วันเวลาปัจจุบัน 04 พ.ค. 2025, 07:42  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มี.ค. 2009, 09:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


พุทธลักษณะของพระพุทธเจ้า ทุกพระองค์
...พระพุทธเจ้าของเรา มีพุทธลักษณะเช่นไร....หรือมีลักษณะพิเศษ อย่างไร เป็น คนธรรมดา
หรือมีลักษณะผิดแปลกจากมนุษย์ทั่วไปหรืออย่างไร
ที่เขียนบทความนี้ขึ้นมา ก็เพราะมักมีการเข้าใจผิดตามตำราบางชนิด กล่าวถึงลักษณะ ของพระพุทธเจ้า ไปในทาง
ที่ผิดแปลกจากหลักความจริงทั่วไป ดันไปเขียนพุทธลักษณะของพระพุทธเจ้า เป็นเหมือนยักษ์ อันเป็นการทำลายความเชื่อในทางพุทธศาสนา เป็นการทำลายศาสนาพุทธอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นข้าพเจ้าจึงเขียนบทความนี้เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ ตามหลักความเป็นจริง ตามหลักวิทยาศาสตร์ ตามหลักแพทย์ศาสตร์ และหลักวิชาการอื่นๆ
แม้ในบางตอนอาจจะดูเป็นเรื่องเหลือเชื่อ ก็ขอให้ท่านทั้งหลายได้อ่านไว้ประดับความรู้ อย่าคิดว่าเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้
เพราะถึงแม้จะดูเหมือนเป็นเรื่องเหลือเชื่อ แต่ข้าพเจ้าก็ขอรับรองว่า เป็นเรื่องจริง

พระพุทธเจ้า ตั้งแต่ องค์ที่ 2 เลยมา ย่อมมีรูปร่างลักษณะ เป็นมนุษย์ดังท่านทั้งหลายนั่นแหละ แต่องค์ปฐม หรือพระพุทธเจ้าพระองค์แรก ข้าพเจ้าไม่แน่ใจว่า จะเป็นมนุษย์หรือไม่
และพระพุทธเจ้า ย่อมมี ลักษณะของสรีระร่างกาย รวมไปถึง อุปนิสัยใจคอ สมองสติปัญญา ตามกรรมพันธุ์ของพระองค์ คือมีลักษณะของสรีระร่างกาย และอื่นๆ ตาม บิดา มารดา ปู่ ย่า ตา ยาย
มันก็เป็นเรื่องธรรมดา สามารถมองเห็นได้กันอยู่แล้ว

พระพุทธเจ้า ย่อมมีลักษณะทางร่างกายที่แตกต่างจากผู้อื่น ก็คือ ปรากฏการณ์ทางร่างกาย เพราะพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ จะสามารถขจัดอาสวะแห่งกิเลส ฯลฯ พร้อมกับมีฉัพพรรณรังสีเปล่งออกมา สามารถมองเห็นได้ด้วยตา ตั้งแต่เกิด เพราะพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ มีบุญญาธิการแห่งเทพเทวดาทั้งหลาย (นี้เป็นเรื่องจริง) แต่พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ย่อมมีการเกิดจากครรภ์มารดา เหมือนบุคคลทั่วๆไป

พระสมณโคดม หรืออาจรวมถึงพระพุทธเจ้าองค์อื่นๆ ไม่สามารถเดินได้เจ็ดก้าวตอนเมื่อคลอดจากครรภ์พระมารดา
แต่ พระพุทธเจ้า จะเป็นพระพุทธเจ้าได้ ก็ต่อเมื่อ สำเร็จมรรคผล รู้หลักธรรม รู้หลักปฏิบัติ และเมื่อนั้น คือการเกิดของพระพุทธเจ้า และสามารถเดินได้เจ็ดก้าวมีดอกบัวรองรับ
ถ้าจะอธิบายให้เกิดความเข้าใจง่ายขึ้น ก็หมายความว่า เมื่อพระพุทธเจ้าพระองค์ใดก็ตาม สามารถค้นหา วิจัย ฝึกปฏิบัติ จนสำเร็จมรรคผล จะจุติดับ และเกิด ในทันที และกลับเปลี่ยนสภาพเป็นดัง ณ.ปัจจุบันที่มีสภาพอยู่ อย่างรวดเร็ว ประมาณ 5 วินาที(อ่านแล้วทำความเข้าใจให้ดี เพราะดูแล้วมันจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อ แต่ขอยืนยันว่า เรื่องจริง)
และ ขณะที่จุติดับ และเกิดนั้น จะเดินได้เจ็ดก้าวมีดอกบัวรองรับ ไม่ใช่เกิดจากครรภ์มารดาปุ๊บ เดินได้ปั๊บ ไม่ใช่ขอรับ

ดังนั้น พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ จึงมีลักษณะทุกอย่าง เหมือน บิดา มารดา ปู่่ ย่า ตา ยาย
ตามหลักพันธุกรรม ฯลฯ อย่างแน่นอน และสามารถพิสูจน์ได้ ตามหลักความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มี.ค. 2009, 05:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2009, 04:12
โพสต์: 1067


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8: อนุโมทนา ...สาธุค่ะ ...
:b41: คนไร้สาระ :b41:

.....................................................
...นฺตถิตัณหา สมานที...
ห้วงน้ำใหญ่โต เสมอด้วยตัณหาไม่มี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มี.ค. 2009, 19:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


อุปสรรค กับ อุปาทาน นั้น แตกต่างจากกัน
เพราะ อุปสรรค เกิดขึ้นได้จากปัจจัย ทั้งภายนอก และภายในร่างกายของบุคคลนััน หรือ อาจเกิดจากการกระทำของบุคคลอื่น หรือเกิดจากสภาพสิ่งแวดล้อมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสภาพภูมิประเทศ หรือสภาพภูมิอากาศ ฯ

แต่ อุปาทาน นั้น เป็นสิ่งที่เกิดจากภายใน แม้จะเกี่ยวเนื่องจากปัจจัยภายนอกอยู่บ้าง ก็เป็นเพียงน้อยนิด คือ เมื่อไดัสัมผัสกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง บุคคลนั้นๆก็จะจดจำ และคิดเอาเองว่าต้องเป็นอย่างที่ตัวเองเข้าใจ เกิดความยึดมั่นถือมั่นว่า สิ่งที่ตัวเองคิดนั้นถูกต้อง โดยไม่ได้พิจารณาให้เป็นไปตามหลักความจริง หรือหลักธรรมชาติ (ขยายความจาก พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน)

ทั้งอุปสรรค และอุปาทาน ย่อมมีทั้งสามารถแก้ไขได้ และมีทั้งแก้ไขไม่ได้ ตามแต่สถานะการณ์ อุปกรณ์ เครื่องมือ ความรู้ หลักการตามหลักวิชา ฯ และที่สำคัญที่ขาดไม่ได้ คือ ตัวบุคคล หรือจะเรียกว่า ทรัพยากรบุคคลก็ย่อมได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2009, 11:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2009, 04:12
โพสต์: 1067


 ข้อมูลส่วนตัว


:b16: :b8: :b4: คนไร้สาะขอกล่าวอนุโมทนา
สำหรับข้อความที่คุณ Buddha
โพสต์ เป็นธรรมทาน :b48:

และ

ขอกล่าวคำว่า "ขอโทษ" เพราะคำว่า
"อุปสรรคไม่หนักเท่าอุปทาน"
:b16: :b4: :b8: คำนี้เป็นคติประจำตัวค่ะ มิได้มีเจตนาไม่ดี
ถ้าคำนี้ทำให้คุณ Buddha รู้สึกไม่สบายใจ
คนไร้สาระ ขอน้อมรับไว้ค่ะ
และ
ขอบคุณที่ได้กรุณาให้ความรู้เพิ่มเติม
ระหว่าง 2 คำ ขอบคุณเจตนาดีค่ะ
ทุกโพสต์ที่คนไร้สาระโพสต์จะมีคำนี้ติดอยู่

ถ้าคุณไม่ได้เข้าใจผิดก็ไม่เป็นไร คนไร้สาระ
จะยินดีมาก และหวังว่า "เรา"จะเป็นกัลยาณมิตร
ที่ดีต่อกัน :b16: :b8: :b48:

.....................................................
...นฺตถิตัณหา สมานที...
ห้วงน้ำใหญ่โต เสมอด้วยตัณหาไม่มี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2009, 19:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


คนไร้สาระ เขียน:
:b16: :b8: :b4: คนไร้สาะขอกล่าวอนุโมทนา
สำหรับข้อความที่คุณ Buddha
โพสต์ เป็นธรรมทาน :b48:

และ

ขอกล่าวคำว่า "ขอโทษ" เพราะคำว่า
"อุปสรรคไม่หนักเท่าอุปทาน"
:b16: :b4: :b8: คำนี้เป็นคติประจำตัวค่ะ มิได้มีเจตนาไม่ดี
ถ้าคำนี้ทำให้คุณ Buddha รู้สึกไม่สบายใจ
คนไร้สาระ ขอน้อมรับไว้ค่ะ
และ
ขอบคุณที่ได้กรุณาให้ความรู้เพิ่มเติม
ระหว่าง 2 คำ ขอบคุณเจตนาดีค่ะ
ทุกโพสต์ที่คนไร้สาระโพสต์จะมีคำนี้ติดอยู่

ถ้าคุณไม่ได้เข้าใจผิดก็ไม่เป็นไร คนไร้สาระ
จะยินดีมาก และหวังว่า "เรา"จะเป็นกัลยาณมิตร
ที่ดีต่อกัน :b16: :b8: :b48:


หามิได้ ข้าพเจ้ามิได้มีจิตคิดอกุศล ในข้อความที่คุณเขียน แต่ข้าพเจ้ามองว่า สิ่งที่คุณเขียนมานั้น เป็นการเข้าใจผิด และเป็นการเข้าใจอย่างไม่ถ่องแท้ ตามหลักความเป็นจริง จึงได้อธิบายให้ได้เกิดความเข้าใจ ว่า
ทั้ง อุปสรรค และ อุปาทาน ลัวนมีค่าเท่ากัน แม้จะไม่เหมือนกัน ในเหตุและปัจจัย แต่ทั้งอุปสรรค และอุปาทาน ล้วนมีทางแก้ไขได้เท่าเทียมกัน มันขึ้นอยู่กับตัวบุคคลว่า จะมีสติ สัมปชัญญะ ความรู้ ความเข้าใจ ในการขจัด หรือฟันฝ่า ทั้ง อุปสรรค และอุปาทานนั้นได้อย่างไรเท่านั้นขอรับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มี.ค. 2009, 15:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 มิ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1854

แนวปฏิบัติ: อานาปานสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: THAILAND

 ข้อมูลส่วนตัว


:b42: ได้เคยอ่านมาบ้างเหมือนกัน เรื่องพุทธลักษณะของพุทธองค์
แต่ได้อ่านอีก ก็ดีเช่นกัน ทบทวนความรู้
:b8: อนุโมทนา สาธุ ด้วยจ้า

.....................................................
[สวดมนต์วันละนิด-นั่งสมาธิวันละหน่อย]
[ปล่อยจิตให้ว่าง-ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ]


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มี.ค. 2009, 22:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ม.ค. 2009, 09:03
โพสต์: 81


 ข้อมูลส่วนตัว


พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้าที่ 121

ของราชสีห์บริบูรณ์ กายเบื้องหลังไม่บริบูรณ์. ก็พระวรกายทั้งหมดของพระ

มหาบุรุษบริบูรณ์ดุจกายเบื้องหน้าของราชสีห์. แม้พระวรกายของมหาบุรุษก็

เหมือนกายของราชสีห์ย่อมไม่ตั้งอยู่สูง ๆ ต่ำ ๆ ด้วยสามารถแห่งความฟูและ

แฟบเป็นต้น แต่ยาวในที่ควรยาวย่อมเป็นอย่างนั้น ในที่ควรสั้น ควรล่ำ ควร

เรียว ควรกว้าง ควรกลมเป็นต้น. ดังที่พระองค์ตรัสไว้ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย

พระมหาบุรุษทรงปลื้มพระทัยนักแล เมื่อผลกรรมปรากฏทรงงดงามเพราะอวัยวะ

ส่วนใดยาว อวัยวะส่วนนั้นย่อมตั้งอยู่ยาว ทรงงดงามเพราะอวัยวะส่วนใดสั้น

อวัยวะส่วนนั้นย่อมตั้งอยู่สั้น ทรงงดงามเพราะอวัยวะส่วนใดล่ำ อวัยวะส่วน

นั้นย่อมตั้งอยู่ล่ำ ทรงงดงามเพราะอวัยวะส่วนใดเรียว อวัยวะส่วนนั้นย่อมตั้ง

อยู่เรียว ทรงงดงามเพราะอวัยวะส่วนใดกว้าง อวัยวะส่วนนั้นย่อมตั้งอยู่กว้าง

ทรงงดงามเพราะอวัยวะส่วนใดกลม อวัยวะส่วนนั้นย่อมตั้งอยู่กลมดังนี้. อัตตภาพ

ของพระมหาบุรุษสะสมไว้ด้วยทานจิต บุญจิต ตระเตรียมไว้ด้วยบารมี ๑๐

ด้วยประการฉะนี้. ศิลปินทั้งปวงหรือผู้มีฤทธิ์ทั้งปวงในโลก ไม่สามารถสร้าง

รูปเปรียบได้.


พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 66

หรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ก็ฉันนั้น กำหนดขันธ์ส่วนอดีตก็ดี
กำหนดขันธ์ส่วนอนาคตก็ดี กำหนดขันธ์ทั่งส่วนอดีตทั่งส่วนอนาคตก็ดี
มีความเห็นตามขันธ์ทั้งส่วนอดีตทั้งส่วนอนาคต ปรารภขันธ์ทั่งส่วนอดีต
ทั้งส่วนอนาคต กล่าวคำแสดงวาทะหลายชนิด สมณะหรือพราหมณ์
เหล่านั้นทั้งหมด ถูกทิฏฐิ ๖๒ อย่างเหล่านี้ แหละเป็นดุจข่ายคลุมไว้ อาศัย
อยู่ในข่ายนี้แหละ เมื่อผุดก็ผุดอยู่ในข่ายนี้ ติดอยู่ในข่ายนี้ ถูกข่ายคลุมไว้
เมื่อผุดก็ผุดอยู่ในข่ายนี้.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคตมีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพ
ขาดแล้ว ยังดำรงอยู่ เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายย่อมเห็นตถาคต
ชั่วเวลาที่กายของตถาคตดำรงอยู่ ต่อเมื่อกายแตกสิ้นชีวิตแล้ว เทวดา
และมนุษย์ทั้งหลายจะไม่เห็นตถาคต ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวง
มะม่วงเมื่อขาดจากขั้วแล้ว ผลใดผลหนึ่งที่ติดขั้วอยู่ ย่อมติดขั้วไป ฉันใด
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคตมีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพชาติแล้ว
ก็เหมือนฉันนั้น ยังดำรงอยู่ เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายย่อมเห็นตถาคต
ชั่วเวลาที่กายของตถาคตยังดำรงอยู่ ต่อเมื่อกายแตกสิ้นชีวิตแล้ว เทวดา
และมนุษย์ทั้งหลายจะไม่เห็นตถาคต.

พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย เอกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 214

บทว่า อสหาโย ความว่า ชื่อว่าไม่มีสหาย เพราะท่านไม่มี

สหายผู้เช่นกับด้วยอัตภาพ หรือด้วยธรรมที่ทรงแทงตลอดแล้ว.

ก็พระเสขะและพระอเสขะ ชื่อว่า เป็นสหายขอพระพุทธเจ้าทั้งหลาย

โดยปริยายนี้ว่า พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงได้เสกขปฎิปทา และ

อเสกขปฏิปทาเป็นสหายแล.



บทว่า อปฺปฎิโม (ไม่มีผู้เปรียบ) ความว่า อัตภาพเรียกว่า

รูปเปรียบ. ชื่อว่าไม่มีผู้เปรียบ เพราะรูปเปรียบอื่นเช่นกับอัตภาพ

ของท่านไม่มี. อีกอย่างหนึ่ง มนุษย์ทั้งหลายกระทำรูปเปรียบใด

ล้วนแล้วด้วยทองและเงินเป็นต้น ในบรรดารูปเปรียบเหล่านั้น ชื่อว่า

ผู้สามารถกระทำโอกาสแม้สักเท่าปลายขนทรายให้เหมือนอัตภาพของ

พระตถาคต ย่อมไม่มี เพราะเหตุนั้น จึงชื่อว่าไม่มีผู้เปรียบแม้โดย

ประการทั้งปวง. บทว่า อปฺปฎิสโม (ไม่มีผู้เทียบ) ความว่า ชื่อว่า

ไม่มีผู้เทียบ เพราะใคร ๆ ชื่อว่าผู้จะเทียบกับอัตภาพของพระตถาคต

นั้นไม่มี.


แล้วจะหายสงสัยกันไหมเนี๋ย แล้วสร้างรูปเปรียบกันไว้เต็มบ้านเต็มเมืองเต็มโลก ไม่รู้ไปเชื่อท่านพระเจ้ามิลินหรืออีกชื่อหนึ่งว่าพระเจ้าเมธันเดอร์ ชาวกรีกนะ เป็นผู้สร้างพระพุทธรูปต้นแบบไว้เป็นรูปเปรียบพระพุทธเจ้าให้ชาวพุทธเราคลั่งไคล้หลงไหลกันจนผิดทาง ไปอ้อนวอนบนบานอะไรไม่รู้ ระวังนะคิดถึงพระพุทธรูปไว้เป็นที่พึ่งมากๆ เวลาตายจิตจะไปติดอยู่ที่ฐานพระพุทธรูปแล้วหลงไม่รู้จะไปทางไหนดีนะ (ขอบอก)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร