วันเวลาปัจจุบัน 05 ส.ค. 2025, 16:10  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ต.ค. 2020, 15:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
วิบาก ภาษาบาลีใช้ วิปาก อ่านว่าวิ-ปา-กะ
คำบาลีจะอ่านคำลงท้ายด้วยสระอะค่ะ
ธรรมก็อ่านว่าธัมมะ โสภณก็อ่านว่าโส-พะ-นะ
วิบากแปลว่าผล หมายถึงผลที่เกิดขึ้นแล้ว
ที่เชื่อมกับการกระทำคือกรรมเขียนว่าวิบากกรรม
ให้ทราบว่าที่เคยทำกรรมมาแล้วจึงปรากฏผลให้ได้รับ2แบบคือ
1.กุศลวิบาก คือ สิ่งที่มาปรากฏให้ได้รับผลที่ดีน่าชื่นชอบน่าพอใจ
2.อกุศลวิบาก คือ สิ่งที่มาปรากฏให้ได้รับผลเลวทรามต่ำช้าไม่น่าพอใจ
:b1:
วิบากกรรมจึงหมายถึงเหตุที่เคยทำไว้แต่ปรางก่อนแล้ว
มาปรากฏผลขึ้นเพื่อให้ได้รับสุขหรือทุกข์เพื่อทำกรรมใหม่
เช่น นายเอ ข่มขืน นางบี แล้วฆ่าคือทำสำเร็จ
นายเอเห็นสาวสวยเป็นวิบากกุศลชอบอยากได้ฉุดมาข่มขืนสำเร็จทำด้วยขาดสติกลัวถูกจับได้จึงฆ่านางบี
นางบีได้รับผลวิบากอกุศลของตนอันเป็นทุกข์อย่างแสนสาหัสเหมือนมีคนมาทำแต่เป็นกรรมไม่ดีมาให้ผล
เวลาที่อกุศลกรรมให้ผลจึงเหมือนมีคนมาทำร้ายแต่จริงๆเวลาที่เราเดินเตะขาโต๊ะก็คืออกุศลกรรมมาให้โทษ
ที่ต้องอธิบายให้เข้าใจเหตุผลมีดังนี้พระภิกษุเมื่อเห็นมีคนมาถวายเงินเป็นผลของกุศลกรรมแต่กรรมใหม่คือ
บวชแล้วรับเงินทองไม่ได้เมื่อมีการรับมีอาบัติกรรมสำเร็จรอให้ผลอกุศลกรรมแล้วต้องโทษตกนรกเมื่อตาย
และถ้าไม่ปลงอาบัติทำการรับเงินทุกวันก็เป็นอลัชชีโกหกหลอกลวงเหยียบย่ำทำลายคำตถาคตร่วมกับโยม
โยมไม่ศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าถวายเงินเป็นผู้ทำลายพระภิกษุการมีไวยาวัจจกรรับเงินบริจาคแทนผิด
เพราะไวยาวัจจกรมีหน้าที่รับได้เฉพาะปัจจัยสี่ที่เกี่ยวข้องกับพระภิกษุและการถวายเงินจึงเป็นการทำบาป
บวชสละเพศชาวบ้านค่ะ จึงมีข้อความในพระไตรปิฏกว่า...ภิกษุในธรรมวินัยไม่รับและไม่ยินดีในเงินและทอง
มีบัญญัติตำหนิภิกษุนอกพระธรรมวินัยว่าอลัชชีคือผู้ไม่ละอาย(ภิกษุคือผู้เห็นภัยทั้งชาวบ้านและนักบวช)
ที่พระพุทธเจ้ากล่าวไว้คือพระภิกษุที่รับเงินทองคือมหาโจร เศรษฐีหัวโล้น ปล้นคำสอนทำเพื่อลาภสักการะ
ลาภสักการะเกิดเมื่อมีพระพุทธเจ้าได้ฟรีเขาให้ตถาคตและผู้ที่อุปสมบทเพื่อมาทำตามพระธรรมวินัยได้นะคะ
พระพุทธศาสนาคือคำสอนของพระพุทธเจ้าเกิดจากตรัสรู้ คนทำบุญไม่มี วัตถุที่ทำไม่มี คนทำนิพพานไม่มี
ถ้าศึกษาคำสอนให้ละเอียดโดยการฟังเพื่อเข้าใจถูกต้องคนที่เข้าใจเท่านั้นจึงเห็นโทษภัย ไม่มีใครรู้แล้ว
โลกมนุษย์จึงเป็นที่ดูผลของบุญและบาป...ฟังพระพุทธพจน์จนกว่านิพพาน เพราะรู้จริงคงไม่เกิดแล้วค่ะ
อดีตผ่านไปแล้วเอากลับมาแก้ไม่ได้ อนาคตมาไม่ถึง ปัจจุบันเท่านั้นที่จะรู้ตามได้ รู้จึงเปลี่ยน ไม่รู้ก็ไม่ละชั่ว
ถ้าศึกษาคำสอนเข้าใจไม่มีใครเลยสักคน ผู้รู้เท่านั้นจึงเปลี่ยนความคิดเห็นตามคำของตถาคตเกิดสัมมาทิฏฐิ
คนที่ยังอยากทำสังคมสงเคราะห์ต้องทำในเพศคฤหัสถ์นะคะเพราะบวชต้องสำนึกให้ทานคือให้ลาภต่อลาภ
แม้คฤหัสถ์ถือครองเงินได้แต่ก็เป็นไปตามการสะสมอกุศลแบบมีโลภะ+โมหะเพิ่มความโลภทุกวันปกตินะคะ
https://youtu.be/WbAPg7Gz3Lc
:b16:
:b16: :b16:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร