วันเวลาปัจจุบัน 22 มิ.ย. 2025, 09:01  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 50 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2012, 16:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


ดิฉันฝึกหัดนั่งสมาธิ วิปัสสนา แนวทางท่านอาจารย์โกเอ็นก้า คือนั่งดูลมหายใจเข้าออก เฉยๆไม่บริกรรม และให้ดูเวทนาที่เกิดในร่างกายแล้วให้มีอุเบกขา
คอร์สแรกที่ดิฉันไปศึกษาเรียนรู้เป็นเวลา10 วัน และหลังจากนั้นดิฉันก็กลับมาปฎิบัติที่บ้าน สม่ำเสมอ วันละหลายครั้ง บางทีก็หลายชั่วโมงติดต่อกัน

ล่วงเข้ามาประมาณเดือนที่ 3 ดิฉันมีอาการ ร้อนที่ร่างกาย ทุกส่วน และเกิดอาการปวดศีรษะ เหมือนมีเข็มเป็นร้อยๆเล่มอยู่ในห้ว บางที แข็ง ตึง มึน ทึบอยู่ในหัว จนยากที่จะอธิบาย จนขนาดต้องไปเอกซ์เรย์แต่ไม่มีอะไรผิดปรกติ
อาการมันลงมาที่มือข้างซ้าย และ กรามบน ขมับ 2 ข้าง เหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งอยู่ตลอดเวลาเป็นที่ทรมานมาก

ระยะหลังมาดิฉันก็เลยนั่งบ้างไม่นั่งบ้าง เพราะปวดหัวเหลือเกิน บางอาการไม่สามารถบอกมาเป็นตัวอักษรได้ว่ารุ้สึกอย่างไร อาการเป็นตลอดเวลา 2 - 4 ชั่วโมง ทั้งหลับทั้งตื่น ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ไปหาหมอฝังเข็ม ฝังมา 9 ครั้ง ไม่มีทีท่าว่าจะทุเลา อาการยังมีตลอด ดิฉันก็ได้แต่อุเบกขา ทำใจไป คิดไปต่างๆนานา เวลานั่งก็ขออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง
ตอนนี้นับระยะเวลาเป็นมากว่า 2 ปี ได้แต่หวังว่าผู้รู้ทั้งหลายคงช่วยอนุเคราะห์คนมีกรรมคนนี้ด้วย ขอได้โปรดเมตตาช่วยด้วยนะคะ


ที่พี่ยกตัวอย่างมา ขนาดพระจักขุบาลเถระปฎิบัติตาบอดเป็นพระอรหันต์ได้เลยเพราะวิบากเขา นี่ก็เป็นวิบากเขาถ้าเขาผ่านได้ก็ไม่แน่อรหันต์นะครับ มีหลายคนที่ผ่านได้บรรลุธรมกันเยอะครับ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


แก้ไขล่าสุดโดย bigtoo เมื่อ 24 ก.ย. 2012, 16:34, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2012, 16:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เมื่อเขาเจริญสติปัญญา แล้วปรากฏการณ์ยังงี้ เอาไงดี :b10: ถูกหรือผิดประการใด


อ้างคำพูด:
ผมมีความสนใจในการนั่งสมาธิวิปัสสนากรรมฐานมาก เคยไปฝึกนั่งอยู่ที่สำนักปฏิบัติธรรมที่จังหวัดชลบุรีเมื่อนานมาแล้ว รู้สึกชอบมาก อยากไปอีก แต่เนื่องจากหน้าที่การงานและระยะทาง ทำให้ผมไม่มีโอกาศได้ไปอีก ดังนั้นผมจึงหาเวลานั่งสมาธิในห้องตอนหลังเลิกงานหรือเสาร์อาทิตย์แล้วแต่โอกาศจะอำนวยโดยนั่งอยู่ในห้องเช่าในตอนค่อนข้างดึกของวันนั้นๆ

การนั่งแต่ละครั้งผมจะใช้เวลาประมาณ หนึ่งถึงสองชั่วโมงและทุกครั้งที่ผมนั่ง ผมจะมาถึงจุดๆหนึ่งซึ่งมีลักษณะจิตใจสงบ และดำดิ่งลงไปเป็นเวลานาน และในทันใดนั้นเองผมจะมีความรู้สึกเหมือนตัวผมกำลังจะหลุดออกจากร่างของตน และเมื่อถึงตรงนั้นผมก็จะรีบลืมตาคลายออกจากสมาธิทุกครั้งไป และผมไม่สามารถจะนั่งให้นานไปกว่านั้นได้เลย (ทั้งๆที่ใจก็อยากจะนั่งให้นานกว่านั้น)

ผมจึงอยากจะเรียนถามว่า อาการดังกล่าวนี้เนื่องมาจาสาเหตุอะไรครับ ผมพยายามจะหาคำตอบมานานแล้ว แต่ก็ไม่เคยได้รับคำตอบที่ชัดเจนเท่าไร อีกอย่าง แถบบริเวณที่ผมทำงานอยู่ก็หาสำนักปฏิบัติกรรมฐานไม่มีเลย จึงไม่รู้จะสอบถามผู้ใด

(มีบางครั้งที่ผมนั่งสมาธิอยู่ดีๆก็รู้สึกเหมือนมีใบหน้าผู้หญิงโผล่ขึ้นมาในนิมิตโดยเขาพยายามจะเอาศรีษะแทรกเข้ามาในศรีษะของผม จนต้องสะดุ้งลืมตาคลายจากสมาธิ รบกวนช่วยแนะนำหน่อยครับว่าเป็นเพราะอะไร)
กล้าๆหน่อยๆ ไม่กล้าก็สงสัยไปเรื่อยๆ เรียนรู้เรื่องการพ้นทุกข์เถอะ วิปัสนาอยู่กับความจริงอยู่กับเจ็บนั้นแหล่ะดีที่สุดของแท้ ฝึกสมาธิถ้าไม่เข้าใจแล้วมันเจออย่างนี้แหละถ้าจิตไม่แข็งพอก็เป็นบ้าได้ มาอยู่กับความจริงเถอะอยู่กับลมหายใจอยู่กับความเจ็บนั้นแหละของจริงอยู่กับความรู้สึกผ่านไปให้ได้ด้วยใจเป็นอุเบกขา แค่นี้ก็บรรลุได้ อย่าอยู่กับสมาธิแบบสติไม่ทันหลงสติก็จะเกิดอย่างนีและมีเยอะมันผิดทางเดี๋ยวก็บ้ากันพอดี สำคัญที่สุดอย่าหลงสติจะต้องมีสติคือความระลึกอยู่ตลอดเวลา สมาธิเบอๆเดียวผีก็โผล่มาหลอกเอาอิๆ



เขายังไม่กล้าอีกหรือเนี่ย


อ้างคำพูด:
ดิฉันฝึกหัดนั่งสมาธิ วิปัสสนา แนวทางท่านอาจารย์โกเอ็นก้า คือนั่งดูลมหายใจเข้าออก เฉยๆไม่บริกรรม และให้ดูเวทนาที่เกิดในร่างกายแล้วให้มีอุเบกขา
คอร์สแรกที่ดิฉันไปศึกษาเรียนรู้เป็นเวลา10 วัน และหลังจากนั้นดิฉันก็กลับมาปฎิบัติที่บ้าน สม่ำเสมอ วันละหลายครั้ง บางทีก็หลายชั่วโมงติดต่อกัน

ล่วงเข้ามาประมาณเดือนที่ 3 ดิฉันมีอาการ ร้อนที่ร่างกาย ทุกส่วน และเกิดอาการปวดศีรษะ เหมือนมีเข็มเป็นร้อยๆเล่มอยู่ในห้ว บางที แข็ง ตึง มึน ทึบอยู่ในหัว จนยากที่จะอธิบาย จนขนาดต้องไปเอกซ์เรย์แต่ไม่มีอะไรผิดปรกติ
อาการมันลงมาที่มือข้างซ้าย และ กรามบน ขมับ 2 ข้าง เหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งอยู่ตลอดเวลาเป็นที่ทรมานมาก

ระยะหลังมาดิฉันก็เลยนั่งบ้างไม่นั่งบ้าง เพราะปวดหัวเหลือเกิน บางอาการไม่สามารถบอกมาเป็นตัวอักษรได้ว่ารุ้สึกอย่างไร อาการเป็นตลอดเวลา 2 - 4 ชั่วโมง ทั้งหลับทั้งตื่น ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ไปหาหมอฝังเข็ม ฝังมา 9 ครั้ง ไม่มีทีท่าว่าจะทุเลา อาการยังมีตลอด ดิฉันก็ได้แต่อุเบกขา ทำใจไป คิดไปต่างๆนานา เวลานั่งก็ขออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง
ตอนนี้นับระยะเวลาเป็นมากว่า 2 ปี ได้แต่หวังว่าผู้รู้ทั้งหลายคงช่วยอนุเคราะห์คนมีกรรมคนนี้ด้วย ขอได้โปรดเมตตาช่วยด้วยนะคะ

http://board.palungjit.com/f4/ปวดศรีษะจากการนั่งสมาธิ-173606.html
ถ้ากล้าจะมีคำถามแบบนี้เหรอ ก็ผ่านไปเลยจะได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร และตัวอย่างที่พี่พยายามเอาคนที่ปฎิบัติที่ท่านอาจารย์โกเอ็นก้ามานะเพื่ออะไร พี่กล้าไปพิสูจน์มั้ยล่ะ ถ้าพี่ไม่กล้าก็ผ่านไปเลยไม่ต้องสงสัย คนที่ฟังธรรมกับพระพุทธองค์แท้ๆยังถึงขนาดทำร้ายพระพุทธองค์ได้เลย และเรื่องแค่นี้พี่ยังไม่เข้าใจอีกเหรอว่ามันเกิดขึ้นได้เสมอ อย่างที่เคยกล่าวเอาไว้แล้วต่อไปวันหนึ่งเขาอาจจะขอบใจในสิ่งที่เขาเป็นก็ได้ถ้าวันหนึ่งเขากล้าที่จะผ่านมันไปให้ได้



ตัวอย่างนี้ก็เช่นเดียวกัน แสดงถึงความไม่เข้าใจพื้นฐานขของชีวิตหรือรูปนาม ทั้งผู้ให้และผู้รับ พอเข้าใจไหมครับ :b1:
คงเป็นเขาไม่ใช่ผมแน่ๆ เรื่องที่ยกมาเรื่องเล็กๆที่เขาไม่เข้าใจ มันก็เป็นแค่ความรู้สึกเท่านั้นเอง มันเกิดขึ้นด้วยเหตุปัจจัยมันก็ผผ่านไปจบ แต่เขาสงสัยผมก็แนะนำให้กล้าหน่อยจะได้หายสงสัย ถ้าเป็นผมมันจบเรื่องไปนานแล้ว ผมเจอมาเยอะกว่านี้อีกครับไม่สนใจวิเศษกว่านี้อีก ไม่สนใจ เพราะไม่ใข่เป้าหมายผม ผมต้องการหมดกิเลส ไม่ต้องการเป็นผู้วิเศษ ผมถึงพยายามลดละเลิก แล้วก็ทำได้จริง ไม่มีปัญหาครับ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2012, 17:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เป้าหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนาคือนิโรธ แต่เบื้องต้นผู้ปฏิบัติจะต้องเข้าใจพื้นฐานเดิมของธรรมะหรือที่เรียกว่ารูปนาม (ชีวิต) แท้ๆล้วนๆก่อนนั่นแหละ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2012, 17:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เป้าหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนาคือนิโรธ แต่เบื้องต้นผู้ปฏิบัติจะต้องเข้าใจพื้นฐานเดิมของธรรมะหรือที่เรียกว่ารูปนาม (ชีวิต) แท้ๆล้วนๆก่อนนั่นแหละ
รูปนามเป็นสนามฝึก ฝึกอะไร ผมเข้าใจอย่างนี้นะครับฝึกความเป็นกลางของจิตนั้นเอง ไม่โน้มเอียง ไม่รัก ไม่ชัง ต่อสิ่งทั้งหลาย แล้วฝึกกับอะไร ผมสังเกตุว่าร่างกายเรามีอยู่สามความรู้สึก คือความสบายกายสบายใจนำสู่โลภะเราชอบดึงเข้าหาตัว ความทุกข์กายทุกข์ใจนำสู่โทษะเราชอบผลักใสออกตัว เฉยๆไม่รู้สึกอะไรทำให้หลงโมหะไม่รู้ความเป็นจริง กิเลสหลักๆก็มีอยู่แคนี้แหล่ะ

ฉะนั้นการนั่งสมาธินั้นเป็นอริยบทหลักซึ่งร่างกายจะส่งผลออกมาทางความรู้สึกได้ทั้ง3อย่าง ทั้งความทุกข์ ความสบายและเฉยๆ ให้เราได้เรียนรู้วางใจเป็นกลางกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นจนเราสามารถชนะผ่านความรู้สึกทั้ง3อย่างได้อย่างแท้จริง พี่ลองสังเกตุดูนะครับจิตที่สามารถพ้นจากกายที่เจ็บได้ด้วยใจเป็นกลางๆเท่ากับจิตเราหลุดพ้นความทุกข์ไม่น่าปรารถนาได้จริง ในความสบายก็เหมือนกันเมื่อเราวางใจเป็นกลางกับปีติ สุขที่เิกิดขึ้นเท่ากับจิตก็หลุดพ้นจากความน่าใคร่นา่ปรารถนา และอุเบกขาที่เกิดขึ้นเราก็เข้าใจว่ามันไม่คงที่เท่ากับเราไม่หลงผิดยึดติดอยู่กับมัน กิเลสทั้ง3ตัว โลภะโทษะโมหะ ถูกทำลายลงตรงนี้ทั้งหมด ด้วยใจเป็นกลางไม่โน้มเอียงอย่างแท้จริงอย่าแท้จริง

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ย. 2012, 07:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ย. 2011, 10:31
โพสต์: 36


 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
ในสมัยนั้นพระพุทธเจ้าสอนให้มีการบรกรรมหรือเปล่า ถ้าไม่มีเแล้วการบริกรรมจะพาเราถึงจุดหมายได้จริงหรือเปล่า หรือจะไปหยุดอยู่ที่สมาธิเพียงอย่างเดียว แล้วก็นึกว่าบรรลุธรรมขั้นสูงสุด ถามเป็นความรู้เพราะบางสถานทีบอกว่าไม่ต้องบริกรรมใดๆทั้งนั้นให้อยู่กับความจริง ถ้าอยู่กับความจริงก็จะได้พบความจริง ถ้าอยู่กัสมมุติก็จะได้ความจริงแบบสมมุติคือสมาธิขั้นฌานโลกีย์ ข้อผู้รู้ช่วยตอบด้วยครับ


บริกรรม ก็คือ วิตก วิจารณ์ :b39:

คนเราก็บริกรรมอยู่ตลอดนั่นแหละ เพียงแต่แยกแยะไม่ออกว่า มันคืออะไร ต่างหาก

พระองค์สอนโดยไม่ต้องพูด แต่ให้ทำในขณะที่ฟังธรรมเลย และได้ผลเลย คือการเห็นไปตามความเป็นจริง

:b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 50 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร