วันเวลาปัจจุบัน 20 พ.ค. 2025, 19:26  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 29 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ย. 2011, 12:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่มีสิ่งไหนจะดีเท่าดับทุกข์ที่ตัวเอง ดับความพอใจ (โลภ) ความไม่พอใจ (โกรธ) รู้ไม่เท่าทันความพอใจและไม่พอใจ คือความหลง ให้ดับตรงอินทรีย์ 6 ของเรา คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
*** ทางสายเอกที่ดับทุกข์นอกจากนี้ไม่มีอีกแล้ว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ย. 2011, 13:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ต.ค. 2011, 00:34
โพสต์: 4


 ข้อมูลส่วนตัว


ดับอารมณ์เราเองดีกว่าไหมครับ ปล่อยวาง สิ่งที่มากระทบจิตเรา แล้วทำให้เรามีอารมณ์ก็อย่าเอามาใส่ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ย. 2011, 11:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ก.ค. 2008, 23:37
โพสต์: 449

ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


เข้าใจ เจ้าของกระทู้นะครับ เพราะผมก็เคยเป็นดั่งท่าน
เป็นมา 8ปี กว่าจะหลุดออกมาได้ ความจริงก็ไม่ได้ตั้งใจทำอะไร
มันก็หายของมันเอง นี่แหละ เค้าถึงว่าอะไรก็ไม่เที่ยง
แต่ถ้าจะแนะนำ ก็ให้ฝึกแผ่เมตตา ให้มากๆ เราก็จะมีมุฑิตาจิต
ได้ง่าย เห็นใครได้ดี ก็ยินดีกับเขา สวดมนต์ ตักบาตร แผ่ส่วนบุญ
ให้แก่เจ้ากรรมนายเวร ญาติทั้งหลาย หากใจเราฝักใฝ่ในทางดี
มันก็มีแนวโน้มที่จะออกจากกิเลส ได้เอง
อีกอย่างคืออย่าเปรียบเทียบ เขาก็คือเขาเราก็คือเรา
มันเปรียบกันไม่ได้หรอก พื้นฐานมันต่างกัน
โบราณว่า คนเปรียบคน ยิ่งเปรียบยิ่งโมโห ยิ่งเปรียบ
ยิ่งรู้สึกว่าสู้เขาไม่ได้ ทำความดีเยอะๆ พัฒนาตนเอง
ในด้านต่างๆ แล้วเราก็จะรู้สึกว่า ไม่จำเป็นต้องไปอิจฉาใคร
เพราะเราก็มีดีอยู่ในตัวอยู่แล้ว

.....................................................
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ย. 2011, 19:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


ความอิจฉาที่เกิดขึ้นในจิตใจของคนนั้น กล่าวโดยรวมว่า เป็นความหลง ความโลภ จนกลายเป็นความโกรธ ไปในที่สุด
ความอิจฉา แก้ไขยากมากขอรับ เพราะมันขึ้นอยู่กับระดับกิเลสตัณหาในใจของบุคคลนั้นๆ
ข้าพเจ้ามี "คาถา" อยู่บทหนึ่งที่คงพอจะช่วยให้คุณหายจากการขี้อิจฉาได้ ดังนี้
" ฉันคิด ฉันทำ ฉันมี แล้วฉันได้อะไรจากสิ่งที่ฉันคิด ฉันทำ ฉันมี, เขาคิด เขาทำ เขามี แล้วเขาได้อะไรจากสิ่งที่เขาคิด เขาทำ เขามี"
ท่องจนจำขึ้นใจเลยนะขอรับ อย่าลืมเป็นอันขาด รับรองคาถาของข้าพเจ้าจะช่วยทำให้ความขี้อิจฉา หายไปอย่างปลิดทิ้งขอรับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ย. 2011, 21:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


ขี้อิจฉาเหร๋อ
อืมมม ท่านลองสำรวจพฤติกรรมการกินของท่านนะ

อย่างเพื่อนเราคนหนึ่งเขาจะชอบกินแบบ กุนเชียง หมูหย๋อง เนื้อเค็ม เนื้อแดดเดียว
หมูแผ่น ปลาเค็ม ปลาร้า มะขามเปียกคลุก ของหมัก/ดองรสจัด ๆ น่ะ

รุ่นพี่คนนึง เขาชอบกินของหวาน ๆ ชอบกินน้ำอัดลม
เขาเป็นคนที่หงุดหงิดง่าย เราจะเห็นอาการวีนแตกบ่อย ๆ

แต่พี่อีกคนเขาชอบกินน้ำเก็กฮวย จับเลี้ยง เขาก็ดูเป็นคนสบาย ๆ อารมณ์เย็น
เหมือนน้ำเก๊กฮวย

ถ้าท่านไม่ชอบอาการขี้อิจฉา ทางเลือกหนึ่ง
ท่านลองสำรวจการกิน การนอน และลองปรับ
บางทีท่านอาจจะพบว่าที่ท่านขี้อิจฉานั้น อาจจะเพราะเคมีในร่างกายเป็นตัวกระตุ้นก็ได้
หรือสภาวะโรคบางอย่างที่แอบแฝง

อย่างคนเมากัญชา ต่อให้ใครมาชี้หน้าด่าพ่ออยู่ ณ ปัจจุบันขณะ เขาก็หัวเราะ

ถ้าท่านหาวิธีดึงอะดีนารีนตามธรรมชาติที่ร่างกายเราผลิตออกมาได้มาใช้ได้
ท่านจะพบว่า จริง ๆ แล้วท่านไม่ได้ขี้อิจฉา
หรือท่านอาจจะพบว่า อาการขี้อิจฉามันรับมือได้ง่ายขึ้น
และท่านก็จะได้เรียนรู้ว่า ชีวิตเรานั้นสุขได้ด้วยอาศัย กายและใจ

:b55: :b55: :b55:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.พ. 2012, 21:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ต.ค. 2011, 23:02
โพสต์: 3


 ข้อมูลส่วนตัว


เฮ้ออ ยังทำไม่ได้เลยค่ะ ยากจริงๆ ตอนนี้กำลังร้อนรุ่ม และความอิจฉากำลังเผาหลาญใจ เหนื่อยค่ะ ตอนนี้จากอิจฉากลายเป็นเกียจคนๆนั้นขึ้นมาเลย ไม่เข้าใจตัวเองเลย เฝ้าแต่ถามตัวเองว่า ทำไมมันถึงมีทุกอย่างที่เราอยากมีอยากได้ ทำไมชีวิตมันถึงได้สุขบาย อยากได้อะไรก็ได้ อยากมีอะไรก็มี แต่เรานี่กลับแสนลำบากกว่าจะได้มา บางอย่างไข้วคว้าแทบตายไม่เคยได้ เศร้า ทำไม ไม่เข้าใจเลย เหมือนอาการแย่ลงนะค่ะเนี้ย เฮ้ออออออ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.พ. 2012, 22:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


ทุกครั้งที่รู้ ก็อย่าไปกระพือใบให้ไฟมันลุก

:b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.พ. 2012, 00:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2011, 01:57
โพสต์: 324

แนวปฏิบัติ: อริยสัจ4
อายุ: 27
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว


ก่อนอื่นขออนุโมทนากับคุณเจ้าของกระทู้ครับที่ยอมรับว่าตัวเองมีความอิจฉา และยังเห็นถึงทุกข์โทษอันเผ็ดร้อนของความอิจฉาในตัวเอง การที่ยอมรับว่าตัวเองมีข้อเสีย และเห็นโทษของข้อเสียนั้นนี่ละครับ ที่จะเป็นเหตุนำไปสู่การแก้ไขปรับปรุงตัวเองจนข้ามพ้นข้อเสียนั้นๆได้ต่อไป

ขอตั้งขอสังเกตุดังนี้ครับ

คนอื่นๆสวยกว่า แต่งตัวดีกว่า ไฮโซกว่าคนนี้ที่คุณอิจฉามีไหม แล้วทำไมคุณถึงไม่อิจฉาเขา
คนอื่นๆที่แฟนหล่อ แฟนดี แฟนรวยกว่าคนนี้ที่คุณอิจฉามีไหม แล้วทำไมคุณถึงไม่อิจฉาเขา
คนอื่นๆที่นิสัยแย่ ดูถูกคน เชิด หยิ่งกว่าคนนี้ที่คุณอิจฉามีไหม แล้วทำไมคุณถึงไม่อิจฉาเขา

จะเห็นว่าสาเหตุที่คุณอิจฉาคนๆนี้ เพราะคุณเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับเขา ตัวเปรียบเทียบนี้เองเป็นกิเลสอันละเอียดอ่อนชนิดหนึ่ง เปรียบเทียบเมื่อไร เกิดความวุ่นวายเมื่อนั้น

เราแย่กว่าเขา ก็ทำให้น้อยใจ อิจฉาริศยา
เราดีกว่าเขา ก็ทำให้กระหยิ่มลำพองใจ ดูถูกดูแคลนคนอื่น
เราดีเท่าเขา ก็ทำให้ประมาทชะล่าใจไม่พยายามปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นต่อไป

ถามตัวเองดูเถอะครับ เราดีกว่าเขาจริงๆหรือ เราแย่กว่าเขาจริงๆหรือ เราดีเท่าเขาจริงๆหรือ
หรือถามตัวเองว่า เราดีกว่าเขาแล้วยังไง เราแย่กว่าเขาแล้วยังไง เราดีเท่าเขาแล้วยังไง

เพราะคำว่า ดีกว่า แย่กว่า เท่ากับ มันเป็นจริงแค่ในความคิดของเราคนเดียวเท่านั้นเอง

ในความเป็นจริงไม่ว่าคุณจะคิดยังไง คุณก็ยังเป็นคุณไม่ใช่หรือ เงินคุณก็มีเท่าเดิม งานคุณก็ยังเหมือนเดิม รูปร่างหน้าตาคุณก็ยังคงเหมือนเดิม

มันคือตลกร้ายของความคิด เป็นเพียงมายา

ชีวิตคนสั้นจะตาย มัวแต่ดูคนอื่น ก็จะทำให้ไม่ได้ดูตัวเอง

สู้เอาเวลามาคิดหาวิธีปรับปรุงตัวเราให้ดียิ่งๆขึ้นไปจะไม่ดีกว่าเหรอครับ

ขอเอาใจช่วยครับ :b16:

.....................................................
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นคือความจริง การฝืนความจริงทำให้เกิดทุกข์ การเห็นและยอมตามความจริงทำให้หายทุกข์

คนที่รู้ธรรมะ มักจะชอบเอาชนะผู้อื่น แต่คนเข้าใจธรรมะ มักจะเอาชนะใจตนเอง

สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ ยะทา ปัญญายะ ปัสสะติ
เมื่อใดบุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า, ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา

อะถะ นิพพินทะติ ทุกเข เอสะ มัคโค วิสุทธิยา
เมื่อนั้น ย่อมเหนื่อยหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์ ที่ตนหลง,
นั่นแหละเป็นทางแห่งพระนิพพานอันเป็นธรรมหมดจด

.....ติลักขณาทิคาถา.....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.พ. 2012, 01:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 เม.ย. 2010, 10:41
โพสต์: 114

แนวปฏิบัติ: ลัทธินิยมความจริง
สิ่งที่ชื่นชอบ: เฒ่าทะเล
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณโยนผ้ายอมแพ้ตั้งแต่รู้สึกอิจฉาแล้ว

ถ้าอยากชนะ เดินไปเก็บผ้าคืนมา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.พ. 2012, 11:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ธ.ค. 2009, 00:22
โพสต์: 223

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เฮ้ออ ยังทำไม่ได้เลยค่ะ ยากจริงๆ ตอนนี้กำลังร้อนรุ่ม และความอิจฉากำลังเผาหลาญใจ เหนื่อยค่ะ ตอนนี้จากอิจฉากลายเป็นเกียจคนๆนั้นขึ้นมาเลย ไม่เข้าใจตัวเองเลย เฝ้าแต่ถามตัวเองว่า ทำไมมันถึงมีทุกอย่างที่เราอยากมีอยากได้ ทำไมชีวิตมันถึงได้สุขบาย อยากได้อะไรก็ได้ อยากมีอะไรก็มี แต่เรานี่กลับแสนลำบากกว่าจะได้มา บางอย่างไข้วคว้าแทบตายไม่เคยได้ เศร้า ทำไม ไม่เข้าใจเลย เหมือนอาการแย่ลงนะค่ะเนี้ย เฮ้ออออออ

ลองอ่านแล้วลองพิมพ์ดูนะครับเป็นความคิดผมที่สังเกตุมา

ตอนนี้จากอิจฉากลายเป็นเกียจคนๆนั้นขึ้นมาเลย
เพราะว่ามีการย้ำลงไปในจิตบ่อยๆนะครับ


ไม่เข้าใจตัวเองเลย
เพราะว่า
จิตบวกกับอาการอยากได้อยากมี ทุกอย่างที่เราอยากมี (บางอย่างไข้วคว้าแทบตายไม่เคยได้)


ทำไม เศร้า ไม่เข้าใจเลย เหมือนอาการแย่ลงนะค่ะเนี้ย เฮ้ออออออ

อย่าเพิ่งโกรธนะ ยกคำถามมาตอบให้ ฟังอธิบายก่อน

มันเป็นการยึดติดหรือคาดหวังในสิ่งที่ต้องการนะครับ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่จับต้องได้วัตถุหรือจับต้องไม่ได้นามธรรม(เช่นความรัก)
คือจิตท่านคาดหวังในตัววัตถุหรือสิ่งของที่ท่านอยากได้มากอาจจะสังเกตุเห็นหรือไม่เห็น
มีของที่เขาได้มาแล้วท่านไม่รู้สึกอิจฉาไหม อย่างเหมือนเขาไปเก็บขยะได้มาซึ่งท่านเห็นว่าไม่มีประโยชน์
กับของที่เขาไปเก็บขยะมาแล้วท่านเห็นว่ามีประโยชน์

นามธรรม เหมือนต้องการความรักจากบุคคลที่คาดหวัง หากบุคคลที่คาดหวังเขาให้ความเมตตาความรักกับคนอื่นมากกว่า ก็อาจจะเปลี่ยนเป็นความอิจฉาขึ้นมาได้เพราะความคาดหวังที่ได้ตั้งไว้

โดยรวมคือไม่อยากให้คนอื่นได้วัตถุความรักดีกว่าตน เพราะความที่จิตเข้าไปยึดติดในวัตถุหรือนามธรรม

ท่านต้องแก้จิตที่เข้าไปยึดติดในสิ่งที่ท่านต้องการมากๆที่อยู่ในใจนะครับ
สังเกตุสิ่งที่ทำเวลาแก้แล้วใจมันอ่อนมันปล่อยคลายลงได้จากสิ่งนั้นๆ ลองหาอุบายธรรมดูนะครับ

อย่างหนึ่งนี้คือทำทาน เป็นการสละออกจากใจได้อย่างหนึ่ง
อนุโมทนาบุญ ยินดีกับบุญกุศลที่เขาทำ หรือได้ดีเพราะเขาทำบุญกุศล
หรือคิดว่าสิ่งต่างๆที่ต้องการสุดท้ายก็แตกสลายไปตามกาลเวลา ตัวเขาก็แตกสลาย แล้วน้อมมาที่ตัวเราตัวเราก็แตกสลาย
ไม่มีสิ่งใดยังยืน มีแต่เพื่อนร่วมทุกข์

ทาน ศีล ภาวนา หาวิธีฝึกตามจริตคลายจิตเราได้นะครับ(ปัจจัยภายนอกด้วยนะครับ) อธิบายไม่ค่อยดีเท่าไหร่อาจจะพอมีประโยชน์บ้างครับ
อนุโมทนาครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.พ. 2012, 14:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มิ.ย. 2010, 22:55
โพสต์: 213

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


namwan_a เขียน:
เฮ้ออ ยังทำไม่ได้เลยค่ะ ยากจริงๆ ตอนนี้กำลังร้อนรุ่ม และความอิจฉากำลังเผาหลาญใจ เหนื่อยค่ะ ตอนนี้จากอิจฉากลายเป็นเกียจคนๆนั้นขึ้นมาเลย ไม่เข้าใจตัวเองเลย เฝ้าแต่ถามตัวเองว่า ทำไมมันถึงมีทุกอย่างที่เราอยากมีอยากได้ ทำไมชีวิตมันถึงได้สุขบาย อยากได้อะไรก็ได้ อยากมีอะไรก็มี แต่เรานี่กลับแสนลำบากกว่าจะได้มา บางอย่างไข้วคว้าแทบตายไม่เคยได้ เศร้า ทำไม ไม่เข้าใจเลย เหมือนอาการแย่ลงนะค่ะเนี้ย เฮ้ออออออ

บุญ คำว่าบุญคำเดียว คุณยังไม่ยอมรับคำว่าบุญ อดีตคุณไม่ทำบุญไฉนจะได้รับผลบุญเท่าเขา

ยินดีในบุญเก่าของเขาก่อนครับ

กรรมชั่วเก่าหลอกหลอนมันกว่านี้เยอะ มันทุบใจไม่มีคำว่าวาง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2012, 12:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ธ.ค. 2011, 16:32
โพสต์: 324


 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีครับพี่ namwan_a :b8:
**เหตุที่เกิดความอิจฉานั้นเพราะเรานั้นมีอัตตาสูง ทิฏฐิมานะเลยสูงตามเป็นเงาตามตัว ถ้าอยากละความอิจฉานั้นก็ให้ละอัตตาในตัวเองซะ อย่าถือว่าเป็นเรา เป็นของเรา อย่าสนใจดูสิ่งภายนอกให้หมั่นดูแต่ภายในคือตัวเราเองใจเราเอง แล้วถอนอัตตาตรงนั้นซะให้เป็นคนนอบน้อมถ่อมตน ไม่ถือตนว่าสูงว่าต่ำ ว่าต้องสูงต้องต่ำกว่าผู้อื่น....มันไม่ยากหรอกครับเพียงแค่ค่อยๆถอนมันทีละนิดทีละอย่าง รู้อันไหนก่อนเห็นอันไหนก่อนก็ถอนอันนั้นแหละครับ เอาอันที่หยาบๆที่หยาบที่สุดก่อน...ลองดูนะครับ
ขอบคุณครับ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2012, 14:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 14:17
โพสต์: 260

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อย่ากินอย่างตะกละตะกราม กินแบบกระหายเลือดนักสิ่ อย่าขี้โกงมักมาก อย่าทำตัวเป็นวัวลืมตีน อย่าโลภมาก หัดเจียมตัวซะบ้าง ให้มันรู้ฐานะตัวเองซะบ้างว่าตัวเองจน ไม่รวยเหมือนเขา หัดกินแต่พอดี ใช้แต่พอดี ก็จะไม่เที่ยวอิจฉาตาร้อนชาวบ้านเขาไปทั่ว นะฆ่ะๆๆ

ฮา ฮ๊า ฮา ปลาปลิ้ง เจ้าข้าเอ๊ยยยยย :b12: :b12: :b12: :b12:

.....................................................
สิ่งใดในโลกล้วน อนิจจัง คงแต่บาปบุญยัง เที่ยงแท้
คือเงาติดตัวตรัง ตรึงแน่ อยู่นา ตามแต่บุญบาปแล้ ก่อเกื้อ รักษา

รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มี.ค. 2012, 17:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าอยากรู้วิธีทำให้ไม่คิดอิจฉารึแก้อาการอิจฉา เราพอจะเสนอแนะได้ค่ะซึ่งเอาไปปฏิบัติใช้ได้จริง แต่ก่อนอื่นคุนต้องมองดูตัวเองใช้ใจที่บริสุทธิ์(อันนี้อาจจะยากไปสักหน่อยรึป่าว)มองดูตัวเองให้ลึกๆถึงจิตใจว่า คุนดีแค่ไหนอยากที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า "ตัวรู้"เมื่อรู้แล้ว คุนดีพอแล้วหรือยัง เช่น เมตตา กรุณามองด้วยใจที่ไม่คิดอกุศลกับเธอผู้นั้น(คนที่ จขกท อิจฉา)มองในแง่บวกว่า ตัวเราดีพอ คิดดี ทำดี แล้วไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับใคร มองที่ตัวเราว่า สิ่งที่เรามีดีในตัวคืออะไร ถ้าคุนหาตัวเองพบเมื่อไหร่ คุนก็จะไม่รู้สึกอิจฉาผุ้หญิงคนนั้นเลย


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 29 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร