กราบต้นไม้ ต้นกล้วย กราบสัตว์ที่พิกลพิการ กราบภูเขา ทะเลมหาสมุทร ฯลฯ
กราบพระพุทธรูป รูปครูบาอาจารย์ รูปหลวงปู่ หลวงตา ฯลฯ

ควรกราบอะไรดีนะ

สงสัยไม่เคยนึกถึงบุพการีที่บ้าน สงสัยไม่รู้ใครมีบุญคุณกับเราที่สุด
หัดไปกราบพ่อ แม่ที่บ้านก่อน แล้วจะรู้ว่าไอ้ที่ถามมาน่ะ อะไรควรกราบไม่ควรกราบ

คราวหน้าคราวหลังจะแสดงความความเห็นในเชิงส่อเสียด
ต้องแน่ใจก่อนว่า ตัวเองมีความรู้ที่จะตอบโต้คนอื่นเขา

ดีครับ สอนตัวเองเสียบ้าง

ไม่รู้จะเข้าใจข้อความนี้ว่าอย่างไร นอกจากบอกคำเดียวว่า ปัญญาอ่อน

ปัญญามีไว้ ให้เราสามารถ เลือกหยิบ ผลไม้ที่ ไม่เน่าเสีย มารับประทานได้
หากหงายฝ่ามือก็จะไม่เห็นหลังมือ แต่ปัญญา ทำให้เรารู้ว่า หลังมือ ก็ยังมีอยู่

เขาปัญญาอ่อนยังไงขอรับน่ะ

ถ้าท่านกรัชกายอยากรู้ว่า เขาปัญญาอ่อนยังงัย ลองเอาประโยคนี้ " กราบต้นไม้ ต้นกล้วย กราบสัตว์ที่พิกลพิการ กราบภูเขา ทะเลมหาสมุทร ฯลฯ
กราบพระพุทธรูป รูปครูบาอาจารย์ รูปหลวงปู่ หลวงตา ฯลฯ" ควรกราบอะไรดีนะ ไปถามเด็กประถมดูดูซิ คุณน้องมะชอบพวกพูดจาส่อเสียดผุ้อื่น พวกชอบเอาคำถามโง่ๆติ๊งต๊องมาถามคนอื่น ถ้าเห็นอีกไม่ว่าใครคุณน้องจะตอกให้หน้าหงายหมด นี่แค่โลกไซเบอร์นะ ถ้าเรื่องจริงเค้าจะกล้าถามคำถามปัญญาอ่อนแบบนั้นมั้ย ถ้ามุสาขอให้ปากเน่า ปากเหม็น อย่าคิดว่าแค่โลกไซเบอร์อยากจะพูดไรก็พูด

ถ้าเห็นอีกไม่ว่าใครคุณน้องจะตอกให้หน้าหงายหมด

แล้วไม่กลัวเขาตอกหน้าเรากลับบ้างหรือขอรับน่ะ

เป็นไปได้มั้ยที่เค้าเห็นกระทู้นี้ (พวกเรา) ไม่เอาไม่ไหว้พุทธปฏิมากัน เค้าจึงตั้งคำถามเปรียบเทียบให้คิดให้เลือกว่า อ้าว...ถ้างั้นระหว่าไหว้ต้นไม้ กราบปูนาขาเก ฯลฯ ควรกราบอะไร เป็นไปได้ไหมขอรับ

ทำไมถึงได้คิดว่าชาวพุทธ ไม่คิดกราบไหว้พุทธปฏิมากันแล้ว ในเมื่อมนุษย์เรา จริตส่วนใหญ่ เข้าวัดทำบุญ็ขอพร ขอหวย ขอให้หมดทุกข์หมดโศก ไปวัดทำบุญก็หวังว่าจะได้บุญ อยู่แล้ว การที่กระทู้นี้เกิดขึ้น ท่านต๊องแค่ต้องการให้รู้ว่า พระตถาคตนั้น ไม่ใช่พระพุทธรูปที่เราไปกราบไว้ แล้วจะพูดจะเปรียบเทียบก็ให้มันฟังเข้าท่าด้วยสิ ไม่ใช่คิดอยากจะพูดไรก็พูดมา ถ้ามีคนเข้าตอกกลับมา ปัญญาพอจะตอกคืนกลับไหม คิดว่าชาวพุทธโง่เป็นควายหรอ ถึงได้มาถามคำถามปัญญาอ่อนแบบนั้น

แล้วท่านกรัชกายคิดว่า คุณน้องเป็นพวกนักเลงหรอจริตคุณน้องเป็นแบบไหนใครที่คุณน้องตอกกลับมีแต่พวกหน้าแตกหมอไม่รับเย็บ คุณน้องมีปัญญาเป็นสัมมาทิฏฐิพอเจ้าค่ะ

อ้าว ไปว่าควายโง่อีก ลิง ควาย ช้าง ม้า มันฉลาดนะขอรับ เป็นสัตว์ที่ฝึกได้ ฝึกแล้วจำทางกลับบ้านได้

จะเล่าอะไรให้ฟัง
เมื่อก่อนตามชนบท ทุกครัวเรือนจะเลี้ยงวัวเลี้ยงควายแล้วฝึกไว้ใช้งาน เช่น ใช้ลากเกวียนเป็นต้น จะไปไหนมาไหนมืดค่ำยังไงก็ใช้ควายเทียมเกวียนพาไป เจ้าของก็นั่งหลับๆตื่นๆ ควายพาเจ้าของกลับบ้านได้

มีอยู่คืนหนึ่งดึกแล้ว คนขอรับคนซึ่งเป็นเจ้าของ ดื่มเหล้าจนเมาไม่รู้เหนือรู้ไต้ เชื่อไหมขอรับ ควายมันฉลาดลากเกวียนพาเจ้าของไปจอดถึงบ้านได้
รุ่งสางเจ้าของส่างเมาตื่นขึ้นเอามือขยี้ตา เอ้ย...ควายพากรูไปถึงไหนว๊ะเนี่ย นึกโมโหตัวเองไม่น่าเมาเลย มองเห็นยุ่งข้าวจำได้ อ้าวววนี่บ้านกรูนี่หว่า นึกขอบใจควาย เอ็งฉลาดนิ

คุณน้องก็มีเรื่องจะเล่าให้ฟังเช่นกัน สมัยตอนคุณน้องเป็นเด็กเล็กๆ คุณน้องอยู่ ตจว กับตายาย ท่านมีอาชีพทำนา แล้วมีควายอยู่ตัวหนึ่ง ชื่อ บักตู้ (เรื่องจริงเจ้าค่ะ)มันช่วยทำนาไถนาเก่งมากช่วยตากับยายไถนาได้หลายปี จนมันแก่ชราใช้ประโยช์ไม่ได้แล้วขี้เกียจเลี้ยง เลยปล่อยให้มันตาย พอมันตายก็เอาเนื้อมันมาทำเนื้อแดดเดียว บางคนพอควายหมดประโยช์ก็เอาเข้าโรงฆ่าสัตย์ ทำไมหนอ มนุษย์เราเกิดมาใจดำเหลือเกิน

บังเอิญมากครับ สมัยผมเป็นเด็กที่บ้านก็มีควายชื่อนี้เหมือนกัน แต่ทางบ้านมักเรียกชนิดของควายว่า ควายตู้ คือความแข็งแรง ถ้าไปหาหญ้าให้ควายกิน ตอนเย็นเหมือนนกรู้ ควายจะวิ่งมาหาเพราะรู้ว่าอาหารมาแล้วสงสารแต่วัวที่ต้องหาหญ้ากินเอง ไม่เคยปรากฎว่าต้องหาหญ้าให้วัวกิน ก็เป็นวิถีการดำเนินชีวิตที่เกี่ยวพันของคนและสัตว์ มีความสุขไปอีกแบบหนึ่ง

ไอ้เด็กนั้นปัญญาอ่อนเพราะ ไม่มีปัญญาหาสิ่งที่จะเอามาเปรียบเทียบให้มันเข้าท่ากว่านี้
แถมถูกว่าไปก็ย้อนกลับในลักษณะปัญญาอ่อนซ้ำซาก

กิเลสมีเหมือนชาวบ้านทุกประการ แต่ปัญญาอ่อนกว่ามาตรฐานของมนุษย์
อาจจะยังอยู่ในขั้นของการวิวัฒนาการก็เป็นได้

น้องคิงคอง อย่าไปขู่ลุงกรัชกายแบบนั้นซิ ลุงแกยิ่งคิดมากอยู่ด้วย
วันหลังอย่าพูดเรื่องเอาเนื้อมาทำเนื้อแดดเดียวน่ะ