วันเวลาปัจจุบัน 06 ส.ค. 2025, 18:53  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 23 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 15 เม.ย. 2009, 13:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 เม.ย. 2009, 13:23
โพสต์: 607


 ข้อมูลส่วนตัว


นั่นดิ สงสัยจัง :b11:


โพสต์ เมื่อ: 15 เม.ย. 2009, 20:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2006, 06:25
โพสต์: 2058


 ข้อมูลส่วนตัว


ปัญหานี้ จะมีการเสวนากันบ่อย แต่ ไม่เคยได้คำตอบที่ชัดเจนเลย

เรื่อง คติ ภพภูมิ หลังชีวิตนี้ เป็นเรื่องอจินไตย

คำว่า อจินไตยนี้ หมายถึงถ้าไม่มีญาณประจักษ์ด้วยตนเองก็ยากที่จะรู้ชัดได้ เพราะ เป็นสิ่งที่ไม่สามารถหยั่งถึงด้วยตรรกะ หรือ การคาดเดาได้

ครั้นจะไปฟังท่านอื่น ที่ท่านกล่าวว่าท่านมีญาณในเรื่องนี้บอก ก็ไม่รู้ว่าจะเชื่อถือได้แค่ไหนอีก

มันก็เลย เป็นปัญหาที่มีคนสนใจถามกันมาก แต่ ไม่มีคำตอบที่ชัดเจนสักที

ใน มหากัมมวิภังคสูตร กล่าวถึงว่า แม้นเป็นสมฌะที่มีตาทิพย์สามารถเห็นหมู่สัตว์เวียนว่ายตายเกิดได้โดยตรง แต่ ตัวท่านเอง ก็ยังอาจจะเข้าใจผิด ในเรื่อง กรรม และ ภพภูมิได้ (มีแต่ พระพุทธเจ้าเท่านั้น ที่จะรู้แจ้งแทงตลอดในเรื่องนี้)

ในพระสูตรอื่น กล่าวถึง กรณี ที่แม้นแต่ พระภิกษุที่เพียรพยายามทำความดีมาตลอดชีวิต แต่จิตสุดท้ายเศร้าหมองเพราะไปห่วงในจีวร ยังต้องไปเกิดเป็นเลนเกาะที่จีวรก็มี

ดังนั้น เรื่องภพภูมิหลังความตาย จึงเป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้สำหรับปุถุชน
มีแต่ พระอริยะบุคคลตั้งแต่พระโสดาบันบุคคลขึ้นไปเท่านั้น ที่ท่านสามารถพยากรณ์ตัวท่านเอง ว่าไม่มีคติที่ตกต่ำ คือ ปิดอบายได้แล้ว.... นอกนั้นแล้ว ไม่มีใครพยากรณ์คติตนเองได้...ไม่เว้น แม้นแต่ สมฌะพราหมณ์ที่มีตาทิพย์.
ความจริงแล้ว พระโสดาบันท่านไม่ตกต่ำ ตั้งแต่ ชีวิตของท่านยังดำรงอยู่แล้ว ไม่ใช่ไม่ตกต่ำเอาเฉพาะตอนหลังชีวิตแตกดับ...
ทุกข์ของท่านเปรียบเสมือนจำนวนแห่งเขาโค(น้อยมาก) ส่วนทุกข์ของปุถุชนเปรียบเสมือนจำนวนขนโค(มหาศาล).
คือ พระโสดาบันท่านอยู่ก็อยู่แบบทุกข์น้อย หลังตายก็มีอันไม่ตกต่ำ...ส่วนปุถุชน อยู่ก็อยู่แบบทุกข์มาก ตายไปก็ไม่แน่นอน


สรุป

สุดท้ายแล้ว ที่สุดแห่ง "คำตอบ เรื่องชีวิตหลังความตาย".... มันกลับมาอยู่ที่" "ปัจจุบัน"นั่นเอง
หาใช่ไปอยู่ที่ อนาคต ....


ดังแสดง ในตอนท้ายของ เกสปุตตสูตร(กาลามสูตร) กล่าวถึง ความอุ่นใจสี่ประการของผู้ที่พยายามกระทำความดี... ไม่ว่า ชาติหน้าจะมีจริงหรือไม่ ก็ตาม
ถ้าชาติหน้ามีจริง ผู้กระทำกรรมดีย่อมมีคติภพที่ดี
หากแม้นชาติหน้าไม่มีอยู่จริง ผู้กระทำดีย่อมมีสุขในปัจจุบันและเป็นมนุษย์ชั้นเลิศในปัจจุบันนี้ละ

ดังนั้น การเพียร ที่จะมี ศีล สติ สมาธิ ปัญญา ในทุกๆปัจจุบันขณะที่ชีวิตดำรงอยู่... คือ คำตอบที่แน่นอนที่สุด ในเรื่อง ชีวิตหลังความตายนี้


โพสต์ เมื่อ: 16 เม.ย. 2009, 13:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


ไปวัด... :b13:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสต์ เมื่อ: 16 เม.ย. 2009, 14:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.ค. 2008, 13:47
โพสต์: 288


 ข้อมูลส่วนตัว


พระพุทธเจ้าประกาศธรรม มามากกว่า 2500 ปี แล้ว
ยังไม่รู้อีกเหรอ

ไปงม หาอะไร อยู่ที่ไหน
ถึงไม่รู้เหมือนคนอื่นเค้า


โพสต์ เมื่อ: 16 เม.ย. 2009, 14:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.ค. 2008, 13:47
โพสต์: 288


 ข้อมูลส่วนตัว


"จิตฺเต สงฺกิลิฏฺเฐ ทุคติ ปาฏิกงฺขา" "เมื่อจิตเศร้าหมองแล้ว ทุคติเป็นอันหวังได้"

"จิตฺเต อสงฺกิลิฏฺเฐ สุคติ ปาฏิกงฺขา" "เมื่อจิตไม่เศร้าหมองแล้ว สุคติเป็นอันหวังได้"


โพสต์ เมื่อ: 16 เม.ย. 2009, 14:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 เม.ย. 2009, 13:23
โพสต์: 607


 ข้อมูลส่วนตัว


เขียนเป็นแค่นี้เหรอ คห. ล่าสุด :b33:


โพสต์ เมื่อ: 16 เม.ย. 2009, 15:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.ค. 2008, 13:47
โพสต์: 288


 ข้อมูลส่วนตัว


boom_manman เขียน:
เขียนเป็นแค่นี้เหรอ คห. ล่าสุด :b33:

ข้างบนนี่ล่ะ
"จิตฺเต สงฺกิลิฏฺเฐ"
คิดดูสิจะหวังอะไรได้

นี่ล่ะคือคำตอบที่ว่า ตายแล้วไปไหน
ก็ดูที่ใจตัวเองนี่ล่ะ ก่อนตายเป็นยังไง


โพสต์ เมื่อ: 16 เม.ย. 2009, 15:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 เม.ย. 2009, 13:23
โพสต์: 607


 ข้อมูลส่วนตัว


เบื่อ นี่ศาสนาพุทธนะ ทำไมต้องแยกเป็นหลายหลักการด้วย ทำไม แต่ละคนตอบไม่เหมือนกันเลย


โพสต์ เมื่อ: 16 เม.ย. 2009, 15:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.ค. 2008, 13:47
โพสต์: 288


 ข้อมูลส่วนตัว


boom_manman เขียน:
เบื่อ นี่ศาสนาพุทธนะ ทำไมต้องแยกเป็นหลายหลักการด้วย ทำไม แต่ละคนตอบไม่เหมือนกันเลย

แล้วคนเราหน้าตาเหมือนกันมั้ย ไอคิวเท่ากันมั้ย

ระดับการรับรู้ ความเข้าใจเหมือนกันมั้ย
จริตนิสัยเหมือนกันหรือเปล่า

แต่หลักการของพระพุทธศาสนาก็หลักการเดียวนั่นล่ะ
แต่ตอบตามจริตนิสัยของผู้ตอบเท่านั้นล่ะ


โพสต์ เมื่อ: 16 เม.ย. 2009, 16:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 เม.ย. 2009, 13:23
โพสต์: 607


 ข้อมูลส่วนตัว


นั่นสิ แต่ทุกคนอ้างพระไม่ได้อ้างพระพุทธเจ้า


โพสต์ เมื่อ: 16 เม.ย. 2009, 16:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.ค. 2008, 13:47
โพสต์: 288


 ข้อมูลส่วนตัว


boom_manman เขียน:
นั่นสิ แต่ทุกคนอ้างพระไม่ได้อ้างพระพุทธเจ้า

คิดเอง เออเอง
งงเอง สับสนเอง

ขาดหลัก มีแต่ความโยกเยกคลอนแคลน
สงสัยไปหมด

หาความจริงไม่เจอ


โพสต์ เมื่อ: 17 เม.ย. 2009, 12:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 เม.ย. 2009, 10:01
โพสต์: 200

โฮมเพจ: http://www.watpanonvivek.com/
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


guest เขียน:
boom_manman เขียน:
นั่นสิ แต่ทุกคนอ้างพระไม่ได้อ้างพระพุทธเจ้า

คิดเอง เออเอง
งงเอง สับสนเอง

ขาดหลัก มีแต่ความโยกเยกคลอนแคลน
สงสัยไปหมด

หาความจริงไม่เจอ

นั้นสิครับ..ตอบได้ดีมาก :b17:

"คนถามตายไปใหน" ก็ต้องไปตามยถากรรมสิครับ. :b32:

.....................................................
พอใจในสิ่งที่ตนมีตนได้


โพสต์ เมื่อ: 17 เม.ย. 2009, 12:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 เม.ย. 2009, 10:01
โพสต์: 200

โฮมเพจ: http://www.watpanonvivek.com/
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


boom_manman เขียน:
เบื่อ นี่ศาสนาพุทธนะ ทำไมต้องแยกเป็นหลายหลักการด้วย ทำไม แต่ละคนตอบไม่เหมือนกันเลย


เป็นคำพูดที่ตลกดี.. :b17:
เปล่าโกรธนะแต่เป็นเรื่องขำหนะ.. cheesy

.....................................................
พอใจในสิ่งที่ตนมีตนได้


โพสต์ เมื่อ: 17 เม.ย. 2009, 13:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 เม.ย. 2009, 13:23
โพสต์: 607


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ คนล่าฝัน พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้เชื่ออย่างงมงาย ให้คิดก่อนจะเชื่อ และไม่มีหลักว่าห้ามคลอนแคลน คุณจะตั้งศาสนาใหม่หรือไง พระองค์ไม่ได้สอนอย่างนั้นสักหน่อย และคุณก็ไม่มีสิทธิ์จะสอนอะไรใครนอกเหนือจากที่พระพุทธองค์ได้คิดขึ้นเลยครับ


โพสต์ เมื่อ: 17 เม.ย. 2009, 13:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 เม.ย. 2009, 10:01
โพสต์: 200

โฮมเพจ: http://www.watpanonvivek.com/
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


boom_manman เขียน:
คุณ คนล่าฝัน พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้เชื่ออย่างงมงาย ให้คิดก่อนจะเชื่อ และไม่มีหลักว่าห้ามคลอนแคลน คุณจะตั้งศาสนาใหม่หรือไง พระองค์ไม่ได้สอนอย่างนั้นสักหน่อย และคุณก็ไม่มีสิทธิ์จะสอนอะไรใครนอกเหนือจากที่พระพุทธองค์ได้คิดขึ้นเลยครับ


เปล่าครับ..ก็พูดเชิงติดตลกนิดหน่อยน้า..
ผมไม่บังอาจที่จะตั้งตนเป็นพระศาสดาหรอก..
หากคุณแค่คิดไม่ปฎิบัติ..จะงมงายมากกว่า..อิอิ :b16:

.....................................................
พอใจในสิ่งที่ตนมีตนได้


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 23 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร