วันเวลาปัจจุบัน 19 พ.ค. 2025, 06:07  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 เม.ย. 2009, 13:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 เม.ย. 2009, 06:18
โพสต์: 731

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อเรียกร้องให้บัญญัติ "พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ" ในรัฐธรรมนูญ เราหาความชอบธรรมจากเหตุผลที่ว่า "สังคมไทยเป็นสังคมพุทธ" แต่เมื่อเกิดความรุนแรงนองเลือดจากความขัดแย้งทางสังคมการเมืองทั้งในอดีตและปัจจุบัน แทบไม่ได้ยินกระแสเรียกร้องให้ "ยุติความรุนแรง" โดยอ้าง ความเป็นสังคมพุทธ จากองค์กรพุทธหรือภาคส่วนใดๆของสังคมพุทธแห่งนี้เลย
หรือว่า ความเป็นสังคมพุทธ เกี่ยวข้องอย่างจำเป็นกับการรับรองโดยรัฐธรรมนูญและการอุปถัมภ์จากรัฐ และอาจเป็นผลมาจากปัญหาหลักๆของชาวพุทธอย่างน้อย 3 ประการคือ
1.ชาวพุทธติดอยู่ในกระบวนทัศน์ ที่ปลูกฝังกันมานานว่า "โลก" กับ "ธรรม" ต้องแยกขาดจากกัน เรื่องทางโลกเป็นเรืองของกิเลสตัณหาความวุ่นวายต่างๆ ที่ผู้ใฝ่ทางธรรมไม่ควรข้องแวะ ส่วนเรื่องทางธรรมเป็นเรื่องของการหลีกหนีกิเลสและความวุ่นวายต่างๆในทางโลกไปสู่ "ความสงบ" ทางกาย วาจา ใจ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ถ้ายังยุ่งเกี่ยวกับทางโลก
ดังนั้นความขัดแย้งทางการเมืองจึงเป็นเรื่องความวุ่นวายทางโลก ที่ชาวพุทธผู้ใฝ่ทางธรรมไม่ควรเข้าไปเกี่ยวข้อง
2.ประเพณีการสอนพุทธศาสนาในบ้านเรานั้นเน้นเฉพาะการสอน "ศีลธรรมของปัจเจกบุคคล" ละเลยการสอน "ศีลธรรมทางสังคม" ความดีที่เน้นคือ "การทำบุญ" ที่อธิบายกันว่าใครทำก็ได้เฉพาะตัวของบุคคลนั้นเหมือนกินข้าวใครกินคนนั้นก็อิ่ม ไม่ได้ไปอิ่มท้องของคนอื่นที่ไม่ได้กิน แล้ว "ความดี หรือ "บุญ" นั้น ก็จะเป็นเสบียงเลี้ยงตัวเราให้เรามีความสุขความเจริญ (ด้วยโภคทรัพย์) ทั้งในชาตินี้และชาติหน้าตราบกระทั่งเข้าสู่สวรรค์นิพพานนั้นแล
3.พุทธศาสนาถูกใช้เป็นเครื่องมือของรัฐตลอดมานับแต่รัฐสมัยสุโขทัย อยุธยา รัตนโกสินทร์ตอนต้นมาจนถึงปัจจุบัน ในอดีตที่การศึกษาถูกจำกัดในวัง กับ วัด ผู้กุมอำนาจรัฐหรือชนชั้นสูงมีบทบาทอย่างสำคัญในการกำหนดว่า พระสงฆ์ควรสอนหลักธรรมอะไรแก่ชาวบ้าน ในแง่หนึ่งหลักธรรมที่พระสงฆ์หรือเจ้านายสั่งสอนอบรมชาวบ้านนั้น อาจช่วยให้ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินเป็นคนดี มีศีลธรรม ดำรงชีวิตที่มีความสุขตามอัตภาพในสังคมเกษตรกรรม เช่น สอนให้รู้จักละเว้นอบายมุขต่างๆ มีศีล5 รู้จักขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด อดทน ฯลฯ
ปัญหาความแตกแยกทางสังคมการเมืองที่มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้นเรื่ออยๆ ในเวลานี้เป็นปัญหาที่ท้าทายอย่างยิ่ง ทำอย่างไร?......ชาวพุทธจึงจะเป็น "ผู้ตื่น" ให้ทัน "ขบวนรถพัฒนาการทางสังคมการเมือง" เพราะหากไม่มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนสังคมไปสู่ความเป็นธรรมและสันติ การดำรงอยู่ของพุทธศาสนาในสังคมยุคใหม่(โลกาภิวัตน์) ก็แทบจะไร้ความหมาย
และวาทกรรมที่ว่า "สังคมไทยเป็นสังคมพุทธ" ก็จะใช้หลอกตัวเองและชาวโลกไม่ได้อีกต่อไป อาจารย์สุรพศ ทวีศักดิ์ ม.สวนดุสิต ศูนย์หัวหิน:b35: :b35: :b35:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 เม.ย. 2009, 13:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ความเป็นชาติประเทศ มันต้องประกอบกันขึ้นด้วยคนหลายศาสนา

แต่เราจะมาบังคับให้รัฐ นับถือศาสนา ด้วยการกำหนดว่าเป็นพระพุทธศาศนาเป้นศาสนาประจำชาติ
อันนี้ไม่เหมาะ ไม่เกี่ยว ทำร้ายพระพุทธศาสนาเปล่าๆ

ยิ่งเอาพระพทุธศาสนา ไปแปลงให้มันเป้นกฏหมาย มันจะยิ่งไปกันใหญ่

ต้องอย่าลืมว่า ศาสนาพุทธเรานี้ ไม่มีสภาพบังคับ
ใครพอใจจะน้อมนำไปแค่ไหนก็ได้ ไม่เอาก็ได้ จะมาก็ได้ ไปเมื่อไหร่ก็ไม่ว่า

ส่วนปัญหาที่เป็นๆกันอยู่ จะมามองว่าศาสนาเสื่อมไม่ได้
ที่เสื่อมคือคนต่างหาก ที่เสื่อมไปจากศาสนา
ลองไปทำวิจัยดูดีกว่าว่า ผู้มีส่วนร่วมในเหตุการณ์ความเดือดร้อนนี้ "ถือศีล 5 บริสุทธิ์กันสักคนไหม"

ถ้าไม่ถือศีล 5 แล้วเดือดร้อนอะไร
ก็จะมาเหมาว่าศาสนาไม่ดี อันนี้ไม่ถูก

เดี๋ยวนี้เห้นมีปากเล็กปากน้อยกันว่าพระไม่เห็นทำอะไร ไม่ทำหน้าที่
หารู้ไม่ว่า ที่จริงทำแล้ว ทำทุกวัน ทำตลอดเวลา แต่คนต่างหากไม่เอา

ธรรมะสมัยนี้ก็เข้าถึงง่ายกว่าเดิม มีเทปให้ฟัง สะดวกเมื่อไหร่ก็ฟังได้
แต่ข้ออ้างเยอะแยะไปหมด

สอนแล้วก็ไม่เอา แล้วพอเดือดร้อนก้จะมาโทษพระ
ถ้ารู้จักศาสนาพุทธดีพอ จะไม่โทษพระ ไม่โทษศาสนา


แก้ไขล่าสุดโดย ชาติสยาม เมื่อ 27 เม.ย. 2009, 14:12, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 เม.ย. 2009, 13:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


อืม ผมพยามจะแกะออกมาตอบทีละข้อนะ
แต่ตอบยากจริงๆ เหมือนกองด้ายพันกัน

รู้แค่ว่าผู้เขียนก็ไม่เข้าใจศาสนาพุทธเพียงพอ
เลยอีรุงตุงนังไปหมด

เปรียบผู้เขียนเป็นคนคนหนึ่ง
สังคมที่มีปัญหาเป้นคนอีกคนหนึ่ง
ศาสนาพุทธเป็นมนุษยืต่างดาว


เหมือนคนสองคนคุยกันเรื่องมนุษยืต่างๆ ทั้งๆที่สองคนก็ไม่ได้รู้อะไรไปกว่ากัน
ขออภัยอาจารย์นะ

แต่เข้าใจว่ามันยาก ศาสนาพุทธนี่ยากจริงๆ
ยากเพราะไม่ปฏิบัติ แม้ปฏิบัติก็ต้องเพียรอย่างมาก
เพราะยากปานนั้น คนถึงหันไปพึ่งสรณะอื่นเต็มไปหมด


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 เม.ย. 2009, 14:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


damjao เขียน:
3.พุทธศาสนาถูกใช้เป็นเครื่องมือของรัฐตลอดมานับแต่รัฐสมัยสุโขทัย อยุธยา รัตนโกสินทร์ตอนต้นมาจนถึงปัจจุบัน ในอดีตที่การศึกษาถูกจำกัดในวัง กับ วัด ผู้กุมอำนาจรัฐหรือชนชั้นสูงมีบทบาทอย่างสำคัญในการกำหนดว่า พระสงฆ์ควรสอนหลักธรรมอะไรแก่ชาวบ้าน ในแง่หนึ่งหลักธรรมที่พระสงฆ์หรือเจ้านายสั่งสอนอบรมชาวบ้านนั้น อาจช่วยให้ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินเป็นคนดี มีศีลธรรม ดำรงชีวิตที่มีความสุขตามอัตภาพในสังคมเกษตรกรรม เช่น สอนให้รู้จักละเว้นอบายมุขต่างๆ มีศีล5 รู้จักขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด อดทน ฯลฯ
ปัญหาความแตกแยกทางสังคมการเมืองที่มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้นเรื่ออยๆ ในเวลานี้เป็นปัญหาที่ท้าทายอย่างยิ่ง ทำอย่างไร?......ชาวพุทธจึงจะเป็น "ผู้ตื่น" ให้ทัน "ขบวนรถพัฒนาการทางสังคมการเมือง" เพราะหากไม่มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนสังคมไปสู่ความเป็นธรรมและสันติ การดำรงอยู่ของพุทธศาสนาในสังคมยุคใหม่(โลกาภิวัตน์) ก็แทบจะไร้ความหมาย
และวาทกรรมที่ว่า "สังคมไทยเป็นสังคมพุทธ" ก็จะใช้หลอกตัวเองและชาวโลกไม่ได้อีกต่อไป อาจารย์สุรพศ ทวีศักดิ์ ม.สวนดุสิต ศูนย์หัวหิน:b35: :b35: :b35:



ขอให้ข้อมูลตรงนี้นิดนึงนะครับ

ที่จริงต้องใช้คำว่า ศาสนาพรหมณ์ถึงจะถูก

ศาสนาพุทธนี่ แม้จะมีความพยามเอาไปใช้เป้นเครื่องมือของรัฐ พยามเท่าไหร่ก็ไม่สามารถจะทำได้
แค่เจอศีล 5 เข้าไป ก็เป็นอันว่าไม่ต้องมีการรบกัน
จะหาข้ออ้างอย่างไร การฆ่า คือข้อห้าม

เลยต้องไปออกช่องพราหมร์ที่ว่า เป็นพระนารายณ์อวตาลมาปราบมาร
เลยมีข้ออ้างความเป้นเทพ เพื่อแย่งชิงอำนาจกัน

การอ้างลัทธิเทวราชา สมมุติเทพ เพื่อความชอบธรรมในการก่อกบฏยึดอำนาจราชวงศ์ก่อนๆ
แม้แต่การเสวยราชย์ก้ต้องอาศัยพิธีพราหมณ์ท้งสิ้น
ซึ่งพุทธไม่มีพิธีหรือบทสวดใดๆเพื่อตอบสนองความต้องการทางการเมืองอันนี้เลยแม้แต่น้อย

แต่เป้นพระมหากรุณาธิคุณและปัญญาธิคุณของกษัตริย์หลายพระองค์
ที่เห็นความสำคัญของศาสนาพุทธ จึงเอาพิธีพุทธมาพ่วงด้วย เพื่อยกระดับ คุ้มครอง ให้ความสำคัญ
ทั้งๆที่พิธีพุทธก็ไม่มีอะไร แค่สวดพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ แสดงพระธรรมเทศนาอะไรทำนองนั้นไป เพราะจะหาบทสวดอะไรจากพระไตรปิฏกที่สนองประโยชน์ทางการเมืองนั้นไม่มีเลย

เรียกว่า มีแต่การเมืองนั่นแหละ พยามจะดึงพระพุทธศาสนาไปใช้ประโยชน์ทางเสริมสร้างอำนาจ
แต่เอาเข้าจริงๆ กิเลสการเมือง แพ้พระธรรมทุกที ไม่ใช้แพ้อภินิหารเวทย์มนต์อะไรทำนองนั้น
ที่แพ้ เพราะแพ้ความจริงของธรรมะชาติ จำนวนต่อความจริง บงการความจริงไม่ได้
เลยต้องศิโรราบแก่ความจริง แพ้ธรรมะ แพ้พระธรรม


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร