วันเวลาปัจจุบัน 11 พ.ค. 2025, 05:58  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 35 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ย. 2018, 10:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
:b16:
มั่วจริงๆไม่ทราบหรือคะที่ยังเกิดอยู่นี้แหละคือประเภทปะทะปะระมะ
ยังอยากไปทำโน่นนี่นั่นไปหมดอันนั้นก็ยังไม่ทำอันนี้ก็ยังไม่ทำ
ต้องทำมากๆจะได้บุญมากๆคริคริคริไม่มีปัญญาเกิดร่วมไง
ยิ่งเร่งยิ่งอยากถึงปิดกั้นทางเกิดปัญญาทันทีต้องมีเหตุปัจจัยบังคับไม่ได้น๊า
และไม่เกิดลอยๆได้เองเพราะประมาทการฟังมากเกินไปตายแล้วเกิดชัวร์
วิปัสสนาภาวนาคือรู้ความจริงเดี๋ยวนี้ทุกขณะไม่ใช่คิดเอาได้อบรมเจริญปัญญาจากฟัง
รู้แยกแยะตามความเป็นจริงของแต่ละ1ทางจากขั้นการฟังจนมั่นคงถึงสัจญาณคือปริยัติ
:b32: :b32:


เกิดหัวโด่อยู่แท้ๆ ยังไม่รู้จะเอาอิท่าไหนดีเลย มโนไปเกิด ไม่เกิดที่ชาติหน้าโน่น คิกๆๆ

ขอพูดตรงๆหน่อยนะ ชาวพุทธเราก็งี้แหละ ป้จจุบันทุกข์ปางตาย ยังไม่รู้จะปลดเปลื้องทุกข์ได้ยังไง แต่ไปกลัวการเกิดเป็นทุกข์เอาชาติหน้าโน่น :b16: จริงๆนะ

ตัวแดงไปดูความหมายให้แน่นะขอรับ จะได้ไม่อายเขา

ไปเรียนไปศึกษาให้เป็นกิจลักษณะเถอะขอรับ เอาแต่ฟังแม่สุจินทางยูทูป แล้วนำปะติดปะต่อกันเป็นแพะเป็นแกะ ... พอไม่อยากพูด :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ย. 2018, 17:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ว่าด้วยอุบายบรรลุนิพพาน
[๑๐๘] ดูกรจุนทะ ผู้ที่ตนเองจมอยู่ในเปือกตมอันลึกแล้ว จักยกขึ้นซึ่งบุคคลอื่นที่จม
อยู่ในเปือกตมอันลึก ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีไม่ได้.
ผู้ที่ตนเองไม่จมอยู่ในเปือกตมอันลึก จักยกขึ้นซึ่งบุคคลอื่นที่จมอยู่ในเปลือกตมอันลึก
ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้.
ผู้ที่ไม่ฝึกตน ไม่แนะนำตน ไม่ดับสนิทด้วยตนเอง จักฝึกสอน จักแนะนำผู้อื่น จักให้
ผู้อื่นดับสนิท ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีไม่ได้.
ผู้ที่ฝึกตน แนะนำตน ดับสนิทด้วยตนเอง จักฝึกสอน จักแนะนำผู้อื่น จักให้ผู้อื่น
ดับสนิท ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้ ฉันใด.
ดูกรจุนทะ ความไม่เบียดเบียนก็ฉันนั้นแล ย่อมเป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้-
*เบียดเบียน.
การงดเว้นจากปาณาติบาต เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้ฆ่าสัตว์.
การงดเว้นจากอทินนาทาน เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้ลักทรัพย์.
การประพฤติพรหมจรรย์ เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้เสพเมถุนธรรม.
การงดเว้นจากมุสาวาท เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้พูดเท็จ.
การงดเว้นจากปิสุณาวาจา เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้กล่าวส่อเสียด.
การงดเว้นจากผรุสวาจา เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้กล่าวคำหยาบ.
การงดเว้นจากสัมผัปปลาปะ เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้พูดเพ้อเจ้อ.
ความเป็นผู้ไม่เพ่งเล็ง เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้มักเพ่งเล็ง.
ความไม่พยาบาท เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีจิตพยาบาท.
ความเห็นชอบ เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีความเห็นผิด.
ความดำริชอบ เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีความดำริผิด.
การกล่าววาจาชอบ เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีวาจาผิด.
การงานชอบ เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีการงานผิด.
การเลี้ยงชีวิตชอบ เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีอาชีพผิด.
ความเพียรชอบ เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีความเพียรผิด.
ความระลึกชอบ เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีความระลึกผิด.
ความตั้งใจชอบ เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีความตั้งใจผิด.
ความรู้ชอบ เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีความรู้ผิด.
ความพ้นชอบ เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีความพ้นผิด.
ความเป็นผู้ปราศจากถีนมิทธะ เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้ถูกถีนมิทธะครอบงำ.
ความเป็นผู้มีจิตไม่ฟุ้งซ่าน เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีจิตฟุ้งซ่าน.
ความเป็นผู้ข้ามพ้นความสงสัย เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีความสงสัย.
ความไม่โกรธ เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้มักโกรธ.
ความไม่ผูกโกรธ เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้ผูกโกรธ.
ความไม่ลบหลู่คุณท่าน เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้ลบหลู่คุณท่าน.
ความไม่ยกตนเทียมท่าน เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้ยกตนเทียมท่าน.
ความไม่ริษยา เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้ริษยา.
ความไม่ตระหนี่ เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้ตระหนี่.
ความไม่โอ้อวด เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้โอ้อวด.
ความไม่มีมารยา เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีมารยา.
ความเป็นคนไม่ดื้อด้าน เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้ดื้อด้าน.
ความไม่ดูหมิ่นท่าน เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้ดูหมิ่นท่าน.
ความเป็นผู้ว่าง่าย เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้ว่ายาก.
ความเป็นผู้มีมิตรดี เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีมิตรชั่ว.
ความไม่ประมาท เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้ประมาท.
ความเชื่อ เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้ไม่ศรัทธา.
ความละอายต่อบาป เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้ไม่มีความละอายต่อบาป.
ความสะดุ้งกลัวต่อบาป เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้ไม่มีความสะดุ้งกลัวต่อบาป.
ความเป็นพหูสูต เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีการสดับน้อย.
การปรารภความเพียร เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้เกียจคร้าน.
ความเป็นผู้มีสติดำรงมั่น เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีสติหลงลืม.
ความถึงพร้อมด้วยปัญญา เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้มีปัญญาทราม.
ความเป็นผู้ไม่ลูบคลำทิฏฐิของตน ไม่ยึดถือมั่นคง และสละคืนได้โดยง่าย เป็นทาง
สำหรับดับสนิทของบุคคลผู้ลูบคลำทิฏฐิของตน ยึดถือมั่นคง และสละคืนได้โดยยาก.


http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=12&A=1237&Z=1517&pagebreak=0

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ย. 2018, 18:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
[quote-tipitaka]ว่าด้วยอุบายบรรลุนิพพาน
ดูกรจุนทะ ผู้ที่ตนเองจมอยู่ในเปือกตมอันลึกแล้ว จักยกขึ้นซึ่งบุคคลอื่นที่จม
อยู่ในเปือกตมอันลึก ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีไม่ได้.
ผู้ที่ตนเองไม่จมอยู่ในเปือกตมอันลึก จักยกขึ้นซึ่งบุคคลอื่นที่จมอยู่ในเปลือกตมอันลึก
ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้.
ผู้ที่ไม่ฝึกตน ไม่แนะนำตน ไม่ดับสนิทด้วยตนเอง จักฝึกสอน จักแนะนำผู้อื่น จักให้
ผู้อื่นดับสนิท ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีไม่ได้.
ผู้ที่ฝึกตน แนะนำตน ดับสนิทด้วยตนเอง จักฝึกสอน จักแนะนำผู้อื่น จักให้ผู้อื่น
ดับสนิท ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้ ฉันใด.

http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=12&A=1237&Z=1517&pagebreak=0



ผู้ที่ตนเองจมอยู่ในเปือกตมอันลึกแล้ว จักยกขึ้นซึ่งบุคคลอื่นที่จมอยู่ในเปือกตมอันลึก ข้อนี้ เป็นฐานะที่จะมีไม่ได้.

ผู้ที่ตนเองไม่จมอยู่ในเปือกตมอันลึก จักยกขึ้นซึ่งบุคคลอื่นที่จมอยู่ในเปลือกตมอันลึก ข้อนี้ เป็นฐานะที่จะมีได้.



ผู้ที่ไม่ฝึกตน ไม่แนะนำตน ไม่ดับสนิทด้วยตนเอง จักฝึกสอน จักแนะนำผู้อื่น จักให้ผู้อื่นดับสนิท ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีไม่ได้.

ผู้ที่ฝึกตน แนะนำตน ดับสนิทด้วยตนเอง จักฝึกสอน จักแนะนำผู้อื่น จักให้ผู้อื่นดับสนิท ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้ ฉันใด.

การปฏิบัติกรรมฐาน หรือ การฝึกจิตพัฒนาตน ควรมีควรได้ผู้ที่ฝึกหัดพัฒนาจิตมาก่อนแนะนำ การปฏิบัติจึงจะก้าวหน้าลุถึงจุดหมายได้

ถ้าได้ผู้ซึ่งไม่เคยปฏิบัติไม่ฝึกหัดพัฒนาจิตมาเลย ก็ไม่ถึงจุดหมาย ยิ่งกว่านั้น อาจ :b16: เป็น

เช่น

http://topicstock.pantip.com/religious/ ... 85609.html

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ย. 2018, 02:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7513

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
:b16:
มั่วจริงๆไม่ทราบหรือคะที่ยังเกิดอยู่นี้แหละคือประเภทปะทะปะระมะ
ยังอยากไปทำโน่นนี่นั่นไปหมดอันนั้นก็ยังไม่ทำอันนี้ก็ยังไม่ทำ
ต้องทำมากๆจะได้บุญมากๆคริคริคริไม่มีปัญญาเกิดร่วมไง
ยิ่งเร่งยิ่งอยากถึงปิดกั้นทางเกิดปัญญาทันทีต้องมีเหตุปัจจัยบังคับไม่ได้น๊า
และไม่เกิดลอยๆได้เองเพราะประมาทการฟังมากเกินไปตายแล้วเกิดชัวร์
วิปัสสนาภาวนาคือรู้ความจริงเดี๋ยวนี้ทุกขณะไม่ใช่คิดเอาได้อบรมเจริญปัญญาจากฟัง
รู้แยกแยะตามความเป็นจริงของแต่ละ1ทางจากขั้นการฟังจนมั่นคงถึงสัจญาณคือปริยัติ
:b32: :b32:


เกิดหัวโด่อยู่แท้ๆ ยังไม่รู้จะเอาอิท่าไหนดีเลย มโนไปเกิด ไม่เกิดที่ชาติหน้าโน่น คิกๆๆ

ขอพูดตรงๆหน่อยนะ ชาวพุทธเราก็งี้แหละ ป้จจุบันทุกข์ปางตาย ยังไม่รู้จะปลดเปลื้องทุกข์ได้ยังไง แต่ไปกลัวการเกิดเป็นทุกข์เอาชาติหน้าโน่น :b16: จริงๆนะ

ตัวแดงไปดูความหมายให้แน่นะขอรับ จะได้ไม่อายเขา

ไปเรียนไปศึกษาให้เป็นกิจลักษณะเถอะขอรับ เอาแต่ฟังแม่สุจินทางยูทูป แล้วนำปะติดปะต่อกันเป็นแพะเป็นแกะ ... พอไม่อยากพูด :b13:

:b32:
ชาตินี้ก็คืออดีตของชาติหน้า
ชาตินี้ทำอะไรบ้างระลึกได้หมดไหม
เอาแค่เดี๋ยวนี้คิดให้ตรงสิคะเคยฟังเข้าใจบ้างไหม
ถ้าไม่เคยฟังเข้าใจคิดหรือว่าอนาคตจะยอมฟังเพราะเหตุ
คือไม่ฟังผลคือวิบากก็คือไม่ฟังเหมือนเดิมเป็นไปตามเหตุปัจจัยไงคะ
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ย. 2018, 16:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
:b16:
มั่วจริงๆไม่ทราบหรือคะที่ยังเกิดอยู่นี้แหละคือประเภทปะทะปะระมะ
ยังอยากไปทำโน่นนี่นั่นไปหมดอันนั้นก็ยังไม่ทำอันนี้ก็ยังไม่ทำ
ต้องทำมากๆจะได้บุญมากๆคริคริคริไม่มีปัญญาเกิดร่วมไง
ยิ่งเร่งยิ่งอยากถึงปิดกั้นทางเกิดปัญญาทันทีต้องมีเหตุปัจจัยบังคับไม่ได้น๊า
และไม่เกิดลอยๆได้เองเพราะประมาทการฟังมากเกินไปตายแล้วเกิดชัวร์
วิปัสสนาภาวนาคือรู้ความจริงเดี๋ยวนี้ทุกขณะไม่ใช่คิดเอาได้อบรมเจริญปัญญาจากฟัง
รู้แยกแยะตามความเป็นจริงของแต่ละ1ทางจากขั้นการฟังจนมั่นคงถึงสัจญาณคือปริยัติ
:b32: :b32:


เกิดหัวโด่อยู่แท้ๆ ยังไม่รู้จะเอาอิท่าไหนดีเลย มโนไปเกิด ไม่เกิดที่ชาติหน้าโน่น คิกๆๆ

ขอพูดตรงๆหน่อยนะ ชาวพุทธเราก็งี้แหละ ป้จจุบันทุกข์ปางตาย ยังไม่รู้จะปลดเปลื้องทุกข์ได้ยังไง แต่ไปกลัวการเกิดเป็นทุกข์เอาชาติหน้าโน่น :b16: จริงๆนะ

ตัวแดงไปดูความหมายให้แน่นะขอรับ จะได้ไม่อายเขา

ไปเรียนไปศึกษาให้เป็นกิจลักษณะเถอะขอรับ เอาแต่ฟังแม่สุจินทางยูทูป แล้วนำปะติดปะต่อกันเป็นแพะเป็นแกะ ... พอไม่อยากพูด :b13:

:b32:
ชาตินี้ก็คืออดีตของชาติหน้า
ชาตินี้ทำอะไรบ้างระลึกได้หมดไหม
เอาแค่เดี๋ยวนี้คิดให้ตรงสิคะเคยฟังเข้าใจบ้างไหม
ถ้าไม่เคยฟังเข้าใจคิดหรือว่าอนาคตจะยอมฟังเพราะเหตุ
คือไม่ฟังผลคือวิบากก็คือไม่ฟังเหมือนเดิมเป็นไปตามเหตุปัจจัยไงคะ


คือ ชาตินี้เดี๋ยวนี้ ยังไม่รู้จะทำให้สิ้นทุกข์อย่างไร ผ่ามโนไม่อยากเกิดในชาติหน้า เพราะเกิดแล้วเป็นทุกข์เหลือเกิน :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 35 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร