอย่างอุกกฤต
เพื่อให้บรรลุอริยธรรม แต่ไม่สามารถบรรลุได้
พระอาจารย์มั่น ท่านตรวจดู ทราบว่าท่านเคยปรารถนาพุทธภูมิไว้
ท่านแนะให้อธิษฐานถอนเสีย ก็สามารถบรรลุธรรมได้ทันที เนื่องจากบารมีเต็มเปี่ยมแล้ว)


อัศวโฆษ

:b8:



อันนี้ผมเห็นด้วย
เหตุการณ์ที่คุณ aswakos พูดถึงคือ หลวงปู่เสาร์ พระอาจารย์ของหลวงปู่มั่น
ท่านทำยังไงก็ไม่บรรลุสักที
เลยถามลูกศิษย์ที่บรรลุแล้วว่า มันเป็นเพราะอะไร (หลวงปู่เสาร์ ถามหลวงปู่มั่น)

หลวงปู่มั่นท่านมีญานใหญ่ มีความสามารถพิเศษเหนือธรรมดา
ท่านหยั่งทราบว่าหลวงปู่เสาร์เคยอธิษฐานเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต

ถ้าคนที่อธิษฐานเป้นพระพุทธเจ้าแล้ว จะไม่แจ้งนิพพาน
จะติดอยู่เพื่อที่จะได้เวียนว่ายตายเิกิด เพื่อสังสมบารมีจนเต้มเสียก่อน

พระพุทธเจ้าเราก็เหมือนกัน ท่านเวียนว่ายจนบารมีเต็ม ถึงบรรลุนิพพานได้

หลวงปู่เสาร์จึงตั้งจิตอธิษฐานใหม่ ประมาณว่าไม่เอาแล้ว
ไม่ต้องการเป็นพระพทุธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคตแล้ว
ท่านก็เลยบรรลุนิพพานในที่สุด ที่ติดอยู่ก็ผ่านไปได้

คุณก็ทำได้เช่นกัน ตั้งจิตตั้งใจให้ดี

แล้วมาประกาศ ปฏิญาน ความเป็นพุทธมามกะอีกครั้ง
กล่าวคือการรับที่พึ่งทั้งสามเป้นสรณะของชีวิต
คือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
สามอย่างนี้ เรียกว่า พระไตรรัตน์ หรือพระรัตนตรัย (ไตร แปลว่า 3 / รัตน์แปลว่าแก้ว)
การประกาศตั้งจิตรับเอาทั้งสามอย่างเป้นที่พึ่งของชีวิต เรียกว่าไตรสรณคมน์
ประกาศไปเลยว่า เราไม่ยึดที่พึ่งอื่นนอกจากนี้
ก็เป็นอันว่า พันธะอันใดกับผู้อื่นนั้น ขาดสะบั้นลงแต่เท่านี้

สมัยก่อน คนยุคพระพุทธเจ้า เขานับถือศาสนาพราหมน์กันทั้งบ้านทั้งเมือง
พราหมน์แบ่งคนเป้น 4 วรรณะ มีหน้าที่ต่างกัน
ถ้าเกิดมาเป็นทาส ต้องเป็นทาส
ยิ่งเกิดจากวรรณะผสมนี่ เรียกว่าจันฑาล ยิ่งแย่กว่าทาสอีก
ตลอดชีวิตทีหน้าที่ล้างขี้ตามถนน ไม่มีโอกาสโงหัวขึ้นมาเลย
แต่พอพวกเขา มารับไตรสรณคมน์แล้ว เป้นอันว่าวรรณะทาส ขาดออกไปเลย จบไปเลย
พันธะอันใดที่มีต่อพระผู้เป้นเจ้าของศาสนาพราหมน์นั้น ขาดสะบั้นลง
กลายเป็นชาวพุทธ เป็นไท ไม่มีคำว่าทาส

นี่ขนาดเขามีพันธะที่ใหญ่กว่าคุณอีกนะ
เขายังปลดเปลื้องได้ ด้วยการรับไตรสรณคมน์


จะสวดมนต์ก่อนก็ได้ ให้ใจมันมีกำลัง มั่นใจๆ
แล้วก็อธิษฐานไปเลยว่า ว่าต่อไปนี้จะยึดพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง

หรือไปวัดก็ได้ มีศรัทธาพระอาจารย์ท่านไหนก็ได้
ไปขอท่านว่า ผมมาขอรับไตรสรณคมน์ ผมมาขออธิษฐานประกาศเป้นพุทธมามกะ
ขอรับพระไตรรัตน์เป้นสรณะ ไม่มีที่พึ่งอื่นอีกแล้ว
ท่านก้จะนำสวดให้ นำสมาทานศีลให้

หรือไปกระทำต่อหน้าพระศรีรัตนศาสดาที่วัดพระแก้วเลยก็ได้
หรือไปทำต่อหน้าพระบรมสารีริกธาตุเจดีย์องค์ไหนก็ได้ มีทั่วประเทศ

แค่นี้ก็ขาดแล้ว ขาดหมด ไม่มีพันธะอันใดอีก

ถ้าคุณคิดว่า"ไม่ขาด" แสดงว่าพระไตรปิฏกโกหกทั้งหมด
พระพุทธเจ้าไม่ขาดจากศาสนาพราหมน์ (ท่านเกิดในวรรณะกษัตริย์ของศาสนาพราหมน์)
พระพุทธเจ้าไม่มีจริงกันเลยทีเดียวนะ


แก้ไขล่าสุดโดย ชาติสยาม เมื่อ 08 มี.ค. 2010, 12:42, แก้ไขแล้ว 4 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มี.ค. 2010, 12:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ม.ค. 2010, 16:32
โพสต์: 323

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


.:b12: :b12: :b12:.

เคยฟังเพลงปอยฝ้าย มาลัยพรปะ

จังสี้มันต้องถอน

อธิษฐานถอนได้ เช่น

๑.ผู้ที่เคยอธิษฐานว่าจะไม่มีคู่ครอง พอมาแต่งงาน ควรอธิษฐานถอน

๒.ผู้ที่อธิษฐานว่า ยินดีใช้หนี้กรรมให้ ผู้ที่เป็นเจ้ากรรมนายเวรทุกภพทุกชาติ อันนี้ยิ่งต้องถอน

๓.ผู้ที่อธิษฐานว่าจะบำเพ็ญบารมีเป็นพระพุทธเจ้า หากต้องการนิพพานในชาตินี้ ต้องถอนก่อน

ฯลฯ


จั้งสี้มันต้องถอน จั้งสี้มันต้องถอน

ตึม ตึม ตึม ตึ่ม ตึ่ม ตึม ตึม ตึม ตึม

..........

งมงาย

.:b51: :b51: :b51: .


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มี.ค. 2010, 12:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


viewtopic.php?f=28&t=20531

TU เขียน:
...... ไตรสรณคมน์

.............พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
.............ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
.............สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

ทุติยัมปิ
..พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ
..ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ
..สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ


(พระท่านว่า) ....ติสะระณะคะมะนัง นิฏฐิตัง

(รับว่า).............อามะ ภันเต.

:b8:

คัดลอกมาจาก
หนังสือสวดมนต์-ไหว้พระ-สาธยายธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มี.ค. 2010, 12:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 13:22
โพสต์: 146

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชาติสยาม เขียน:
แต่เรื่องการเจริญสติทำอย่างไร การทำสมาธิทำอย่างไร
แต่ละอย่างที่ทำ ทำไปเพื่อผลอะไร เราต้องทราบให้ชัดเจน
เหมือนเราจะยิงธนุออกไปนี่เราต้องทราบว่าจะยิงใส่ตรงไหน ยิงเพื่ออะไำร แล้วยิงอย่างไร
นี่เรียกว่ารู้จักเหตุ และผล(ผลของเหตุ)
ไม่ใช่ยิงส่งยิงดะ ขยันยิงลูกเดียว ด้วยความหวังว่ามันคงโดนเป่าสักอัน
ความจริงมันก็พอได้ แต่เหนื่อยหน่อยและเสียเวลามาก

จำไว้นะ ศีลสิกขา จิตสิกขา และปัญญาสิกขา
เรียนไป ทำไป ให้พอเหมาะกับตัวเอง
เหมือนพระพุทธเจ้าเลย
กลับตัวอย่างนี้แหละ ถูกแล้ว


:b34: เด็กน้อยยังมีปัญญาน้อยอยู่ หวังผู้รู้ช่วยชี้แนะ
:b8: ยิ่งธนุูใส่เป้า เรียกว่า นิพพาน หรือเปล่าค่ะ

.....................................................
ทำไมต้องปล่อยว่าง
เพราะทุกอย่างมี ความว่าง มาแต่เดิม


แก้ไขล่าสุดโดย เว็บมาสเตอร์ เมื่อ 15 มี.ค. 2010, 20:03, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มี.ค. 2010, 13:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


คิดดี ทำดี พูดดี เขียน:
:b34: เด็กน้อยยังมีปัญญาน้อยอยู่ หวังผู้รู้ช่วยชี้แนะ
:b8: ยิ่งธนุูใส่เป้า เรียกว่า นิพพาน หรือเปล่าค่ะ


ใช่แล้ว
แต่เป้าอันที่ว่านี้ มันเป้นของสงวนนะ
ผู้ยิงต้องเป้นพระอนาคามีเสียก่อนนะ

การแจ้งนิพพานกหรือที่เรียกว่าถึงความเป็นพระอรหันต์นี่นะ
มันเป้นหน้าที่ของพระอนาคามี

ถ้าไม่ใช่พระอนาคามี อย่าเสียเวลาไปยิง
ยิงจนกระดูกเป้นอากาศ ยิงจนผ่านยุคที่มีพระพุทธเจ้าไปอีกหมื่นองค์
ยิงยังไงก็ไม่ถึงเป้าหรอก


พวกเราปุถุชน หน้าที่คือทำทาน รักษาศีล เจริญสติ นี่เป้าของเรา
ทำโดยลำดัีบ ปฏิบัติธรรมให้สมควรแก่สมรรถนะของตน
ต้องรู้จัก ..
# ธัมมัญญุตา เป็นผู้รู้จักเหตุ + อัตถัญญุตา เป็นผู้รู้จักผล
- รู้จักเหตุอย่างไร ให้ผลอย่างไร รู้จักผลที่สมควรแก่เหตุ รู้จักเหตุที่สมควรแก่ผล

# อัตตัญญุตา เป็นผู้รู้จักตน
- รู้จักว่าเราเป็นปุถุชน รู้จักสมรรถนะของตน

# มัตตัญญุตา เป็นผู้รู้จักประมาณ.
- รู้จักประมาณในธรรม รู้จักธรรมใดสมควรแก่ตน ไม่สมควรแก่ตน
รู้จักพอดี รู้จักผ่อนสิ่งที่ควรผ่อน รู้จักบั่นสิ่งที่ควรบั่น

# กาลัญญุตา เป็นผู้รู้จักกาล
- รู้จักว่าเวลาไหนควรทำอะไร รู้หน้าที่ รู้ว่าเวลาทำงานไม่ใช่เวลาสวดมนต์ เวลาสวดมนต์ไม่ใช่้เวลางาน
รู้ว่าเวลาเครียดมากๆ มีหน้าที่ผ่อน
รู้ว่าเวลามีความสุขมากๆ มีหน้าที่รั้ง
รู้หน้าที่ในวาระต่างๆ เรียกว่ารู้จักกาล
เมื่อฉลาดขึ้นไปอีก ควรจะรู้หน้าที่ของจิตแต่ละขณะแต่ละเวลาวาระ
ว่าควรทำอย่างไรเพื่อเจริญจิต นี่คือรู้กาลของจิต

# ปริสัญญุตา เป็นผู้รู้จักบริษัท
นี่เรียกว่ารู้จักอยู่กับโลก เมหือนภาษิตว่า ดลกไม่ช้ำ ธรรมไม่เสีย
ไม่ใช่ว่าแก้ผ้าโทงเดินไปในห้าง บอกว่าตัวเองไม่ยึดติดอะไร นี่เรียกว่าไม่รู้จักโลก ไม่รู้สักบริษัท

ประมาณนี้ครับ


แก้ไขล่าสุดโดย เว็บมาสเตอร์ เมื่อ 15 มี.ค. 2010, 20:04, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 21 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร