พระพุทธเจ้าตรัสรู้พระธรรมแปลว่าทรงเป็นผู้รู้ความจริงของสิ่งที่มีจริงอันประเสริฐ
ทรงแสดงพระธรรมเทศนาให้ผู้ที่กำลังฟังเข้าใจธรรมคือรู้ความจริงที่กำลังปรากฏ
ธรรมแปลว่าสิ่งที่มีจริงซึ่งสิ่งที่มีจริงกำลังปรากฏว่ากำลังมีจริงเป็นจริงทีละ1แต่ละ1
เป็นลักษณะที่กำลังปรากฏว่ากำลังมีในขณะนี้ที่เกิดร่วมกันเป็นแบบมีอิสระต่อกัน
เพราะลักษณะที่เกิดเป็นอิสระต่อกันตรงตามเหตุและปัจจัยที่อิงอาศัยเกิดร่วมกัน
มีลักษณะเฉพาะตนคือมีลักษณะเฉพาะแต่ละ1ที่ประสานกันทำงานใน1ขณะจิต
จบกิจทีละ1ขณะจิตไม่ปนกันและจิตเกิดดับได้ทีละ1ดวงตรงแค่1ทางดับไปทันที
ไม่มีตัวตนของใครเป็นเจ้าของจิตที่ดับไปแล้วนั้นเลยและเกิดจิตดวงใหม่อยู่ตลอด
แต่เมื่อไม่ได้ศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าก็ไม่เข้าใจและไม่รู้จักความแล่นไปของจิตตน(ตน=แล่นไป)
จิตแต่ละ1ดวงมีความเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปเป็นปกติจิตแล่นไปภายในจิตตามปกติตามการสะสมในจิตตน
ดังนั้นการจะรู้ความจริงตามปกติจะต้องศึกษาเรื่องราวของจิตตรงทีละ1ทางคือคิดตรงทีละ1ทางเท่านั้น
ถ้าไม่ฟังพระพุทธพจน์เพื่อศึกษาความจริงที่กำลังปรากฏตรงตามพระธรรมทีละ1ทางก็หลงคิดผิดทางนั่นเอง
https://youtu.be/UoZxvd5mqBY