วันเวลาปัจจุบัน 02 พ.ค. 2025, 02:12  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 22 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มิ.ย. 2012, 23:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ย. 2010, 21:59
โพสต์: 234

สิ่งที่ชื่นชอบ: ในตัวเอง
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอร่วมแสดงความคิดเห็นส่วนตัวในเรื่องของคุณ ตามที่ผมคิดว่าถ้าผมเป็นคุณผมก็จะลองทำ
อย่างนี้ คือ........

เรียงลำดับเรื่องราวที่เราควรต้องจัดการก่อน และหลัง หากเป็นผม ผมจะจัดการความเสียใจ
เรื่องแฟน ให้ใจนั้น คืนกลับมาสู่ความสงบ ปกติ และมีใจที่คิดสู้ อีกครั้ง ทั้งจากการ
พยายามทำใจให้ยอมรับให้ปลงปล่อยในทุกแง่มุม และให้กำลังใจตัวเองในทุกแง่มุมด้วย

เมื่อเราทำใจให้สงบลงได้บ้างแล้ว การมองหางานของเราก็จะมีบรรยากาศสงบขึ้น แจ่มใสขึ้น

เมื่อเราแจ่มใสขึ้นแล้ว เรื่องเงินทองซึ่งเริ่มฝืดเคืองก็น่าที่จะค่อยมองหาทางออกได้

ขอแค่เราเชื่อมั่นในตัวเอง และเร่งความขวนขวายให้มากขึ้น รักษาความนิ่งให้มากไว้
อดทน ใจเย็น และพร้อมจะเจออะไร โดยไม่สิ้นความหวังว่าเราจะจัดการทุกสิ่งได้

เป็นผมก็คงทำได้เท่านี้แหละครับ ขอเป็นกำลังใจให้คุณผ่านพ้นเรื่องราวทั้งปวง

cool :b39: :b53: :b41:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2012, 00:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2011, 01:57
โพสต์: 324

แนวปฏิบัติ: อริยสัจ4
อายุ: 27
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว


มันก็เหมือนการลงทุนนะครับผมว่า

แรกๆเราลงทุนไม่เป็น ยังไม่รู้จักตลาดเท่าไร ไม่รู้จักสิ่งที่เราให้ใจไปมากพอ พอมีอะไรข้างนอกมาทำให้เรามีความสุข มาให้ที่พึ่งกับเรา เช่น ของกินที่ชอบ เพลงเพราะๆ หรือไม่ว่าจะเป็นหน้าที่การงาน รูปร่างหน้าตาความหนุ่มความสาว ความรัก ครอบครัว เราก็ไว้ใจ ให้ใจไปเต็ม100%

แต่เราลืมไปหรือเปล่าจริงๆแล้วสิ่งเหล่านี้ตั้งอยู่บนความไม่แน่นอนทั้งสิ้น

สิ่งต่างๆที่เราชอบ เราบังคับอะไรเขาให้เป็นไปอย่างที่เราอยากได้ไม่ได้เลยซักอย่าง เราอยากให้ความสุขเหล่านั้นอยู่กับเราตลอด แต่ในความเป็นจริงความรู้สึกพวกนั้นก็คอยจะเปลี่ยนไปมา เดี๋ยวสุขเดี๋ยวทุกข์อยู่เรื่อย เราไม่มีอำนาจอะไรเหนือสิ่งของ หรือผู้คนเหล่านั้นเลย

ใจเรายังเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่ทุกเวลานาที นับประสาอะไรกับใจคนอื่นเล่า

นักลงทุนที่รู้จักตลาด เมื่อรู้แล้วว่าหุ้นตัวนี้น่าลงทุนแค่ 50% เขาย่อมลงทุนไม่เกิน 50% ไม่ทุ่มเต็ม 100% กับหุ้นตัวนั้น

เพราะถ้าทำแบบนั้นก็จะมีแต่ขาดทุนล้มละลาย ได้ผลมีแต่ทุกข์กลับมา

แต่แน่นอน จะเป็นนักลงทุนที่เก่งได้ เขาต้องลองผิดลองถูกมามากแล้ว ขาดทุนมาไม่รู้เท่าไรๆแล้ว แต่ความทุกข์ ความขาดทุน ไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้เขาหยุด นักลงทุนที่ดี จะเรียนรู้ตลาดจากประสบการณ์ต่างๆเหล่านี้เอง

สิ่งต่างๆข้างนอก เป็นเรื่องไม่แน่นอน คุณรู้กับตัวคุณแล้วในวันนี้ หากยังเอาใจลงทุนไปกับสิ่งไม่แน่นอนเหล่านั้นเต็มร้อย คุณย่อมมีโอกาสขาดทุนได้ตลอดเวลา

ตัวคุณ ใจคุณ อารมณ์ของคุณ ความสุขจากภายในที่เกิดจากการรู้ทันเสียแล้วนี้ต่างหาก เป็นสิ่งที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า น่าลงทุน เพราะจะสามารถปันผลให้ความสุขกับคุณได้ทุกเมื่อหากคุณดูแลใจคุณได้ จนใจมีความมั่นคงพอสมควรแล้ว

พวกเราผู้ปฎิบัติธรรมทุกคนเติบโตขึ้นได้ด้วยความทุกข์เหล่านี้

ไม่ใช่ด้วยการทน หรือการหนีไม่สู้ แต่ด้วยการพิจารณาทุกข์ และใคร่ครวญถึงสาเหตุที่ทำให้เราทุกข์

เพื่อจะปรับความเห็นตัวเองให้ตรง สอนใจตัวเองให้ฉลาด ให้มั่นคง ให้ดูแลตัวเองได้ ให้เลิกทุ่มเต็ม 100 หรือเกิน 100 กับสิ่งที่ให้เรากลับได้แค่ 50% เสียที

เมื่อทุกข์นี่ละ ธรรมะก้าวหน้าดีนัก

เอาใจช่วยนะครับ คุณพัดชา

.....................................................
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นคือความจริง การฝืนความจริงทำให้เกิดทุกข์ การเห็นและยอมตามความจริงทำให้หายทุกข์

คนที่รู้ธรรมะ มักจะชอบเอาชนะผู้อื่น แต่คนเข้าใจธรรมะ มักจะเอาชนะใจตนเอง

สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ ยะทา ปัญญายะ ปัสสะติ
เมื่อใดบุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า, ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา

อะถะ นิพพินทะติ ทุกเข เอสะ มัคโค วิสุทธิยา
เมื่อนั้น ย่อมเหนื่อยหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์ ที่ตนหลง,
นั่นแหละเป็นทางแห่งพระนิพพานอันเป็นธรรมหมดจด

.....ติลักขณาทิคาถา.....


แก้ไขล่าสุดโดย คนธรรมดาๆ เมื่อ 21 มิ.ย. 2012, 03:35, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2012, 10:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ค. 2010, 07:21
โพสต์: 66

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อย่าปล่อยให้ตัวเองมีเวลาว่าง เมื่อเริ่มคิดก็ให้ทำงานรอบๆกายทันที (งานบ้าน งานอดิเรก หรือ ถ้าไม่สามารถหางานทำได้ณ ขณะนั้น ก็ให้นับลมหายใจ ) ถ้าเริ่มคิดอีก ก็ให้หันไปทำงานอีกอย่างต่อ
ทำไปเรื่อยๆ จนในที่สุด ความคิดนั้นจะค่อยๆเบาแรงไปเอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2012, 10:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


พบบุญ เขียน:
อย่าปล่อยให้ตัวเองมีเวลาว่าง เมื่อเริ่มคิดก็ให้ทำงานรอบๆกายทันที (งานบ้าน งานอดิเรก หรือ ถ้าไม่สามารถหางานทำได้ณ ขณะนั้น ก็ให้นับลมหายใจ ) ถ้าเริ่มคิดอีก ก็ให้หันไปทำงานอีกอย่างต่อ
ทำไปเรื่อยๆ จนในที่สุด ความคิดนั้นจะค่อยๆเบาแรงไปเอง


ชอบคำตอบนี้ครับ เพราะทุกลมหายใจคือการทำงานของขันธ์5 โอกาสที่จะหลุดให้ใจไหลไปตามผัสสะที่เกิดขึ้นนั้นมีทุกวินาที จึงต้องรักษาสติอยู่ให้มากที่สุด และใช้การพิจารณากับธรรมที่ปรากฎตรงหน้าให้อยู่บนเหตุและผลตามที่มันควรจะเป็น ไม่ไปปรุงแต่ง

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2012, 23:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ธ.ค. 2011, 16:32
โพสต์: 324


 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุโมทนากับทุกคำตอบดีๆของทุกๆท่านที่มีให้แด่พี่พัดชาด้วยครับ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2012, 10:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 09:07
โพสต์: 761

แนวปฏิบัติ: อานาปาฯ
งานอดิเรก: ศึกษาพุทธธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม
ชื่อเล่น: ปลีกวิเวก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue สวัสดีค่ะ คุณพัดชา
อนุโมทนาสาธุกับคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ยิ่งของกัลยาณธรรมทุกท่านเลยค่ะ :b8:
ในชีวิตของมนุษย์ทุกคนย่อมมีทั้งความสุขและความทุกข์คลุกเคล้าผสมปนเปกันไป แต่ในความสุขและความทุกข์นั้นจะมีสักกี่คนเล่าที่หยั่งรู้ถึงความไม่เที่ยงความปรวนแปรเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุปัจจัยที่ควบคุมบังคับบัญชาไม่ได้.......ธรรมชาติของเขาเป็นอย่างนั้นเอง.......ผ่านมาแล้วก็ผ่านเลยไปอย่าไปยึดมั่นถือมั่นเอาไว้เหมือนกระแสของเวลาที่ไหลผ่านตัวเราไปในทุกวินาทีถึงเราอยากจะเก็บเวลาเอาไว้แต่ก็ไม่อาจทำได้ (เราสามารถเก็บได้แค่ความทรงจำที่เป็นความนึกคิดของเราเท่านั้น)....เราแก่ลง
ไปทุกวินาที..เวลาของชีวิตมันถูกลดทอนลงไปเรื่อยๆ ......ถ้าเรามาคิดพิจารณาดูให้ดีใยเราต้องปล่อยเวลาให้สูญเปล่าไปกับเรื่องที่ไม่เป็นประโยชน์กับชีวิตของเรา.....มันเสียเวลาของชีวิตไปอย่างสูญเปล่า......
ในยามที่มีทุกข์ทางกายหรือทุกข์ทางใจ จิตมักจะวนเวียนอยู่กับเรื่องนั้นๆ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ความสงบรำงับจะลดน้อยถอยลงกลายเป็นความวิตกกังวลฟุ้งซ่านเข้ามาแทนที่.....ดังนั้น “สติ” จึงเป็นสิ่งที่เราต้องเพียรให้เจริญขึ้น เมื่อมีความรู้สึกตัวก็พิจารณาว่าสิ่งที่กำลังกระทำอยู่เป็น กุศล หรืออกุศล เป็นไปเพื่อประโยชน์หรือไม่เป็นประโยชน์ เราสามารถที่จะเลือกกระทำ (กรรม) ที่เป็นกุศล หรืออกุศลได้ ....ดังนั้นอารมณ์ที่เป็นปัจจุบันขณะสำคัญที่สุดสำหรับเราเพราะการตัดสินใจทำกรรม
ใดย่อมส่งผลต่ออนาคตของเราเอง......
....ให้คุณมองออกไปรอบๆ ตัว... ผู้คนที่อยู่รอบข้างตัวเรา ...เขาเหล่านั้นมีวิถีชีวิตอย่างไร....เขาใช้ชีวิตอย่างไร เขาทำอะไร...เขาเลี้ยงชีพอย่างไร.....ด้วยใจที่เปิดกว้าง ....โดยไม่เอาความคิดของตัวเองเป็นที่ตั้ง....คุณจะพบว่ามันมีทางออกมากมายสำหรับปัญหาของเรา....ปัญหาของเราเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ ในสังคม...มันก็แค่นี้เอง...ยังมีคนอีกมากมายที่ทุกข์และอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่กว่าเรา.....คนบางคนเป็นโรคร้ายมีเวลาอยู่ในโลกนี้แค่ 2-3 เดือน... บางคนร้ายกว่านั้นเหลือแค่ไม่กี่วัน..เขา
เหล่านั้นขอแค่ให้มีลมหายใจต่อไป...คนบางคนต้องนอนป่วยอยู่บนเตียงตลอดเวลาเขาเหล่านั้นขอแค่ให้มีโอกาสได้เดินเหมือนคนอื่นๆ ก็พอ...คนบางคนเกิดมาพิการทางกายมาแต่กำเนิดเขาเหล่านั้นก็แค่อยากมีอวัยวะครบเหมือนคนอื่นก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขาแล้ว...แล้วเราลองหันมามองดูตัวเรา มีอวัยวะครบ ยังเดินได้ ยังมีโอกาสมีศักยภาพ มีลมหายใจเข้าออก ...ยังดีกว่าเขาเหล่านั้นตั้งเยอะ....แล้วเราจะไปเอาอะไรหนักหนากับชีวิต เราควรพอใจในสิ่งที่เรามี...ในสิ่งที่เราเป็น.......ชีวิตก็จะอยู่เป็นสุขได้มากขึ้น...
...หัดใช้ความคิดที่เป็นไปเพื่อสติปัญญา....คิดแบบมีเหตุมีผลด้วยใจที่เป็นกลาง (ยอมรับและรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นได้มากขึ้น) ไม่ยึดติดกับรูปแบบความคิดของตัวเองมากเกินไป....ศึกษาหาความรู้ในเรื่องที่เราจะต้องทำ.......
:b41: อนึ่งคนที่จะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานต้องมีความรู้ ความชำนาญในอาชีพของตนแล้วยังต้องมีอิทธิบาทสี่อีกด้วย....
:b48: ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้คุณพัดชา..ผ่านพ้นความทุกข์กายทุกข์ใจในช่วงวิกฤตของชีวิตไปให้ได้นะคะ

.....................................................
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุสเส
ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้คู่ความดี คือผู้ที่ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์และเทวดา
วรรคทอง วรรคธรรม โดยท่าน ว.วชิรเมธี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2012, 18:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.ย. 2011, 16:15
โพสต์: 21


 ข้อมูลส่วนตัว


ต้องขอขอบพระคุณทุกๆ ท่านอย่างมากอีกครั้งนึงเลยนะคะ ที่มาให้กำลังใจ.ให้แง่คิดและช่วยเตือนสติให้แก่ดิฉัน ทำให้ดิฉันมีสติและมีกำลังใจที่จะสู้ต่อไป ทำให้ได้รู้ว่าในโลกนี้ยังมีกัลยาณมิตรดีๆ อีกมากมายหลายท่านเลยทีเดียวที่ไม่ทิ้งกัน ดิฉันอยากจะขออวยพรอีกครั้งหนึ่งนะคะ ขอให้ทุกท่านมีแต่ความสุข ความเจริญทั้งในทางโลก และทางธรรม ไม่ตกระกำลำบาก แคล้วคลาดจากภยันตรายใดๆ ตราบจนเข้าสู่พระนิพพานเทอญ สาธุ :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 22 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร