วันเวลาปัจจุบัน 17 พ.ค. 2025, 16:31  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 10 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ค. 2010, 14:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.ค. 2010, 16:55
โพสต์: 17

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คือ ส่วนตัวไม่ค่อยจะได้สมาทานศีล จะสมาทานศีลก็ตอนเข้าวัดทำบุญค่ะ ก็เลยอยากจะถามผู้รู้ค่ะว่า ไม่ได้สมาทานศีล 5 แต่ก็พยายามรักษากายใจให้อยู่ในกรอบของศีล 5 นะคะ ถือว่าได้รักษาศีลหรือเปล่าคะ เพราะว่าไม่ได้สมาทานเลยค่ะ จะได้รีบปฏิบัติให้ถูกต้องค่ะ ขอขอบพระคุณล่วงหน้านะคะ

ธรรมะสวัสดีค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ค. 2010, 18:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2010, 12:27
โพสต์: 91

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่ผิดหรอกเจ้าขา เพราะการรักษาศีลอยู่ที่เจตนาละเว้น
ไม่ได้อยู่ที่ว่า สมาทานแล้วหรือยัง สาธุด้วยเจ้าข้า :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ค. 2010, 21:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


การสมาทานศีลนี่ มันเป็นการที่เราไปอยู่ต่อหน้าพระ แล้วเราก็ให้คำมั่นต่อหน้าพระว่า
ต่อไปนี้นะ เราจะรักษาศีล

ที่จริงเรื่องการสมาทาน มันเป็นศาสนพิธีเท่านั้นเอง
แม้เราไม่ได้สมาทาน เราก็สามารถรักษาศีลไปได้เลย

ที่จริงแล้ว จะพูดว่าไปเราไปขอศีลจากพระ อันนี้มันก็ไม่ถูกซะทีเดียว
ที่จริงเป็นการไปถามท่านมากกว่าว่า ศีล มีอะไรบ้าง ให้ท่านช่วยทวนให้ฟัง
แล้วก็ช่วยเป็นพยาน เป็นกำลังใจให้เรา
แต่ตัวศีลจริงๆ พระท่านให้เราไม่ได้หรอก เพราะศีลมันเกิดที่ใจของผู้รักษา
ใครจะมารักษาให้เราหรือเราไปรักษาให้ใคร ไม่ได้เลย
หรือจะไปเข้าใจว่าต้องมีใครต้องมาให้เราก่อน จึงจะได้รับเชื้อศีลเพื่อนำไปขยายต่อ
ราวกับเป็นเชื้อทำเห็ดฟางนั้น อะไรทำนองนั้น ผิดทั้งหมด

เรื่องศีลนั้น ถ้าเราสมาทานแล้วว่าอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วเราทำไม่ได้
มันก็เป็นการผิดคำพูดตนเอง บั่นทอนกำลังใจตนเอง ทำให้เสียนิสัย
กลายเป้นคนพูดแล้วทำไม่ได้ ดังนั้นถ้าจะสมาทาน ต้องกะกำลังตนเองให้ดี
ว่าจะรักษายังไง รักษาเท่าไหร่ ถ้าดูแล้วไม่รอด ก็อย่าสมาทานดีกว่า


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ค. 2010, 23:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 พ.ค. 2010, 03:10
โพสต์: 34

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมคิดว่าการสมาทานศีลเป็นเรื่องของพิธีกรรมอ่ะครับ เหมือนเราจะตั้งมั่นสัญญาต่อหน้าพระว่าจะรับพระรัตนตรัยเป็นที่พึงและจะตั้งมั่นรักษาศีลละเว้นอบาย ส่วนตัวคิดว่าการปฎิบัตินี่สำคัญกว่าพิธีกรรมครับ ดีไม่ดีอยู่ที่ตัวเรารู้ว่าทำอะไรอยู่ ทำดีแล้วใครมาว่าก็อโหสิกวดน้ำไปละกันครับ ห้ามความคิดและปากคนมันยาก ขออนุโมทนากับคนทำดีด้วยครับ นับถือๆ smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2010, 09:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ม.ค. 2010, 20:24
โพสต์: 43

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b6: อันนี้นั้น ถ้าเอาตามหลักการก็คือต้องสมาทานศีล ดังเช่นชาดกเรื่องพระมหาชนก แม้แต่มหาชนก ท่านลอยคออยู่ในทะเล ท่านยังสมาทานในวันอุโบสถ คือต้องเข้าใจว่า การสมาทานศีล จะกับพระก็ดี หรือสมาทานด้วยตัวเองก็ดี นั้น เป็นการสำรวจศีลว่าพร่องไม่พร่อง หรือเป็นการให้ปฎิญญากับตัวเองว่าจะรักษาศีลให้สมบูรณ์อยู่เสมอๆ หากไม่มีการสมาทานศีล ก็จะไม่ต่างอะไรกะนักบวชนิกายใดนิกายหนึ่งที่มีข้อห้ามคล้ายกัน เช่นนักบวชเชน เป็นต้น แต่ การสมาทานแล้ว ไม่ได้สมาทานสม่ำเสมอนั้น ก็ไม่ผิดครับ โดยเฉพาะที่เราหมั่นสำรวจอยู่เสมอๆว่ามีศีลข้อไหนพร่องหรือไม่พร่อง อันนี้เป็นการบ่งเจตนาในการรักษาศีลหลังจากที่เราสมาทานมาแล้ว อันนี้ก็เป็นบุญครับ :b4: ก็คือว่า ง่ายๆ 1เราสมาทานศีลมาแล้ว แล้วไม่ได้สมาทานอีก ตั้งใจรักษาศีลหมั่นสำรวจศีล อันนี้เป็นบุญ
2 :b6: จาก1 เมื่อมีโอกาสก็สมาทานเนืองๆ เป็นปฎิญญาในการรักษาศีลเหมือนทำสัจจะบารมีแก่ตัวเอง พระท่านยังทวนศีลทุกเดือน เราทำได้ก็ทำจักเป็นบุญเพิ่มขึ้นอีก
rolleyes เป็นบุญเพิ่มอีกนะ


แก้ไขล่าสุดโดย สติสัมปันน์ เมื่อ 30 ก.ค. 2010, 09:42, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2010, 17:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 07:11
โพสต์: 93

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การสมาทานศีล ท่านแบ่งไว้ ๔ แบบ คือ

- สมาทานวิรัติ ๑
- เจตนาวิรัติ ๑
- สัมปัตตวิรัติ ๑
- สมุทเฉจวิรัติ ๑

สมาทานวิรัติ หมายถึง การตั้งสัจจะต่อหน้าพระสงฆ์ กรณีขอศีลจากพระสงฆ์ว่า ข้าพเจ้าจะงดเว้น ในศีล ๕ ศีล ๘ หรือศีล ๑๐ เหมาะสำหรับท่านที่ ศรัทธาอ่อน ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ต้องอาศัยพระสงฆ์หรือพระพุทธรูปเป็นพยาน

เจตนาวิรัติ คือ ตั้งสัจจะกับตัวเองว่า จะรักษาศีลให้ครบถ้วน ให้บริบูรณ์ เอาตัวเองเป็นพยาน
อย่างนี้สำหรับผู้ที่มีความเชื่อมั่นในตัวเอง มีความมั่นใจสูง มีศรัทธาแก่กล้ามากขึ้น

สัมปัตตวิรัติ หมายถึง ศีลเกิดขึ้นโดยธรรม แต่เป็นครั้งเป็นคราว ไม่สม่ำเสมอ ไม่ต่อเนื่องกัน
เช่น คนที่เคยยิงนก ตกปลา พอเห็นนกเห็นปลาติดอวนติดแห ก็เกิดความสงสาร
จึงปล่อยนกปล่อยปลานั้นไป อย่างนี้เรียกว่า ศีลเกิดขึ้นโดยธรรม

สมุทเฉจวิรัติ คือศีลของบรรดาท่านพระอริยะเจ้า เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องสมาทาน
ไม่ต้องกำหนด เกิดขึ้นโดยธรรมและสม่ำเสมอ ไม่มีด่างพร้อย ไม่มีเศร้าหมอง คงอยู่ตลอดชีวิต

อนิสงค์ของศีล ที่ว่า สีเลน สุคติงฺยันฺติ สีเลนโภคสัมปทา....นั้น
เกิดจากการรักษาศีล ไม่ได้เกิดจากการสมาทานศีล

เพราะเหตุนั้นจะสมาทานหรือไม่สมาทาน
หากงดเว้นตามข้อห้ามของศีล
ก็เรียกว่าท่านได้บุญ ได้อานิสงส์เสมอกัน


tongue :b8:


แก้ไขล่าสุดโดย นิดหนึ่ง เมื่อ 30 ก.ค. 2010, 17:54, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ส.ค. 2010, 13:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.ค. 2010, 16:55
โพสต์: 17

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอขอบพระคุณทุกท่านนะคะ ที่ได้เข้ามาให้ความรู้เพิ่มเติมค่ะ ขอบคุณค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ส.ค. 2010, 13:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 พ.ย. 2009, 07:32
โพสต์: 95

แนวปฏิบัติ: หลักวิถีธรรมชาติ - อานาปานสติ,บริกรรมภาวนา
ชื่อเล่น: นุ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทัศนีวรรณ วัฒนาวรรณะ เขียน:
ขอขอบพระคุณทุกท่านนะคะ ที่ได้เข้ามาให้ความรู้เพิ่มเติมค่ะ ขอบคุณค่ะ

หมั่นพึงระลึกนึกถึงอยู่เสมอนะครับ ตัวผมเอง ก็เจตนาละเว้นด้วยตนเอง การสมาทานศีลเป็นแต่เพียงวิธีการเท่านั้น
ขอแนะนำ ให้ยึดหลัก ศีล๕และกุศลกรรมบถ๑๐ ควบคู่ไปกับ หิริโอตัปปะ ให้เป็นพื้นฐานจิตใจ ครับ
:b44: :b44: :b44: ขอให้เจริญในธรรมครับ

.....................................................
จงทำศีลให้เป็น อธิศีล
ทำจิตให้เเป็น อธิจิต
ทำปัญญาให้เป็น อธิปัญญา


พื้นฐานคุณธรรมความเป็นมนุษย์คือ ศีล๕ กุศลกรรมบถ๑๐ หิริโอตัปปะ และความกตัญญู กตเวทิตา

จุดสูงสุดของการรู้ธรรม เห็นธรรม ก็คือ
...สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ...สิ่งนั้นมีความดับไปเป็นธรรมดา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ส.ค. 2010, 12:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ส.ค. 2009, 19:31
โพสต์: 169

แนวปฏิบัติ: ดูจิต
งานอดิเรก: ทำดี
สิ่งที่ชื่นชอบ: ทุกเล่มที่ชอบ
ชื่อเล่น: เก็บเกี่ยว
อายุ: 0
ที่อยู่: ในธรรม

 ข้อมูลส่วนตัว


หากมีคนอย่างคุณเยอะๆผมว่าพระท่านไม่ต้องเหนื่อยมากนะ cool

.....................................................
รักษาที่ดีไว้ ก่อความดีใหม่ๆ ละๆๆชั่วต่อๆไป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ส.ค. 2010, 09:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ส.ค. 2010, 05:27
โพสต์: 49

อายุ: 0
ที่อยู่: www.ccagthailand.com

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่ผิด

ศีล เป็นข้อปฏิบัติควบคุมให้ กาย วาจา ใจ ของเราให้ปรกติ

ถือตอนไหนก็ได้ผลดีตอนนั้น ขอให้ถือให้ได้เถอะ แต่ มีข้อแม้ว่า อย่าไปยึดซะจน วันๆไม่ต้องทำอะไร

กลัวจะผิดแต่ศีล ทำอะไรก็ให้ทำแต่พอดี นะ

.....................................................
ธาตุ๔ ขันธ์ ๕ ทวาร ๖


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 10 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร