วันเวลาปัจจุบัน 02 พ.ค. 2025, 05:48  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 220 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ... 15  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ค. 2012, 20:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


วิริยะ เขียน:
.. แค่หอมปากหอมคอ ก็น่าจะพอ ..
ปุถุชนย่อมมีความเห็น มีทิฏฐิไม่เสมอกัน

ยอมกันบ้าง ก็เป็นสีสันของชีวิตและเป็นการฝึกฝนตน
หยุดก่อน เย็นก่อน สงบก่อน เสมอ ..นะ ตะเอง..

onion


:b3: :b3: :b3:

อิอิ รู้ได้ไงกะลังรอตะเองมาบอกอย่างนี้อยู่เชียว ...
ไม่เช่นนั้น เค้าก็ไม่รู้จะเอาเหตุผลไหนมาเผ่น...

:b13: :b13: :b13:

จร้า.....รับคำขอ....

บ๊ายบายน๊ะจ๊ะ กระทู้นี้ จุ๊ฟ จุ๊ฟ

:b29: :b29: :b29:

:b8: :b8: :b8:

onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ค. 2012, 23:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
คุณอยากแสดงทิฏฐิอย่างไร นั่นเหตุของคุณ คุณเข้าใจว่าอย่างไร นั่นเหตุของคุณ ก็เหมือนทุกๆคน แค่ฟังเขาเล่ามา อ่านในตำรามา

ไหงมาออกท่าทางกิริยาแบบนี้ คุณนี่ ช่างหน้าไม่อายจริงๆ อะไรคือ จริง อะไรคือ เท็จ เอาอะไรมาวัด มีแค่เรื่องทิฏฐิของแต่ละคนเท่านั้นเอง

:b32:
แต่คุณวลัยพร....ก็คิดว่าความคิดของตนถูก...ที่คิดว่า...พระพุทธองค์...จบยามสามแล้วยังเป็นโสดาปัตติมรรค...ยังมิจฉา...อยู่...โดยไปหยิบคำบางคำในตำรามาแล้วอธิบายด้วยความคิดของตน...

แล้วเพื่อนสมาชิก...อิ...อิ...ก็นำข้อความเดียวกัน...มาให้เหตุผลแสดงความคิดเห็นว่า...ไม่ใช่อย่างที่คุณวลัยพร..คิด...โดยให้ความเห็นว่า...ท่านวิมุตติไปแล้ว...ไม่ได้เป็นแค่โสดาปัตติมรรค...

กระผม...ก็แสดงทิฏฐิของตนว่า...อย่าเอาสังโยชน์ไปจับลำดับการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า...พุทธวิสัย..กับสาวกวิสัย...มันต่างกัน...คนละเรื่อง

คุณวลัยพร..ก็..ว่า...

"....นั่นเหตุของคุณ ก็เหมือนทุกๆคน แค่ฟังเขาเล่ามา อ่านในตำรามา
ไหงมาออกท่าทางกิริยาแบบนี้ คุณนี่ ช่างหน้าไม่อายจริงๆ อะไรคือ จริง อะไรคือ เท็จ เอาอะไรมาวัด มีแค่เรื่องทิฏฐิของแต่ละคนเท่านั้นเอง...."


คุณวลัยพรก็เอาตำรามา...แล้ว...แป๊ะความคิดของตนเองไป....แต่กลับคิดว่า...ตนคิดได้ดีกว่าผู้อื่น..ไปเสียนี้...ของคนอื่นก็แค่...อ่านจากตำรามา..หรือฟังคนอื่นมาเท่านั้น...

โอ้ยย....ความคิดความเห็นของคนอื่นนี้มัน...ต่ำไปหมด..รึงัย..รึเพราะ...ไม่เห็นด้วยกะฉัน :b32: ...

มานะทิฏฐิของคนที่เคยแต่เป็นคนสอนคนอื่น...โดยมาก..ก็ยังงี้ทั้งนั้นเลย.. s007

แถม....ว่าผู้อื่น(ว่าผม :b32: )..ว่าหน้าไม่อาย...ว่าเอาอะไรมาวัดว่าเท็จหรือจริง..อีกแน๊ะ...

หากคุณวลัยพรคิดว่า...มันเป็นแค่..
อ้างคำพูด:
มีแค่เรื่องทิฏฐิของแต่ละคนเท่านั้นเอง
..จริง...คุณวลัยพร...จะต้องเห็นความคิดเห็นคนอื่นเสมอของตน...ด้วย

นี้อะร้ายย....มีแต่เหยียดผู้อื่น...ที่คิดต่างจากตนอยู่เสมอ..เลย...

เขียนมาอย่าง....แต่ตนทำไปอีกอย่าง...เลย...

เท่าที่พูด ๆ กันมาแค่นี้....ก็คิดว่า...เพื่อน ๆ ที่เข้ามาอ่าน..ก็พอจะมั่นใจได้แล้วว่า...พระพุทธองค์ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า..หลังยาม 3 แล้วจริง ๆ ....คงไม่หวั่นไหวกับความเห็นอะไรที่แปลก ๆ... :b8: :b8:

อย่าว่าแต่แค่นี้แปลกเลย.....มากกว่านี้ก็ยังมี...มีมากเสียด้วย

คนที่คิดว่า..พระพุทธเจ้าไม่มี...พระธรรมไม่มี....พระอริยสงฆ์ไม่มี...ในโลกนี้มีมากกว่าคนที่คิดว่ามี...เสียอีก

ดูซิ...คนนอกพระศาสนาในโลกนี้มีเท่าไร....จริงมั้ย? :b12: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2012, 07:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


เวลาคุณอ่าน เมื่อคุณอ่านด้วยอารมณ์ คุณย่อมเอาอารมณ์ของตนเอง เป็นใหญ่

แต่ก็เข้าใจคุณ เพราะ วลัยพร เป็นคนโพส ไม่ใช่คุณโพสเอง ความรู้สึก เป็นของใคร ของคนนั้น


ข้อความน่ะ "ช่างหน้าไม่อาย" หมายถึง ถ้าคุณต้องการแสดงทิฏฐิใด นั่นเหตุของคุณ แต่คุณกลับใช้คำพูดทำนองนี้


กบนอกกะลา เขียน:


แต่...จะใช่ความจริงมั้ย?.... ขอให้ผู้มีปัญญาทั้งหลาย...พิจารณาด้วยดีเถิด..



คุณไม่จำเป็น ต้องร้องเรียกให้คนโน้นคนนี้ เพราะมันเป็นแค่ความคิดของคุณ เหมือนร้องหากำลังหนุน ก็เลยบอกว่า ช่างหน้าไม่อายจริงๆ



"นั่นเหตุของคุณ"

ไม่ว่าคุณจะแสดงทิฏฐิใดๆมา นั่นก็เหตุของคุณ ทุกๆคนล้วนไม่มีข้อยกเว้น ใครสร้างเหตุอย่างไร นั่นคือ เหตุของคนนั้น



"ก็เหมือนทุกๆคน แค่ฟังเขาเล่ามา อ่านในตำรามา "


มีตรงไหน ที่เขียนไว้ทำนองว่า ยกเว้นตัววลัยพร คำว่า ก็เหมือนกันทุกๆคน มันก็ชี้ชัดอยู่แล้ว


วลัยพร อาจจะพิมต่อเนื่อง ไม่คิดว่า จะมีการจับประเด็นคำพูดออกมาทำนองนั้น จึงมีเหตุมาเป็นเช่นนี้



กบนอกกะลา เขียน:
คุณวลัยพรก็เอาตำรามา...แล้ว...แป๊ะความคิดของตนเองไป....แต่กลับคิดว่า...ตนคิดได้ดีกว่าผู้อื่น..ไปเสียนี้...ของคนอื่นก็แค่...อ่านจากตำรามา..หรือฟังคนอื่นมาเท่านั้น...

โอ้ยย....ความคิดความเห็นของคนอื่นนี้มัน...ต่ำไปหมด..รึงัย..รึเพราะ...ไม่เห็นด้วยกะฉัน..




อย่างที่บอก ใครๆ ย่อมคิดว่า เป็นสิ่งที่ตัวเองคิดอยู่ ทั้งๆที่ คนที่เขียนน่ะ คิดอีกอย่าง ไม่เป็นไร เรื่องปกติ




กบนอกกะลา เขียน:
มานะทิฏฐิของคนที่เคยแต่เป็นคนสอนคนอื่น...โดยมาก..ก็ยังงี้ทั้งนั้นเลย..



จำได้ว่า ตั้งแต่ปฏิบัติมา วลัยพร ไม่เคยคิดตั้งตน เป็นอาจารย์สอนใคร ส่วนมาก เป็นแค่พี่เลี้ยง มีแต่คำพูดว่า แค่รู้ ทำไป มันเหตุของคุณที่มีอยู่ จะพูดแบบนี้มาตลอดกับคนที่มาขอคำแนะนำ อันนี้แน่นอน ๑๐๐ %

ตราบใดที่ยังมีกิเลส ใครที่คิดตั้งตนเป็นอาจารย์ อยากสอนคนนั้นคนนี้ อันนี้ก็เหตุของเขา ส่วนวลัยพรน่ะ ไม่เอาหรอก บอกแบบนี้มาตั้งแต่แรก


ส่วนคำพูดที่เหลือทั้งหมดของคุณ ยืนยันคำเดิม ไม่ว่าคุณจะพูดทำนองไหนก็ตาม นั่นมันก็เหตุของคุณ มันเป็นเรื่องปกติ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2012, 21:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอแชร์นอกเรื่องหน่อยน่ะค่ะคุณน้ำ-คุณกบฯ :b8:

คุณกบฯค่ะ คุณกบคิดว่าผู้หญิงน่ะค่ะ ถ้าเค้าบวชชีแล้วเป็นหัวหน้าแม่ชี
คุณกบฯลองจินตนาการแล้วเขียนให้เราอ่านหน่อยสิค่ะ
ว่าบุคลิกของแม่ชีคนนั้น ต้องเป็นแบบไหนค่ะ
ในความรู้สึกของคุณกบฯน่ะค่ะ :b12: :b41: :b55: :b50:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ค. 2012, 01:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ผมเห็นแต่...แม่ชีขนาดสอนกรรมฐาน...อ่อนน้อมแทบจะถึงดิน...

ส่วนที่เชิด..เชิด....จะอยู่ที่ครัวเป็นส่วนมาก...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ค. 2012, 02:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ผมเห็นแต่...แม่ชีขนาดสอนกรรมฐาน...อ่อนน้อมแทบจะถึงดิน...

ส่วนที่เชิด..เชิด....จะอยู่ที่ครัวเป็นส่วนมาก...

แค่อยากจะเอาชนะพี่วลัยพร ถึงกับเอาทิฏฐิของตนมาตัดสินว่า แม่ชีมีแต่อ่อนน้อม..อย่างงั้นเชียวหรือท่านกบ
ตกลงเป็นกบนอกกะลาหรือกบในกะลา กันแน่ :b6:
http://www.youtube.com/watch?v=JP93b--_ ... re=related


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ค. 2012, 06:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ผมว่า...ผมเห็นแต่....นั้นคือ...เท่าที่ผมเห็น...หรือ..เท่าที่ผมเจอกับตัว

ไม่ได้ว่า...เป็นกันทั้งโลก...นิ

คุณน้อง...มีสติในการอ่านหน่อย

แล้วความคิดที่....แค่อยากเอาชนะคุณวลัยพร....นะ....คุณน้องก็แค่ประมวลจากข้อคิดที่กระผมเห็นแย้ง...แล้วปรุงแต่งว่าเพราะอยากเอาชนะ...เองนะ... :b32: :b32:

ใครดี...ใครชนะ...นั้นเป็นความปรุงแต่งของผู้คิด.....สิ่งใดปรุงแต่งขึ้นสิ่งนั้นต้องสลายคลายตัวไปในที่สุดอยู่แล้ว
:b8: :b8:

แล้วคุณน้องคิดว่า...หลังยาม 3 ...พระพุทธองค์ยังเป็นโสดาปัตติมรรค....หรือว่าเป็น...พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว...ละ??

ไม่ว่าคุณน้องจะเชื่ออย่างไร....ก็ไม่ได้หมายคว

ามว่าใครชนะใคร..เลย


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 18 ก.ค. 2012, 08:52, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ค. 2012, 08:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอ ปล...อีกสักนิ๊ดเถอะ...

:b27: :b27:

viewtopic.php?f=1&t=29850


:b29: :b29: :b29:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ค. 2012, 08:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณเต้ จะหาคำตอบไปทำไมหรือคะ?


โลกของความจริง


เมื่อผัสสะมากระทบ แล้วมีความรู้สึกยินดี ยินร้าย นั่นคือ เหตุ ที่เรามีอยู่กับสิ่งๆนั้น

หรือ ไม่รู้สึกอะไรเลยก็ตาม นั่นคือ ไม่มีเหตุกับสิ่งๆนั้น

ถึงแม้สิ่งๆนั้น จะมีชีวิต หรือ ไม่มีชีวิตก็ตาม



เมื่ออารมณ์ความรู้สึกเกิด ถ้าปล่อยให้ไหลตามความรู้สึกที่เกิดขึ้น กิเลสทั้งหลาย ก็มีพลังมากขึ้น เป็นเหตุให้ เกิดการสร้างเหตุทางกายกรรม วจีกรรม เมื่อมีเหตุ ย่อมมีผล

ส่วนมโนกรรม หรือความคิด ตราบใดที่ยังมีกิเลส ห้ามไม่ได้ แค่รู้ไป ว่ามีความรู้สึกนึกคิดยังไง ที่ควรกระทำ คือ กดข่มการะทำ ไม่สร้างเหตุขึ้นมาใหม่ ตามความรู้สึกยินดี ยินร้ายที่เกิดขึ้น

ส่วนเรื่องแม่ชี ที่คุณเต้ถามมา คำตอบมีเพียงแค่ มีเหตุ(ยินดี/ชอบ-ยินร้าย/ชัง) กับไม่มีเหตุ(ไม่รู้สึก)เท่านั้นเอง

เปลือกภายนอก ที่มองเห็น เอาไปประเมินไม่ได้หรอกค่ะ เพราะมันเป็นเหตุของเขา ส่วนความถูกใจ ไม่ถูกใจ มันเป็นเหตุของเรา การปรุงแต่งล้วนเกิดจากอุปทานที่มีอยู่


โลกอินเตอร์เน็ต

ไม่แตกต่างกัน ในเรื่องของผัสสะ เพียงแต่ เป็นการสนทนาแบบไม่มีตัวตนปรากฏ ผลที่ได้รับ จากการเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ถ้าจิตไปครุ่นคิด อย่างมากแค่ ฟุ้ง

แต่ถ้าโทสะมาก ก็จะกลายเป็นความพยาบาทไป เป็นการพอกพูนกิเลสด้วยความไม่รู้ แม้กระทั่ง กิเลสตัวอื่นๆก็เช่นเดียวกัน

ส่วนดี อาจทำให้ เป็นนักค้นคว้ามากขึ้น มีความรู้ต่างๆมากขึ้น


วิบากด้านอื่นๆ ส่งผลกระทบ น้อยกว่า การกระทำ กับผู้ที่มีตัวตนจริง ในชีวิตจริง




ในชีวิตจริง


เมื่อความรู้สึกยินดี-ยินร้ายเกิด แล้วก่อการกระทำออกไป ทางกายกรรมบ้าง วจีกรรมบ้าง นั่นแหละ ภพชาติเกิดขึ้นใหม่เนืองๆ

ถ้าคุณเต้ ไปจอกับเหตุการณ์ทำนองนี้หรือมีลักษณะเช่นนี้ วางไปเถอะค่ะ อย่าเอามาใส่ใจ เพราะมันเป็นเหตุของคนอื่นเขา

หน้าที่ของเรามี คือ ปฏิบัติต่อเนื่องไป อะไรเกิดขึ้น แค่รู้ไป ทุกสิ่งเกิดขึ้นที่จิต ให้มันจบลงที่จิต อย่าให้ถึงขั้น สร้างเหตุออกไปนอกตัว เท่านั้นเองค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ค. 2012, 11:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ผมว่า...ผมเห็นแต่....นั้นคือ...เท่าที่ผมเห็น...หรือ..เท่าที่ผมเจอกับตัว

ไม่ได้ว่า...เป็นกันทั้งโลก...นิ

คุณน้อง...มีสติในการอ่านหน่อย

แล้วความคิดที่....แค่อยากเอาชนะคุณวลัยพร....นะ....คุณน้องก็แค่ประมวลจากข้อคิดที่กระผมเห็นแย้ง...แล้วปรุงแต่งว่าเพราะอยากเอาชนะ...เองนะ... :b32: :b32:

ใครดี...ใครชนะ...นั้นเป็นความปรุงแต่งของผู้คิด.....สิ่งใดปรุงแต่งขึ้นสิ่งนั้นต้องสลายคลายตัวไปในที่สุดอยู่แล้ว
:b8: :b8:

แล้วคุณน้องคิดว่า...หลังยาม 3 ...พระพุทธองค์ยังเป็นโสดาปัตติมรรค....หรือว่าเป็น...พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว...ละ??ไม่ว่าคุณน้องจะเชื่ออย่างไร....ก็ไม่ได้หมายคว

ามว่าใครชนะใคร..เลย

คุนน้องใช้สติพิจารณาธรรมของพระพุทธองค์ ลงที่กาย-ใจตั้งแต่พี่เอกอนมาชี้แจงธรรมด้วยเนื้อหาสาระที่มีแก่นสารแล้ว ท่านพี่กบ แต่ท่านพี่กบอ๊บๆอ่ะชอบแสดงความเห็นไม่มีแก่นสาร รู้ไหมธรรมชาติของกบ มักจะร้องเวลาฝนตก ร้องระงมเซงแซ่ หลังจากนั้นงูมันจำศีลอยู่ ก็ตบะแตกเพราะเสียงกบ กบอ๊บๆก็เลยโดนงูจับกิน เพราะร้องป่าวประกาศว่าช้านคือกบ กบก็เลยเป็นอาหารงูเพราะชอบร้องเวลาฝนตก คริคริ :b32: :b32: :b51:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ค. 2012, 13:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณน้องก็เลย...เป็นงูซะเลย...ว่างั้นเถอะ..

:b2: :b2: อย่ามากินข้อยเลย....ข้อยกลัวงู...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ค. 2012, 20:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
:b2: :b2: อย่ามากินข้อยเลย....ข้อยกลัวงู...

:b32: :b32: :b32:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2012, 07:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 17:25
โพสต์: 281

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
walaiporn เขียน:
คุณอยากแสดงทิฏฐิอย่างไร นั่นเหตุของคุณ คุณเข้าใจว่าอย่างไร นั่นเหตุของคุณ ก็เหมือนทุกๆคน แค่ฟังเขาเล่ามา อ่านในตำรามา

ไหงมาออกท่าทางกิริยาแบบนี้ คุณนี่ ช่างหน้าไม่อายจริงๆ อะไรคือ จริง อะไรคือ เท็จ เอาอะไรมาวัด มีแค่เรื่องทิฏฐิของแต่ละคนเท่านั้นเอง

:b32:
แต่คุณวลัยพร....ก็คิดว่าความคิดของตนถูก...ที่คิดว่า...พระพุทธองค์...จบยามสามแล้วยังเป็นโสดาปัตติมรรค...ยังมิจฉา...อยู่...โดยไปหยิบคำบางคำในตำรามาแล้วอธิบายด้วยความคิดของตน...

แล้วเพื่อนสมาชิก...อิ...อิ...ก็นำข้อความเดียวกัน...มาให้เหตุผลแสดงความคิดเห็นว่า...ไม่ใช่อย่างที่คุณวลัยพร..คิด...โดยให้ความเห็นว่า...ท่านวิมุตติไปแล้ว...ไม่ได้เป็นแค่โสดาปัตติมรรค...

กระผม...ก็แสดงทิฏฐิของตนว่า...อย่าเอาสังโยชน์ไปจับลำดับการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า...พุทธวิสัย..กับสาวกวิสัย...มันต่างกัน...คนละเรื่อง

คุณวลัยพร..ก็..ว่า...

"....นั่นเหตุของคุณ ก็เหมือนทุกๆคน แค่ฟังเขาเล่ามา อ่านในตำรามา
ไหงมาออกท่าทางกิริยาแบบนี้ คุณนี่ ช่างหน้าไม่อายจริงๆ อะไรคือ จริง อะไรคือ เท็จ เอาอะไรมาวัด มีแค่เรื่องทิฏฐิของแต่ละคนเท่านั้นเอง...."


คุณวลัยพรก็เอาตำรามา...แล้ว...แป๊ะความคิดของตนเองไป....แต่กลับคิดว่า...ตนคิดได้ดีกว่าผู้อื่น..ไปเสียนี้...ของคนอื่นก็แค่...อ่านจากตำรามา..หรือฟังคนอื่นมาเท่านั้น...

โอ้ยย....ความคิดความเห็นของคนอื่นนี้มัน...ต่ำไปหมด..รึงัย..รึเพราะ...ไม่เห็นด้วยกะฉัน :b32: ...

มานะทิฏฐิของคนที่เคยแต่เป็นคนสอนคนอื่น...โดยมาก..ก็ยังงี้ทั้งนั้นเลย.. s007

แถม....ว่าผู้อื่น(ว่าผม :b32: )..ว่าหน้าไม่อาย...ว่าเอาอะไรมาวัดว่าเท็จหรือจริง..อีกแน๊ะ...

หากคุณวลัยพรคิดว่า...มันเป็นแค่..
อ้างคำพูด:
มีแค่เรื่องทิฏฐิของแต่ละคนเท่านั้นเอง
..จริง...คุณวลัยพร...จะต้องเห็นความคิดเห็นคนอื่นเสมอของตน...ด้วย

นี้อะร้ายย....มีแต่เหยียดผู้อื่น...ที่คิดต่างจากตนอยู่เสมอ..เลย...

เขียนมาอย่าง....แต่ตนทำไปอีกอย่าง...เลย...

เท่าที่พูด ๆ กันมาแค่นี้....ก็คิดว่า...เพื่อน ๆ ที่เข้ามาอ่าน..ก็พอจะมั่นใจได้แล้วว่า...พระพุทธองค์ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า..หลังยาม 3 แล้วจริง ๆ ....คงไม่หวั่นไหวกับความเห็นอะไรที่แปลก ๆ... :b8: :b8:

อย่าว่าแต่แค่นี้แปลกเลย.....มากกว่านี้ก็ยังมี...มีมากเสียด้วย

คนที่คิดว่า..พระพุทธเจ้าไม่มี...พระธรรมไม่มี....พระอริยสงฆ์ไม่มี...ในโลกนี้มีมากกว่าคนที่คิดว่ามี...เสียอีก

ดูซิ...คนนอกพระศาสนาในโลกนี้มีเท่าไร....จริงมั้ย? :b12: :b12: :b12:
แจ่ม ชัดเจน :b35: :b35: :b35: :b35: :b35:

.....................................................
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thai.dhamma.org


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2012, 10:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


โสดาบัน เกิดเป็นยักษ์

http://www.84000.org/tipitaka/attha/att ... b=10&i=187




ชนวสภยกฺขวณฺณนา
พระเจ้าพิมพิสารพระองค์นั้นทรงสดับธรรมกถาของสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ณ ที่นั้น เป็นใหญ่แห่งชนหนึ่งแสนยิ่งด้วยสิบพัน บรรลุเป็นพระโสดาบัน เพราะฉะนั้น พระองค์จึงมีพระนามว่า ชนวสภะ.
บทว่า อิโต สตฺต ความว่า จุติจากเทวโลกนี้เจ็ดครั้ง.
บทว่า ตโต สตฺต ความว่า จุติจากมนุษย์โลกนั้นเจ็ดครั้ง.
บทว่า สํสรามิ จตุทฺทส ความว่า ตามลำดับขันธ์ทั้งหมด สิบสี่ครั้ง.
บทว่า นิวาสมภิชานามิ ความว่า เรารู้นิวาสด้วยอำนาจแห่งชาติ.
บทว่า ยตฺถ เม วุสิตํ ปุเร ความว่า เราเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเวสวัณในเทวโลก และเป็นราชาในมนุษย์โลกอยู่แล้ว ในกาลก่อน แต่อัตภาพนี้ และเพราะได้อยู่อย่างนี้แล้ว

บัดนี้ได้เป็นโสดาบัน กระทำบุญมากในวัตถุทั้ง ๓ แม้สามารถบังเกิดเบื้องสูงด้วยอานุภาพแห่งบุญนั้น จึงได้เกิดแล้วในที่นี้เทียว เพราะกำลังแห่งความใคร่ในสถานที่อยู่ตลอดกาลนาน.

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 21 ก.ค. 2012, 10:30, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2012, 10:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ปฏิจจสมุปปบาท


อนึ่ง พญาครุฑใหญ่ประมาณ ๑๕๐ โยชน์ ปีกขวาของพญาครุฑประมาณ ๕๐ โยชน์ ปีกซ้ายก็เหมือนกัน แผ่นหางประมาณ ๖๐ โยชน์ คอประมาณ ๓๐ โยชน์ ปาก ๙ โยชน์ เท้าทั้งสองประมาณ ๑๒ โยชน์ เมื่อพญาครุฑนั้นแสดงลมของพญาครุฑ ที่ ๗-๘ ร้อยโยชน์ไม่เพียงพอ เขาพึงกล่าวอย่างนี้ว่า เขาทั้งหลายพูดกันว่า อากาศนี้ไม่มีที่สุด อากาศนี้ไม่มีที่สุด แต่ไหนแต่ไรมา พวกเราไม่ได้ แม้โอกาสที่จะกระพือปีก เพราะอากาศนั้นไม่มีที่สุด ในข้อนั้นพึงกล่าวว่า อากาศของพญาครุฑตัวเข้าไปถึงทั้งตัวนิดหน่อย ของนกเล็กๆ เหล่าอื่นไม่นิดหน่อย พึงกล่าวว่า ปฏิจจสมุปบาทของพระเถระผู้เข้าถึงญาณนั่นแลตื้น แม้ของพวกอื่นไม่ตื้นอย่างนั้นเหมือนกัน.


อนึ่ง อสุรินทราหูจากเส้นผมถึงปลายเท้า ๔,๘๐๐ โยชน์ ระหว่างแขนทั้งสองข้างของอสุรินทราหู ๑,๒๐๐ โยชน์ โดยส่วนหนา ๖๐๐ โยชน์ ฝ่ามือฝ่าเท้าโดยส่วนหนา ๒๐๐ โยชน์ จมูก ๓๐๐ โยชน์ ปากก็เหมือนกัน ข้อนิ้วมือข้อหนึ่งๆ ๕๐ โยชน์ ระหว่างคิ้วก็เหมือนกัน หน้าผาก ๓๐๐ โยชน์ ศีรษะ ๙๐๐ โยชน์ เมื่ออสุรินทราหูนั้นหยั่งลงไปสู่มหาสมุทร น้ำลึกประมาณแค่เข่า เขาพึงกล่าวอย่างนี้ว่า ชนทั้งหลายพากันกล่าวว่า มหาสมุทรนี้ลึก ลึก แต่ไหนแต่ไรมา พวกเราไม่ได้น้ำแม้แค่ปิดเข่า เพราะมหาสมุทรนั้นลึกสำหรับราหูผู้ลงไปทั้งตัว ในมหาสมุทรนั้นตื้น สำหรับคนเหล่าอื่นไม่ตื้น พึงกล่าวว่า ปฏิจจสมุปบาทของพระเถระผู้เข้าถึงญาณเป็นของง่าย แม้ของคนอื่นไม่ง่ายดังนี้


พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนอานนท์ เธออย่าได้กล่าวนั้น ดูก่อนอานนท์ เธออย่าได้กล่าวอย่างนั้น ดังนี้ ทรงหมายถึงความนั้น.


จริงอยู่ ปฏิจจสมุปบาท แม้ลึกซึ้งปรากฏว่าเป็นของง่ายแก่พระเถระ ด้วยเหตุ ๔ ประการ


เหตุ ๔ ประการเป็นไฉน
ด้วยการถึงพร้อมด้วยอุปนิสัยในชาติก่อน
ด้วยการอยู่ในสำนักครู
ด้วยความเป็นพระโสดาบัน
ด้วยความเป็นพหูสูต


http://84000.org/tipitaka/attha/attha.p ... 9%E0%B8%B2




อปสาทนาวณฺณนา
ในบทที่ท่านกล่าวว่า อปสาเทนฺโต นั้นมีอธิบายว่า ดูก่อนอานนท์ เธออย่าได้กล่าวอย่างนี้ว่า ก็เมื่อเป็นเช่นนั้น ปฏิจจสมุปบาทนี้ย่อมปรากฏแก่เราดุจเป็นของง่ายๆ

ก็ผิว่าปฏิจจสมุปบาทนี้ ย่อมปรากฏแก่เธอดุจเป็นของง่ายๆ ไซร้

เพราะเหตุไร เธอจึงมิได้เป็นโสดาบันตามธรรมดาของตน

เธอตั้งอยู่ในนัยที่เราให้แล้ว จึงบรรลุโสดาปัตติมรรค


http://www.84000.org/tipitaka/attha/att ... 0&i=57&p=1

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 220 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ... 15  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร