วันเวลาปัจจุบัน 02 พ.ค. 2025, 21:10  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 17 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2013, 11:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.ค. 2013, 01:48
โพสต์: 17

แนวปฏิบัติ: พุทโธ
งานอดิเรก: ฟังธรรม อ่านหนังสือ
สิ่งที่ชื่นชอบ: เลี้ยงสุนัข
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตอนนี้เกิดปัญหาภายในใจค่ะ จิตใจสับสน ว้าวุ่น รู้สึกเจ็บ นอนหลับๆ ตื่นๆ เมื่อรู้ว่าแฟนที่เพิ่งเลิกกันแต่งงาน หลังจากที่เลิกกันแค่ 2 เดือน ทำไมต้องโกรธทั้งๆ คิดว่าทำใจได้แล้ว เพราะเลิกกันไปตั้งแต่ มีนาคม 56 แต่พอ พฤษภาคม 56 เค้าก้อแต่งงานใหม่เลย เราคิดโกรธตรงที่ว่า แสดงว่าตอนคบกับเราก้อคบกับคนอื่นด้วยสิ ทำไมไม่ซื่อสัตย์เหมือนที่เราซื่อสัตย์กับเค้า ตอนนั้นเรากับเค้าเคยเลิกกันไปเหตุเพราะเค้ามีคนอื่น แล้วเขากลับเราก้อให้อภัย ตอนนี้เรารู้สึกเจ็บค่ะ ต้องทำยังไงดีค่ะ เพราะช่วงนี้ต้องอยู่คนเดียวด้วย แม่กลับต่างจังหวัด ขอกำลังใจค่ะ เราคิดว่าเราคงมีกรรมเรื่องความรัก ต้องแก้ยังไงค่ะ ไม่อยากรักกับใครอีกแล้ว กลัวความเจ็บปวด เป็นโสดไปตลอดดีไหม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2013, 12:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ โชคดีที่ยังมีแม่ให้ความอบอุ่น มองหน้าแม่ไว้เยอะๆ เวลาท่านกลับมา
แล้วบอกกับตัวเองว่า นี่แหล่ะ่คือคนที่รักเราแท้จริง
ใครเค้าไม่รักเราก็ช่างเค้าค่ะ แต่ที่สำคัญเราต้องรักตัวเราเองก่อนค่ะ และรักแม่ของเราให้มากๆ
เวลาโทสะที่เกิดนั้น ไม่ได้ไปเผาใครเลย มันเผาตัวเราเองให้เร่าร้อน คนที่เราโกรธนั้นเค้ากำลังมีความสุข
เค้าไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยเลยในเวลาที่คุณโกรธ เราจะทำร้ายตัวเราต่อไปดีหรือไม่ โทสะที่เกิดขึ้นในใจ
ทำให้รูปร่างหน้าตาผิวพรรณเราเศร้าหมอง แก่เร็ว ถึงยามยิ้มออกมาก็ยิ้มเศร้าๆ ไม่ดีเลยใช่มั้ยคะ

มันเป็นเรื่องของกรรมเก่าด้วยค่ะ เวลาวิปากส่งผล ไม่รับไม่ได้ซะด้วยนะคะ
ทำกุศลให้สม่ำเสมอทุกวัน แล้วสิ่งดีๆ จะเกิดขึ้นแก่คุณ

คุณควรแผ่เมตตาให้ตนเองให้มากๆ สวดมนต์บ้างและทำสมาธิทุกวัน(การทำกุศลอย่างหนึ่งค่ะ)
ขอแนะนำในขณะที่รู้สึกโกรธขึ้นมา ก็ทำสมาธิทันทีคืออานาปานสติ ง่ายๆ ทำที่ไหนก็ได้ กดข่มโทสะไปก่อนค่ะ

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2013, 12:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ต.ค. 2008, 19:58
โพสต์: 294

โฮมเพจ: https://www.facebook.com/McDoorEdgeRubber
แนวปฏิบัติ: ตามหาพุทโธ
งานอดิเรก: ถ่ายภาพ สะสมพระเครื่องพระบูชา เลี้ยงปลา เลี้ยงแมว
ชื่อเล่น: Mc
อายุ: 0
ที่อยู่: สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม

 ข้อมูลส่วนตัว www


อยากแก้กรรมเรื่องความรักใช่ไหมครับ
ทำได้ง่ายมากครับ
:b8: ฝึกพละครับ พละทำให้ทั้งร่างกายและจิตใจแข็งแรง :b8:

พละ ๕ ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา

ส่วนเรื่องความรัก
ผมชอบเปรียบความรักกับเพลิงที่เผาไหม้ตัวเรา
รู้ว่าไฟแล้วทำไมมาจับเล่น
มันไม่เย็นเลยหนาน่าบัดสี
ครั้งถูกไฟไหม้เผาเศร้าโศกี
มันน่าตีเสียให้ช้ำระกำทรวง

แต่ถ้าเรารู้จักใช้เปลวเพลิงได้อย่างดี เราก็สามารถอยู่กับเปลวเพลิงได้โดยไม่โดนเปลวเพลิงเผาไหม้ครับ

.....................................................
ถ้าจะตาย จะเสียดายทำไมเล่าชีวี
ต้องรู้เท่าทันธาตุขันธ์นี้ ล้วนแต่มีอนิจจังทั้งหมด


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2013, 13:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




images.jpg
images.jpg [ 4.69 KiB | เปิดดู 6988 ครั้ง ]
เวลาช่วยได้ครับ

เขาแต่งงานไปแล้ว คิดไปก็เท่านั้นแหละ "ช่างหัวมัน" น่ะๆ :b1: ขาดเขาเราก็อยู่ได้

อยู่คนเดียวก็ดูหนังฟังเพลง อ่านหนังสือธรรมะหรือหนังสือที่ให้ความรู้ก็ดีนะครับ ไม่มีคนรบกวน

อยู่เป็นโสดดีไหม? "อยู่เดียวเปลี่ยวกาย สบายแต่ไม่สนุก อยู่สองครองทุกข์ สนุกแต่ไมสบาย"

"คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า"

จะแก้กรรมเรื่องความรักนี่ พิจารณาดูดีๆ นะครับ เดี๋ยวเป็นเรื่อง :b1: :b21:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2013, 14:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2012, 12:01
โพสต์: 376


 ข้อมูลส่วนตัว


45909.ขอมอบกำลังใจด้วยภาพคำคมสำหรับหญิงและชายที่รักร้าวทุกคนค่ะ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=27&t=45909


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2013, 14:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2012, 12:01
โพสต์: 376


 ข้อมูลส่วนตัว


จบแล้วก็จบไปค่ะ อย่าไปรื้อฟื้นให้วุ่นวายใจเลยค่ะ

ส่วนเรื่องที่ว่าจะไปแก้กรรมยังไง มันแก้ไม่ได้หรอกค่ะ พี่หญิงเกรงว่า
ไปแก้กรรมแล้วจะได้เวรมาแทนน่ะสิ่คะ มันจะหนักกว่าเดิมแล้วจะเสีย
ทั้งเงิน เสียทั้งเวลาหรือเปล่าคะ เพราะกรรมมันแก้ไม่ได้หรอกค่ะ ถ้ากรรม
มันแก้กันได้ แบบนั้นคนที่ทำเลวทำชั่วก็ไม่ต้องรับกรรมชั่วน่ะสิ่คะ เพราะ
ถ้ากรรมแก้ได้ ทุกคนก็คงไม่อยากรับกรรมชั่ว คงไปแก้กรรมกันหมดแล้ว
จริงมั้ยคะ ลองคิดดูดีๆนะ คนที่บอกที่สอนว่ากรรมแก้กันได้ พวกนี้พี่หญิง
ว่าเขากำลังหลอกลวงคุณน้องนะคะ อย่าไปตามเขาเลย เดี๋ยวเขาจะพา
ลงเหวซะเปล่าๆ

พี่หญิงจะเปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายๆนะคะ กรรม ก็เหมือนกับการเจริญ
เติบโตของคนเรานั่นแหล่ะค่ะ ปีที่แล้วเราเป็นเด็ก แต่พอมาวันนี้เราเป็น
ผู้ใหญ่ ต่อไปวันข้างหน้าเราก็ต้องแก่และตาย เราจะเรียกร้องว่าอยาก
กลับไปเป็นเด็กอีกนั้นเป็นไปไม่ได้ ทุกอย่างย่อมต้องเดินไปข้างหน้าค่ะ
มีคนจำนวนหนึ่งไม่อยากแก่ ยังอยากเป็นเด็ก เป็นสาวอยู่เสมอ ก็พากัน
ไปทำศัลยกรรม ดึงหน้า โป๊ะนั่น แปะนี่ เพื่อให้ตัวเองปิ๊งตลอดเวลา คือ
พยายามจะไปฝืนธรรมชาติแต่ สุดท้ายก็ต้องตายอยู่ดี ก็เปรียบกับคนที่
พยายามหาทางแก้กรรม หาทางฝืนกรรมนั่นแหล่ะค่ะ มันฝืนไม่ได้ แก้ไม่ได้
ทำอะไรไว้ก็ต้องรับกรรมอย่างนั้น กรรมดีก็รับกรรมส่วนดี กรรมชั่วก็รับส่วน
ของกรรมชั่ว รับกรรมชั่วหมดแล้วจึงได้เสวยผลของกรรมดี ทุกสิ่งทุกอย่าง
มันมีช่วงเวลาของมันค่ะ เราเริ่มทำงันนี้ของเราให้ดีที่สุดดีกว่านะคะ
เพราะหากวันนี้ถูกต้องก็ไม่จำเป็นต้องกลัววันพรุ่งนี้ค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2013, 14:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ธ.ค. 2009, 00:22
โพสต์: 223

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




บางครั้งคนเรา มองคนที่เขาต่อสู้ในความทุกข์ที่ยิ่งกว่าเรา ทำให้เรามีกำลังใจ
ที่จะต่อสู้ตนเองและมองปัญหาในมุมมองที่ต่างไปจากเดิมได้เหมือนกันนะ
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2013, 16:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


โชคดีแล้วที่เขาเอาขี่ไปจากเราได้ ขออภัยขอแรงหน่อยนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2013, 17:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 มี.ค. 2011, 13:32
โพสต์: 245


 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีครับคุณเวลา : ) ผมไม่เคยมีประสบการณ์แบบคุณเวลาหรอกนะครับ แต่ว่าเมื่อเอาสำนวนที่ว่า "เอาใจเขามาใส่ใจเรา" แล้วก็เข้าใจว่าทุกข์ เรื่องของความรัก เชื่อว่าทุกคนน่าจะเคยมีประสบการณ์

พระพุทธเจ้าสอนว่า "ความรักเสมอตนไม่มี" คือ แสดงว่าแฟนเก่าก็รักตัวเอง ถึงได้ทำให้คุณเวลาเจ็บใจ ดังนั้น คุณเวลาก็ต้องรักตัวเอง คือ ทำยังงัยก็ได้ไม่ให้ตัวเองทุกข์ ให้มีแต่ความรู้สึกสบาย เช่น ดูความรู้สึกสบาย (ภายในตัวเอง) แล้วก็หายใจเข้าลึกๆ เพื่อช่วยให้สบายยิ่งขึ้น ทำแบบนี้วัตถุประสงค์เพื่อให้สบาย ประโยชน์ก็คือ ปัญญาดี อันนี้เรียกว่าเป็นศีลอยู่ คุณเวลาก็จะสามารถแก้ปัญหาหรือ หาทางออกได้ทุกเรื่อง

ถ้าเราทุกข์ เราจะแก้ปัญหาไม่ได้ ไม่มีประโยชน์ ถ้าเราสบาย เราจึงจะแก้ปัญหาได้ แม้ยังคิดไม่ออกก็ไม่เป็นอะไร สบายไปเรื่อยๆ เดี๋ยวปัญญาก็เด้งขึ้นมาเอง เหมือนเจ้าชายสิทธัตถะ ก่อนท่านตรัสรู้ท่านก็เจริญอาณาปานสติ อันนี้ก็เพื่อให้สบาย ท่านก็ทำไปเรื่อยๆ ท่านก็ไม่ได้คาดว่าจะตรัสรู้เมื่อไร แล้วอยู่ดีดีท่านก็ตรัสรู้ ถ้าจะพูดให้ลึกซึ้งหน่อยก็ เหตุปัจจัยพร้อม ท่านก็ตรัสรู้คือปัญญาเด้งขึ้นมา

^ ^ เห็นคุณเวลาบอกว่า คุณเวลาซื่อสัตย์กับเขา เป็นสิ่งที่ดีมากแล้วครับ คือเป็นอุปนิสัยที่ดีที่ต่อไปจะได้คู่ครองที่ซื่อสัตย์กับตนเอง อันนี้เป็นเหตุ อนาคตเป็นผล

สมัยก่อนผมก็ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องกฎแห่งกรรม ว่าเอ ทำไมทำดีมาโดยตลอดถึงเจอแต่เรื่องผิดหวัง ^ ^
ก็ได้สังเกตุเห็น เหตุและผล ว่าเออจริงๆแล้วมันก็เป็นตามนั้นจริงนั่นแหละ คือทำอย่างนี้แล้วได้ผลอย่างนี้ สมเหตุสมผล เพียงแต่ว่ามันมี "เวลา" เข้ามาเกี่ยวข้อง ขอยกตัวอย่างจากเรื่องจริงแต่ไม่ขอเปิดเผยชื่อ มีคนๆหนึ่ง สมัยที่เขาเรียนประถม เขาไปแกล้งแม่ คือเขาอยากให้แม่ตื่นไวไว เขาเลยไปปรับนาฬิกาให้เร็วขึ้นประมาณครึ่งชั่วโมง ปกติแม่เขาจะตื่นประมาณตีห้า พอแม่เขาเห็นนาฬิกาว่าตีห้า แม่เขาก็ลุกขึ้นทำงานตามปกติ แต่ความจริงแล้วมันยังประมาณตีสี่ครึ่งอยู่ เขาทำแบบนี้กับแม่ประมาณสองอาทิตย์ได้ แล้วเขาก็เลิกทำ แม่เขาก็ไม่รู้ด้วย ตอนนั้นรู้สึกเขาอยู่ประมาณ ป.4 พอเขาอยู่ ม.3 กรรมเพิ่งจะออกผล เขานอนไม่หลับ ทำยังไงก็นอนไม่หลับ บางวันหนักสุดก็ม่อยหลับไปตอนตีสี่ แล้วต้องตื่นตีห้าเพื่อไปโรงเรียน ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เขาทรมานมาก เรียกว่านานๆเข้าจากตาสีขาว กลายเป็นตาสีเขียวเลย คือมันพักผ่อนน้อยมากๆ เพราะนอนไม่หลับ เป็นหนักแบบนี้อยู่ประมาณเทอมนึง แล้วก็เริ่มจะทุเลาลง

นี่ ทำเหตุตอนประมาณ ป.4 ไปรับผล ตอน ม.3

จึงว่าทุกอย่างมีผลหมด ข้ามภพข้ามชาติก็ยังมี ^ ^เพราะฉะนั้น เราทำแต่ดีงามเอาไว้นี่แหละ ปลอดภัยที่สุด ถึงเวลาให้ผล มีแต่ความเปรมปรีดิ์ เหตุอยู่ที่ปัจจุบัน ขอให้มีความสวัสดี : )

.....................................................
"องค์ใดพระสัมพุทธ สุวิสุทธสันดาน ตัดมูลเกลศมาร บ มิหม่นมิหมองมัว
หนึ่งในพระทัยท่าน ก็เบิกบานคือดอกบัว ราคี บ พันพัว สุวคนธกำจร"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2013, 18:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 มี.ค. 2011, 13:32
โพสต์: 245


 ข้อมูลส่วนตัว


โอ้ ตกไปประเด็นนึง กรรมเรื่องความรัก ต้องแก้ยังไง การแก้กรรมเท่าที่ได้ศึกษามา ครูบาอาจารย์ท่านสอนว่า ทำความดีให้เยอะๆในส่วนที่เป็นคู่ปรับกัน เช่น กรรมเก่าคือฆ่าสัตว์มามาก กรรมใหม่ที่ทำได้คือ เกี่ยวกับเรื่องชีวิต ก็เช่น ไถ่ชีวิตโค ปล่อยปลา ร่วมบริจาคสร้างโรงพยาบาล บริจาคเลือด คือให้เป็นไปในทางตรงข้ามกับบาปที่ทำ ประมาณนี้ ถ้ากรรมดีในส่วนนี้เยอะกว่า และแรงกว่า ก็จะให้ผลก่อน กรรมไม่ดีก็ไม่มีโอกาสให้ผล ถ้าเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ กรรมไม่ดีก็เหมือนกับหมดเวลาไป เพราะมันให้ผลไม่ได้ แต่เข้าใจว่าคงจะมีแต่พระพุทธเจ้าที่ทราบว่านานขนาดไหนที่ว่ากรรมไม่ดีที่ให้ผลไม่ได้จะเหมือนกับเลิกไป เป็นอโหสิกรรม เพราะมันก็ลึกซึ้งอยู่

แต่มันก็ไม่ใช่หน้าที่ของเรา หน้าที่ของเราก็คือความไม่ดีไม่ทำ ทำแต่สิ่งดีดี

กรรมดีเกี่ยวกับเรื่องความรัก อันดับแรกเลยและสำคัญด้วยคือ รักตัวเองก่อน เอ อาจจะสงสัยว่ารักตัวเองแล้วจะสมหวังในความรักได้อย่างไร อึ้มแปลกอยู่ เหตุผลมันเป็นอย่างนั้น เหมือนกับอยากจะรวย แต่พระพุทธเจ้ากลับสอนว่า ให้ๆทาน นี่แหละความลึกซึ้ง จะเอาผลอย่างนี้ ต้องทำเหตุอย่างนี้

รักตัวเอง เป็นอย่างไร คือ "สบาย" ทำให้ตัวเองสบาย ทั้งกายและใจ วิธีก็มีหลากหลาย แล้วแต่ใครจะคิดได้ ทีนี้เมื่อเราสบายแล้ว เราถึงจะให้ความสุขแก่คนอื่นได้ ไม่ต้องอะไรมาก เรามองคนทุกข์ กับมองคนที่จิตใจสบาย อันไหนเรารู้สึกดีกว่ากัน มองคนจิตใจสบายย่อมรู้สึกดีกว่าเป็นธรรมดา นี่คืออานิสงส์แบบง่ายๆ รักตัวเองก็มีอยู่เท่านี้แหละ

รักตัวเองในที่นี้กับคำว่า"เห็นแก่ตัว" นี่คนละเรื่องกันเลยนะ ถ้ารักตัวเองจริงๆ จะเห็นแก่ตัวไม่ได้ มีแต่จะต้องยิ่งให้ หลวงตามหาบัวสอนอยู่เสมอๆว่า คนที่จิตใจกว้างขวาง ไปที่ไหนมีแต่คนอยากเข้าใกล้ คนที่จิตใจตีบตันอั้นตู้ ไปที่ไหนวงแตก ^ ^ คือเขาไม่อยากคบค้าสมาคมด้วย นี่แหละความมีจิตใจกว้างขวางด้วยปัญญา ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยให้สมหวังในความรักได้เช่นกัน

ธรรมะท่านก็สอนหลากหลาย อย่างหลวงตามหาบัวท่านก็บอกว่าท่านสอนทุกขั้นทุกภูมิ

สรุปก็สมหวังในความรักเบื้องต้นก็ 1.ทำให้ตัวเองสบายก่อน (ศีล) 2.การให้ (ทาน)

อันนี้ก็พูดเบื้องต้น คุณเวลาก็ค่อยๆศึกษาธรรมะไปเรื่อยๆ อย่าง การให้ทานนี้ก็มีหลายอย่าง 10 อย่าง เช่นให้ทานด้วยรอยยิ้ม ให้ทานด้วยการให้ที่นั่ง ให้ทานด้วยการอนุโมทนาสาธุการ ให้ทานด้วยใช้แรงกายช่วยเหลือ เป็นต้น สรุปแล้วก็ความดีทุกประการ เอาหมด ^ ^ ขอบคุณครับ

.....................................................
"องค์ใดพระสัมพุทธ สุวิสุทธสันดาน ตัดมูลเกลศมาร บ มิหม่นมิหมองมัว
หนึ่งในพระทัยท่าน ก็เบิกบานคือดอกบัว ราคี บ พันพัว สุวคนธกำจร"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2013, 19:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ตัดใจลืม เสียเถิดครับ เรื่องมันผ่านไปแล้ว เป็นอดีตไปแล้ว
หันมาศึกษา ธรรมะดีกว่า
ไม่มีอะไรทำ ก็เข้าไปดูวีดีโอที่ผมรวบรวมไว้ครับ จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน
ตามเวบไซด์นี้
http://www.vitwong.blogspot.com/

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2013, 16:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.ค. 2013, 01:48
โพสต์: 17

แนวปฏิบัติ: พุทโธ
งานอดิเรก: ฟังธรรม อ่านหนังสือ
สิ่งที่ชื่นชอบ: เลี้ยงสุนัข
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณท่านกัลยาณมิตรทุกๆ คนค่ะ
ตอนนี้ยิ้มได้แล้ว หายเศร้าแล้ว tongue tongue s002 Kiss


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2013, 16:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2008, 09:20
โพสต์: 349


 ข้อมูลส่วนตัว


rolleyes smiley :b4: ดีใจด้วยค่ะ เข้มแข็งเข้าไว้ รักตัวเองให้มากเข้าไว้
ชีวิตเรามีอะไรดีๆ เป็นประโยชน์ มีคุณค่า ต้องทำอีกเยอะเลยนะค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ค. 2013, 01:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ค. 2013, 22:08
โพสต์: 92

แนวปฏิบัติ: สมถะกรรมฐาน
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
สิ่งที่ชื่นชอบ: การทำสังฆทาน
ชื่อเล่น: ไผ่
อายุ: 21

 ข้อมูลส่วนตัว


ทำใจอุเบกขาให้ได้ก่อนครับ เพื่อจะได้ละความอยากในตัวเขา

เราไม่จากกันวันนี้ก็จากกันวันหน้า ถือว่าชดใช้กรรมไปครับ หมั่นทำทานรักษาศีล แล้วสิ่งดีๆจะเข้ามาเรื่อยๆครับผม

มีรักก็มีทุกข์ครับ grin

.....................................................
อย่าได้เห็นแก่ความสุข สนุกสนานชั่วครู่คราว
เพราะผลกรรมที่ตามมามันสุดแสนจะ
ทุกข์ทรมาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ค. 2013, 19:00 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ม.ค. 2011, 17:26
โพสต์: 353


 ข้อมูลส่วนตัว


เวลา เขียน:
ขอบคุณท่านกัลยาณมิตรทุกๆ คนค่ะ
ตอนนี้ยิ้มได้แล้ว หายเศร้าแล้ว tongue tongue s002 Kiss

หายไม่จริงหรอกครับ ตราบใดที่ยังมีตัวกามารมณ์ อยู่


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 17 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร