รู้ด้วยว่า ท่านบุดฯ อายุเท่าไหร่....

เจ้าผู้ใช้ฃื่อว่ากรัชกาย มันก็พล่าม เพ้อเจ้อ ไปตามความรู้ความเข้าใจของมันนั่นแหละ ทั้งอวดรู้ อวดฉลาด แต่ความจริงแล้วโง่
ถ้าเขาตอบในสิ่งที่มันต้องการ มันก็คิดว่าตัวมันฉลาดแล้วที่สามารถทำให้เขาตอบให้มันได้ โดยที่มันไม่ได้รู้ถึงสภาพสภาวะจิตใจของเขาว่าเป็นอย่างไร เวลาถามมัน มันตอบไม่ได้ มันก็แกล้งเลี่ยงหลบหลีก เปลี่ยนเรื่องคุย ไม่ยอมตอบ พอเขานิ่งไป มันก็คิดว่าตัวมันฉลาดแล้ว สงบนิ่งสยบความเคลื่อนไหว (เจ้าผู้ใช้ชื่อว่า กรัชกาย มันคิดอย่างที่ข้าพเจ้าเขียนไปข้างต้นจริงๆนะขอรับ)
ในทางพุทธศาสนา เรียกว่า สักกายทิฏฐิ นั่นแหละ
เจ้าผู้ใช้ชื่อว่ากรัชกายเอ๋ย ทำไมเจ้าไม่รู้จักอ่านแล้วทำความเข้าใจในภาษาไทยให้ดี ข้าพเจ้าเขียนอย่างหนึ่ง แต่เจ้าเข้าใจไปอีกอย่างหนึ่ง ดังคำโบราณกล่าวไว้ว่า "ฟังไม่ได้ศัพท์ จับไปกระเดียด" แสดงให้เห็นเจตสิก หรือความรู้ ที่มีอยู่ในตัวเจ้า ว่าเป็นความรู้ ที่ชอบบิดเบือนหลักธรรมคำสอน ชอบตัดตอนเอามาเขียน แสดงให้เห็นเจตนา ที่จะทำลายพุทธศาสนาอย่างเห็นได้ชัด

เจ้าลองอ่านใหม่ซิ ที่เจ้าถามเรื่องอาจารย์ผู้แนะนำในเรื่อง ฌาน ข้าพเจ้าตอบว่า

เพิ่มเติมอีกนิดว่า ขณะ ที่ท่านอาจารย์แนะนำข้าพเจ้า ครั้ง หลังสุด (เมื่อประมาณ 37 ปีผ่านมาแล้ว) หน้าพระอุโบสถ ในวัดสันป่าข่อย มีสามเณรหลายรูปร่วมอยู่ด้วย มีหลวงพี่ที่เป็นพระด้วย แต่ข้าพเจ้าไม่รู้จักชื่อสามเณรเหล่านั้น หลวงพี่ที่เป็นพระข้าพเจ้าจำชื่อไม่ได้แล้ว และในตอนนั้น ฉัพพรรณรังสีจากหัวใจของข้าพเจ้าก็เปล่งออกมาภายนอกร่างกาย เป็นรัศมีแสงสี แดงส้ม สามเณรหลายรูปเหล่านั้น ยังตกใจด้วยซ้ำไป

ถ้าเจ้าคิดว่า หัวใจมีหน้าทีสูบฉีดโลหิต ไม่สามารถเปล่งแสงฉัพพรรณรังสี ได้ ก็แสดงว่า
ทุกวันนี้ที่เจ้าเข้ามาเสวนาในเวบธรรมะต่างๆ เจ้าเข้ามาเพื่อก่อกวน เพื่อสร้างภาพลักษณะที่่ไม่ดีในพุทธศาสนาใช่ไหม
ข้าพเจ้าบอกให้เจ้ามาพิสุจน์ เจ้าก็อ้างโน่นอ้างนี้
เวลาที่ข้าพเจ้าตอบความจริงให้ เจ้าก็มีความคิดคัดค้าน เพราะในจิตใจของเจ้า ไปเชื่อมั่นในพวกเขาที่ออกทีหลังหู ข้าพเจ้าว่า เจ้าผู้ใช้ชื่อว่า กรัชกาย "(น่าจะเปลี่ยนชื่อเป็นเจ้า "สัตว์ตายนะ") ไม่ใช่ผู้ศรัทธาในพุทธศาสนา คนอย่างเจ้ามีเยอะนะ ตัวเป็นไทย แต่หัวใจเป้นอะไรก็ไม่รู้



เพิ่มเติมอีกนิดว่า ขณะ ที่ท่านอาจารย์แนะนำข้าพเจ้า ครั้ง หลังสุด (เมื่อประมาณ 37 ปีผ่านมาแล้ว) หน้าพระอุโบสถ ในวัดสันป่าข่อย มีสามเณรหลายรูปร่วมอยู่ด้วย มีหลวงพี่ที่เป็นพระด้วย แต่ข้าพเจ้าไม่รู้จักชื่อสามเณรเหล่านั้น หลวงพี่ข้าพาเจ้าก็จำชือ่ไม่ได้แล้ว และในตอนนั้น ฉัพพรรณรังสีจากหัวใจของข้าพเจ้าก็เปล่งออกมาภายนอกร่างกาย เป็นรัศมีแสงสี แดงส้ม สามเณรหลายรูปเหล่านั้น ยังตกใจด้วยซ้ำไป

ถึงท่านจะไม่ได้บวชเณร แต่ท่านก็อายุ 3 ขวบเอง เมื่อ 37 ปีที่แล้วนะขอรับ

แล้วท่านจะทำกรรมฐานได้อย่างไร เด็กสะขนาดนั้น

อายุ 3 ขวบ ยังเช็ดก้นเองไม่เป็นเลยนะขอรับ

ท่านอ่านภาษาไทยไม่แตกเองนิ

ฮ่า ฮ่า ฮ่า อยากรู้อายุ ก็ถามตรงก็ได้นี่นา ยิ่งอยากรู้ยิ่งไม่บอก

เออ, ๓ ขวบ ข้าพเจ้าก็มีฉัพพรรณรังสีแล้ว เปล่งรัศมีเป็นแสงสีแตกต่างกันได้แล้ว แถมยังเหาะได้อีกด้วย อ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

แม่ข้าพเจ้าเล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า เมื่อข้าพเจ้าอายุได้ประมาณ ๑-๒ ขวบ ข้าพเจ้าชอบร้องไห้โยเย พ่อข้าพเจ้าจับข้าพเจ้าโยนลงไปในท้องร่องข้างทาง ตอนนั้น ข้าพเจ้าก็ เหาะได้แล้ว และขณะลอยลงไปในคูข้างทาง ก็แสดงฉัพพรรณรังสีออกมา ให้ชาวบ้าน แถวถนน กองทราย(อาจจำชื่อถนนผิด) ต.วัดเกต อ.เมือง เชียงใหม่ (ถนนข้างค่ายกาวิละด้านตลาดสันป่าข่อย) ได้เห็นกันแล้วในสมัยนั้น

ท่านอาจารย์ Buddha ขอรับ ท่านจะจี้ไปถึงไหน

นึกอยู่แล้วว่า ท่านต้องเหาะ เพราะมีคนจับโยนขึ้นไปในอากาศ

แต่ละชวงวัยของท่านได้ผ่านประสบการณ์มากมายจริง อายุ ๑ ขวบ ก็เหาะ(ถูกจับโยน)แล้ว

ยังมีชอตเด็ดๆกว่านี้อีกไหมขอรับ

อิ อิ อิ มีเยอะแยะ เช่นเหาะไปเล่นกับนางฟ้า ตอนแรกก็นั่งคุยทางใจเพราะไม่มีเสียงเวลาที่ข้าพเจ้าพูดอยู่กับนางฟ้าบนก้อนเมฆ พอข้าพเจ้าคิดว่าจะเข้าไปกอดนางฟ้า เพราะนางฟ้าหลายองค์นั้น นั่งห้อมล้อมข้าพเจ้าอยู่ พอคิดแล้วก็อ้าแขนออกไปจะกอดนางฟ้า แว๊บ นางฟ้าลอยออกไปห่างจากตัวข้าพเจ้า ทันทีเลย และตัวข้าพเจ้าก็สะท้อนหรือกระเด็นกลับลงมาบนพื้นโลกเช่นเดิม
ทำให้ข้าพเจ้ารู้ว่า บรรดานางฟ้า ก็สำเร็จธรรม ชั้นอรหันต์เป็นอย่างต่ำเช่นกัน มารู้ในตอนที่วิจัยค้นคว้าพบแล้วว่า อริยะบุคคลในแต่ละชั้น มีลักษณะแบบใด

เรียนทุกท่านที่ติดตามเรียนรู้และศึกษาทำความเข้าใจ ในเรื่อง ของ "จิต เจตสิก รูป นิพพาน ตามหลักพระอภิธรรมปิฎก"
เนื่องด้วยมีเหตุขัดข้องหลายประการ จึงยังไม่สามารถที่จะเผยแพร่ ในเรื่องของ " ฌาน, สติปัฏฐาน๔,กสิณ,อริยสัจ๔,ฯ"
เพราะติดที่ว่า ข้าพเจ้า เกรงไปว่า ถ้าฆราวาส รู้มาก รู้แจ้ง รู้จริง จนสามารถบรรลุโสดาบัน ได้ ก็อาจเป็นผลเสีย ต่อบรรดา
พระสงฆ์ ทั้งหลาย จึงจำเป็นต้องหยุดไว้ก่อน

โอกาสต่อไป หากพระสงฆ์ทั้งหลายเหล่านั้น ได้เรียนรู้เกี่ยวกับ เรื่องของ "จิต เจตสิก รูป นิพพาน ตามหลักพระอภิธรรมปิฎก" ดีแล้ว ข้พาเจ้าก็จะเขียนต่อจนจบ

ในที่นี้หมายความว่า หากพวกผู้ที่เกี่ยวข้อง กับ พุทธศาสนา ไม่ว่าจะเป็น สำนักพุทธศาสนา, กระทรวงที่เกี่ยวข้อง, คณะสงฆ์ ไม่สนใจ ในหลักการ หรือหลักสูตร หรือ คำอธิบาย เกี่ยวกับ "จิต เจตสิก รูป นิพพาน ตามหลักพระอภิธรรมปิฎก ที่ข้าพเจ้า ได้เผยแพร่ไปแล้วบางส่วนนี้ ข้าพเจ้าก็จะเผยแพร่ทั้งหมด
และผู้ที่เกี่่ยวข้อง ในพุทธศาสนา ก็อย่ามากล่าวหาข้าพเจัาในทางที่ไม่ดี ไม่ถูกต้อง ไม่ได้นะขอรับ

ว้าว.......ผมอยากทำได้บ้างจัง.....จริงปะเนี่ย.....

พักยก...สักครู่

ไม่รู้ว่า..เป็นเพราะ..มีมารยาทดี..?

หรือ..ว่า........สาไถยดี..กันแน่

อิ อิ โผล่มาแร๊ววว.... หายไปไหนมาเจ้าค๊ะ...

เจ้าผู้ใช้ชื่อว่า "กบฯ"เอ๋ย หายไป นึกว่าไปฝึกฝนอบรมจิตใด้ดีขึ้น ที่แท้จิตและเจตสิกของเจ้ากับเลวทรามลงไปกว่าเดิมอีก
ที่เจ้าว่า มารยาทดี หรือ สาไถยดี นั้น เจ้ารู้ความหมายของคำว่า "สาไถย"หรือไม่ ฮ่า ฮ่า ฮ่า โง่แล้วอวดฉลาดเหมือนเดิม น่าจะเปลี่ยนชื่อจาก "กบนอกกะลา" เปลี่ยนเป็น " ควาย นอก กะลา " น่าจะเหมาะสมกว่านะ อิ อิ อิ อิ