เว็บบอร์ด สนทนาธรรม สอบถามห้องแชดสนทนาธรรมสมุดเยี่ยม ฝากข้อความ ติชมรวมเว็บพระพุทธศาสนารวมรูปภาพ พุทธศิลป์ พระพุทธเจ้า พระพุทธรูป พระเจดีย์ พระสงฆ์
  ตั้งเป็นหน้าแรก   เก็บเข้า Favorites   สั่งพิมพ์   แจ้งปัญหา
   
 
 
 
สารบัญหลัก
  หน้าหลัก
  หนังสือธรรมะ
  บทสวดมนต์
  เสียงธรรม mp3
  เสียงสวดมนต์ mp3
  ห้องสวดมนต์ออนไลน์
  สมาธิ
  กฎแห่งกรรม
  วัดป่า-พระป่า
  วันสำคัญทางศาสนา
  ดาวน์โหลด e-book
  คำสอนจากครูบาอาจารย์
  บทความ..ธรรมจักร
  รูปภาพ
  กระดานสนทนา
  ห้องสนทนา
  สมุดเยี่ยม
  รวมเว็บ
  ติดต่อทีมงาน
ขึ้นบน
 
เว็บบอร์ด
  สนทนาธรรม
  ข่าวกิจกรรม
  สติปัฏฐาน
  สมาธิ
  กฎแห่งกรรม
  นิทานธรรมะ
  หนังสือธรรมะ
  บทความธรรมะ
  กวีธรรม
  นานาสาระ
  วิทยุธรรมะ
  สถานที่ปฏิบัติธรรม
  เสียงธรรมออนไลน์
  เสียงสวดมนต์ออนไลน์
  พระพุทธเจ้า
  ประวัติอสีติมหาสาวก
  ประวัติเอตทัคคะ
  ประวัติครูบาอาจารย์
 
 
^-^ มาฝึกสมาธิกันดีกว่า ^-^
 
@ อยากรู้  ประวัติศาสตร์ วงล้อมธรรมจักร ลัญลักษณ์ของพุทธศาสนา  คลิกอ่าน @
 
รวมเว็บพระพุทธศาสนา แบ่งออกเป็นหมวดหมู่ ง่ายต่อการค้นคว้าหาข้อมูล
 
คำสอนของครูบาอาจารย์ เช่นหลวงปู่ดูลย์,หลวงปู่เทสก์,หลวงพ่อชา,หลวงพ่อพุธ,หลวงพ่อจรัญ,พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) เป็นต้น
 
อัลบั้มภาพพระพุทธศาสนา
 
เรือนธรรม - บ้านพักผ่อนทางจิตใจด้วยธรรมะ
 
ขอเชิญเข้ามาร่วมสนทนาธรรมด้วยกันครับ
 
ดูซิ ! ว่ามีใครอยู่ในห้องบ้าง
 
ฝากข้อความติชมของท่านได้ที่นี่ครับ
 
 
 
 
   ธรรมจักร   หนังสือธรรมะ ทาน ปรับขนาดตัวอักษร เพิ่มขนาด ลดขนาด ขนาดปกติ  
 

ผลของทาน

        ครั้งนั้นแล ชาณุสโสณีพราหมณ์ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ได้ปราศรัยกับพระผู้มีพระภาค

        ครั้นผ่านการปราศรัย พอให้ระลึกถึงกันไปแล้วจึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง

        ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า
        “ท่านโคดมผู้เจริญ พวกข้าพเจ้าได้นามว่าเป็นพราหมณ์ ย่อมให้ทาน ย่อมทำความเชื่อว่า ทานนี้ต้องสำเร็จแก่ญาติสาโลหิตผู้ล่วงลับไปแล้ว ขอญาติสาโลหิตผู้ล่วงลับไปแล้ว จงบริโภคทานนี้

        ท่านโคดมผู้เจริญ ทานนั้นย่อมสำเร็จแก่ญาติสาโลหิตผู้ล่วงลับไปแล้วหรือ ? ญาติสาโลหิตผู้ล่วงลับไปแล้วเหล่านั้น ย่อมได้บริโภคทานนั้นหรือ ?”

        พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
        “ดูก่อนพราหมณ์ ! ทานนั้นย่อมสำเร็จในฐานะ (ได้รับ) แล ย่อมไม่สำเร็จในอฐานะ (ไม่ได้รับ)”

        ชาณุสโสณีพราหมณ์ทูลถามว่า
        “ท่านโคดมผู้เจริญ ฐานะเป็นไฉน ? และอฐานะเป็นไฉน ?”

        พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
        “ดูก่อนพราหมณ์ ! บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ มีความอยากได้ของผู้อื่น มีจิตคิดปองร้าย และมีความเห็นผิด
บุคคลนั้นเมื่อตายไปแล้วย่อมเข้าถึงนรก เขาย่อมเลี้ยงอัตภาพอยู่ในนรกนั้น ย่อมตั้งอยู่ในนรกนั้น ด้วยอาหารของสัตว์นรก

        ดูก่อนพราหมณ์ ! ฐานะอันไม่เป็นที่เข้าไปสำเร็จแห่งทานแก่สัตว์ผู้ตั้งอยู่นี้แล เป็น อฐานะ

        ดูก่อนพราหมณ์ ! บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ฆ่าสัตว์ ฯลฯ และมีความเห็นผิด
บุคคลนั้นเมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงกำเนิดสัตว์ดิรัจฉานนั้น ย่อมตั้งอยู่ในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉานนั้น ด้วยอาหารของสัตว์ผู้เกิดในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน

        ดูก่อนพราหมณ์ ! แม้ฐานะอันเป็นที่ไม่เข้าไปสำเร็จแห่งทานแก่สัตว์ผู้ตั้งอยู่นี้แล ก็
เป็นอฐานะ

        ดูก่อนพราหมณ์ ! บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ ฯลฯ และมีความเห็นชอบ
บุคคลนั้นเมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของพวกมนุษย์ เขาย่อมเลี้ยงอัตภาพในมนุษย์โลกนั้น ย่อมตั้งอยู่ในมนุษย์นั้น ด้วยอาหารของมนุษย์

        ดูก่อนพราหมณ์ ! แม้ฐานะอันเป็นที่ไม่เข้าไปสำเร็จแห่งทานแก่สัตว์ผู้ตั้งอยู่นี้แล ก็เป็นอฐานะ

        ดูก่อนพราหมณ์ ! บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ ฯลฯ และมีความเห็นชอบ
บุคคลนั้นเมื่อตายไปย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของเทวดา เขาย่อมเลี้ยงอัตภาพอยู่ในเทวโลกนั้น ย่อมตั้งอยู่ในเทวโลกนั้น ด้วยอาหารของเทวดา

        ดูก่อนพราหมณ์ ! แม้ฐานะเป็นที่ไม่เข้าไปสำเร็จแห่งทานแก่สัตว์ผู้ตั้งอยู่นี้แล ก็เป็นอฐานะ

        ดูก่อนพราหมณ์ ! บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ฆ่าสัตว์ ฯลฯ และมีความเห็นผิด
บุคคลนั้นเมื่อตายไปย่อมเข้าถึงเปรตวิสัย เขาย่อมเลี้ยงอัตภาพอยู่ในเปรตวิสัยนั้นด้วยอาหารของสัตว์ผู้เกิดในเปรตวิสัย หรือว่ามิตร อำมาตย์ หรือญาติสาโลหิตของเขา ย่อมเพิ่มให้ซึ่ง ‘ปัตติทานมัย’ จากมนุษย์โลกนี้ เขาเลี้ยงอัตภาพอยู่ในเปรตวิสัยนั้น ย่อมตั้งอยู่ในเปรตวิสัยนั้นด้วยปัตติทานมัยนั้น

        “ดูก่อนพราหมณ์ ! ฐานะอันเป็นที่เข้าไปสำเร็จแห่งทานแก่สัตว์ผู้ตั้งอยู่นี้แล เป็นฐานะ”

        ชาณุสโสณีพราหมณ์ทูลถามว่า
        “ท่านโคดมผู้เจริญ ก็ถ้าญาติสาโลหิตผู้ล่วงลับไปแล้วนั้น ไม่เข้าถึงฐานะนั้นแล้วใครเล่าจะบริโภคทานนั้น ? ”

        พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
        “ดูก่อนพราหมณ์ ! ญาติสาโลหิตผู้ล่วงลับไปแล้วแม้เหล่าอื่นของทายกนั้น ที่เข้าถึงฐานะนั้นมีอยู่ ญาติสาโลหิตเหล่านั้น ย่อมบริโภคทานนั้น”

        ชาณุสโสณีพราหมณ์ทูลถามว่า
        “ท่านโคดมผู้เจริญ ก็ถ้าญาติสาโลหิตผู้ล่วงลับไปแล้วนั้น ไม่เข้าถึงฐานะนั้น และญาติสาโลหิตผู้ล่วงลับไปแล้วแม้เหล่าอื่นของทายกนั้น ก็ไม่เข้าถึงฐานะนั้น แล้วใครเล่าจะบริโภคทานนั้น ?”

        พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
        “ดูก่อนพราหมณ์ ! ฐานะที่จะพึงว่างจากญาติสาโลหิตผู้ล่วงลับไปแล้ว โดยกาลช้านานเช่นนี้ มิใช่ฐานะ มิใช่โอกาสที่จะมีได้ อีกประการหนึ่ง แม้ทายกก็เป็นผู้ไม่ไร้ผล”

        ชาณุสโสณีพราหมณ์ทูลถามว่า
        “ท่านโคดมผู้เจริญ ย่อมตรัสกำหนดแม้ในอฐานะหรือ ?”

        พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
        ดูก่อนพราหมณ์ ! เรากล่าวกำหนดแม้ในอฐานะ

        ดูก่อนพราหมณ์ ! บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ฆ่าสัตว์ ฯลฯ และมีความเห็นผิด
บุคคลนั้นย่อมให้ข้าว น้ำ ผ้า ยาน มาลา ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พัก และเครื่องประทีปแก่สมณพราหมณ์
บุคคลนั้นเมื่อตายไปย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของช้าง เขาย่อมได้ข้าว น้ำ มาลา และเครื่องอลังการต่างๆ ในกำเนิดช้างนั้น

        ดูก่อนพราหมณ์ ! ข้อที่บุคคลเป็นผู้ฆ่าสัตว์ ฯลฯ และมีความเห็นผิด
ผู้นั้นเมื่อตายไปย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของช้างนั้นด้วยกรรมนั้น และข้อที่ผู้นั้นเป็นผู้ให้ข้าว น้ำ ยาน มาลา ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พัก และเครื่องประทีปแก่ สมณพราหมณ์
ผู้นั้นย่อมได้ข้าว น้ำ มาลา และเครื่องอลังการต่างๆ ในกำเนิดช้างนั้นด้วยกรรมนั้น

        ดูก่อนพราหมณ์ ! อนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้ฆ่าสัตว์ ฯลฯ และมีความเห็นผิด
บุคคลนั้นย่อมให้ข้าว น้ำ ผ้า ยาน มาลา ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พัก และเครื่องประทีปแก่สมณพราหมณ์
ผู้นั้นเมื่อตายไปย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของม้า... ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของโค... ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของสุนัข เขาย่อมได้ข้าว น้ำ มาลา และเครื่องอลังการต่างๆ ในกำเนิดสุนัขนั้น

        ดูก่อนพราหมณ์ ! ข้อที่บุคคลเป็นผู้ฆ่าสัตว์ ฯลฯ และมีความเห็นผิด
บุคคลนั้นเมื่อตายไปย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของสุนัขด้วยกรรมนั้น และข้อที่ผู้นั้นเป็นผู้ให้ข้าว น้ำ ผ้า ยาน มาลา ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พัก และเครื่องประทีปแก่สมณพราหมณ์
ผู้นั้นย่อมได้ข้าว น้ำ มาลา และเครื่องอลังการต่างๆ ในกำเนิดสุนัขนั้นด้วยกรรมนั้น

        ดูก่อนพราหมณ์ ! บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ ฯลฯ มีความเห็นชอบให้ข้าว น้ำ ผ้า ยาน มาลา ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พัก และเครื่องประทีปแก่สมณพราหมณ์
บุคคลนั้นเมื่อตายไปแล้วย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของมนุษย์ เขาย่อมได้เบญจกามคุณ อันเป็นของมนุษย์ในมนุษย์ในมนุษย์โลกนั้น

        ดูก่อนพราหมณ์ ! ข้อที่บุคคลเป็นผู้เว้นขาดจากการเป็นผู้ฆ่าสัตว์ ฯลฯ และมีความเห็นชอบ
ผู้นั้นเมื่อตายไปแล้วย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของมนุษย์ด้วยกรรมนั้น และข้อที่ผู้นั้นเป็นผู้ให้ข้าว น้ำ ผ้า ยาน มาลา ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พัก และเครื่องประทีปแก่สมณพราหมณ์ บุคคลนั้นย่อมได้เบญจกามคุณ อันเป็นของมนุษย์ ในมนุษย์โลกนั้น ด้วยกรรมนั้น

        ดูก่อนพราหมณ์ ! อนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ ฯลฯ และมีความเห็นชอบ บุคคลนั้นย่อมให้ข้าว น้ำ ยาน มาลา ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พัก และเครื่องประทีปแก่สมณพราหมณ์
บุคคลนั้นเมื่อตายไปแล้วย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของเทวดา เขาย่อมได้เบญจกามคุณอันเป็นทิพย์ในเทวโลกนั้น

        ดูก่อนพราหมณ์ ! ข้อที่บุคคลเป็นผู้เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ ฯลฯ และมีความเห็นชอบ
ผู้นั้นเมื่อตายไปย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของพวกเทวดาด้วยกรรมนั้น และข้อที่ผู้นั้นเป็นผู้ให้ข้าว น้ำ ผ้า ยาน มาลา ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พัก และเครื่องประทีปแก่สมณพราหมณ์ บุคคลนั้นย่อมได้เบญจกามคุณอันเป็นทิพย์ในเทวโลกนั้นด้วยกรรมนั้น

        “ดูก่อนพราหมณ์ ! แม้ทายก ก็เป็นผู้ไม่ไร้ผล”

        ชาณุสโสณีพราหมณ์ทูลถามว่า
        “ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ น่าอัศจรรย์ ไม่เคยมีแล้ว
ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ข้อที่แม้ทายกก็เป็นผู้ไม่ไร้ผลนี้ เป็นของควรเพื่อให้ทานโดยแท้ เป็นของควรเพื่อกระทำศรัทธาโดยแท้”

        พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
        “ดูก่อนพราหมณ์ ! ข้อนี้เป็นอย่างนี้ๆ

        ดูก่อนพราหมณ์ ! แม้ทายกก็เป็นผู้ไม่ไร้ผล”

        ชาณุสโสณีพราหมณ์ทูลว่า
        “ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ฯลฯ ขอพระโคดมผู้เจริญ โปรดทรงจำข้าพระองค์ว่าเป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะตลอดชีวิต ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป”

                                                                                ชาณุสโสณีสูตร ๒๔/๒๗๗

        ส่วนเสริม
          ชาณุสโสณีสูตร หรือพระสูตรที่ว่าด้วยผลแห่งการให้ทานนี้ นับว่าเป็นพระสูตรสำคัญยิ่ง ที่จะช่วยเปลื้องความข้องใจแก่ผู้ที่ยังมีความสงสัยว่า ผลแห่งทานที่ตนให้แล้วนี้จะถึงผู้ที่ตายไปแล้วหรือไม่ ? และถ้าไม่ถึงทานนั้นจะเกิดการสูญเปล่าหรือไม่ ? ผู้เขียนจึงได้ลอกคัดพระสูตรนี้มาเสนอจนครบทั้งสูตรโดยมิได้ตัดทอนหรือต่อเติมเลย แต่ก็อดเป็นห่วงชาวพุทธประเภท ‘ธรรมะห่างใจ กายห่างวัด’ มิได้ เมื่อท่านได้อ่านพระสูตรนี้แล้ว คงมีท่านที่ไม้เข้าใจสำนวนภาษาพระอยู่บ้าง จึงขอสรุปเป็นภาษาชาวบ้าน ดังนี้

          ๑. จากสาระในพระสูตรนี้ พระพุทธเจ้าทรงรับรองเองว่า ทานที่บุคคลให้แล้วย่อมไม่มีการสูญเปล่าแน่ ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น ขอให้ท่านที่บริจาควัตถุทานจงมั่นใจเถิดว่า จะไม่มีการสูญเปล่าเกิดขึ้นแน่ๆ

           ๒. การทำบุญอุทิศให้แก่ผู้ตายที่เป็นญาตินั้น ถ้าผู้นั้นตายไปแล้วไม่ไปเกิดอยู่ในภูมิของเปรตแล้ว ก็ไม่อาจจะได้รับส่วนบุญแน่ และคำว่า ‘เปรต’ ในพระสูตรนี้หมายถึงเปรตทั่วไป
มิได้เจาะจงเฉพาะพวกปรทัตตูปชีวี ก็หามิได้ (ตรงกับติโรกุฑฑกัณฑ์ ๒๕/๘)

          ๓. คนที่ตายไปแล้วนั้น ยกเว้นเปรตพวกเดียวแล้ว เขาย่อมจะได้รับอาหารในภพภูมินั้นๆ เช่น เกิดในกำเนิดสัตว์นรกก็มีอาหารของสัตว์นรกกิน เพราะผลแห่งการทำบาป
เกิดในสวรรค์ก็มีอาหารทิพย์กิน เพราะผลแห่งการทำบุญไว้ก่อน เมื่อมาเกิดในกำเนิดมนุษย์ก็มีอาหารของมนุษย์กิน เพราะผลแห่งการทำบุญไว้ในกาลก่อน
เกิดในกำเนิดดิรัจฉานก็มีอาหารของดิรัจฉานกิน เพราะผลแห่งการล่วงศีล แต่ก็ยังทำบุญอย่างอื่น มีให้ข้าว น้ำ ผ้า ยาน ประทีปแก่สมณะทั้งหลายไว้ก่อน เป็นต้น

          ๔. มีข้อน่าคิดว่า ทานที่จะสำเร็จแก่เปรตญาตินั้น ผู้ทำทานจะต้องแสดง ‘ปัตติทานมัย’ คือ ให้ส่วนบุญนั้นแก่ผู้ตาย และผู้ตายที่เป็นเปรตก็จะต้องแสดง ‘ปัตตานุโมทนามัย’ คือพร้อมที่จะรับส่วนบุญนั้นด้วย

          ๕. พระสูตรนี้ปฏิเสธผลแห่งบุญที่พวกญาติอุทิศให้แก่ผู้ไปเกิดในกำเนิดอื่นๆ เช่น เทวดา มนุษย์ ดิรัจฉาน และนรก คงได้รับแต่เฉพาะเปรตพวกเดียวเท่านั้น

๖. ผลแห่งทานนี้ เมื่อไม่มีใครรับก็ยังเป็นของเราอยู่เช่นเดิม เมื่อเราไปเกิดในกำเนิดใดๆ ก็ย่อมจะได้รับผลแห่งบุญเมื่อนั้น เช่น ไปเกิดในสวรรค์ มนุษย์ หรือแม้แต่ดิรัจฉาน ผลแห่งบุญก็ย่อมตามไปสนอง ให้เราได้มีกินมีใช้ ได้อยู่อย่างดีมีความสะดวก สบายและมีความสุข

          ๗. ผลต่างแห่งคนมีศีลทำทาน กับคนทุศีลทำทาน คือ คนมีศีลทำทานย่อมไปเกิดในสุคติคือสวรรค์และมนุษย์ ส่วนคนทุศีลทำทานย่อมไปเกิดในนรก เมื่อมาเกิดในกำเนิดดิรัจฉาน เช่น โค ม้า สุนัข เป็นต้น จึงได้รับ และย่อมจะได้กินดี อยู่ดี กว่าคนที่ไม่เคยทำทานต่างๆ ไว้ก่อน
          ข้อนี้มีตัวอย่างที่สามารถเห็นได้ในปัจจุบัน เช่น วัว ควาย ที่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี กับวัว ควายไปอยู่กับคนบางคน นอกจากจะถูกใช้งานอย่างหนัก ถูกเฆี่ยนตีอย่างทารุณแล้ว ยังปล่อยให้อดๆ อยากๆ อีกด้วย สุนัขบางตัวในปัจจุบัน มีการกินดีอยู่ดี ยิ่งเสียกว่าคนส่วนมากเสียอีก นั่นย่อมเป็นเครื่องสนับสนุนพระพุทธพจน์นี้ได้อย่างดีว่า บุพกรรมของสัตว์เหล่านั้นมีมาต่างกัน พระสูตรนี้ทำให้ผู้เขียนหายข้องใจในเรื่องนี้เป็นปลิดทิ้ง

          ๘. ข้อที่พระสูตรไม่กล่าวถึง ได้แก่ การให้ทานที่มีผลมากหรือน้อย ผู้บริจาคและผู้รับควรเป็นบุคคลประเภทใด ท่านไม่ได้กล่าวไว้แต่ก็ไปมีกล่าวไว้ในทานสูตร (๒๒/๓๔๗) แล้ว

          พระสูตรนี้จึงเป็นเครื่องยืนยันถึงผลแห่งทาน ที่บุคคลทำแล้วว่าไม่สูญเปล่า ถึงแม้ว่าเราจะอุทิศผลให้ผู้ตาย ถ้าผู้ตายไม่ไปเกิดเป็นเปรตหรือไม่มีใครรับผลทานนั้น ทานนั้นก็ย่อมจะเป็นของเราอยู่ตลอดไป ไม่มีใครจะมาแย่งชิงเอาไปได้

           ดังนั้น ผู้ที่สนใจการให้ทาน ก็ขอให้ทานต่อไปเถิด ส่วนเงื่อนไขที่เราจะได้บุญมากหรือน้อย ก็ขอให้ศึกษาจากพระสูตรถัดไปนี้

 

     

สารบัญ
คำนำ
ทาน
ติโรกุฑฑกัณฑ์
ผลของทาน
เงื่อนไขแห่งทาน
ทานที่เห็นผลในปัจจุบัน
ทักขิณาวิภังคสูตร
 
 
 
 
 
 
 
  หน้าหลัก l หนังสือธรรมะ l เสียงสวดมนต์ mp3 l เสียงธรรม mp3 l บทสวดมนต์ l สมาธิ l รูปภาพ
ดาวน์โหลด e-book l ห้องสวดมนต์ออนไลน์  l กระดานสนทนา l ห้องสนทนา chat  l สมุดเยี่ยม lรวมเว็บ
 
จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
ขึ้นบน