วันเวลาปัจจุบัน 21 ก.ค. 2025, 22:47  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 70 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ต.ค. 2012, 23:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.ย. 2012, 21:26
โพสต์: 16


 ข้อมูลส่วนตัว


หลวงปู่สรวง กล่าวเรื่องภัยพิบัติไว้ว่า ตอนนี้นางนาค (พญานาคตัวเมีย) ใช้หางกวาดน้ำเข้ามาครึ่งโลกแล้ว ในปี 2555 นางนาคจะกวาดล้างโลก คนไม่มีดีไม่มีศีลธรรมจะพากันล้มตาย คนไหนที่ทำความดี ให้ทาน รักษาศีล เข้าวัดฟังธรรม ตั้งใจปฏิบัติภาวนาจะรอด ในวันนี้คนดีคนเลวปะปน ในสังคมเห็นเป็นมิจฉาทิฐิว่าคนไม่ดีมีอำนาจวาสนา คนดีไม่มีอำนาจ ต่อไปเทวดาท่านจะตัดสินเอง ตอนนี้เป็นยุคคนชั่วเป็นใหญ่ แต่ต่อไปคนเหล่านี้จะถูกกวาดสิ้นจากแผ่นดิน เทวดามีตา ฟ้าเป็นพยาน
ท่านทั้งหลายที่อ่านอยู่โปรดไตร่ตรอง พิจารณา มหาพิจารณาเอาเถิด แม้ว่าเหตุการณ์เหล่านี้ไม่เกิด ก็เป็นเรื่องดีอย่างยิ่ง แม้ว่าเกิดก็เป็นเรื่องที่ควรปลงสังเวชว่าโลกเรานี้เป็นไปตามธรรมดาของมัน คือ มีเสื่อม มีเจริญ อันว่าโลกวิสัยนั้น ใครจะรู้ได้ว่ามันจะถึงกาลเปลี่ยนแปลงเมื่อไหร่ เป็นอย่างไร ภูเขาที่เคยสูงอาจกลายเป็นใต้ก้นทะเล ลึกสุดของบาดาลอาจกลายเป็นยอดเขาสูงเทียมฟ้า เมืองวิมานที่ว่าประเสริฐเลิศด้วยของสวยงามอาจกลายเป็นเถ้าถ่าน หรือ ธุลีดินเมื่อใดก็ได้ กล่าวไว้ดังนี้ เพื่อให้ท่านทั้งหลายอย่าตกอยู่ใต้ความประมาท
อนึ่งอันว่ามนุษย์เราท่านทั้งหลาย แม้ว่าจะไม่พบเจอกับการเปลี่ยนแปลงของโลก หรือ ภัยพิบัติก็หาได้พ้นจากความตาย หาพ้นจากทุกข์แห่งการเกิด แก่ ชรา พยาธิ จนมรณะก็หาไม่ ผู้ใดตั้งอยู่ในความประมาทก็ย่อมประสบทุกข์อันร้อนแรงเป็นทั้งนั้น ท่านทั้งหลายผู้เจริญในธรรมพึงมีสติอยู่ในความตาย ความเสื่อม เพื่อพิจารณาหาทางพ้นไปจากทุกข์ทั้งหลายในสังสารวัฏ ธรรมทั้งหลายมีข้างเกิดข้างดับ แต่คนทั้งหลายมักกล่าวแต่ข้างเกิดเพียงอย่างเดียวหาได้เฉลียวใจถึงธรรมข้างดับไม่ เมื่อกล่าวถึงก็เป็นเรื่องอัปมงคลไปเสีย ทั้งนี้เพราะใจไม่รับความจริงในความเป็นธรรมดาของโลกของชีวิต ที่กล่าวมาเสียยืดยาวนี้ก็เป็นไปเพื่อการเตือนสติแก่ท่านทั้งหลายไม่ให้ประมาท
หลวงปู่สรวงกล่าวไว้ถึงน้ำท่วมโลกจากนางนาคเอาหางกวาดน้ำล้างโลก เนื่องจากคนทุศีลมีมากกว่าคนมีศีล โลกใบนี้เร่าร้อนและสกปรกเกินกว่าเทพยาสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะทนไหวแล้ว เวรกรรมของมนุษย์รวมกันแล้วสมควรล้างเสียทีหนึ่ง พวกมนุษย์ทั้งหลายที่มีกรรมร่วมกัน จะไปรวมตัวกันเวลาตาย จะตายเป็นหมู่ เรียกว่า “ กรรมจัดสรร ”
คนจะตายมากมายขนาดไหนลองคิดกันดู ตายจนแทบไม่มีคนอยู่บนแผ่นดิน ธรรมชาติตอนนี้ใต้โลกของเราแผ่นดินที่เคยรองพื้นโลกมันเหลวตัวหมดแล้ว แต่ธรรมชาติเขาหลอกให้เราตายใจ เขาเป็นไปอย่างเงียบ ๆ ผู้คนไม่รู้จนถึงวันเกิดภัยพิบัตินั่นแหละ คนถึงเห็นเอง เมื่อนั้นก็สายเสียแล้ว
ตอนนี้ครูบาอาจารย์หลายท่านจะเร่งให้ศิษย์และผู้ศรัทธาทั้งหลาย เร่งนั่งกรรมฐานกัน เพราะอำนาจจากการทำสมาธิ การทำกรรมฐานก่อให้เกิดพลังจิต พลังจิตนี่เองที่จะเป็นพลังงานพิเศษที่ช่วยให้เราท่านทั้งหลายพ้นจากภัยพิบัติได้ อำนาจพลังจิตจากการทำสมาธิรวมหมู่ตั้งแต่ 4 คนขึ้นไปจะมีพลังมหาศาล สามารถเบี่ยงเบนภัยธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นมาแก่พื้นที่นั้น ๆ ได้ตามสมควร ดังนั้น ท่านจะเห็นได้ว่าครูบาอาจารย์หลายท่านต่างสนับสนุนให้มีการสวดมนต์ร่วมกัน แผ่เมตตาร่วมกัน ทำสมาธิรวมหมู่ พลังงานที่เกิดขึ้นจากการทำกุศลเหล่านี้จะมีพลังงานเพียงพอที่จะยับยั้งภัยพิบัติ อย่างไรก็ตามถือว่าเป็นกรรมของคนยุคนี้ที่ต้องเผชิญภัยพิบัติอันน่ากลัว การทำกุศลต่าง ๆ จะผ่อนหนักเป็นเบาได้
ในปี พ.ศ. 2555 นี้ จะเกิดเหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างแน่นอน และเป็นภัยพิบัติครั้งใหญ่ คนในโลกจะเหลือเพียง 60 ล้านคนเท่านั้น เหตุการณ์ภัยพิบัติครั้งนี้จะส่งสัญญาณบอกแก่ชาวโลก 2 ประการ คือ
1. ฤดูกาลจะวิปริต ภายในหนึ่งวัน หนึ่งสัปดาห์ จะเกิดทั้งร้อนจัด เย็นจัด เกิดพายุฝนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
2. เมื่อใกล้ถึงวันเกิดภัยพิบัติ อากาศจะร้อนจัด จะได้เห็นปลาจำนวนมากลอยคอตายในห้วยหนองคลองบึง ตามแม่น้ำลำธารต่าง ๆ
เมื่อใดก็ตามที่เกิดสัญญาณตามที่กล่าวมาสองประการนี้ ให้ท่านทั้งหลายเตรียมตัวอพยพ หรือเตรียมตัวให้ดี น้ำจะท่วมในกรุงเทพฯ อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ระดับน้ำจะสูงขึ้นถึง 6 เมตร ชั้น 3 ของตึกขึ้นไปจึงจะรอด แต่ตึกที่สูงเกินไปจะถล่ม ฟังเรื่องนี้แล้วนึกถึงคำพูดของหลวงปู่โอภาสีที่เคยกล่าวไว้ว่า ต่อไป “ กรุงเทพฯ จะเป็นทะเล กรุงธนบุรีจะเป็นเมืองหลวง ” ส่วนคนทางศรีสะเกษ กล่าวไว้ว่า เคยได้ยินหลวงปู่สรวง กล่าวว่า ต่อไปสระบุรีจะกลายเป็นชายฝั่ง ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง น้ำจะท่วมมากมายขนาดไหนให้ท่านผู้อ่านพิจารณาเอาเอง
สถานที่ที่จะปลอดภัยนั้น ท่านอาจารย์สมมรรค กั้วพิสมัย และบารมีแห่งองค์หลวงปู่สรวง เชื่อว่า วัดปทุมวนารามจะเป็นที่ปลอดภัยได้ เพราะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญ ได้แก่ “ พระบรมสารีริกธาตุ ” ที่สำคัญคือ “ พระธาตุเขี้ยวแก้ว ” “ พระอรหันตธาตุ ” ทั้งยังมี “ หลวงปู่สรวง ” ตั้งอยู่ถึงสององค์ ท่านอาจารย์สมมรรคย้ำว่า บารมีหลวงปู่สรวงนั้นมาก ท่านเป็นโพธิสัตว์หมดห่วงได้เรื่องของภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น
โดยเฉพาะที่วัดปทุมวนารามนั้น มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญ คือ “ เหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์ ” เหล็กไหลเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังงานสูงมาก เป็นวัตถุธาตุที่มีพลังจักรวาล สามารถยับยั้งภัยพิบัติได้อย่างเด็ดขาด อำนาจจากเหล็กไหลมีรัศมีป้องกันภัยในอาณาเขตถึง 5 กิโลเมตร พลังงานจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทพเทวดาที่ดูแลรักษาวัดปทุม จะทำหน้าที่ปัดเป่าให้ภัยที่เกิดขึ้นเบี่ยงเบนไปในทิศทางอื่น ไปยังทิศที่คนบาปไปรวมตัวกัน ส่วนคนบุญจะมารวมกันเองที่วัดปทุม
ผู้ที่บูชาพกพาพระอุปคุตและหลวงปู่สรวง จะรอดพ้นภัยครั้งนี้ได้ ด้วยอำนาจของพระอุปคุตและหลวงปู่สรวงจะยันดาลให้คนผู้นั้นมีเหตุไม่ไปยังที่จะเกิดภัยพิบัติ หรือ พาให้พ้นจากสถานที่นั้นก่อนจะเกิดเหตุ
เรื่องโลกวิสัย คือ ความเป็นไปของโลก เช่นว่า โลกเกิดขึ้นเมื่อไหร่ อย่างไร โลกจะแตกดับอย่างไร เหล่านี้ไม่ควรคิด ไม่ควรประมาท อย่าคิดมากจนฟุ้งซ่าน แต่ก็อย่าละเลยการทำความดีสั่งสม เพื่อให้ต้นพ้นจากภัยทั้งหลาย
ผู้ที่ปฏิบัติกรรมฐาน จะเกิดกุศลคุ้มครอง ครองตนพ้นภัยพิบัติ ผู้เจริญให้มากย่อมเกิดพลังจิตอันแก่กล้าสามารถ
คุ้มครองทั้งตนและบุคคลอันเป็นที่รักให้ปลอดภัยได้ และแม้ว่าภัยพิบัตินั้นยังไม่เกิดขึ้น ผู้เพียรภาวนารักษาความดีดังกล่าวมานี้ ย่อมเกิดความสุขอย่างเลิศ เป็นบุคคลที่ดำรงตนอย่างไม่ประมาทไม่ขาดสติ
ปัจจุบันโลกเรากำลังเข้าสู่กลียุค หรือ กึ่งพุทธกาล อันเป็นยุคที่คนมากด้วยตัณหาราคะ เพราะจิตที่เร่าร้อนของคนแต่ละคนนั้น ดึงดูดธาตุร้อนซึ่งกันและกันจนเกิดกลุ่มความร้อนขึ้นมารวมตัวกัน กลุ่มความร้อนที่มาจับตัวกันจากจำนวนคนนับล้าน ๆ ก่อให้เกิดการแปรปรวนของบรรยากาศทำให้ดินฟ้าวิปริต เมื่อมนุษย์มากด้วยกิเลสตัณหาเท่าใด ภัยธรรมชาติ และความวิบัติหายนะก็จะรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น
คำพยากรณ์ของครูบาอาจารย์กล่าวถึงหายนะภัยจากน้ำเป็นอันดับแรกที่มนุษย์กึ่งพุทธกาลนี้ต้องเผชิญ โดยคำพยากรณ์ของฝั่งฟากตะวันออก ทำนายว่า “ น้ำจะท่วมฟ้า ปลาจะกินดาว ” และคำพยากรณ์ของฝั่งฟากตะวันตก ทำนายว่า “ น้ำจะท่วมในที่สูง ไม่ท่วมในที่ต่ำ ” ซึ่งเมื่อมองดูสถานการณ์ปัจจุบันแล้วก็ใกล้เคียงเข้าทุกวัน
ถ้าเกิดการพลิกตัวของแกนโลกจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เรื่องนี้มีคำพยากรณ์ของ อ.เลือง มินห์ ด๋าง เจ้าตำรับวิชาพลังไฟฟ้าจักรวาล ได้กล่าวไว้ว่า เมื่อสิ้นศตวรรษที่ 20 นี้ สนามแม่เหล็กไฟฟ้าของโลกจะมีการเปลี่ยนแปลง สลับสับสนกันอย่างยุ่งเหยิง ไฟฟ้าบนโลกจะขัดข้อง การติดต่อสื่อสารรับรู้กันทั่วโลกโดยอิเล็กทรอนิกส์ จะใช้การไม่ได้ ภัยพิบัติหลาย ๆ อย่างจะเกิดขึ้น คนที่เคยสนุกสุขสบายจะทนต่อสภาวะนั้นไม่ได้ เดือดร้อนเรื่องที่พัก อาหาร เครื่องอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ผู้คนจะมีความเครียด คลุ้มคลั่ง ปั่นป่วนกันไปหมดทั้งโลก ผู้คนที่ทนต่อสภาวการณ์ดังกล่าวไม่ได้จะต้องตายไป และประมาณว่าอาจตายกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ทั้งโลก
การเตรียมตัวเพื่อรับกับเหตุการณ์นี้ เราควรจะเริ่มคิดตั้งแต่บัดนี้ว่า เราจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไรเมื่อต้องพบเจอกับสภาพไม่มีไฟฟ้าใช้ ไม่มีน้ำประปา ไม่มีโทรศัพท์มือถือ ไม่มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ต้องใช้ไฟฟ้า ไว้คอยอำนวยความสะดวกสบายแบบในปัจจุบันนี้ (ข้อความบางส่วนจากหนังสือ “ พลังจักรวาลรักษาโรค ”)
และอีกหนึ่งสาเหตุของภัยพิบัติ คือ อำนาจจากดาวหางชื่อ “ นิบิรุ ” ซึ่งกำลังเดินทางมาเยือนโลกในระยะเวลาอันใกล้นี้ และเนื่องจากมันเป็นดาวหางที่มีขนาดใหญ่มาก ๆ ซึ่งถ้ามันโคจรเข้าใกล้ ๆ วงโคจรของระบบสุริยะนี้ ก็จะสร้างความปั่นป่วนได้ และวิถีโคจรของมันโดยองค์กรนาซ่าบอกว่า “...จะโคจรเข้ามาใกล้โลกมาก ๆ และมันจะโคจรเข้าเป็นเส้นตรงพอดีใน วันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2012 ก็คือ ดวงอาทิตย์ โลก และ นิบิรุ อยู่ในระนาบเดียวกันพอดี ” วันนั้นจะเป็นวันวิบัติ ซึ่งจะมีผลดังนี้
1. สร้างความปั่นป่วนให้สนามแม่เหล็กไฟฟ้าของโลก
2. น้ำทะลจะขึ้นสูงมาก ๆ จนเกิดวิกฤตการณ์ที่เรียกว่า น้ำท่วมโลก หรือ ซูเปอร์สึนามิ
3. แผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิดไปทั่วโลก
4. ระบบอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมากจะทำงานผิดปกติ (ระบบขีปนาวุธ, ดาวเทียม, คอมพิวเตอร์ ฯลฯ)
5. การอพยพของฝูงสัตว์ เช่น นก หรือ ปลาวาฬ ทำให้สูญเสียทิศทางและอื่น ๆ
6. ระบบภูมิคุ้มกันโรคในบรรดาสัตว์รวมถึงมนุษย์ จะทำให้อ่อนแอลงอย่างมาก
7. สนามแม่เหล็กโลก ( Magnetosphere) จะอ่อนแอลง และการแผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์จะเพิ่มปริมาณถึงระดับอันตราย ก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังตามมา ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้
8. กลุ่มวัตถุในอวกาศที่มีเส้นผ่านมากมาย จะเฉียดเข้าใกล้โลกได้ง่ายขึ้น
9. แรงดึงดูดของโลกจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
ด้านวัตถุมงคลที่ครูบาอาจารย์ในอดีตได้อธิษฐานจิตกันภัยพิบัติกันกัมมันตภาพรังสีไว้นั้น ได้แก่
1. พระเครื่องหนังสือธรรมะ ก้อนกรวดอธิษฐานจิตของท่านเจ้าคุณนรรัตน์ราชมานิต
2. พระพุทโธน้อย หนังสือธรรมะ และศิลาน้ำอธิษฐานจิตของคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม
3. พระเครื่องวัตถุมงคลของหลวงพ่อฤาษีลิงดำทุกรุ่น เช่น พระคำข้าว พระหางหมาก หัวแหวนข้าวตอกพระร่วง ผ้ายันต์พิชัยสงคราม
4. พระเครื่องวัตถุมงคลของครูบาชัยวงศา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ที่สำคัญของท่าน คือ พระธาตุข้าวบิญฑ์
5. พระเครื่องวัตถุมงคลที่สร้างจากหินพระธาตุเขาสามร้อยยอด
6. พระเครื่องวัตถุมงคลหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด
7. พระเครื่องวัตถุมงคลหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก
8. พระเครื่องวัตถุมงคลที่มีมวลสารจากเหล็กน้ำพี้ โคตรเหล็กไหลเขาอึมครึม แร่บางไผ่ แก้วโป่งข่าม
9. พระเครื่องวัตถุมงคลของหลวงปู่คำพันธุ์ โฆษปัญโญ วัดพระธาตุมหาชัย โดยเฉพาะปฐวีธาตุอันเป็นก้อนกรวดสีขาวใสจากแม่น้ำโขงมีอานุภาพกันภัยพิบัติทุกประการ
10. พระเครื่องทุกชนิดของหลวงพ่อยี วัดดงตาก้อนทอง
11. บารมีจากพระบรมสารีริกธาตุ พระอรหันตธาตุ ธาตุกายสิทธิ์ เหล็กไหล ไพรดำ ปรอทสำเร็จต่างมีอานุภาพปกป้องคุ้มครองคนมีศีลให้พ้นจากภัยพิบัติยุคกึ่งพุทธกาลนี้
12. นอกจากนี้ทราบว่ายังมีพ่อแม่ครูอาจารย์อีกหลายท่านที่ได้อธิษฐานจิตวัตถุมงคลของท่านให้เป็นเครื่องป้องกันตัวจากภยันอันตรายทั้งหลาย ซึ่งท่านผู้อ่านจะทราบได้จากการใกล้ชิดศึกษากับครูบาอาจารย์ท่านนั้นโดยตรง
หมายเหตุ นำมาให้อ่านโปรดใช้วิจารณญานของท่านเอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ต.ค. 2012, 23:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.ย. 2012, 21:26
โพสต์: 16


 ข้อมูลส่วนตัว


1.ประกาศจากองค์การ NASA วันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) วันนั้นแกนโลกของเราจะพลิกกลับขั้ว คือ ขั้วโลกเหนือจะมาอยู่ที่ขั้วโลกใต้ ช่วงเวลานั้น โลกของเราจะไม่มีสนามพลังแม่เหล็ก เพื่อป้องกันตัวเองจากสนามพลังแม่เหล็ก และ รังษีต่างๆจากอวกาศ
แล้ววันนั้นจะเป็นวันเดียวกับที่ ดวงอาทิตย์จะพลิกกลับขั้วเช่นกัน เพราะดวงอาทิตย์จะพลิกกลับขั้วทุกๆ 11 ปี ปีล่าสุดคือปี พ.ศ. 2544 ถ้ามาถึงวันนี้ก็ 11 ปีพอดี (2544 + 11 = 2555) ขณะที่ดวงอาทิตย์กำลังพลิกกลับขั้วนั้น ดวงอาทิตย์จะแผ่สนามแม่เหล็ก และรังษีความร้อนสูงมายังโลก ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่โลก ไม่มีสนามแม่เหล็กป้องกันตัวเอง ผลคือ น้ำแข็งขั้วโลกละลายฉับพลัน น้ำท่วมโลกฉับพลัน ไม่มีทางหนีได้ทัน ในวันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555)
[อ้างอิง กรรมจริงๆ 22 ธ.ค พ.ศ. 2555 จะเกิดปรากฏการณ์แกนโลกพลิก และการพลิกกลับขั้วของดวงอาทิตย์ มันคือวันหายนะภัยพิบัติของโลก]




2.ชาวมายา (ชนเผ่ามายาแห่งอเมริกากลาง) ทำปฏิทินใช้เองตั้งแต่ 1,000 ปีที่แล้ว ชนเผ่ามายานี้มีความสามารถในการคำนวนการโคจร การเกิดดับของดวงดาวอย่างไม่น่าเชื่อ คือเขาสามารถคำนวนว่า โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์โดยใช้เวลา 365 วัน ตั้งแต่ 1,000 ปีที่แล้ว ซึ่งตรงกับปฏิทินที่ชาวโลกปัจจุบันใช้กัน แล้วยังสามารถคำนวนเกี่ยวกับระบบสุริยะจักรวาลได้อย่างแม่นยำมาก
ชาวมายายังกำหนดวันสุดท้ายของปฏิทินของพวกเขาคือ วันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) พวกเขาบอกด้วยว่า วันนั้นโลกจะถึงจุดสิ้นสุด (โดยบอกไว้เมื่อ 1,000 กว่าปีที่แล้ว) น่าแปลกมาก ทำไมมาตรงกับองค์การ NASA อ่ะคะ ไม่น่าเชื่ออ่ะ
[อ้างอิง เวรกรรม ปฏิทินของชาวมายา (ชาวเผ่ามายาแห่งอเมริกากลาง) นั้นสิ้นสุดในปี ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) หรือวันนั้นโลกมนุษย์จะวิบัติ]




3.นาย Gordon-Michael Scallion เป็นผู้หยั่งรู้อนาคต (futurist) มีญาณทัศนะ(Spiritual Visionary) คือมองเห็นอนาคตด้วยญาณ มีความแม่นยำมาก เขาได้ทำนายว่า น้ำกำลังจะท่วมโลก จนหลายประเทศหายไปจากแผนที่ ประเทศที่เป็นเกาะจะจมน้ำทั้งหมด ประชากรโลกที่รอดตายมีเพียง 10% เท่านั้น เขาเชื่อว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นในระหว่างปี 1998-2012 (พ.ศ.2541-พ.ศ.2555) และเขาได้สร้างแผนที่โลกใหม่หลังน้ำท่วมครั้งใหญ่ ภายใต้ชื่อ Future Map Of The World ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1978 (พ.ศ. 2521) ซึ่งประเทศไทยเหลือแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น





4."หลวงปู่สรวง ออยเตียนสรูล" กล่าวไว้ว่า พ.ศ. 2550 ถึง 2555 หางนาคกวาดน้ำให้โลกมาได้ครึ่งหนึ่งแล้ว กำลังจะกวาดน้ำขึ้นมาล้างโลก จะเกิดน้ำท่วมใหญ่ คนไม่ดีไม่มีศีลธรรม จะล้มตายมาก ส่วนคนดีมีศีลธรรม จะอยู่รอดปลอดภัยได้
[อ้างอิง หลวงปู่สรวง (เทวดาเล่นดิน) พูดถึงภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกไม่นานนี้...]
0 คะแนน |

MoNKHeLP เมื่อ มากกว่า 3 ปีที่แล้ว
!!!!~*..อยู่เป็นไร่เลย์ l2aST@mAn..!~*>เพียบ..24..ชม.!!!<~^..บ่แม่นเสี่ยวมึงเด้อ..เตะปากแตกซะบ้อ?..^~>

ผู้ที่ทำแผนที่ขึ้นมาคือนาย Gordon-Michael Scallion มี Web Site ชื่อว่า earthchanges.com นายคนนี้แกเป็นผู้หยั่งรู้อนาคต (futurist) มีญาณทัศนะ(Spiritual Visionary) คือมองเห็นอนาคตด้วยญาณ มีความแม่นยำมาก(ตามที่ Web site ของแกกล่าวอ้าง) จบการศึกษาท่างด้านอิเลคทรอนิคส์(ไม่ได้บอกว่าระดับไหน) ในปี 1979 เคยเกือบตายมาแล้วแต่กลับฝื้นขึ้นมาได้ในที่ หลังจากนั้นก็พบว่าได้รับพรสวรรค์ในเรื่องของการหยั่งรู้อนาคต โดยบางสิ่งที่เขาทำนายถูกต้องก็ได้แก่ เหตุการณ์เกิดแผ่นดินไหวใน ลอสแองเจอริส แคลิฟอร์เนีย เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2535, แผ่นดินไหวใน แลนเดอร์ส (Landers) และ บิกเบียร์ (Big bear) แคลิฟอร์เนีย เมื่อ 17 มกราคม 2537 และแผ่นดินไหวที่เมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2538 เป็นต้น
แผนที่นี้ ภายใต้ชื่อ Future Map Of The World ถูกสร้างขึ้นเนื่องจากเมื่อปี 1978 (พ.ศ. 2521) นาย Gordon ได้มองเห็นภาพอนาคตของโลกเป็นครั้งแรก โดยก็มองเห็นตัวเอง อยู่สูงขึ้นไปในอวกาศแล้วมองกลับลงมาบนโลก หลังจากนั้นอีกหลายปีก็เห็นภาพเดิมอีกครั้ง ทำให้เข้าสามารถสร้าง แผนที่โลกในอนาคตขึ้นมาและพิมพ์ในปี พ.ศ.2525 โดยนาย Grodon เชื่อว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นในระหว่างปี 1998-2012(พ.ศ.2541-พ.ศ.2555) โดยเหตุการณ์จะเกิดจากต้นเหตุสำคัญคือแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิดอันเนื่องมาจาก แผ่นทวีปของเปลือกโลกเคลื่อน โดยสภาพการเปลี่ยนแปลงจะเป็นไปในแต่ละพื้นที่ดังนี้
0 คะแนน |

MoNKHeLP เมื่อ มากกว่า 3 ปีที่แล้ว
!!!!~*..อยู่เป็นไร่เลย์ l2aST@mAn..!~*>เพียบ..24..ชม.!!!<~^..บ่แม่นเสี่ยวมึงเด้อ..เตะปากแตกซะบ้อ?..^~>

แยกเป็นทวีปให้ดูคับ

เอเชีย -- เนื่องจากมีวงแหวนไฟ(Ring of Fire)ผ่าน Asia (แนวเขตรอยต่อของแผ่นเปลือกโลก(Plate boundary) โดยส่วนแนวเขตนื้เรียกว่า riff ) ทำให้เป็นเขตเกิดแผ่นดินไหวสูง ยังผลให้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในเขตนี้ โดยจะเกิดน้ำท่วมใหญ่ตั้งแต่ ฟิลิปปิน ญี่ปุ่น ไปจนถึงทะเลแบริ่ง(เป็นช่องแคบอยู่ระหว่างรัฐอะแลสกา กับรัสเชีย) รวมทั้งหมู่เกาะคูรินและเกาะแซคาลิน(เป็นของรัสเชีย อยู่ใกล้กับ ฮอกไกโด ญี่ปุ่น) เนื่องมาจากแผ่นแปซิฟิกเคลื่อน(Pacific Plate shift)ไป 9 องศา เกาะญี่ปุ่นจะจมเหลือไวเพียงแค่ 2-3 เกาะเล็กๆเท่านั้น ไต้หวัน และเกาหลีส่วนใหญ่จะหายไปในทะเล และด้วยเหตุที่แผ่นโลกเคลื่อนตัวนี้ แนวฝั่งของจีนจะเลือนร่นเข้าไปในแผ่นดินใหญ่หลายร้อยไมล์ อืนโดนีเซียจะถูกทำลาย ถึงแม้ว่าจะมีเกาะใหม่เกิดขึ้นมาด้วยก็ตาม ฟิลิปปินส์จะถูกกลืนหายลงไปในทะเล เอเซียจะได้รับความสูญเสียอย่างหนักจากการเปลี่ยนแปลงใหญ่ครั้งนี้ และจะมีแผ่นดินใหม่เกิดขึ้นด้วย
สิ่งที่ความพิจารณาจากคำทำนายนี้ก็คือ เอเชียอยู่บน 3 แผ่นทวีปคือ 1.แผ่นฟิลิปปิน 2.แผ่นอินโด-ออสเตรเลียน 3.แผ่นยูเรเซียน(ไทย - จีน อยู่บนแผ่นนี้) บริเวณที่ไทยและจีนอยู่เป็นเขตแผ่นดินยกตัวดังนั้นหากเกิดการเปลี่ยนแปลงรุนแรงขึ้นจริงน่าจะเป็นไปในทางที่ทำให้แผ่นดินยกตัวสูงขึ้นมากกว่า โดยที่แผ่นแปซิฟิกที่ว่าเคลื่อนไป 9 องศานั้น ทิศทางการเคลื่อนที่ตามปกติก็จะเคลื่อนที่ในทิศทาง มุดตัวลงใต้แผ่นทวีป ยูเรเซียน บริเวณ ประเทศญี่ปุ่นและมุดตัวลงใต้แผ่นฟิลิปปิน และ แผ่นอินโด-ออสเตรเลียนมุดตัวใต้แผ่นยูเรเซียนบริเวณเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งการมุดตัวดังกล่าวจะทำให้ทวีปยกตัวขึ้น ข้อพิสูจน์นี้ก็ได้แก่ที่ราบสูงทิเบต เทือกเขาหิมาลัย และ อีสานของไทย ซึ่งถูกยกตัวสูงขึ้นจากเมื่อ 60-20 ล้านปีก่อน

ป.ล.เห็นประเทศไทยเราไม๊คับ..^_^
0 คะแนน |

MoNKHeLP เมื่อ มากกว่า 3 ปีที่แล้ว
!!!!~*..อยู่เป็นไร่เลย์ l2aST@mAn..!~*>เพียบ..24..ชม.!!!<~^..บ่แม่นเสี่ยวมึงเด้อ..เตะปากแตกซะบ้อ?..^~>

ออสเตรเลีย -- จะสูญเสียแผ่นดินไปประมาณ 25 เปอร์เซ็น จากน้ำท่วนชายฝั่นทั้งหมด ยกเว้นจะเกิดแผ่นดินบริเวณช่องแคบบาสส์เชื่อมเข้ากับเกาะทาสเมเนีย และเกิดแผ่นดินใหม่ขึ้นนอกชายฝั่ง
นิวซีแลนด์ -- นิวซีแลนด์จะมีขนาดใหญ่ขึ้น บางส่วนจะเชื่อมเข้ากับแผ่นดินเก่าออสเตรเลีย ทั้งสองแผ่นดินจะเชื่อมต่อเป็นแผ่นดินเดียวกันด้วยคอคอด ทั้งนี้เกิดจากการยกตัวขึ้นของแผ่นดินและการระเบิดของภูเขาไฟ ซึ่งจะทำให้นิวซีแลนด์เดิมกลายเป็นตินแดนห่างไกลจากทะเล
0 คะแนน |

MoNKHeLP เมื่อ มากกว่า 3 ปีที่แล้ว
!!!!~*..อยู่เป็นไร่เลย์ l2aST@mAn..!~*>เพียบ..24..ชม.!!!<~^..บ่แม่นเสี่ยวมึงเด้อ..เตะปากแตกซะบ้อ?..^~>

แอฟริกา -- จะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน แม่น้ำไนส์จะกว้างขวางกว่าเก่ามาก ต้วยทิศทางของแม่น้ำไนส์เส้นทางใหม่จะวิ่งจากทะเลเมดิเตอร์เรเนี่ยมตรงปากแม่น้ำไนส์ผ่านพื้นที่ประเทศซูดาน เส้นทางสายน้ำใหม่ของแอฟริกาจะเหมือนตัว "Y" วางอยู่บนทวีป โดยมีฐานตั้งในแนวตั้งอยู่บนเมืองเคปทาวน์(ต้นกำเนิดแม่น้ำอยู่ที่เคปทาวน์) ทะเลแดงจะขยายกว้างออกทำให้ ไคโรจมหายไปในทะเล เกาะมาดากัสการ์เกือบทั้งหมดจะจมลงในทะเล เกิดแผ่นดินใหม่ในทะเลอาหรับ บริเวณตอนใต้ของโอมาน และจะมีแผ่นดินขนาดใหญ่เกิดขึ้นบริเวณทางเหนือและตะวันตกของเคปทาวน์ ทะเลสาบวิคทอเรียจะรวมเข้ากับทะเลสาบนยาซาใหลลงสู่มหาสมุทรอินเดีย
0 คะแนน |

MoNKHeLP เมื่อ มากกว่า 3 ปีที่แล้ว
!!!!~*..อยู่เป็นไร่เลย์ l2aST@mAn..!~*>เพียบ..24..ชม.!!!<~^..บ่แม่นเสี่ยวมึงเด้อ..เตะปากแตกซะบ้อ?..^~>

อเมริกาใต้ -- เกิดการเปลี่ยนแปลงของโลกเกิดขึ้นอย่างมาก รวมถึงแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด ผลกระทบครอบคุมไปทั่ว เวนิซูเอลา โคลัมเบีย และบราซิล จะเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ ลุ่มน้ำอะเมซอนจะกลายเป็นทะเลใน(ทะเลปิดอยู่ภายในแผ่นดินเหมือนทะเลสาปสงขลา) เปรูและ โบลิเวีย จะถูกน้ำท่วม ซานวาดอร์ เซาเปาโล ริโอดอร์จาเนโร และบางส่วนของ อุรุกรัย จะจมหายไปในทะเล เหมือนกับ หมู่เกาะฟอล์คแลนด์ และเกิดทะเลปิดอีกแห่งที่ตอนกลางของประเทศเาร์เจจนตินา เกิดแผ่นดินขนาดใหญ่ขึ้นทางตะวันตกของทวีปแถวชิลีรวมทั้งทะเลปิดอีกแห่งด้วย
0 คะแนน |

MoNKHeLP เมื่อ มากกว่า 3 ปีที่แล้ว
!!!!~*..อยู่เป็นไร่เลย์ l2aST@mAn..!~*>เพียบ..24..ชม.!!!<~^..บ่แม่นเสี่ยวมึงเด้อ..เตะปากแตกซะบ้อ?..^~>

อเมริกาเหนือ --
แคนาดา -- อ่าวฮัทสันจะขยายตัวออกเป็นทะเลปิดภายในแผ่นดิน บางส่วนของตะวันตกเฉียงเหนือจะถอยร่นเข้ามาในแผ่นดิน 200 ไมล์ พื้นที่ในควิเบก ออนตาริโอ มานิโตบา ซาาสแกนเซวัน แอลเบอร์ตา จะกลายเป็นศูนย์กลางผู้ที่รอดพ้นหายนะระหว่งการเปลี่ยนแปลงในตอนต้น ผู้อพยพจะมาจาก บริติสโคลัมเบีย และ อะลาสกา
สหรัฐอเมริกา -- การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทั่วโลกนี้จะเริ่มขึ้นในสหรัฐอเมริกาก่อน โดยแผ่นทวีปอเมริกาเหนือเกิดการโก่งตัว สร้างหมู่เกาะแคลิฟอร์เนียขึ้น 150 เกาะ ในที่สุด จากขบวนการเพลทเทคโทนิก(tectonic plate-ขบวนการที่ทำให้แผ่นเปลือกโลกแผ่นหนึ่งมุดตัวลงไปใต้อีกแผ่นหนึ่ง) ซึ่งทำให้เกิกแนวโก่งตัวและรอยแยกซึ่งก่อให้เกิดอุทกภัยทำให้ ฝั่งทะเลด้านตะวันตกหดลงไปทางตะวันออกสู่รัฐเนเบรสกา ไวโอมิงและ โคโลราโด ทะเลสาบ เกรทเลค(ประกอบด้วยทะเลสาบสุพิเรียม,ฮุรอน,มิชิแกน,อิรีและออนแตริโอ) และแม่น้ำเซนต์ลอเรนซ์จะเชื่อมต่อเข้ากับแม่น้ำมิสซิสซิปปี้ ไหลลงสู่อ่าวแมกซิโก
แมกซิโก -- แนวชายฝั่งของแมกซิโกจะถูกน้ำท่วมเข้ามาถึงในแผ่นดิน คาปสมุทรแคลิฟอร์เนีย จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะ ส่วนใหญ่ของยูคาทาน พีนิซูลาจะหายไปในทะเล ภูเขาไฟระเบิดและแผ่นดินไหวจะเกิดต่อเนื่องยาวนานถึง 25 ศตวรรษ
อเมริกากลางและคาริเบียน -- อเมริกากลางจะเกิดอุทกภัยและมีจำนวนเกาะลดน้อยลง ที่สูงกว่า 500 เมตรเท่านั้นที่ปลอดภัย จะมีเส้นทางน้ำใหม่เกิดขึ้นจากอ่าวฮอนดูรัสไปออกที่ เอลซัลวาดอร์ ส่วนคลองปานามาจะกลายเป็นคลองตัน



จากเวบ http://atcloud.com/stories/59932


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ต.ค. 2012, 00:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.ย. 2012, 21:26
โพสต์: 16


 ข้อมูลส่วนตัว


ความเป็นมาของพระคาถาธารณปริตร


เมื่อครั้งออกพรรษาปี 2526

พระป่ากรรมฐานรูปหนึ่งได้มีโอกาสออกวิเวก

เจริญรุกขมูล ธุดงค์ทางภาคเหนือ และชายแดนฝั่งพม่า

เขตติดต่อพรมแดนในแวดวงหมู่บ้านชาวเขาเผ่าต่าง ๆ นานเกือบ 3 เดือน


ขณะปักกลดพักที่ดอยพระพุทธบาทห้วยต้น อ.ลี้ จ.ลำพูน

ได้พบและปรึกษาธรรมปฎิบัติและอื่น ๆ

กับพระอาจารย์รังสรรค์ โชติปาโล

ซึ่งเพิ่งจะธุดงค์เดินป่ามาจากประเทศพม่า

และได้จดจำเอา"พระคาถาธารณปริตร"

จากวัดอรัญตะยา ในมัณฑะเลย์ ประเทศพม่ามาด้วย



เนื่องจากเห็นว่าเป็นบทสวดสรรเสริญพระพุทธคุณ

ที่ในประเทศไทยเรายังไม่คุ้นเคย หรือมีปรากฎมาก่อน

จะด้วยสาเหตุใดก็ตามที

เมื่อพระป่ามาพบกันหลายองค์ที่จังหวัดลำพูน

ก็ได้นำพะคาถาธารณปริตร บทนี้ ทำวัตรเย็นร่วมกัน ติดต่อกันอยู่ 5 วัน

ก่อนทำเพียรภาวนาทุกค่ำคืน

ได้ปรากฎเห็นหมู่เทวาอารักษ์ในนิมิต

มาชุมนุมและร้องชมเชยสรรเสริญ ชื่นบาน ร่าเริงมาก

ที่ได้ยินพระป่ากรรมฐานเจริญ พระคาถาธารณปริตร อันทรงคุณเป็นเลิศนี้



พระภิกษุกรรมฐานทั้ง 5-6 รูป

ครั้นเจริญพระปริตรที่ห้วยต้น อ.ลี้ จ.ลำพูน

ต่างได้เห็นนิมิตเทวาอารักษ์ ชื่นชมตรงกันทั้งสิ้น

แม้จะน้อมนำทำน้ำพระพุทธมนต์โปรดหมู่ญาติโยมในที่ต่างๆ

ก็ศักดิ์ศสิทธิ์เหลือประมาณ

จึงได้พิจารณาเห็นว่า พระพุทธานุภาพของพระปริตรบทนี้ ทรงคุณเหลือประมาณ

สมควรที่พุทธศาสนิกชนทุกท่าน จะได้นำไปสาธยายบูชาต่อไป




อนึ่ง ข้าพเจ้าได้ทราบจากหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ว่า

ผู้ที่สาธยายมนต์พระปริตรบทนี้ทุกๆวันอย่างน้อยวันละ ๑ ครั้ง

พร้อมกับเร่งบริจาคทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา

จะสามารถรอดพ้นจากวิกฤตมหาอุบัติภัยโลกที่จะบังเกิด




พระคาถาธารณปริตร


น้อมรำลึกถึงพระปัญญาธิคุณ พระเมตตาธิคุณ

พระมหากรุณาธิคุณ แห่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์

โดยกล่าวคำนอบน้อมนมัสการคือ


นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ ๓ จบ


๑.พุทธานัง ชิวิตตัสสะ นะ สักกา เกนะจิ อันตะราโย กาตุง ตถา เม โหตุ

อตีตัง เส พุทธัสสะ ภะคะวะโต อัปปฏิหะตะญาณัง อนาคตัง เส พุทธัสสะ ภะคะวะโต อัปปฏิหะตะญาณัง

ปัจจุปันนัง เส พุทธัสสะ ภะคะวะโต อัปปฏิหะตะญาณัง

๒.อิเมหิ ตีหิ ธัเมหิ สะมันนาคะตัสสะ พุทธัสสะ ภะคะวะโต

สัพพัง กายะกัมมัง ญาณะปุพพังคะมัง ญาณานุปริวัตตัง สัพพัง วจีกัมมัง ญาณะปุพพังคะมัง ญาณานุปริวัตตัง

สัพพัง มะโนกัมมัง ญาณะปุพพังคะมัง ญาณานุปริวัตตัง

๓.อิเมหิ ฉะหิ ธัมเมหิ สะมันนาคะตัสสะ พุทธัสสะ ภะคะวะโต

นัตถิ ฉันทัสสะ หานิ นัตถิ ธัมมะเทสนายะ หานิ นัตถิ วิริยัสสะ หานิ นัตถิ วิปัสสะนายะ หานิ

นัตถิ สมาธิธัสสะ หานิ นัตถิ วิมุตติยา หานิ

๔.อิเมหิ ทะวาทะสะหิ ธัมเมหิ สะมันนาคะตัสสะ พุทธัสสะ ภะคะวะโต

นัตถิ ทะวา นัตถิ ระวา นัตถิ อัปผุฏฏัง นัตถิ เวคายิตัตตัง นัตถิ พะยาวะฏะมะโน นัตถิ อัปปฏิสังขารุเปกขา

๕.อิเมหิ อัฏฐาระสะหิ ธัมเมหิ สะมันนาคะตัสสะ พุทธัสสะ ภะคะวะโต นะโม สัตตันนัง

สัมมาสัมพุทธัง นัตถิ ตะถาคะตัสสะ กายะทุจริตตัง นัตถิ ตะถาคะตัสสะ วจีทุจริตตัง

นัตถิ ตะถาคะตัสสะ มโนทุจริตตัง นัตถิ อตีตัง เส พุทธัสสะ ภะคะวะโต ปะฏิหะตะญาณัง นัตถิ อนาคตัง เส

พุทธัสสะ ภะคะวะโต ปะฏิหะตะญาณัง นัตถิ ปัจจุปันนัง เส พุทธัสสะ ภะคะวะโต ปะฏิหะตะญาณัง

นัตถิ สัพพัง กายะกัมมัง ญาณานุปุพพัง คะมัง ญาณัง นานุปริวัตตัง

นัตถิ สัพพัง วจีกัมมัง ญาณานุปุพพัง คะมัง ญาณัง นานุปริวัตตัง

นัตถิ สัพพัง มะโนกัมมัง ญาณานุปุพพัง คะมัง ญาณัง นานุปริวัตตัง

อิมัง ธาระณัง อะมิตัง อะสะมัง สัพพะสัตตานัง ตาณังเลณัง สังสาระ ภะยะภีตานัง อัคคัง มหาเตชัง

๖.อิมัง อานันทะ ธาระณะปริตตัง ธาเรหิ วาเรหิ ปริปุจฉาหิ
ตัสสะ กาเย วิสัง นะ กะเมยยะ อุทะเกนะ ลัคเคยยะ อัคคีนะ ทะเหยยะ นานาภะยะวิโก นะ เอกาหาระโก นะ ทะวิหาระโก นะ ติหาระโก นะ จะตุหาระโก นะ อุมมัตตะกัง นะ มุฬะหะกัง มนุสเสหิ อะมนุสเสหิ นะ หิงสะกา

๗.ตัง ธาระณัง ปริตตัง ยถา กะตะเม

ชาโล มหาชาโล ชาลิตเต มหาชาลิตเต ปุคเค มหาปุคเค สัมปัตเต มหาสัมปัตเต ภูตัง คะมะหิ ตะมังคะลัง

๘. อิมัง โข ปะนานันทะ ธาระณะปริตตัง สัตตังสะเตหิ สัมมาสัมพุทธโกฏีหิ ภาสิตัง

วัตเต อะวัตเต คันธะเว อะคันธะเว โนเม อะโนเม เสเว อะเสเว กาเย อะกาเย ธาระเณ อะธาระเณ

อิลลิ มิลลิ ติลลิ มิลลิ โยรุกเข มหาโยรุกเข ภูตัง คะมะหิ ตะมังคะลัง

๙.อิมัง โข ปะนานันทะ ธาระณะปริตตัง นะวะ นะ วุติยา สัมมาสัมพุทธโกฏีหิ ภาสิตัง

ทิฏฐิลา ทัณทิลา มันติลา โรคิลา ขะระลา ทุพพิลา เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โสตถิ เต โหตุ สัพพะทา.





คำแปลพระคาถาธารณปริตร


๑.อันชีวิตแห่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย อันใครๆ ไม่อาจทำอันตรายได้ฉันใด

ขอชีวิตความเป็นอยู่แห่งข้าพเจ้า จงเป็นเหมือน เช่นกัน

อันว่าญาณที่ไม่มีเครื่องกระทบของพระพุทธเจ้าผู้มีบุญมีย่อมมีในอดีต ในอนาคต ในปัจจุบัน

๒.อันว่ากายกรรมทั้งปวงของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ประกอบแล้วด้วยคุณธรรมทั้งหลายสามเหล่านี้มีญาณเป็นประธานเป็นไปตามญาณ

อันว่าวจีกรรมทั้งปวงของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ประกอบแล้วด้วยคุณธรรมทั้งหลายสามเหล่านี้มีญาณเป็นประธานเป็นไปตามญาณ

อันว่ามโนกรรมทั้งปวงของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ประกอบแล้วด้วยคุณธรรมทั้งหลายสามเหล่านี้มีญาณเป็นประธานเป็นไปตามญาณ

๓.อันว่าความเสื่อมถอยน้อยลงของประโยชน์ที่ประสงค์ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้มีบุญ ผู้ประกอบแล้วด้วยคุณธรรม ๖ ประการเหล่านี้


อันว่าความเสื่อมถอยน้อยลงแห่งการแสดงธรรม ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

อันว่าความเสื่อมถอยน้อยลงของความเพียร ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

อันว่าความเสื่อมถอยน้อยลงของวิปัสสนาญาณ ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

อันว่าความเสื่อมถอยน้อยลงแห่งกามาวจรและรูปาวจรวิมุตติ ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

๔.อันว่าการพูดเล่น ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีบุญ ผู้ประกอบด้วยคุณธรรมทั้งหลาย ๑๒ ประการเหล่านี้

อันว่าการพูดพลั้งเผลอโดยขาดสติ ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

อันว่าความไม่แพร่หลายในเญยยะธรรม ๕ ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

อันว่าการกระทำใดๆ อย่างผลุนผลัน โดยไม่การพิจารณาเสียก่อน ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

อันว่าความมีใจวุ่นวายด้วยกิเลส ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

อันว่าการกระทำที่ไม่มีอุเบกขาในเตภูมิสังขาร ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัม
พุทธเจ้า

๕.อันว่าความเคารพนอบน้อม ขอจงมีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีบุญ ผู้ประกอบแล้วด้วยคุณธรรม ๑๘ ประการเหล่านี้

อันว่ากายทุจริต ย่อมไม่มีแด่พระตถาคต

อันว่าวจีทุจริต ย่อมไม่มีแด่พระตถาคต

อันว่ามโนทุจริต ย่อมไม่มีแด่พระตถาคต

อันว่าญาณ อันมีเครื่องกระทบขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีบุญ ย่อมไม่มีในอดีต

อันว่าญาณ อันมีเครื่องกระทบขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีบุญ ย่อมไม่มีในปัจจุบัน

อันว่าญาณ อันมีเครื่องกระทบขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีบุญ ย่อมไม่มีในอนาคต

อันว่ากายกรรมทั้งปวง ไม่มีญาณเป็นประธาน ไม่เป็นไปตามญาณ ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

อันว่าวจีกรรมทั้งปวง ไม่มีญาณเป็นประธาน ไม่เป็นไปตามญาณ ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

อันว่ามโนกรรมทั้งปวง ไม่มีญาณเป็นประธาน ไม่เป็นไปตามญาณ ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

อันว่ามโนกรรมทั้งปวง ไม่มีญาณเป็นประธาน ไม่เป็นไปตามญาณ ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

อันว่า ธารณปริตร นี้ ไม่มีเครื่องเทียบ ไม่มีเครื่องเสมอเหมือน เป็นที่ต่อต้าน เป็นที่หลบซ่อนของสัตว์

ผู้ที่กลัวภัยในสังสารวัฏทั้งหลาย อัคคัง ประเสริฐ มหาเตชัง มีเดชมาก

๖.ดูกรอานนท์ ท่านจงท่องจดจำ สอบถาม ซึ่งธารณปริตรนี้

อันว่ากายของผู้ท่องสวดมนต์ธารณปริตรนี้ ไม่พึงตายด้วยพิษงู พิษนาค

ไม่พึงตายในน้ำ อันว่าไฟไม่พึงไหม้เป็นผู้พ้นภัยพิบัติต่างๆ

ใครคิดทำร้ายในวันเดียวก็ไม่สำเร็จ ใครคิดร้ายทำลายในสองวัน สามวัน สี่วัน...ก็ไม่สำเร็จ

ไม่พึงเป็นโรคหลงลืม ไม่พึงเป็นบ้าใบ้ อันอมนุษย์ทั้งหลาย ไม่สามารถเบียดเบียนได้

๗.อันว่าธารณปริตรนี้ มีความศักดิ์สิทธิ์ คือ

ชาโล มีอานุภาพเหมือนพระอาทิตย์ ประชุมกัน ๗ ดวง ที่ขึ้นมาในเวลาโลกาพินาศ

มหาชาโล มีอานุภาพเหมือนมุ้งเหล็ก ที่สามารถป้องกันภัยจาก เทวดา อินทร์ นาค ครุฑ ยักษ์ เป็นต้น

ชาลิตเต มีอานุภาพประหารศัตรูทั้งหลาย

มหาชาลิตเต มีอานุภาพให้พ้นจากกัปทั้ง ๓ คือ โรคันตรกัป, สัตถันตรกัป และทุพภิกขันตรกัป

มีอานุภาพให้พ้นจากโลกต่างๆ ในเวลาปฏิสนธิคือ การเป็นใบ้ เป็นพิการ เป็นคนหูหนวก

อีกทั้งไม่พึงตกต้นไม้ ตกเหว ตกเขาตาย สามารถได้สมบัติที่ยังไม่ได้

ทรัพย์สมบัติที่ได้มาแล้วก็จะเจริญขึ้นโดยความเป็นจริง สามารถประหารความมืด แล้วได้ความสว่าง

๘.ดูกรอานนท์ อันธารณปริตร ซึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย ทรงตรัสไว้พึงสมาคมคนดี ไม่พึงสมาคมคนชั่ว

พึงนำมาซึ่งกลิ่นและรสอันเป็นธรรม พึงน้อมนำมาซึ่งน้ำใจดี ไม่พึงน้อมนำมาซึ่งน้ำใจร้าย พึงทำกายให้เป็นกายดี พึงนำมาแต่สิ่งอันเป็นกุศล ไม่ถึงนำมาซึ่งสิ่งอันเป็นอกุศล พึงฟังแต่สิ่งที่ดีไม่พึงฟังสิ่งที่ไม่ดี พึงเห็นแต่นิมิตดี ไม่ถึงเห็นนิมิตร้าย
โยรุกเข ต้นไม้ที่ตายแล้วสามารถฟื้นขึ้นมาได้

มหาโยรุกเข ต้นไม้ที่ยังเป็นอยู่ ก็ทำให้เจริญงอกงามโดยความเป็นจริง

สามารถประหารความมืด แล้วได้ความสว่าง

๙.ดูกรอานนท์ อันธารณปริตรนี้ สามารถรู้ความคิดร้ายของผู้อื่น

อาวุธต่างๆ มีเครื่องประหาร เช่น มีด หอก ปืน ไฟ เป็นต้น ไม่สามารถทำอันตรายได้

มันติลา สามารถทำน้ำมนต์คาถา ให้มีความศักดิ์สิทธิ์ขึ้น สามารถประหารโรคต่างได้ และโรคร้ายแรงต่างๆ ไม่อาจทำอันตรายได้

ทุพพิลา สามารถหลุดพ้นจากเครื่องผูกมัด

ด้วยอำนาจแห่งสัจจะวาจานี้ ขอความสวัสดีมีชัยจงมีแก่ข้าพเจ้าในกาลทุกเมื่อเถิด



หมายเหตุ : จากหนังสือสวดมนต์ ที่จัดพิมพ์แจกเป็นธรรมทาน

หน้าปกเป็นรูป สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรํสี และหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด


ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนบุญส่วนกุศล จากการเผยแพร่ "พระคาถาธารณปริตร"

ให้แก่ บิดา-มารดา ปู่ย่า-ตายาย

ครูบาอาจารย์ ญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว

และที่ยังมีชีวิตอยู่ เจ้ากรรมนายเวร

ดวงวิญญานที่กำลังตกทุกข์ได้ยาก

ก็ขอให้เป็นสุขๆ เถิด


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ต.ค. 2012, 00:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 เม.ย. 2010, 10:41
โพสต์: 114

แนวปฏิบัติ: ลัทธินิยมความจริง
สิ่งที่ชื่นชอบ: เฒ่าทะเล
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


...ในความเข้าใจของผมผีแม่ม่ายน่าจะเกิดขึ้นในภาคอีสานประมาณ 20-30 ปีมาแล้ว
...ในอดีตชาวอีสานค่อนข้างจะยากจนเพราะประสบกับปัญหาภัยแล้งทุกปี อาหารการกินขาดแคลน โดยมากมักจะกินปลาตัวเล็กๆ สัตว์เลื้อยคลาน แมลง เท่าที่จะหาได้ในแต่ละวัน ถ้ามีงานบุญ งานปวช ก็จะได้กินเนื้อหมู เนื้อวัว สักครั้ง
...ประมาณเกือบ 30 ปี ชาวอีสานได้ไปขายแรงงานแถบประเทศตะวันออกกลางกันเป็นจำนวนมาก เศรษฐกิจอีสานก็ดีขึ้น ชาวบ้านก็กินดีอยู่ดี มีหมู เห็ด เป็ดไก่ กินทุกวัน ก็เกิดโรคเกี่ยวกับไขมันในเส้นเลือดขึ้น มีการตายเพราะโรคหัวใจวายหรือไม่ก็โรคเส้นเลือดในสมองแตกกันเป็นจำนวนมากกว่าที่เคยเป็นในอดีต โรคไขมันในเส้นเลือดผู้ตายมักจะเป็นผู้ชายเป็นส่วนใหญ่ ชาวบ้านเรียกการตายแบบนี้ว่า ไหลตาย
...ชาวบ้านก็เข้าใจว่ามี ผีแม่ม่ายหัวใจเปรี่ยว มาเอาผู้ชายในหมู่บ้านไปทำผัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ต.ค. 2012, 00:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 เม.ย. 2010, 10:41
โพสต์: 114

แนวปฏิบัติ: ลัทธินิยมความจริง
สิ่งที่ชื่นชอบ: เฒ่าทะเล
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


…เหตุการณ์สูญพันธ์ครั้งใหญ่ของสิ่งมีชีวิตในโลกเคยเกิดเพียงหนเดียวเท่าที่มนุษย์จะหาหลักฐานได้ คือ เมื่อ 65 ล้านปีก่อน เกิดการสูญพันธ์ของไดโนเสาร์ขนาดใหญ่แต่สัตว์ขนาดเล็กรอดตายเป็นส่วนใหญ่
...ส่วนเหตุการณ์วันล้างโลกในอดีตถึงปัจจุบันเกิดจากบุคคลหรือกลุ่มบุคคลต้องการสร้างความกลัว ความตระหนกตกใจให้กับผู้คน มีเจตนาต่างๆกัน คือ
1.ศาสนา ต้องการให้มนุษย์เกรงกลัวต่อบาป พระเจ้าได้ขู่มนุษย์ว่าถ้ายังไม่เกรงกลัวต่อบาปพระเจ้าจะเผาผลาญโลกด้วยไฟประลัยกัลป์ แล้วจะสร้างโลกขึ้นมาใหม่ ในอดีตพระเจ้าอ้างว่าเคยให้น้ำท่วมโลกมาแล้ว
2.นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม พยายามจะเตือนผู้คนให้ช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อม มิฉะนั้นจะเกิดการสูญพันธ์ครั้งใหญ่จากสภาวะเรือนกระจก นักอนุรักษ์ได้สร้างหลักฐานจากก้อนหินก้อนหนึ่งที่มีอายุ 250 ล้านปีก่อนว่าเคยเกิดสภาวะเรือนกระจกขึ้นจนทำให้สิ่งมีชีวิตบนโลกตายหมดสิ้น หลังจากนั้นอีก 5 ล้านปี สิ่งมีชีวิตได้เกิดขึ้นใหม่
...จากเจตนาทั้ง 2 ข้อข้างต้นไม่ได้รับการยอมรับจากนักวิทยาศาสตร์แต่ก็ไม่มีใครอยากหาเหตุผลมาหักล้างเพราะกลัวจะเป็นผู้ร้ายในสายตาชาวโลก
3.พวก 18 มงกุฎ สร้างความตื่นตระหนกให้ผู้คนเพียงต้องการขาย หนังสือการเกิดวันสิ้นโลกและหนังสือการดำรงชีวิตในภาวะภัยพิบัติ พร้อมกับขายอุปกรณ์ยังชีพ
4.พวกโรคจิต วิกลจริต มีเพียงเจตนาเดียว ต้องการให้ผู้คนตื่นตกใจกลัวเท่านั้น พยายามรวบรวมเรื่องวันสิ้นโลกในทุกๆเหตุการณ์มายำรวมกันมั่วไปหมด คนพวกนี้มีจำนวนมากมหาศาล มีเวปพวกโรคจิตวันสิ้นโลกในโลกอินเตอร์เน็ตมากถึง 2-3 ล้านเวป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ต.ค. 2012, 10:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


คนโง่เขลา......มี2 จำพวก..คือ...เชื่ออย่างโง่เขลา...กับ...ไม่เชื่ออย่างโง่เขลา...

เราควรทำอย่างบัณฑิต....บัณฑิตพึงดำรงชีวิตด้วยความไม่ประมาท...

:b12: :b12:

แบบไหนเรียกว่า..ไม่ประมาท..ละท่าน?

ก็แบบอย่าง..ลูกสาวช่างทอฮูก...เป็นต้นงัย...

ที่เห็นว่า...เรามีความตายเป็นของแน่...ทุกสายบ่ายเย็นเราตายได้

แล้วก็ให้ถามตัวเองดูซิว่า....เราเองมีคติที่แน่นอนแล้วหรือยัง?

ถ้ายัง....ก็แสดงว่า...เรายังเป็นผู้ที่ประมาทอยู่...

ควรทำประมาทนั้นให้หมดไป....ด้วยการเข้าถึงความตายอยู่ทุกเวลาเถิด...

ดังนั้น....การไปนึกถึงความตาย..พ.ศ..นั้น...พ.ศ..นี้....มันช้าไปต้อย...อิอิ
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ต.ค. 2012, 15:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 เม.ย. 2010, 10:41
โพสต์: 114

แนวปฏิบัติ: ลัทธินิยมความจริง
สิ่งที่ชื่นชอบ: เฒ่าทะเล
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ยังมีพวกโง่ประเภทที่ 3 อีกครับ
โง่แบบนกกระจอกเทศ เวลามีภัยมาใกล้ตัวมันเอาหัวมุดทราย มันคิดว่าไม่มีใครมองเห็นมัน
โง่แบบปิดหูปิดตา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ต.ค. 2012, 15:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


555....
เพิ่งจะเคยได้ยิน....อิอิ...

:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ต.ค. 2012, 22:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.ย. 2012, 21:26
โพสต์: 16


 ข้อมูลส่วนตัว


คาถาป้องกันมหาภัยภิบัติโลก พระธารณปริตร ดีนักแล...
ความเป็นมาของพระคาถาธารณปริตร เมื่อครั้งออกพรรษาปี 2526

พระป่ากรรมฐานรูปหนึ่งได้มีโอกาสออกวิเวกเจริญรุกขมูล ธุดงค์ทางภาคเหนือ และชายแดนฝั่งพม่าเขตติดต่อพรมแดนในแวดวงหมู่บ้านชาวเขาเผ่าต่าง ๆ นานเกือบ 3 เดือน
ขณะปักกลดพักที่ดอยพระพุทธบาทห้วยต้น อ.ลี้ จ.ลำพูน ได้พบและปรึกษาธรรมปฎิบัติและอื่น ๆ
กับพระอาจารย์รังสรรค์ โชติปาโล ซึ่งเพิ่งจะธุดงค์เดินป่ามาจากประเทศพม่า
และได้จดจำเอา"พระคาถาธารณปริตร"จากวัดอรัญตะยา ในมัณฑะเลย์ ประเทศพม่ามาด้วย
เนื่องจากเห็นว่าเป็นบทสวดสรรเสริญพระพุทธคุณที่ในประเทศไทยเรายังไม่คุ้นเคย หรือมีปรากฎมาก่อน จะด้วยสาเหตุใดก็ตามที่ เมื่อพระป่ามาพบกันหลายองค์ที่จังหวัดลำพูน
ก็ได้นำพะคาถาธารณปริตร บทนี้ ทำวัตรเย็นร่วมกัน ติดต่อกันอยู่ 5 วัน
ก่อนทำเพียรภาวนาทุกค่ำคืน ได้ปรากฎเห็นหมู่เทวาอารักษ์ในนิมิต
มาชุมนุมและร้องชมเชยสรรเสริญ ชื่นบาน ร่าเริงมากที่ได้ยินพระป่ากรรมฐานเจริญ พระคาถาธารณปริตร อันทรงคุณเป็นเลิศนี้ พระภิกษุกรรมฐานทั้ง 5-6 รูป ครั้นเจริญพระปริตรที่ห้วยต้น อ.ลี้ จ.ลำพูน ต่างได้เห็นนิมิตเทวาอารักษ์ ชื่นชมตรงกันทั้งสิ้น แม้จะน้อมนำทำน้ำพระพุทธมนต์โปรดหมู่ญาติโยมในที่ต่างๆ ก็ศักดิ์ศสิทธิ์เหลือประมาณ
จึงได้พิจารณาเห็นว่า พระพุทธานุภาพของพระปริตรบทนี้ ทรงคุณเหลือประมาณ
สมควรที่พุทธศาสนิกชนทุกท่าน จะได้นำไปสาธยายบูชาต่อไป
อนึ่ง ข้าพเจ้าได้ทราบจากหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ว่า ผู้ที่สาธยายมนต์พระปริตรบทนี้ทุกๆวันอย่างน้อยวันละ ๑ ครั้งพร้อมกับเร่งบริจาคทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา
จะสามารถรอดพ้นจากวิกฤตมหาอุบัติภัยโลกที่จะบังเกิด

พระคาถาธารณปริตร น้อมรำลึกถึงพระปัญญาธิคุณ พระเมตตาธิคุณ
พระมหากรุณาธิคุณ แห่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์
โดยกล่าวคำนอบน้อมนมัสการคือ
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ ๓ จบ

๑.พุทธานัง ชิวิตตัสสะ นะ สักกา เกนะจิ อันตะราโย กาตุง ตถา เม โหตุ
อตีตัง เส พุทธัสสะ ภะคะวะโต อัปปฏิหะตะญาณัง อนาคตัง เส พุทธัสสะ ภะคะวะโต อัปปฏิหะตะญาณัง ปัจจุปันนัง เส พุทธัสสะ ภะคะวะโต อัปปฏิหะตะญาณัง

๒.อิเมหิ ตีหิ ธัมเมหิ สะมันนาคะตัสสะ พุทธัสสะ ภะคะวะโต
สัพพัง กายะกัมมัง ญาณะปุพพังคะมัง ญาณานุปริวัตตัง สัพพัง วจีกัมมัง ญาณะปุพพังคะมัง ญาณานุปริวัตตัง สัพพัง มะโนกัมมัง ญาณะปุพพังคะมัง ญาณานุปริวัตตัง

๓.อิเมหิ ฉะหิ ธัมเมหิ สะมันนาคะตัสสะ พุทธัสสะ ภะคะวะโต
นัตถิ ฉันทัสสะ หานิ นัตถิ ธัมมะเทสนายะ หานิ นัตถิ วิริยัสสะ หานิ นัตถิ วิปัสสะนายะ หานิ
นัตถิ สมาธิธัสสะ หานิ นัตถิ วิมุตติยา หานิ

๔.อิเมหิ ทะวาทะสะหิ ธัมเมหิ สะมันนาคะตัสสะ พุทธัสสะ ภะคะวะโต
นัตถิ ทะวา นัตถิ ระวา นัตถิ อัปผุฏฏัง นัตถิ เวคายิตัตตัง นัตถิ พะยาวะฏะมะโน
นัตถิ อัปปฏิสังขารุเปกขา

๕.อิเมหิ อัฏฐาระสะหิ ธัมเมหิ สะมันนาคะตัสสะ พุทธัสสะ ภะคะวะโต นะโม สัตตันนัง
สัมมาสัมพุทธัง นัตถิ ตะถาคะตัสสะ กายะทุจริตตัง นัตถิ ตะถาคะตัสสะ วจีทุจริตตัง
นัตถิ ตะถาคะตัสสะ มโนทุจริตตัง นัตถิ อตีตัง เส พุทธัสสะ ภะคะวะโต ปะฏิหะตะญาณัง
นัตถิ อนาคตัง เส พุทธัสสะ ภะคะวะโต ปะฏิหะตะญาณัง นัตถิ ปัจจุปันนัง เส พุทธัสสะ ภะคะวะโต ปะฏิหะตะญาณัง นัตถิ สัพพัง กายะกัมมัง ญาณานุปุพพัง คะมัง ญาณัง นานุปริวัตตัง
นัตถิ สัพพัง วจีกัมมัง ญาณานุปุพพัง คะมัง ญาณัง นานุปริวัตตัง
นัตถิ สัพพัง มะโนกัมมัง ญาณานุปุพพัง คะมัง ญาณัง นานุปริวัตตัง
อิมัง ธาระณัง อะมิตัง อะสะมัง สัพพะสัตตานัง ตาณังเลณัง สังสาระ ภะยะภีตานัง อัคคัง มหาเตชัง

๖.อิมัง อานันทะ ธาระณะปริตตัง ธาเรหิ วาเรหิ ปริปุจฉาหิ
ตัสสะ กาเย วิสัง นะ กะเมยยะ อุทะเกนะ ลัคเคยยะ อัคคีนะ ทะเหยยะ นานาภะยะวิโก นะ เอกาหาระโก นะ ทะวิหาระโก นะ ติหาระโก นะ จะตุหาระโก นะ อุมมัตตะกัง นะ มุฬะหะกัง มนุสเสหิ
อะมนุสเสหิ นะ หิงสะกา

๗.ตัง ธาระณัง ปริตตัง ยถา กะตะเม
ชาโล มหาชาโล ชาลิตเต มหาชาลิตเต ปุคเค มหาปุคเค
สัมปัตเต มหาสัมปัตเต ภูตัง คะมะหิ ตะมังคะลัง

๘. อิมัง โข ปะนานันทะ ธาระณะปริตตัง สัตตังสะเตหิ สัมมาสัมพุทธโกฏีหิ ภาสิตัง
วัตเต อะวัตเต คันธะเว อะคันธะเว โนเม อะโนเม เสเว อะเสเว กาเย อะกาเย ธาระเณ อะธาระเณ
อิลลิ มิลลิ ติลลิ มิลลิ โยรุกเข มหาโยรุกเข ภูตัง คะมะหิ ตะมังคะลัง

๙.อิมัง โข ปะนานันทะ ธาระณะปริตตัง นะวะ นะ วุติยา สัมมาสัมพุทธโกฏีหิ ภาสิตัง
ทิฏฐิลา ทัณทิลา มันติลา โรคิลา ขะระลา ทุพพิลา เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โสตถิ เต โหตุ สัพพะทา.

คำแปลพระคาถาธารณปริตร
๑.อันชีวิตแห่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย อันใครๆ ไม่อาจทำอันตรายได้ฉันใด
ขอชีวิตความเป็นอยู่แห่งข้าพเจ้า จงเป็นเหมือน เช่นกัน
อันว่าญาณที่ไม่มีเครื่องกระทบของพระพุทธเจ้าผู้มีบุญมีย่อมมีในอดีต ในอนาคต ในปัจจุบัน

๒.อันว่ากายกรรมทั้งปวงของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ประกอบแล้วด้วยคุณธรรมทั้งหลายสามเหล่านี้มีญาณเป็นประธานเป็นไปตามญาณ
อันว่าวจีกรรมทั้งปวงของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ประกอบแล้วด้วยคุณธรรมทั้งหลายสามเหล่านี้มีญาณเป็นประธานเป็นไปตามญาณ
อันว่ามโนกรรมทั้งปวงของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ประกอบแล้วด้วยคุณธรรมทั้งหลายสามเหล่านี้มีญาณเป็นประธานเป็นไปตามญาณ

๓.อันว่าความเสื่อมถอยน้อยลงของประโยชน์ที่ประสงค์ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้มีบุญ ผู้ประกอบแล้วด้วยคุณธรรม ๖ ประการเหล่านี้
อันว่าความเสื่อมถอยน้อยลงแห่งการแสดงธรรม ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
อันว่าความเสื่อมถอยน้อยลงของความเพียร ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
อันว่าความเสื่อมถอยน้อยลงของวิปัสสนาญาณ ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
อันว่าความเสื่อมถอยน้อยลงแห่งกามาวจรและรูปาวจรวิมุตติ ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

๔.อันว่าการพูดเล่น ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีบุญ ผู้ประกอบด้วยคุณธรรมทั้งหลาย ๑๒ ประการเหล่านี้
อันว่าการพูดพลั้งเผลอโดยขาดสติ ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
อันว่าความไม่แพร่หลายในเญยยะธรรม ๕ ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
อันว่าการกระทำใดๆ อย่างผลุนผลัน โดยไม่การพิจารณาเสียก่อน ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
อันว่าความมีใจวุ่นวายด้วยกิเลส ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
อันว่าการกระทำที่ไม่มีอุเบกขาในเตภูมิสังขาร ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัม
พุทธเจ้า

๕.อันว่าความเคารพนอบน้อม ขอจงมีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีบุญ ผู้ประกอบแล้วด้วยคุณธรรม ๑๘ ประการเหล่านี้
อันว่ากายทุจริต ย่อมไม่มีแด่พระตถาคต
อันว่าวจีทุจริต ย่อมไม่มีแด่พระตถาคต
อันว่ามโนทุจริต ย่อมไม่มีแด่พระตถาคต
อันว่าญาณ อันมีเครื่องกระทบขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีบุญ ย่อมไม่มีในอดีต
อันว่าญาณ อันมีเครื่องกระทบขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีบุญ ย่อมไม่มีในปัจจุบัน
อันว่าญาณ อันมีเครื่องกระทบขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีบุญ ย่อมไม่มีในอนาคต
อันว่ากายกรรมทั้งปวง ไม่มีญาณเป็นประธาน ไม่เป็นไปตามญาณ ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
อันว่าวจีกรรมทั้งปวง ไม่มีญาณเป็นประธาน ไม่เป็นไปตามญาณ ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
อันว่ามโนกรรมทั้งปวง ไม่มีญาณเป็นประธาน ไม่เป็นไปตามญาณ ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
อันว่ามโนกรรมทั้งปวง ไม่มีญาณเป็นประธาน ไม่เป็นไปตามญาณ ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
อันว่า ธารณปริตร นี้ ไม่มีเครื่องเทียบ ไม่มีเครื่องเสมอเหมือน เป็นที่ต่อต้าน เป็นที่หลบซ่อนของสัตว์
ผู้ที่กลัวภัยในสังสารวัฏทั้งหลาย อัคคัง ประเสริฐ มหาเตชัง มีเดชมาก

๖.ดูกรอานนท์ ท่านจงท่องจดจำ สอบถาม ซึ่งธารณปริตรนี้
อันว่ากายของผู้ท่องสวดมนต์ธารณปริตรนี้ ไม่พึงตายด้วยพิษงู พิษนาค
ไม่พึงตายในน้ำ อันว่าไฟไม่พึงไหม้เป็นผู้พ้นภัยพิบัติต่างๆ
ใครคิดทำร้ายในวันเดียวก็ไม่สำเร็จ ใครคิดร้ายทำลายในสองวัน สามวัน สี่วัน...ก็ไม่สำเร็จ
ไม่พึงเป็นโรคหลงลืม ไม่พึงเป็นบ้าใบ้ อันอมนุษย์ทั้งหลาย ไม่สามารถเบียดเบียนได้

๗.อันว่าธารณปริตรนี้ มีความศักดิ์สิทธิ์ คือ
ชาโล มีอานุภาพเหมือนพระอาทิตย์ ประชุมกัน ๗ ดวง ที่ขึ้นมาในเวลาโลกาพินาศ
มหาชาโล มีอานุภาพเหมือนมุ้งเหล็ก ที่สามารถป้องกันภัยจาก เทวดา อินทร์ นาค ครุฑ ยักษ์ เป็นต้น ชาลิตเต มีอานุภาพประหารศัตรูทั้งหลาย
มหาชาลิตเต มีอานุภาพให้พ้นจากกัปทั้ง ๓ คือ โรคันตรกัป, สัตถันตรกัป และทุพภิกขันตรกัป
มีอานุภาพให้พ้นจากโลกต่างๆ ในเวลาปฏิสนธิคือ การเป็นใบ้ เป็นพิการ เป็นคนหูหนวก
อีกทั้งไม่พึงตกต้นไม้ ตกเหว ตกเขาตาย สามารถได้สมบัติที่ยังไม่ได้
ทรัพย์สมบัติที่ได้มาแล้วก็จะเจริญขึ้นโดยความเป็นจริง สามารถประหารความมืด แล้วได้ความสว่าง

๘.ดูกรอานนท์ อันธารณปริตร ซึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย ทรงตรัสไว้พึงสมาคมคนดี ไม่พึงสมาคมคนชั่ว
พึงนำมาซึ่งกลิ่นและรสอันเป็นธรรม พึงน้อมนำมาซึ่งน้ำใจดี ไม่พึงน้อมนำมาซึ่งน้ำใจร้าย พึงทำกายให้เป็นกายดี พึงนำมาแต่สิ่งอันเป็นกุศล ไม่ถึงนำมาซึ่งสิ่งอันเป็นอกุศล พึงฟังแต่สิ่งที่ดีไม่พึงฟังสิ่งที่ไม่ดี พึงเห็นแต่นิมิตดี ไม่ถึงเห็นนิมิตร้าย
โยรุกเข ต้นไม้ที่ตายแล้วสามารถฟื้นขึ้นมาได้
มหาโยรุกเข ต้นไม้ที่ยังเป็นอยู่ ก็ทำให้เจริญงอกงามโดยความเป็นจริง
สามารถประหารความมืด แล้วได้ความสว่าง

๙.ดูกรอานนท์ อันธารณปริตรนี้ สามารถรู้ความคิดร้ายของผู้อื่น
อาวุธต่างๆ มีเครื่องประหาร เช่น มีด หอก ปืน ไฟ เป็นต้น ไม่สามารถทำอันตรายได้
มันติลา สามารถทำน้ำมนต์คาถา ให้มีความศักดิ์สิทธิ์ขึ้น สามารถประหารโรคต่างได้ และโรคร้ายแรงต่างๆ ไม่อาจทำอันตรายได้
ทุพพิลา สามารถหลุดพ้นจากเครื่องผูกมัด
ด้วยอำนาจแห่งสัจจะวาจานี้ ขอความสวัสดีมีชัยจงมีแก่ข้าพเจ้าในกาลทุกเมื่อเถิด



หมายเหตุ : จากหนังสือสวดมนต์ ที่จัดพิมพ์แจกเป็นธรรมทาน
หน้าปกเป็นรูป สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรํสี และหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด
ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนบุญส่วนกุศล จากการเผยแพร่ "พระคาถาธารณปริตร"ให้แก่ บิดา-มารดา ปู่ย่า-ตายาย ครูบาอาจารย์ ญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว และที่ยังมีชีวิตอยู่ เจ้ากรรมนายเวร
ดวงวิญญานที่กำลังตกทุกข์ได้ยาก ก็ขอให้เป็นสุขๆ เถิด


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ต.ค. 2012, 09:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12:

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 70 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร