วันเวลาปัจจุบัน 03 พ.ค. 2025, 17:54  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 17:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ต.ค. 2009, 22:05
โพสต์: 80

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การใส่บาตรพระปกติจะใส่ประเภทข้าว อาหารคาว หวานกัน แต่สำหรับกระผมแล้วไม่ค่อยมีเวลาทำอาหาร จึงใส่ประเภทขนม เช่นขนมปังหรือขนมอื่นๆใส่บาตรแทน อย่างนี้จะได้ไหมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 17:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ส.ค. 2010, 17:31
โพสต์: 24

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


บุญสำเร็จได้ด้วยใจครับ จิตเป็นกุศล ก่อนให้ทาน กำลังให้ หลังให้ทานขอให้จิตเป็นกุศลอย่างเดียวพอครับเพียงแต่ไม่ของที่ถวายไม่ผิดพระวินัยครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 17:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ส.ค. 2010, 12:21
โพสต์: 637

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ได้สิครับ ใส่อาหารที่สมควร หรือขนม ก็ได้ครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 20:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ก.ค. 2010, 22:23
โพสต์: 8

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การใส่บาตรพระ นอกเหนือไปจากข้าวและกับ อย่างอื่นก็สามารถนำมาทำบุญได้ ขอแต่เพียงว่าของนั้นเกิดประโยชน์ต่อผู้รับด้วย อย่างเช่น ขนม ควรเป็นขนมที่มีประโยชน์ ถ้าถือเอาความสะดวกมากกว่าประโยชน์ไปก็ไม่ดี ของที่ทำบุญจริงๆแล้ว ต้องเป็นของประณีต ผู้ให้ได้ประโยชน์ ผู้รับก็ควรได้ประโยชน์ด้วยจึงดี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ส.ค. 2010, 18:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ต.ค. 2009, 22:05
โพสต์: 80

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไหนๆก็ถามเรื่องการใส่บาตรกระผมก็จะขอถามต่อให้หายสงสัยในที่นี่เลย คือ ตามความเชื่อที่พูดๆกันว่าการใส่บาตรนั้นใส่อะไรจะได้อันนั้น ตัวอย่างมีคนพูดว่าใส่แต่ข้าวไม่ใส่กับหรือไม่ใส่อาหารไปด้วย ระวังตายไปจะได้กินแต่ข้าวไม่มีกับทำนองนั้น หรืออย่างกรณีของกระผมส่วนมากจะใส่แต่ชนม เช่นขนมปังถ้าอย่างนี้ตายไปก็คงได้กินแต่ขนมหรือขนมปังกระมัง เรื่องนี้ท่านผู้รู้ได้โปรดอธิบายให้ด้วยครับ..............คำถามนี้อาจเป็นเรื่องตลกมากๆสำหรับท่านผู้รู้แล้ว แต่ในส่วนของกระผมและเชื่อว่ายังมีคนอีกมากที่เชื่ออย่างนี้และเข้าใจอย่างนี้จริงๆตามที่พูดๆต่อๆกันมา กระผมไม่รู้จริงๆจึงถามครับ ได้โปรดเมตตาด้วยครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ส.ค. 2010, 19:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 มี.ค. 2010, 10:10
โพสต์: 104

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


บุญ คือ แก้วสารพัดนึกคะ ได้ทุกอย่างตามต้องการ
พอเหมาะพอควรกับอานิสงค์ของทานนั้นๆ

ไม่ใช่ว่า ใส่แต่ขนม ชาติหน้าก็เลยอดข้าว อดน้ำ
แต่อาจจะมีขนมนมเนยมากกว่า สิ่งอื่นๆ บ้างตามสมควร เป็นต้น

อิอิ :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ส.ค. 2010, 20:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2010, 17:28
โพสต์: 6

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าไม่ถูกต้องยังไงก็รบกวนแก้ไขด้วยนะค่ะ โดยปกติเท่าที่ทราบมานะค่ะ การทำบุญอยู่ที่จิตใจนะค่ะ และก็ความพร้อมของเรา คือเราตั้งใจที่ใส่บาตรแล้วถ้าเป็นไปได้และไม่ลำบากเกินไป ก็น่าจะใส่น้ำ ดอกไม้ หรือปัจจัยเพิ่มไปด้วยก็จะดีนะค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องไม่ให้ตัวเราเดือดร้อนนะค่ะ

[quote][/quote]เท่าที่คุณแม่เคยเล่าให้ฟังนะค่ะว่าสมัยก่อน"จะมีตา-ยาย อยู่คู่นึง ท่านจนมาก ไม่มีแม้แต่ผ้าที่จะนุ่งไปวัดเนื่องจากมีผ้าอยู่เพียงผืนเดียว แต่ก็ปรารถนาที่จะทำบุญ ถ้าวันไหนใครคนใดคนนึงไปวัด อีกคนต้องหลบอยู่ไม่ออกไปไหนเนื่องจากต้องให้อีกฝ่ายใส่ผ้าเพื่อไปถวายข้าวกับพระพุทธเจ้า ซึ่งพระพุทธเจ้าก็จะรอรับยอดทานของ2 ตา-ยายเสมอ โดยที่สิ่งที่ใส่ก็มีแต่ข้าวสวยอย่างเดียว ซึงพอเมื่อตา-ยายเสียชีวิตก็ได้ไปเกิดอยู่บนชั้นโสดาบันนะค่ะ"

ดังนั้นตามความคิดแล้วดุณจะเอาอะไรใส่บาตรแต่ต้องไม่ผิดศีลธรรม ซึ่งคุณได้ใส่โดยจิตใจที่บริสุทธิ์ก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดีแล้วค่ะ พรุ่งวันพระก็จะไปใส่บาตรเหมือนกันค่ะ จะพยายามตื่นนะค่ะ tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2010, 16:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


amam ถาม:

อ้างคำพูด:
ไหนๆก็ถามเรื่องการใส่บาตรกระผมก็จะขอถามต่อให้หายสงสัยในที่นี่เลย คือ ตามความเชื่อที่พูดๆกันว่าการใส่บาตรนั้นใส่อะไรจะได้อันนั้น ตัวอย่างมีคนพูดว่าใส่แต่ข้าวไม่ใส่กับหรือไม่ใส่อาหารไปด้วย ระวังตายไปจะได้กินแต่ข้าวไม่มีกับทำนองนั้น หรืออย่างกรณีของกระผมส่วนมากจะใส่แต่ชนม เช่นขนมปังถ้าอย่างนี้ตายไปก็คงได้กินแต่ขนมหรือขนมปังกระมัง เรื่องนี้ท่านผู้รู้ได้โปรดอธิบายให้ด้วยครับ.........


พึงเข้าใจว่า คำสอนในพระพุทธศาสนาเป็นเรื่องของเหตุและผลที่สอดคล้องกันไม่ใช่เรื่องงมงายจากการสุ่มเดาเอาตามใจชอบ... .. หากใครถวายสิ่งใดแล้วได้สิ่งนั้นตอบแทนมาเหมือนเดิม คงไม่มีใครอยากทำบุญนักโดยเฉพาะในหมู่คนจนทั้งหลาย เพราะไม่อาจหาของประณีตเลิศเลอถวายพระหรือให้คนอื่นได้แน่ๆ มีหลักฐาน เรื่องราวในพระไตรปิฎกหลายเรื่องที่มีคนถวายข้าวกับน้ำผักดอง(ซึ่งเป็นอาหารชั้นเลว) หรือขนมของคนจนที่ทำจากรำข้าวให้พระสงฆ์บ้าง พระพุทธเจ้าบ้าง ... ก็เมื่อทำบุญด้วยวัตถุทานเช่นนั้น พวกท่านผู้ทำทานมิต้องเกิดมารับประทานข้าวกับน้ำผักดอง หรือขนมที่ทำจากรำข้าว ในอัตภาพต่อๆไปหรือ ? ตอบว่าหามิได้ิ ท่านเหล่านั้นได้เกิดในสวรรค์แม้อาหารก็เป็นของทิพย์ ไม่ต้องเคี้ยวเลย..เมื่อหมดบุญในสวรรค์ได้เกิดเป็นคนก็ไม่อดอยากขาดแคลนและไม่ได้บริโภคข้าวกับน้ำผักดอง หรือขนมที่ทำจากรำข้าว แต่ประการใด เพราะอานิสงค์ของบุญที่ถวายอาหารแก่บุคคลผู้มีคุณเช่นนั้น ย่อมจัดแจงผลให้ได้มีอาหารที่ดีเี่ยี่ยมทุกอย่างตามที่ตนปรารถนานั่นเที่ยว..

ถามว่าเพราะเหตุใด ? ตอบว่าบุญเป็นนามธรรม มิได้มีรูปร่างให้เห็นหรือจับต้องได้ เกิดในจิตที่เป็นไปกับบุญยกิริยาวัตถุ๑๐ อาศัยตัณหาของสัตว์ บุญจึงนำส่งผลให้เสวยโดยประการต่างๆ ทั้งนี้โดยขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยอื่นๆที่ประชุมพร้อมด้วย..

โดยสรุป เมื่อถวายขนมปัง ก็มิใช่ว่าบุญนั้นสร้างขนมปังรอคุณ amamแต่ประการใด แต่บุญคือสภาพจิตที่ผ่องใสเมื่อคุณamamมีเจตนาสละวัตถุออกเป็นทาน ..เป็นกุศลกรรม ขึ้นชื่อว่ากรรมย่อมยังวิบากหรือผลให้ตามมา..เมื่อคุณ amam อยากทานสิ่งใด ตัณหานั่นเทียว ที่จัดแจงให้ตนขนขวายให้ได้อาหารต่างๆมา มีแกงบ้าง ลาบบ้าง ก๋วยเตี๋ยว ข้าวเหนียว ขนมเค็ก ...ฯฯลลฯฯ เป็นต้น

ในพระพุทธศาสนาสอนถึงหลักความจริงในธรรมชาติว่า เหตุและผลย่อมสอดคล้องตรงกัน..ไม่มี่สิ่งใดแหวกแนวออกไป ดังนั้นการถวายอาหารพระ คือการทำเหตุเพื่อผลคือย่อมเป็นผู้ได้อาหารบริโภคไม่อดอยาก..หากถวายผ้าก็ย่อมได้มาซึ่งเครื่องนุ่งห่ม เพราะกรรมนั้นจัดแจงผลมาตรงตามเจตนาของผู้ทำ..จึงไม่ต้องวิตกว่าจะต้องไปกินแต่ขนมปังอย่างเดียว หากทำอะไรและต้องกินแต่อะไรอย่างนั้น คุณ amam และคนทั้งหลายในโลก คงได้แต่บริโภคอาหารอย่างใดอย่างหนึ่งตลอดชีวิตนี้แน่ๆ เป็นแน่แท้ แต่ความจริงหาได้เป็นเช่นนั้นไม่เลย และไม่เป็นเรื่องที่มีเหตุผลเลยครับ

:b47: :b47: :b46:

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


แก้ไขล่าสุดโดย -dd- เมื่อ 10 ส.ค. 2010, 16:10, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2010, 16:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 พ.ค. 2010, 12:55
โพสต์: 26

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สำหรับตัวเอง ดูปัจจุบัน
ใส่บาตรเป็นขนม ของที่เหลือบาตรออกมาก็เป็นขนม ก็ได้กินขนม
ใส่ข้าว กับข้าว ของเหลือบาตรออกมาก็ได้กินอันนั้น
ชอบกินอะไร ก็ใส่อันนั้นล่ะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร