วันเวลาปัจจุบัน 18 พ.ค. 2025, 12:52  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 12 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.พ. 2009, 11:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2007, 20:05
โพสต์: 102


 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

ปัจจุบันเป็นยุควิทยาศาสตร์ หลักวิชาการต่าง ๆ ต้องผ่านการทดสอบทางวิทยาศาสตร์เสียก่อนจึงจะเชื่อถือได้ รายชื่อหนังสือเขียนโดยศาสตราจารย์ฝรั่งที่ยืนยันว่า “ชาติหน้ามีจริง” ดังนี้

๑. งานวิจัยเรื่อง “ 20 ผู้กลับชาติมาเกิด” โดย ศ.นพ. เอียน สตีเวนสัน อ่านต้นฉบับภาษาอังฤษได้ที่ http://books.google.com/books?id=vIDES6VWl1MC&hl=th

๒. ชาติภพ โดย Brian L.Weiss,M.D. มหาวิทยาลัยไมอามี่ จุไรรัตน์ อารยะกิตติพงศ์ แปล สำนักพิมพ์มติชน ๑๒ ถ.เทศบาลนฤมาล ประชาชื่น๑ กทม. ๑๐๙๐๐

๓. ประจักษ์พยานตายแล้วเกิด โดย ดร. บุณย์ นิลเกษ โรงพิมพ์สหมิตรออฟเซท ๔๘ /๕๔ ถนนพระสุเมรุ บ้านพานถม พระนคร กท.๑๐๒๐๐ พิมพ์ครั้งที่ ๓

๔. จิตใต้สำนึกกับการระลึกชาติ โดย Jess Stearn “ทศยุทธ์” แปล สำนักพิมพ์เรืองบุญ ๑๐/๐ ม.๗ ต.บางกระสอ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ

๕. 25 ผู้ระลึกชาติ โดย นที ลานโพธิ สำนักพิมพ์ธารบัวแก้ว ๒๕/๕/๕๔ ซ.หมู่บ้านเจริญรัตน์ ถ.ประชาราษฏร์ ๑๖ ต.ตลาดขวัญ จ.นนทบุรี

๖. แว่นส่องจักรวาฬ โดย พ.ต.อ.ชลอ อุทกภาชน์ ธ.บ. โรงพิมพ์รุ่งเรืองรัตน์ ๔๗ ถ.เฟื่องนคร พระนคร กรุงเทพฯ ๒๕๐๒ (นายรวล รุ่งเรืองธรรม)

๗. นักวิจัยไทยค้นพบ 28 ผู้กลับชาติมาเกิด ฟังบรรยายได้ที่ : http://www.navy.mi.th/navy_admin/maolee/deadborn.php

เนื้อหาของหนังสือทั้ง ๖ เล่มนี้จะบอกให้เรารู้ว่า การเวียนว่ายตายเกิด นรกสวรรค์เป็นเรื่องจริง มิใช่แค่ความเชื่อ ถ้าไม่จริง เด็กอายุแค่ ๔-๕ ขวบ จะรู้จักชื่อของญาติพี่น้องของตนในชาติก่อนได้อย่างไร โดยที่ศาสตราจารย์ น.พ.เอียน สตีเวนสันได้นำเด็กคนนั้น...ไปหาญาติพี่น้องตามที่เด็กกล่าวอ้างจนพบจริง ๆ ในบราซิลมีอยู่ถึง ๔ คน



Twenty Cases Suggestive of Reincarnation

โดย Ian Stevenson M.D.

จัดพิมพ์โดย University of Virginia Press, 1980

ISBN 0813908728 , 9780813908724



การเวียนว่ายตายเกิดเป็นกฎธรรมชาติ ไม่ว่าผู้นั้นจะเชื่อหรือไม่ จะนับถือศาสนาหรือศาสดาองค์ใดก็ตาม ถ้าหากเขายังมีกิเลสตัณหาในจิต ยังมีราคะ โทสะ โมหะอยู่ ก็ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดในภูมิทั้ง ๓๑ ไม่มีที่สิ้นสุด ต้องเวียนสุขเวียนทุกข์ เป็นเทพบ้าง เป็นมนุษย์บ้าง เป็นสัตว์ เดรัจฉานบ้าง ตกนรกบ้าง ตามอำนาจบุญและบาปที่ตนเองได้ทำไว้ ต่อเมื่อเขาเบื่อหน่ายการเวียนว่ายตายเกิด แสวงหาวิธีตัดวงจรนี้เสียด้วยการเจริญวิปัสสนา ดำเนินตามมรรคมีองค์ ๘ จนบรรลุถึงพระนิพพาน เมื่อนั้นเขาจึงจะหลุดพ้นจากความทุกข์และการตกนรก ได้อย่างสิ้นเชิง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.พ. 2009, 14:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2006, 06:25
โพสต์: 2058


 ข้อมูลส่วนตัว


ที่ผมศึกษาและปฏิบัติธรรมอยู่ ก็เพราะ เห็นทุกข์ และ หาทางออกจากทุกข์

ทุกข์นั้น ไม่จำกัดอยู่เฉพาะทุกข์จากการเวียนว่ายตายเกิดเท่านั้น

ทุกข์ในปัจจุบันขณะ ที่ เกิดจากการแปรปรวนวิบัติพลัดพรากแห่งอุปาทานขันธ์๕ ก็เป็นทุกข์
รถหาย...แฟนทิ้ง...เจ้านายด่า...ตกงาน ๆลๆ
สารพัดสัพเพเหระแห่งทุกข์ที่แสดงตนอยู่ในปัจจุบัน บางคนถึงขนาดทำลายชีวิตตนเองและผู้อื่น

ที่กล่าวเช่นนี้ อย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่า ผมปฏิเสธการเวียนว่ายตายเกิดน่ะครับ
ส่วนตัวผมเชื่อมั่นในเรื่องนี้ แต่ ถ้าใครที่เขาไม่เชื่อ หรือ ลังเลที่จะเชื่อในเรื่องนี้เหมือนผม ผมก็มองว่า เขาก็มีโอกาสที่จะพ้นทุกข์ได้เช่นกัน ถ้าปฏิบัติดับทุกข์ใจในปัจจุบันได้ถูกต้อง

เพระเหตุที่ทำให้หมู่สัตว์เวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏฏ์ และ เหตุที่ทำให้หมู่สัตว์ทุกข์ใจในปัจจุบัน คือ เหตุเดียวกัน นั่นคือ อวิชชา

ถ้าอวิชชาดับลง(วิชชาเกิดขึ้น)แม้นร่างกายธาตุขันธ์ยังไม่แตกดับ ทุกข์ใจก็จบสิ้นลงทันที(สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ)... เมื่อ ร่างกายธาตุขันธ์แตกดับลง ก็จะไม่มีการเกิดใหม่อีกในภพใดๆ และ ยุติอย่างสิ้นเชิง(ดับขันธปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ)



ในกระทู้นี้

ผมทักท้วง การจำกัดคำสอนของพระพุทธเจ้าเอาไว้เพียงเรื่อง การเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏฏ์เท่านั้น

อย่างหัวข้อกระทู้

อ้างคำพูด:
ถ้าการกลับชาติมาเกิด..ไม่มีจริง ศาสนาพุทธคงต้องล้มทั้งยืน?




เสนอ อ่านที่พระพุทธเจ้าตรัส ตรงนี้ให้ละเอียด


จาก http://larndham.net/cgi-bin/tread.pl?st ... yte=484902


ว่าด้วยขันธ์ส่วนอดีตและอนาคต
[๓๗๑] ดูกรอุทายี ผู้ใดพึงระลึกถึงชาติก่อนได้เป็นอันมาก คือ ระลึกได้ชาติหนึ่งบ้าง
สองชาติบ้าง ฯลฯ พึงระลึกถึงชาติก่อนได้เป็นอันมาก พร้อมทั้งอาการ พร้อมทั้งอุเทศ ด้วยประการฉะนี้
ผู้นั้นควรถามปัญหาปรารภขันธ์ส่วนอดีตกะเรา หรือเราควรถามปัญหาปรารภขันธ์
ส่วนอดีตกะผู้นั้น ผู้นั้นจะพึงยังจิตของเราให้ยินดีได้ ด้วยการพยากรณ์ปัญหาปรารภขันธ์ส่วนอดีต หรือเราจะพึงยังจิตของผู้นั้นให้ยินดีได้ ด้วยการพยากรณ์ปัญหาปรารภขันธ์ส่วนอดีต.
ดูกรอุทายี ผู้ใดพึงเห็นหมู่สัตว์ที่กำลังจุติ กำลังอุปบัติ เลว ประณีต มีผิวพรรณดี
มีผิวพรรณทราม ได้ดี ตกยาก ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ ล่วงจักษุของมนุษย์ ฯลฯ พึงรู้ชัดซึ่งหมู่สัตว์ผู้เป็นไปตามกรรม ด้วยประการฉะนี้ ผู้นั้นควรถามปัญหาปรารภขันธ์ส่วนอนาคตกะเราหรือเราควรถามปัญหาปรารภขันธ์ส่วนอนาคตกะผู้นั้น ผู้นั้นพึงยังจิตของเราให้ยินดีได้ ด้วยการพยากรณ์ปัญหาปรารภขันธ์ส่วนอนาคต หรือเราพึงยังจิตของผู้นั้นให้ยินดีได้ ด้วยการพยากรณ์ปัญหาปรารภขันธ์ส่วนอนาคต.
ดูกรอุทายี แต่จงงดขันธ์ส่วนอดีตและขันธ์ส่วนอนาคตไว้ก่อน เราจักแสดงธรรมแก่ท่านว่า
เมื่อเหตุนี้มี ผลนี้จึงมี
เพราะเหตุนี้เถิด ผลนี้จึงเกิด
เมื่อเหตุนี้ไม่มี ผลนี้จึงไม่มี
เพราะเหตุนี้ดับ ผลนี้จึงดับ.


และจาก http://larndham.net/cgi-bin/tread.pl

คันธภกสูตร
[๖๒๗] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ อุรุเวลกัปปะ นิคมของมัลลกษัตริย์ ในมัลลรัฐ
ครั้งนั้นแล นายบ้านนามว่า คันธภกะเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว นั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญข้าพระองค์ขอประทานพระวโรกาส ขอพระผู้มีพระภาคโปรดทรงแสดงเหตุเกิดและเหตุดับแห่งทุกข์แก่ข้าพระองค์เถิด
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรนายคามณีก็เราพึงปรารภอดีตกาลแสดงเหตุเกิดและเหตุดับแห่งทุกข์แก่ท่านว่า ในอดีตกาลได้มีแล้วอย่างนี้ ความสงสัย ความเคลือบแคลงในข้อนั้นจะพึงมีแก่ท่าน
ถ้าเราปรารภอนาคตกาลแสดงเหตุเกิดและเหตุดับแห่งทุกข์แก่ท่านว่า ในอนาคตกาล
จักมีอย่างนี้ แม้ในข้อนั้น ความสงสัย ความเคลือบแคลง จะพึงมีแก่ท่าน
อนึ่งเล่า เรานั่งอยู่ ณ ที่นี้แหละ จักแสดงเหตุเกิดและเหตุดับแห่งทุกข์แก่ท่าน
ซึ่งนั่งอยู่ที่นี่เหมือนกัน


และ ที่ชัดเจนอีกจุดหนึ่ง คือ

ปัญหาที่ไม่ควรสนใจ
พระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน เมืองสาวัตถี
พระมาลุงกยบุตร ได้ไปเฝ้าทูลถามปัญหา เรื่องโลกเที่ยงหรือไม่เที่ยง เรื่อง
สัตว์ตายแล้วเกิดหรือตายแล้วสูญ เรื่องชาติหน้ามีหรือไม่มี เป็นต้น
พระพุทธองค์ทรงเปรียบเรื่องนี้ไว้น่าคิด พอสรุปได้ว่า
"มาลุงกยบุตร! ปัญหาเรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องสนใจก่อน ขืนมัว
ไปสนใจจะตายเสียเปล่า"
มาลุงกยบุตร! เปรียบเหมือนคนถูกยิงด้วยลูกศร ซึ่งอาบด้วย
ยาพิษร้ายแรง พวกญาติได้พาคนเจ็บไปหาหมอผ่าตัดที่ชำนาญเพื่อผ่าเอา
ลูกศรออก แต่คนเจ็บได้พูดว่า "ช้าก่อนหมอ! เรายังไม่รู้จักคนยิงเรา
นั้น ว่าเป็นใคร ชื่ออะไร สูงต่ำ ดำขาว อย่างไร บ้านเรือนเขาอยู่ที่ไหน
ธนูที่ยิงเราเป็นชนิดไหน สายที่ยิงทำด้วยอะไร ลูกธนูทำด้วยไม้อะไร
หางธนูทำด้วยขนสัตว์อะไร ถ้าเรายังไม่รู้ปัญหาเหล่านี้ก่อน เราจะไม่ยอมให้
ท่านผ่าเอาลูกศรออก" ดังนี้ ฉันใด?
มาลุงกยบุตร! คนผู้นั้นจะต้องตายเสียก่อนก็ฉันนั้น ปัญหาเรื่องโลก
เที่ยงไม่เที่ยง เรื่องสัตว์ตายเกิดหรือสูญ เรื่องชาติหน้ามีหรือไม่มีนี้ เป็น
ปัญหาที่จะทำให้ผู้ขบคิดตายเสียก่อน

มาลุงกยบุตร! ปัญหานี้เราไม่ตอบ เพราะเหตุใด? เพราะว่าไม่เป็น
ประโยชน์ ไม่เป็นเหตุให้ประพฤติพรหมจรรย์ ไม่เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย
เพื่อคลายกำหนัด เพื่อความดับทุกข์ เพื่อความสงบ เพื่อความบรรลุนิพพาน
ส่วนความเห็นที่ว่านี้ทุกข์ นี้เหตุให้เกิดทุกข์ นี้ความดับทุกข์ นี้ทางให้ถึง
ความดับทุกข์ อย่างนี้เป็นปัญหาที่เราตอบ"
จูฬมาลุงโกยวาทสูตร ๑๓/๑๓๒
(คัดลอกจากพระไตรปิฎกฉบับดับทุกข์ หน้า 20 - 21)




ก็ในเมื่อ พระพุทธองค์เอง ท่านทรงตรัสไว้ชัดๆ ว่า
ที่สำคัญที่จะทำให้พ้นทุกข์ คือ ปัจจุบัน.... ไม่ใช่อดีตชาติ หรือ อนาคตชาติ....

การใช้เรื่อง การเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏฏ์มาสรุปว่า ถ้า การเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏฏ์ไม่มี ศาสนาพุทธจะล้มทั้งยืน จึงไม่ถูกต้อง และ ไม่รอบครอบครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.พ. 2009, 15:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ค. 2008, 09:39
โพสต์: 219


 ข้อมูลส่วนตัว


กระทู้ของท่านนี้ มักออกมา “แนวเหยียดศาสนาพุทธ” เป็นส่วนใหญ่
เหมือนการเอา ความรู้ทางโลกของคนต่างชาติ ต่างศาสนา
มารับรอง ความมีอยู่ของ "ศาสนาพุทธ"


:b7:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.พ. 2009, 15:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2007, 20:05
โพสต์: 102


 ข้อมูลส่วนตัว




.jpg
.jpg [ 97.13 KiB | เปิดดู 6307 ครั้ง ]
1
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.พ. 2009, 15:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ค. 2008, 09:39
โพสต์: 219


 ข้อมูลส่วนตัว


พิมพ์เองหรือ ? ใครแต่ง ? หาซื้อได้ที่ไหน ?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.พ. 2009, 16:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2007, 20:05
โพสต์: 102


 ข้อมูลส่วนตัว


ดูที่นี่ ครับ..http://www.tlcthai.com/club/list_topic. ... ate_id=788


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.พ. 2009, 18:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าการกลับชาติมาเกิด..ไม่มีจริง ศาสนาพุทธคงต้องล้มทั้งยืน?


ศาสนาพุทธที่ล้มทั้งยืนคือ ศาสนาพุทธเถรวาท และศาสนาพุทธมหายานนิกายต่างๆที่ไม่ใช่ นิกายสุขาวดี

สาเหตุที่ศาสนาพุทธเถรวาท และศาสนาพุทธมหายานนิกายต่างๆที่ไม่ใช่ นิกายสุขาวดี ต้องล้มทั้งยืน เพราะศาสนาพุทธเหล่านั้นพึ่งตนเอง ไม่พึ่งบารมีพุทธเจ้า จึงทำให้เขายากที่จะหลุดพ้นจากสังสารวัฏฏ์ และอาจต้องตกนรกเพราะบาปที่เขาทำบนโลก

ส่วน ศาสนาพุทธมหายาน นิกายสุขาวดี และนิกายอื่นที่พึ่งบารมีพระพุทธเจ้าองค์อื่นๆ จะไม่ล้มลง เพราะสำหรับเขาแล้วไม่มีสังสารวัฏฏ์ ไม่มีการเวียนว่ายตายเกิด เนื่องจากพวกเขาไม่ได้พึ่งบารมีตัวเองเป็นหลัก แต่พึ่งบารมีของพระพุทธเจ้าที่เขานับถือ เขาจึงไม่ต้องชดใช้กรรมในนรกแห่งสังสารวัฏฏ์ และไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอีก เพราะจะถูกนำไปจุติและฝึกจิตในพุทธเกษตรต่างๆของพระพุทธเจ้าเหล่านี้ เช่น

- ไปฝึกจิตในพุทธเกษตรสุขาวดีของพระอมิตา
- ไปฝึกจิตในพุทธเกษตรของพระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภา
- ไปฝึกจิตในพุทธเกษตรของพระอักโษภยะ

ส่วน ศาสนาพุทธมหายาน นิกายที่พึ่งพิงบารมีของพระโพธิสัตว์มหายาน นิกายที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกธาตุใบนี้ เรียกว่า

" ศาสนาคริสต์ "

คนที่นับถือคริสตศาสนา จะมีสรวงสวรรค์ของพระคริสต์รองรับอยู่ เมื่อพวกเขาตายไป ก็จะไปจุติที่นั่น และไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอีก


พระเยซูทรงตรัสว่า

"ทางของเราเป็นทางเล็ก ท่านจงเข้าทางเล็กเถอะ เพราะทางใหญ่(สังสารวัฏฏ์)นำไปสู่นรก"

ถ้าผมจำข้อความคลาดเคลื่อนไปบ้าง ชาวคริสต์ที่เข้ามาในเว็บนี้ กรุณาให้อภัยด้วย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.พ. 2009, 10:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2007, 20:05
โพสต์: 102


 ข้อมูลส่วนตัว




.jpg
.jpg [ 99.59 KiB | เปิดดู 6204 ครั้ง ]
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.พ. 2009, 13:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b40: ตั้งแต่โบราณกาลนานมาแล้ว จะมีกลุ่มคนที่คิดเกี่ยวกับชีวิตไว้ 2 แบบคือ แบบแรกเชื่อว่าชีวิตตายแล้วสูญไม่ต้องกลับมาเกิดอีกตายแล้วก้จบเท่านั้น แบบที่สองเชื่อว่าชีวิตๆนี้เป็นของๆเรา อยู่กับเราเที่ยงแท้ไม่มีทางจากเราไปไหน ซึ่งความเชื่อของคน 2 กลุ่ม ว่ากันตามหลักของพุทธศาสนาถือว่าเป็น มิจฉาทิฏฐิ :b43:
:b39: ดังนั้นถ้าการกลับชาติมาเกิด..ไม่มีจริง ศาสนาพุทธคงต้องล้มทั้งยืน? เห็นจะเป็นความคิดที่ไม่ถูกต้อง เป็นมิจฉาทิฏฐิ ด้วยเหมือนกัน
ในประเทศอินเดียทั้งที่เปนที่กำเนิดของศาสนาพุทธ แต่ก้ต้องถูกความเชื่อและวัฒนธรรมของศาสนาอื่นดูดกลืนกลืนกินไปหมด เหลือที่นับถือเพียงไม่กี่%ของคนทั้งหมดในอินเดีย เนื่องจากอิทธิพลของคำสอนและแนวคิดความเชื่อเหล่านี้...ทำให้ความเชื่อและแนวปฏิบัติเดิมๆของพุทธในอินเดียค่อยๆหายไป :b48: :b39:

.....................................................
"มีสติเป็นเรือนจิต ใช้ชีวิตเป็นเรือนใจ ใช้ปัญญาเป็นแสงสว่างส่องทางเดินไปเถิด จะได้ล้ำเลิศในชีวิตของท่าน มีความหมายอย่างแท้จริง"
ในการปฏิบัติธรรม หลวงพ่อท่านบอกว่า ให้ตัดปลิโพธกังวลใจทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ลูก สามี ภรรยา ความวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวง อย่าเอามาเป็นอารมณ์ จากหนังสือ: เจริญกรรมฐาน7วันได้ผลแน่นอน หัวข้อ12: ระงับเวรด้วยการแผ่เมตตา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.พ. 2009, 13:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมเห็นว่าผู้เขียนเขาเล่นสำนวนเฉยๆ

ถ้าคนอ่านพิจารณาถ้อยคำอย่างลึกซึ้ง ก็จะรู้สึกว่าใช้คำไม่ถูก
เพราะศาสนาพุทธไม่ได้อยู่ด้วยการกลับชาติมาเกิด

แต่คนเขียนเขาอาจจะต้องการเล่นสำนวนกับหัวเรื่อง ให้เรื่องที่เขียนมันดูเร้าอารมณ์ (sensation)
เพราะพวกฝรั่งเขาจะเชื่ออะไร มันต้องเป้นวิทยาศาสตร์
ให้เขามานั่งสมาธิ เจริญวิปัสนาเพื่อหาคำตอบ เขาไม่เอา มันนาน
เขาเลยลูบๆคลำเอาเท่าที่ทำได้ เช่นการวิจัยเรื่องการกลับชาติมาเกิด
แล้วก็พบกับคำตอบที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถให้คำตอบได้


ผมเห็นว่าเรื่องนี้ดีนะ เนื้อหาดี การเรียบเรียงก็ดี แต่มันติดตรงหัวเรื่องมีปัญหา
เหมือนข่าวพาดหัวหนังสือนิตสารดาราประเภทพาดหัวว่าดาราท้องไม่มีพ่อ
เอาิ่พออ่านแล้วกลับเป้นการท้องในละคร ชีวิตจริงไม่ท้อง
คนอ่านเลยรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง รู้สึกขัดๆ ค้านๆ เหมือนโดนตบหน้า


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.พ. 2009, 15:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


- ว่าแต่รายชื่อหนังสือที่อ้างitem 1- 7 ได้มาจากไหนครับ ดูแล้วคล้ายๆบรรณานุกรมท้ายเล่มนะ
(รายชื่อที่อ้างถึงล้วนแต่เป็นหนังสือที่ขายดีด้วยกันทั้งนั้น)

- หัวข้อที่เจ้าของกระทู้ตั้ง เป็นชื่อหนังสือหรือบทความๆหนึ่งรึป่าว เพราะดูแล้วไม่น่าจะคิดหรือตั้งขึ้นเอาเอง :b42:

เหมือนอยากจะให้คนสนใจเข้าไปอ่านมากๆ เลยตั้งชื่อหัวข้อให้ขัดแย้งกับเนื้อหาสาระภายในเล่ม(น่าจะใช่) :b39: :b40: :b39: :b40:

.....................................................
"มีสติเป็นเรือนจิต ใช้ชีวิตเป็นเรือนใจ ใช้ปัญญาเป็นแสงสว่างส่องทางเดินไปเถิด จะได้ล้ำเลิศในชีวิตของท่าน มีความหมายอย่างแท้จริง"
ในการปฏิบัติธรรม หลวงพ่อท่านบอกว่า ให้ตัดปลิโพธกังวลใจทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ลูก สามี ภรรยา ความวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวง อย่าเอามาเป็นอารมณ์ จากหนังสือ: เจริญกรรมฐาน7วันได้ผลแน่นอน หัวข้อ12: ระงับเวรด้วยการแผ่เมตตา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 09:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ค. 2008, 09:39
โพสต์: 219


 ข้อมูลส่วนตัว


“ศากยบุตร” ท่านมุ่งมั่นในหลักธรรมคำสอนของพระศาสดา ประกอบด้วย พระสูตร พระวินัย พระอภิธรรม รวมเรียกว่า “พระไตรปิฎก” เป็นแนวทางเป็นหลักฐานอ้างอิง (Reference Index) ในการอบรมสั่งสอน ฆารวาส ญาติโยม

ไม่ทราบถึงวัตถุประสงค์ ในการอ้างอิงหนังสือเหล่านี้ว่า ยกย่องเชิดชู หรือให้อ่านเพื่อเพิ่มศรัทธา เพิ่มปัญญา เมื่ออ้างว่าตนเองเป็น "พระสงฆ์" การตั้งหัวข้อกระทู้ยิ่งต้องระวัง สำรวม

มี พระชาดกมากมาย ในพระไตรปิฎก ที่แสดงถึง การเกิดการตาย กับไม่ได้ยกมาอ้างอิง หรือว่า หนังสือของฆารวาสจะได้รับความเชื่อถือมากกว่า “พระไตรปิฎก”และ "ได้รับการยกย่องให้ เป็นตำรา เป็นคำภีร์และเป็นศาสดาแทน พระตถาคต"

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๔
อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต
อนาคตสูตรที่ ๓

ในอนาคต ภิกษุทั้งหลายจักไม่อบรมกาย ไม่อบรมศีล ไม่อบรมจิต ไม่อบรมปัญญา เมื่อไม่อบรมกาย ไม่อบรมศีล ไม่อบรมจิต ไม่อบรมปัญญาให้ดีแล้ว “เพราะเหตุดังนี้แล การลบล้างวินัยย่อมมีเพราะการลบล้างธรรม การลบล้างธรรมย่อมมีเพราะการลบล้างวินัย”

“เมื่อตถาคตสิ้นไป พระธรรมคำสั่งสอนของเราตถาคต จะเป็นศาสดาสอนพวกเธอ”

พุทธพจน์บทนี้จริงหรือไม่ ? พุทธบริษัทสี่เท่านั้นจะตอบได้

:b8: :b12:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 12 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร