วันเวลาปัจจุบัน 27 ก.ค. 2025, 13:38  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 27 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 มี.ค. 2011, 14:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ
.....ชีวิตนี้ดุจนาวากลางมหาสมุทร....

...ชีวิตดั่งเรือน้อยล่องลอยอยู่
ต้องต่อสู้แรงลมประสมคลื่น
ต้องอดทน หวานสู้อม ขมสู้กลืน
ต้องสดชื่น ยิ้มได้ แม้ภัยมา..

ประพันธ์โดย พลตรีหลวงวิจิตรวาทการ


นาวาชีวิต

หากเราเปรียบชีวิตเหมือนเรือหรือนาวา นั่นก็หมายความว่า พวกเราทุกชีวิตกำลังลอยคออยู่ในมหาสมุทรใหญ่ที่สุดในโลก นั่นคือ มหาสมุทรคือการเวียนว่ายตายเกิด (ที่ภาาษพระท่านเรียกว่า วัฏฏะสงสาร) หรือ ถ้าจะมองให้แคบมาหน่อย ชีวิตของพวกเราทุกชีวิตกำลังลอยอยู่ในห้วงน้ำคือโลกที่เต็มไปด้วยคลื่น ๘ คลื่น ได้แก่


๑. คลื่นคือ การได้ การมี การเป็น ความสมหวัง หรือลาภ
๒. คลื่นคือ การไม่ได้ ไม่มี ไม่เป็น ความผิดหวัง หรือ เสื่อมลาภ
๓. คลื่นคือ การได้อำนาจ มีชื่อเสียง ได้ตำแหน่งเป็นที่นับหน้าถือตา มีบริวารแวดล้อมมากมาย หรือ ยศ
๔. คลื่นคือ การหมดอำนาจ เสื่อมเสียชื่อเสียง ไม่มีตำแหน่ง ไร้บริวารแวดล้อม หรือ เสื่อมยศ
๕. คลื่นคือ การได้รับคำสรรเสริญเยินยอ การพูดยกย่องจากบุคคลอื่น หรือ สรรเสริญ
๖. คลื่นคือ การไม่ได้รับคำสรรเสริญใดๆจากใครเลย มีแต่คนเหยียดหยามดูหมิ่น ด่าว่า หรือ นินทา
๗. คลื่นคือ ความสุขความสบาย ไร้กังวลทางจิตใจ
๘. คลื่นคือ ความทุกข์ใจ โศกเศร้าเสียใจ



คลื่นทั้ง ๘ คลื่นดังกล่าว ในภาษาพระท่านเรียกว่า "โลกธรรม" หมายถึง สิ่งที่มีอยู่,ธรรมที่อยู่ประจำคู่กับโลกใบนี้ ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหนก็ตาม คลื่นทั้งแปดนั้นก็ยังมีอยู่ตลอดกาล และพวกเราต้องได้ประสบพบแน่นอน ไม่ช่วงใดก็ช่วงหนึ่งของการเดินทางในทะเลแห่งวัฏฏะนี้หรือในโลกนี้ตลอดระยะเวลาแห่งอายุขัยของเรา

สำหรับคนที่เตรียมพร้อมดีกับการเดินทาง และเตรียมทำใจล่วงหน้า พกพาอุปกรณ์แก้ไขสถานการณ์ไว้อย่างดี ย่อมสามารถรับมือกับคลื่นทุกอย่างได้ และนำพาชีวิตไปถึงฝั่งได้โดยสวัสดิภาพ แต่สำหรับคนที่ไม่ได้เตรียมการไว้ เมื่อถูกคลื่นมาตีกระหนาบหรือกระทบเข้ากับเรือคือชีวิต ชีวิตย่อมซวนเซจะล่มมิล่มแหล่ หรือบางทีก็ล่มไปเลยก็มี

นอกจากคลื่นทั้ง ๘ แล้ว ก็ยังมีเหตุปัจจัยอีกสองประการที่มีอิทธิพลทำให้นาวาชีวิตอาจแตกกระจายหรือจมลงสู่เหวแห่งมหาสมุทร คือ

๑."รูรั่ว" รูรั่วในชีวิตของคนเรามีอยู่ด้วยกันหลายประการ เป็นต้นว่า เครื่องดื่มของเมา,เพื่อนชั่ว,การชอบเที่ยวยามราตรี,ชอบดูการแสดงที่นั่นที่นี่,การพนัน และความเกียจคร้านในการทำมาหากิน รูรั่วดังกล่าวนั้น ถ้าเราไม่อุดหรือซ่อมตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น ปล่อยไว้นาน แม้จะรั่วเพียงนิดหน่อย แต่เมื่อนานวันเข้า น้ำก็จะเต็มนาวาได้ และเมื่อใดที่น้ำเต็ม เรือก็จะจมลงเมื่อนั้น


๒. "ลม" ลมที่มาพัดให้นาวาคือชีวิตแล่นออกนอกเส้นทางไปสู่ฝั่งที่ตั้งใจไว้ก็คือ "ลมคือแรงแห่งกรรมชั่วหรือการกระทำที่ไม่ดี" ลมประเภทนี้ เป็นลมที่เราไม่ต้องการแต่ก็หลีกเลี่ยงยาก เพราะชีวิตคนธรรมดาอย่างเราๆท่านๆนั้น ยังมีนายผู้ทารุณบงการอยู่เบื้องหลัง นายที่ว่า ก็คือ "ตัณหา" ความอยากที่ไร้ขีดจำกัด ตัณหานี่แหละที่ทำให้พวกเรา เผลอไผล เข้าใจผิดคิดว่า สิ่งที่ตนเองทำนั้นถูกต้องหมดแล้ว ดีแล้ว ทั้งที่ในความเป็นจริง การกระทำบางอย่างอาจไม่ใช่ความดีงามถูกต้องตรงตามธรรมชาติก็ได้ และแล้วผลจากการกระทำที่ไม่ดีงามนั้นก็สะสมพลังไว้ รอโอกาสพัดชีวิตของเราไปตามแรงและทิศทางที่มันต้องการให้ไป


ดังนั้น ในการนำพานาวาชีวิตให้ไปสู่ฝั่งอย่างปลอดภัย คนเราจำต้องศึกษาเรียนรู้เพื่อเตรียมรับมือกับ "คลื่นยักษ์" ทั้งแปด พร้อมทั้งป้องกันไม่ให้เกิด "รูรั่ว" ขึ้นภายในเรือลำนี้ แต่ถ้าหากเกิดรูรั่วขึ้นโดยประมาทพลาดพลั้งลืมยั้งคิด ก็ต้องตั้งสติรีบอุดรูรั่วนั้นเสียทันที ไม่ปล่อยทิ้งไว้จนสายเกินแก้ นอกจากนี้ก็ต้องกางใบให้ดีเพื่อจัดการกับ "ลม" สิบทิศ(บวกทิศเบื้องบนและทิศเบื้องล่างด้วย)ที่เราคาดการณ์ล่วงหน้าไม่ได้ว่าจะมาจากทิศไหนก่อนและมาอย่างไร แรงหรือเบา เป็นลมแห่งความหวังดีหรือลมแห่งความโชคร้าย


การบังคับนาวาชีวิตด้วยหางเสือเรือคือ "สติและปัญญา" จึงเป็นสิ่งที่ต้องทำตลอดเวลาและทำอย่างเข้มแข็งที่สุดในขณะที่นาวาชีวิตกำลังแล่นไปสู่จุดหมายปลายทางที่เราตั้งไว้ ไม่เช่นนั้นแล้ว นาวาชีวิตของพวกเรา อาจล่มและจมลงสู่ก้นมหาสมุทรอย่างไม่ต้องสงสัย...


...ชนสุรินทร์...


:b41: :b46: :b45: :b51: :b53: มัวชักชวนเล่นหัวกับสิ่งที่ชอบ ไม่เร่งขวนขวาย ก็เท้งเต้ง...กันต่อไป เอวัง :b20:

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 มี.ค. 2011, 17:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ความคิดเห็นของผม หากว่ามีการสอนธรรมะเพื่อเป็นคนที่ดีขึ้นของคนที่สอนเอง และคนที่ถูกสอน แยกออกระหว่างกุศลธรรม กับ อกุศลธรรม เป็นประโยชน์ให้กับพุทธบริษัท 4 โดยเราเป็นผู้พิจารณาธรรมนั้นอยู่ เราก็รู้สึกถึงความเป็นผู้ไผ่ธรรมตามระดับของเขาและตัวเราเอง โดยทางเน๊ตไม่สามารถบอกได้ว่าใครปฏิบัติ หรือ ไม่ปฏิบัติ ไม่เพ่งเล็งหาโทษคนอื่นเป็นเหตุให้เกิดอกุศลธรรมเกิดขึ้นกับตัวเราเอง

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 มี.ค. 2011, 20:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 พ.ค. 2010, 15:28
โพสต์: 103

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อนัตตาธรรม เขียน:
:b12: ท่านโพธิละ ท่านรู้ธรรมะ,เข้าใจธรรมะ ถูก

แต่บางท่าน รู้มาผิดๆ ,เข้าใจผิดๆ (เรื่องเข้าถึงไม่ต้องพูดครับ) แต่ออกสอนคนอื่น ทำให้ผู้ที่ได้รับคำแนะนำเสียโอกาสอย่างมากกกกกกกกกกกกก (bunga)

มีอาจารย์ในมหาวิทยาลัยมากมายที่เรียนจบมีปริญญา ตรี โท เอก แต่ไม่เคยได้ลงมือทำจริงตามวิชาที่เรียน เช่นอาจารย์ทางด้านเศรษศาสตร การตลาด การบัญชี ที่ไม่เคยทำการค้าขาย แต่ก็สอนลูกศิษย์จบไปหลายรุ่น ลูกศิษย์เชื่อฟังตามนำวิชาไปใช้ได้รับความสำเร็จในชีวิต ธุรกิจ ค้าขายก็เยอะ สาขาวิชาอื่นก็เช่นกัน

การจะได้ผู้ที่พูดได้ ทำได้จริง มาสอนนั้น เป็นสิ่งที่หายากในยุคปัจจุบัน
การได้พระอรหันต์มาเป็นครูสอน ก็ดูน่าจะประเสริฐที่สุด
ไม่ได้พระอรหันต์ ได้พระอนาคามี สกิทาคามี หรือพระโสดาบัน มาเป็นครูอาจารย์ก็ย่อมเป็นสิ่งที่ประเสริฐเช่นกัน
แต่จะหาได้ง่ายไม้ในชีวิตโลกปัจจุบันนี้
ขอให้ได้ชาวพุทธแท้หรือกัลยาณชน คนดี ที่รู้ธรรมของพระพุทธเจ้ามาสอน ก็เป็นโชคดีแล้ว

เพราะฉนั้นจงอย่าคิดมาก จงอย่าเอาบุคคลเป็นหลัก พึงเอาธรรมเป็นหลัก
บุคคลที่สามารถนำพระธรรมคำสอนของสมเด็นพระผู้มีพระภาค มาถ่ายทอดต่อได้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน แม้จะเป็นเพียงความรู้ทางบัญญัติ ก๋จงรับไว้ก่อนเถิด แล้วค่อยใช้ สติ ปัญญา สังเกต พิจารณาค้นหา พัฒนาตนเพิ่มเติมไปในวันหลัง :b16: :b27: :b8:


ขออภัยครับ ขอแบบตรงๆนะครับ ขี้เกียจอ้อมไปอ้อมมา

คุณเอาทางโลกมาเทียบกับทางธรรมได้เหรอครับ

เรื่องประสบการณ์ภาวนาที่ได้ผ่านมาจริง คือได้สัมผัสมาจริง จึงจะสามารถนำมาสั่งสอนผู้อื่นได้

ครูอาจารย์ท่านถึงได้บอกว่า ธรรมะมี 3 ระดับ เรื่องจิต "ต้องผ่านมาจริงเท่านั้น"ครับ

ถ้าใครพูดธรรมะได้ ก็สอนภาวนาได้แล้วเหรอครับ

ถ้าอย่างนั้น ยันตระ หรือ นิกร หรือภาวนาพุทโธ ก็เป็นอาจารย์กรรมฐานได้ซิครับ ?

พระปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบ ไม่ได้ขาดแคลนอย่างที่คุณเข้าใจหรอกครับ

โจรสอนธรรมะได้ คุณ OK ไม๊ครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มี.ค. 2011, 07:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ม.ค. 2010, 11:43
โพสต์: 523

แนวปฏิบัติ: ดูปัจจุบันอารมณ์ เจริญมรรค ๘
งานอดิเรก: ปฏิบัติธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ประทีปแห่งเอเซีย
ชื่อเล่น: อโศกะ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


Onion_L คุณ bunga จาบจ้วงพระอาจารย์ยันตระแล้วนะครับ อริยุวาตันตราย มีผลต่อการภาวนามากทีเดียวนะครับ ห้ามมรรคห้ามผล ห้ามความก้าวหน้าในการภาวนาได้นะครับ

คุณ bunga ไม่เข้าใจคำว่า ปริยัติศาสนา ใช่ไหมครับ

คูณ bunga เริ่มต้นการภาวนา โดยได้อาจารย์เป็นพระอริยเจ้าเลยใช่ไหมครับ นับว่าโชคดีน๊ะ ขอให้ใช้ความโชคดีนี้ให้เป็นประโยชน์ ปหาณปฏิฆะ ในใจให้ได้ก่อนเพื่อนนะครับ อย่างอื่นค่อยว่ากันต่อไป
:b12: :b10: :b14: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มี.ค. 2011, 13:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ส.ค. 2010, 00:17
โพสต์: 255

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b42: เราอยากบอกนะว่า การเข้ามาตอบ หรือชี้แจง แต่ละครั้ง
เราพิจารณา จิตของเราก่อน ว่าประกอบไปด้วยอะไร ถ้านอกจากเมตตาแล้ว
จิตคิดเป็นอย่างอื่น ตัดสินใจไม่ตอบคืออุเบกขา ก่อนตอบคิดถึงประโยชน์
ของผู้รับอีกถ้าพิจารณาแล้ว หาประโยชน์ไม่ได้ ไม่ตอบ เราเพียรพิจารณาดูย้อนกลับมาภายในจิตตัวเอง
ก่อน คิด ก่อนพูด ก่อนทำเสมอ ว่าภาวะของจิต เสวยอารมณ์ใด ก่อนจะกล่าวธรรมมะ พิจารณากิเลส
อยู่เนื่องๆว่ามันเปลี่ยนแปลงอย่างไร เมื่อมันสงบลงในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง จะคอยตรวจสอบว่าเกิดจาก
กำลังสมาธิ หรือผลจากการทำวิปัสนา เรานั้งสมาธิทุกวันอย่างน้อย1หรืออาจถึง3ชั่งโมง
แต่ไม่ได้พิจารณาพระไตรลักษณ์(ทำวิปัสนา)ทุกวัน พระถ้าทำจริงๆจนเข้าถึง ก็จะร้โดยตนเองว่าวันนี้
จิตพร้อมทำวิปัสนาหรือไม่
ความรู้ตัวทั่วพร้อม ความตื่นรู้ของจิต มันเพียงพอที่จะทำวิปัสนาหรือไม่
อันนี้คือเรื่องทีอยากจะแชร์ การที่กล่าวว่าทำวิปัสนาได้ทุกเมื่อ ความจริงคือการเจริญสติ แต่วิปัสนาที่แท้ คือการพิจารณา พระไตรลักษณ์ ใน4หมวด คือหมวดกาย หมวดเวทนา หมาดจิต และสุดท้ายคือธรรมานุปัสนา
อวิชชา มันคือความไม่รู้ ความที่จิตมันยังไม่ยอมรับพระไตรลักษณ์ ไม่เห็นความไม่เที่ยงอย่างจัดเจน มันจึงมีอวิชชาอยู่เมื่อจิตมันเห็นพระไตรลักษณ์วิชชาเกิดขึ้นแล้วอวิชชาก็ดับลง ถ้าเราพูดเรื่องธรรมปฏิบัติ คนไม่ปฏิบัต หรือคนปฏิบัติยังไม่ได้กำลังของมัน(ไม่ถึงจุดมรรคสามัคคี)มาคุยกันมันก็เถียงกันไป เถียงกันมา
เพราะคนไม่เคยไป ปารีส ต่อให้ดูรูป100ครั้ง อ่านหนังสือร้อยจบ มันก็พูดถึงปารีสได้ไม่ชัดเจนเท่าคนที่ไปปารีส ไปปีนหอไอเฟลมาแล้ว อันนี้แหละที่เรา ยังสับสนกันอยู่ แต่มันมีเส้นแบ่ง ตั้งหลายเส้น ตั้งแต่ อันนี้เป็นความเห็น อันนี้เป็นความเข้าใจ(ของเรา) อันนี้เป็นความรู้ จากการอ่านหรือครูอาจารย์สอนมา อันนี้เป็นความรู้ประสบการณ์จากการปฏิบัติมา(ซึ่งก็ยังไม่แน่อีกว่าถูก) จนถึงสุดท้ายคือความรู้ที่ถูก ดูที่ไหน คือทีจิตนี้ ถ้ามันถูก อย่างน้อยโลภโกรธ หลงมัน ต้องลดลงชัดเจน ถ้ามันยิ่งไปกว่านั้น อัตตานุทิฐิ วิจิกิจฉา ลีลัพพรตปรามาส
ปฏิฆะ กามฉันทะ มันลดลง อันนี้ใช่เลย อันนี้แหละวิธีตรวจสอบจริงๆ ดูที่จิตเรานี้ ส่งจิตออกไป วิจารย์ไปมันก็จะฟุ้งไปเท่านั้น ..บางทียิ่งทำให้อัตตามันใหญ่ขึ้นเพราะดูเหมือนเรารู้เยอะขึ้นมากกว่าคนอื่น.......เจโตวิมุติ.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มี.ค. 2011, 13:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ก.ย. 2007, 17:49
โพสต์: 1720

ที่อยู่: สุโขทัยธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


:b13: มาแสดงตัวตนด้วยคน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2011, 12:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระธรรมของพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่จะพาเราไปนิพานได้
แล้วมันจะสำคัญตรงไหนกับคนสอน ขอให้ธรรมที่สอนเป็นธรรมของพระพุทธเจ้า
และตัวเราเองมีความเข้าใจในธรรมนั้นๆ ต่อให้โจรมาเป็นผู้สอนมันก็ไม่เห็นจะเป็นปัญหาเลย

เรื่องตัวบุคคล ต่อให้เรากราบพระอรหันต์ตัวเป็นๆวันละสามเวลา ท่านก็ไปสามารถเอาเราไปนิพพานด้วยได้
ตัวบุคคลเป็นได้แค่ผู้นำสารครับ อยากได้ต้องลงมือทำเองคนอื่นไม่เกี่ยวครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2011, 17:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ทักษา เขียน
งงมากครับ อยากให้ผู้มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องการทำสมาธิ
ช่วยให้ความกระจ่างหน่อยครับ ผมเพิ่งเคยได้ยินว่าการฝึกสมาธิ
ก็มีข้อเสียด้วย เพราะมีคนโพสต์ว่าการฝึกสมาธิคือบาปมหันต์
และผู้ที่ฝึกสมาธิจะเป็นที่สิงสถิตย์ของเปรตอสุรกาย
ผมไม่เคยรู้มาก่อนจึงได้ขอความกระจ่างจากผู้รู้ครับ

ถ้าฝึกสมาธิตามหลัก มรรคมีองค์8 ของพระพุทธเจ้าถือเป็นกุศลบุญสูงสุดยิ่งก็การให้ทานทางวัตถุ

การบาปมากคือการทำตนเองให้เป็นคนที่อยู่อย่างคนที่ประมาทครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2011, 20:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 พ.ค. 2010, 15:28
โพสต์: 103

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เจโตวิมุติ เขียน:
:b42: เราอยากบอกนะว่า การเข้ามาตอบ หรือชี้แจง แต่ละครั้ง
เราพิจารณา จิตของเราก่อน ว่าประกอบไปด้วยอะไร ถ้านอกจากเมตตาแล้ว
จิตคิดเป็นอย่างอื่น ตัดสินใจไม่ตอบคืออุเบกขา ก่อนตอบคิดถึงประโยชน์
ของผู้รับอีกถ้าพิจารณาแล้ว หาประโยชน์ไม่ได้ ไม่ตอบ เราเพียรพิจารณาดูย้อนกลับมาภายในจิตตัวเอง
ก่อน คิด ก่อนพูด ก่อนทำเสมอ ว่าภาวะของจิต เสวยอารมณ์ใด ก่อนจะกล่าวธรรมมะ พิจารณากิเลส
อยู่เนื่องๆว่ามันเปลี่ยนแปลงอย่างไร เมื่อมันสงบลงในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง จะคอยตรวจสอบว่าเกิดจาก
กำลังสมาธิ หรือผลจากการทำวิปัสนา เรานั้งสมาธิทุกวันอย่างน้อย1หรืออาจถึง3ชั่งโมง
แต่ไม่ได้พิจารณาพระไตรลักษณ์(ทำวิปัสนา)ทุกวัน พระถ้าทำจริงๆจนเข้าถึง ก็จะร้โดยตนเองว่าวันนี้
จิตพร้อมทำวิปัสนาหรือไม่
ความรู้ตัวทั่วพร้อม ความตื่นรู้ของจิต มันเพียงพอที่จะทำวิปัสนาหรือไม่
อันนี้คือเรื่องทีอยากจะแชร์ การที่กล่าวว่าทำวิปัสนาได้ทุกเมื่อ ความจริงคือการเจริญสติ แต่วิปัสนาที่แท้ คือการพิจารณา พระไตรลักษณ์ ใน4หมวด คือหมวดกาย หมวดเวทนา หมาดจิต และสุดท้ายคือธรรมานุปัสนา
อวิชชา มันคือความไม่รู้ ความที่จิตมันยังไม่ยอมรับพระไตรลักษณ์ ไม่เห็นความไม่เที่ยงอย่างจัดเจน มันจึงมีอวิชชาอยู่เมื่อจิตมันเห็นพระไตรลักษณ์วิชชาเกิดขึ้นแล้วอวิชชาก็ดับลง ถ้าเราพูดเรื่องธรรมปฏิบัติ คนไม่ปฏิบัต หรือคนปฏิบัติยังไม่ได้กำลังของมัน(ไม่ถึงจุดมรรคสามัคคี)มาคุยกันมันก็เถียงกันไป เถียงกันมา
เพราะคนไม่เคยไป ปารีส ต่อให้ดูรูป100ครั้ง อ่านหนังสือร้อยจบ มันก็พูดถึงปารีสได้ไม่ชัดเจนเท่าคนที่ไปปารีส ไปปีนหอไอเฟลมาแล้ว อันนี้แหละที่เรา ยังสับสนกันอยู่ แต่มันมีเส้นแบ่ง ตั้งหลายเส้น ตั้งแต่ อันนี้เป็นความเห็น อันนี้เป็นความเข้าใจ(ของเรา) อันนี้เป็นความรู้ จากการอ่านหรือครูอาจารย์สอนมา อันนี้เป็นความรู้ประสบการณ์จากการปฏิบัติมา(ซึ่งก็ยังไม่แน่อีกว่าถูก) จนถึงสุดท้ายคือความรู้ที่ถูก ดูที่ไหน คือทีจิตนี้ ถ้ามันถูก อย่างน้อยโลภโกรธ หลงมัน ต้องลดลงชัดเจน ถ้ามันยิ่งไปกว่านั้น อัตตานุทิฐิ วิจิกิจฉา ลีลัพพรตปรามาส
ปฏิฆะ กามฉันทะ มันลดลง อันนี้ใช่เลย อันนี้แหละวิธีตรวจสอบจริงๆ ดูที่จิตเรานี้ ส่งจิตออกไป วิจารย์ไปมันก็จะฟุ้งไปเท่านั้น ..บางทียิ่งทำให้อัตตามันใหญ่ขึ้นเพราะดูเหมือนเรารู้เยอะขึ้นมากกว่าคนอื่น.......เจโตวิมุติ.


นมัสการและสาธุครับ เข้าใจแล้วครับ

สายบุญสายกรรม :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2011, 21:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ย. 2010, 21:59
โพสต์: 234

สิ่งที่ชื่นชอบ: ในตัวเอง
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าเจอคนแบบนี้ก็จะตั้งใจฟังเขาแนะนำด้วยใจซาบซึ้ง
พยักหน้าบ้างบางครั้งคราวเพื่อให้รู้ว่าตั้งใจฟังอยู่นะ

เพราะการตั้งใจฟังคนอย่างดี ก็คือเครื่องวัดคุณธรรมของผู้ฟังด้วยเหมือนกัน

:b55: :b55: :b55: :b55: :b55:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มี.ค. 2011, 17:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 มิ.ย. 2010, 21:01
โพสต์: 54

แนวปฏิบัติ: สติปัฏฐาน4
งานอดิเรก: ร้อยลูกปัด
ชื่อเล่น: พลอย
อายุ: 22
ที่อยู่: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

 ข้อมูลส่วนตัว


คนที่ดี ก็ชื่นชมและนำเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติตัวตาม
คนที่ไม่ดี ก็ดูไว้เป็นเยี่ยงอย่างว่าจะไม่ทำซ้ำแบบนั้นๆ
เค้ากำลังแสดงธรรมะให้เราดูอยู่ เรื่องของการปฏิบัติตัวไม่ดี

จะหาคนที่ดีแท้ก็เหมือนหาหนวดเต่า คือ ไม่มีใครดีร้อยเปอร์เซนต์
เลือกมองแต่ส่วนดีเถิดแล้วใจจะได้เป็นสุข


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มี.ค. 2011, 23:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 มี.ค. 2011, 09:41
โพสต์: 194

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

.....................................................
เห็นสิ่งใด เอามาคิด พินิจไว้

เพื่อเตือนใจ ตนเอง มิให้หลง

เห็นเขาผิด คิดแก้ตน ให้อาจอง

ใจมั่นคง น้อมมาดู รู้ภายใน


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 27 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร