Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
วันเกิด (ท.เลียงพิบูลย์)
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
กฎแห่งกรรม
ผู้ตั้ง
ข้อความ
new
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 23 พ.ค. 2004
ตอบ: 532
ตอบเมื่อ: 17 ส.ค. 2004, 3:21 am
วันเกิด
โดย ท.เลียงพิบูลย์
จากหนังสือกฎแห่งกรรม
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เล่ม ๕
ครั้งหนึ่งข้าพเจ้าได้รับเชิญไปในงานมงคง ที่บ้านเพื่อนผู้คุ้นเคยกันมานาน แต่บ้านของท่านผู้นี้อยู่อำเภอชั้นนอกเกือบจะสุดเขตจังหวัดพระนคร ฉะนั้น บรรยากาศของตำบลที่อยู่ของชาวบ้านแถบนั้น จึงอยู่ในลักษณะชาวชนบทกึ่งชาวกรุง วันนั้นข้าพเจ้าจำได้ว่าไปถึงบ้านงานตอนบ่าย และได้นั่งสนทนากับผู้คุ้นเคยและเพื่อนเก่าๆ เจ้าภาพได้แนะนำให้ข้าพเจ้ารู้จักผู้ที่มาในงานนั้นอีกหลายท่าน และเจ้าภาพก็ขอตัวไปต้อนรับแขกอื่นที่มาใหม่
ข้าพเจ้ารู้สึกว่าผู้ที่รับเชิญมาในงานมีทั้งชาวกรุงและชาวชนบท จากนั้นก็มีทั้งชาวพื้นบ้านทั้งชายและหญิง ซึ่งต่างก็ช่วยกำลังแรงเต็มใจ มีทั้งการครัว อาหารคาวหวาน หยิบยกแบกหามตามสมัครใจด้วยหน้าตายิ้มแย้ม ส่วนการเลี้ยงดูนั้นเห็นได้ว่าอุดมสมบูรณ์ทั้งข้าวปลาอาหารคาวหวาน และผลไม้สด สุรากับแกล้มเจ้าภาพมีไว้ต้อนรับอย่างไม่จำกัด
ในโรงครัวรู้สึกว่ามีอาหารมากมาย เห็นแล้วยังสงสัยว่าผู้รับเชิญคงน้อยกว่าอาหารมาก หากว่าอาหารเหลือก็น่าเสียดาย แต่ข้าพเจ้ามาทราบภายหลังว่า เจ้าภาพผู้มีใจอารีจะส่งสำรับคาวหวานไปตามละแวกบ้านแถวนั้น ที่มีผู้สูงอายุไม่สามารถมาในงานได้ และผู้ที่มาช่วยในงานทางบ้านไม่มีใครหุงหาให้ท่าน คิดว่าเป็นประเพณีของชาวชนบท
เห็นจะเป็นข้าพเจ้ามีอายุมากขึ้น เมื่อสังเกตเห็นสิ่งใดที่แปลกๆ ก็อดเอานึกคิดไม่ได้เลย กลายเป็นคนช่างคิดช่างสังเกต หาเหตุผลไปโดยไม่รู้ตัว ข้าพเจ้าเห็นผู้รับเชิญชายสูงอายุส่วนมาก มักจะจับกลุ่มสนทนากันในหมู่ที่มีวัยสูงอายุหรือไล่เลี่ยกัน น้อยนักที่จะมีวัยต่างกันมากเข้าไปร่วมสนทนาด้วย
เห็นจะเป็นเพราะวัยที่ต่างกันมากย่อมจะหาเรื่องที่สนทนาเข้ากันยากก็เป็นได้ หรืออาจเป็นเพราะชาวไทยเราถือกันมาแต่เก่าแก่ว่า ผู้ใหญ่เขาจะพูดกันเด็กอย่าสอด เพราะฉะนั้นรุ่นเด็กจึงไม่อยากจะเข้าไปสนทนากับผู้ใหญ่รุ่นปู่รุ่นตา แต่ถ้าหากผู้ใดเข้าได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ทุกรุ่นได้ ท่านผู้นั้นก็จะได้รับความยกย่องนิยมชมชอบจากชาวบ้านทั่วๆ ไป
ส่วนพวกผู้หญิงนั้นมักจะเข้ากันได้สนิทสนมไม่ว่าคนแก่หรือคนสาว เห็นจะเป็นเพราะผู้หญิงมีนิสัยนิ่มนวลอ่อนหวาน หรือจะเป็นเพราะประเพณีของชาวไทยภาคกลาง เรายังถือกันมาตั้งแต่เดิมในการหวงลูกสาว ฉะนั้น ลูกผู้หญิงแม่จึงต้องควบคุมไม่ยอมให้ไปห่างหูห่างตาก็เป็นได้ จึงเห็นรุ่นคุณยายกับคุณหลานสนทนากันได้สนิทสนม เท่าที่ข้าพเจ้าได้เห็นที่เข้ากันได้ทุกรุ่นทุกวัย สนุกสนามเฮฮากันก็ในวงสุรา โดยเฉพาะงานนี้ที่ข้าพเจ้าพึ่งจะพบเห็นมา
เมื่อตอนที่ข้าพเจ้าจะเดินเข้ามาบ้านงาน ทางที่จะเดินเข้าเขตบ้านงาน ต้องเดินผ่านต้นไม้ใหญ่น้อย มีลักษณะคล้ายทางในสวนเบญจพันธุ์ ที่ใต้ต้นจันทน์ใหญ่ต้นหนึ่ง ใต้ต้นมีเสื่อปูเป็นบริเวณกว้าง บนเสื่อมีคนนั่งล้อมวง ประมาณสักสิบคน ในจำนวนนั้นมีทั้งชายหญิงสูงอายุและเด็กชายวัยรุ่น นอกจากหญิงสาวและเด็กหญิงเท่านั้นที่ไม่เห็นอยู่ในกลุ่มนั้น ตรงกลางก็มีขวดเหล้า แก้ว และอาหารกับแกล้มนานาชนิดในชามและจานตั้งอยู่เต็ม
บางคนก็ใช้ช้อนตักอาหารใส่ปาก บ้างก็ใช้ส้อมจิ้ม บางคนถนัดตะเกียบก็ใช้คีบ ระหว่างกินและดื่มก็คุยกันสนุกสนาน เห็นจะเป็นอาหารเที่ยงแต่ยกยอดมาทานเอาตอนบ่าย เมื่อข้าพเจ้าเดินผ่านมาเผอิญเชือกผูกรองเท้าหลุด จึงหยุดข้างทางจัดการก้มลงผูกให้เรียบร้อย
ข้าพเจ้าเห็นชายสูงอายุผู้หนึ่งใช้มือซ้ายปาดริมฝีปากหลังจากยกแก้วขึ้นดื่มแล้ว มือขวาจับตะเกียบคีบอาหารจากจานใส่ปาก ทั้งๆ ที่ยังมีอาหารอยู่เต็มปาก
แกก็ยังหันไปพูดกับเด็กวัยรุ่นซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ ว่า
ดื่มซิ อ้ายจุก ไม่ต้องกลัวหรอกวะ เมาก็นอน
เด็กวัยรุ่นอายุ ๑๖๑๗ ที่นั่งอยู่ข้างๆ เหลือบตาขึ้นมองชายสูงอายุ ทำหน้าย่นและพูดว่า ไม่ไหวหรอกลุงพร้อม อ้ายนี่มันบาดคอเหลือเกิน ฉันชอบเบียร์มากกว่า มันไม่บาดคอ แล้วทำท่ากลัวว่าว่าจะถูกบังคับให้อยู่ต่อ
ข้าพเจ้าได้ยินเสียงชายสูงอายุที่หนุ่มวัยรุ่นเรียกว่า
ลุงพร้อม
นั่น หัวเราะในลำคอหึๆ แล้วพูดว่า ดื่มเข้าไปเถอะวะ แรกๆ มันก็บาดคออย่างนี้ทุกคนแหละ ต่อไปมันก็เคยชินไปเอง มึงจะไปกินทำไมวะ อ้ายเบียร์น่ะ มันจืดยังกับน้ำท่า
ยังไม่ทันที่เด็กวัยรุ่นจะตอบว่าอะไร ก็ได้ยินเสียงหญิงกลางคนในวงสุรานั้นพูดขึ้นว่า พอทีเถิดพี่พร้อม อย่าให้อ้ายหนูมันกินอีกเลย มันกินเข้าไปมากแล้ว และอ้ายลูกทุ่งนี่มันแรงมากนะ มันไม่เคยกิน ประเดี๋ยวก็หัวทิ่มหัวตำตกท้องร่องตายเท่านั้นเอง แล้วก็งานการเขาก็ยังไม่เสร็จ
เสียงคนในวงสุราหัวเราะ และมีเสียงหนึ่งพูดว่า น้าแสงแกกลัวอ้ายจุกลูกชายจะเป็นลูกหมาตกน้ำลงไปแช่ในท้องร่อง งานการไม่ต้องห่วงหรอกพวกฉันจะไม่ให้เสียงาน
พอดีกับเวลาที่ข้าพเจ้าผูกเชือกรองเท้าเสร็จ ก็เดินผ่านวงสุราจะเข้าไปสู่ตัวบ้านงาน เห็นคนที่ชื่อลุงพร้อมแกยิ้มให้ ข้าพเจ้าก็ยิ้มตอบลุงพร้อมด้วยไมตรีจิต และมองดูเด็กหนุ่มคนที่ร้องว่าไม่ดื่ม แต่ผู้ใหญ่ก็พยายามคะยั้นคะยอให้ดื่ม ทำให้นึกถึงตนเองเมื่อตอนวัยรุ่น กำลังนึกเปรียบเทียบตนเองกับเด็กวัยรุ่นคนนี้อยู่ ก็ได้ยินเสียงลุงพร้อมซึ่งตั้งใจจะพูดกับข้าพเจ้าว่า
(มีต่อ 1)
new
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 23 พ.ค. 2004
ตอบ: 532
ตอบเมื่อ: 17 ส.ค. 2004, 3:28 am
คุณจะไม่ลองชิมลูกทุ่งดูหน่อยหรือครับ ลูกทุ่งบ้านนี้เขาดีจริงๆ นะ ที่อื่นสู้เขาไม่ได้หรอก
ข้าพเจ้ายิ้มแล้วตอบแกว่า ไม่ล่ะลุง ขอบใจที่อุตส่าห์ชวนให้ดื่ม แล้วข้าพเจ้าก็เดินห่างวงสุราใต้ต้นไม้ใหญ่ แต่ก็ยังได้ยินเสียงผู้หญิงมีอายุพูดขึ้นว่า
คนบางกอกเค้าไม่กินหรอกอ้ายลูกทุ่งอย่างนี้นะพี่พร้อม เขากินเหล้าฝรั่งเติมโซดา โน่นบ้านใหญ่เขาเตรียมไว้เสร็จแล้ว
แล้วข้าพเจ้าก็ไม่ทราบว่าในวงสุราเขาจะพูดอะไรต่อไปอีก เพราะได้เดินผ่านมาไกลเกินกว่าจะได้ยินคำพูดได้ เมื่อข้าพเจ้าขึ้นมาอยู่บนบ้านงานแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า คนชนบทนั้นเข้ากันง่ายยิ่งในวงสุราแล้วก็ไม่ยกเว้นว่าวัยอ่อนอย่างไร เข้ากันได้อย่างสนิทสนม
ส่วนบนบ้านก็มีวงสุราต่างประเทศพร้อมโซดาแช่เย็น ที่คอสุราก็ผสมโซดานั่งดื่มสนทนากันไป ส่วนมากผู้รับเชิญก็ไปจากพระนคร ข้าพเจ้านั้นได้ห่างจากการดื่มมานานแล้ว แม้ตัวเองจะไม่ดื่มก็ไม่รู้สึกเดือดร้อนหรือเก้อเขินอย่างไร และสนทนากับผู้ที่เมาและไม่เมาในที่นั้นได้อย่างสนิทสนม
ตอนบ่ายผู้ที่รับเชิญต่างทยอยกันมาบนชานเรือนแบบโบราณ ซึ่งมีผ้าใบดาดเป็นหลังคากันแดดชั่วคราว ธรรมดาก็กว้างขวาง บัดนี้ข้าพเจ้ารู้สึกว่าจะแคบไปเสียแล้ว แต่บริเวณข้างล่างก็ยังมีกระโจมผ้าใบอยู่หลายกระโจม พร้อมทั้งโต๊ะเก้าอี้ จัดไว้สำหรับเลี้ยงอาหารเวลาค่ำ
ผู้ที่ข้าพเจ้าสนใจมากก็คือ ชายหญิงคู่หนึ่งอายุกลางคน มาถึงหลังข้าพเจ้าไม่นานนัก ท่านคู่นี้รู้สึกว่าจะคุ้นเคยกับเจ้าภาพมาก
แต่ข้าพเจ้ายังไม่รู้จักกับท่านผู้นั้นมาก่อน สังเกตดูกิริยาท่าทางของท่านเรียบร้อย นิ่มนวลสุภาพด้วยกันทั้งคู่ แม้จะมีอายุแล้วก็ช่างดูสมกันมาก รู้สึกท่านจะเป็นผู้กว้างขวางในวงสังคม ข้าพเจ้าเห็นที่นั่งสนทนาในวงเหล้าบนบ้านร้องทักทายกันหลายท่าน บางท่านเชื้อเชิญให้ไปร่วมวงเหล้าด้วย โดยรินเหล้าต่างประเทศผสมโซดาส่งให้ เห็นท่านผู้นี้พนมมือขึ้นแสดงความขอบใจ แล้วสั่นศรีษะไม่ยอมรับแก้วเหล้า แล้วพูดว่า
ขอโทษเถิดครับ ต้องขอตัว ผมเลิกดื่มเสียแล้ว
พูดแล้วก็ยิ้มอย่างภูมิใจ ข้าพเจ้าเห็นคนในวงเหล้าซึ่งเคยรู้จักท่านผู้นี้มาก่อนต่างแสดงความประหลาดใจ ร้องออกมาว่า
อ้าว ! เลิกดื่มเมื่อไหร่ล่ะ ไม่ยักรู้ เมื่อคราวก่อนก็ยังดื่มด้วยกันที่สโมสรนี่นะ
ท่านผู้นั้นยิ้ม แล้วพูดขึ้นว่า ผมเลิกมาหลายเดือนแล้ว
ขณะเดียวกันก็มีเสียงหญิงผู้เป็นภรรยา ซึ่งอยู่ข้างๆ พูดขึ้นว่า
คุณของดิฉัน แกมีเรื่องแปลกประหลาดเล่าให้ฟังค่ะ ว่าเหตุใดแกจึงเลิกเหล้าได้
พูดแล้วก็แสดงกิริยาสนับสนุนให้สามี เล่าถึงสาเหตุที่เลิกดื่มเหล้าได้ให้เพื่อนๆ ฟัง ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นต่างก็สนับสนุนให้เล่า และข้าพเจ้าก็รู้สึกสนใจอยากจะฟังเรื่องราวของท่านผู้นี้เหมือนกัน ท่านผู้นั้นตกลงใจเล่าให้ฟังว่า
ความจริง เดิมเรื่องมันก็ไม่มีอะไรมากนักหรอกครับ ตัวผมมาคิดดูว่าเราก็อายุมากแล้ว แต่ก็ยังดื่มจัดทุกเวลาเย็น ร่างกายกำลังทรุดโทรมไปตามกัน วันโกนวันพระไม่เคยละเว้น เข้าพรรษาออกพรรษาก็ไม่เคยหยุดกินเหมือนคนอื่น ก่อนไม่เคยนึกแต่เดี๋ยวนี้คิดดูแล้วว่า
เราเอาเวลามีค่ามาเป็นเวลาเมาเสียอย่างน่าเสียดาย เวลาที่ผ่านพ้นไปแล้วเรียกคืนไม่ได้ เรามีชีวิตอย่างปกติไม่เท่าไหร่ หักเวลาที่เราเมาเหล้าเสียวันละหลายชั่วโมง เมื่อรวมเวลาที่เสียไปจะเป็นตัวเลขที่เห็นแล้วน่าใจหาย
เสียดายเวลาที่ล่วงไป จะเรียกคืนก็ไม่ได้ ใช้เวลาที่ไม่มีประโยชน์กลับมีแต่โทษ เสียทั้งสุขภาพ ทั้งทรัพย์ และความรักใคร่สนิทสนมทั้งภายในครอบครัว นอกจากนั้นเวลาเมาเหล้ายังหมดสติยั้งคิด คล้ายคนบ้า เหมือนมีชีวิต บ้าบ้าง ดีบ้าง เราไม่คิดก็ไม่เห็น
พอดีมีเพื่อนเป็นแพทย์มาเตือนว่า คนที่เมาทุกวันอย่างนี้โดยไม่มีหยุดเลย ย่อมจะเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง เป็นอันตรายได้ง่าย ฉะนั้น คนที่หยุดไม่ดื่มในเข้าพรรษาเป็นเวลาสามเดือนนั้น นอกจากทำจิตใจให้เป็นกุศลชั่วระยะหนึ่งแล้ว ยังมีผลดีในทางสุขภาพด้วย
ผมมาคิดดูว่า เวลาเข้าพรรษาผมก็ไม่ได้หยุดดื่ม คิดจะหยุดวันพระก็เป็นวันที่ไม่ค่อยแน่ และบางครั้งก็ลืมได้ง่าย เพราะวันพระหมุนเวียนเปลี่ยนไปไม่ซ้ำกันใน ๗ วัน ควรจะหาวันหยุดดื่ม สักวันหนึ่งใน ๗ วัน อายุก็มากแล้ว วันตายก็ยิ่งใกล้เข้ามาเป็นของแน่นอน คิดว่าควรทำความดีอะไรไว้บ้าง ดีกว่าไม่ทำความดีอะไรเลย เสียแรงได้เกิดมาในร่มโพธิ์ของพุทธศาสนา
คืนนั้นผมนอนคิดถึงตัวเอง คิดถึงสังขารที่กำลังจะร่วงโรยไปทุกวัน คิดถึงอนาคตของบุตรภรรยา คิดว่าเราควรจะอยู่บ้านดีกว่าให้เมาอยู่ตามข้างถนนหรือสโมสร เพราะเดิมบ้านนั้นไม่ค่อยมีความหมายสำหรับผมซึ่งเป็นคนขี้เหล้า เพียงแต่เมามาดึกๆ แล้วซุกหัวนอนเท่านั้น ตอนเช้าก็ไปทำงาน ข้าวเย็นไม่ค่อยได้กินที่บ้าน เหมือนกับเป็นคนไม่ค่อยเต็มคน ลูกเต้าไม่ค่อยพบหน้าพ่อบ่อยนัก เพราะกลับบ้านดึกลูกก็หลับ พอตื่นขึ้นมาลูกก็ไปโรงเรียนหมดแล้ว ฉะนั้น แม้อยู่บ้านเดียวกันก็ไม่ค่อยได้พบหน้ากัน
ผมเห็นเพื่อนๆ เขาใส่บาตรตรงกับวันเกิดของเขาทุกๆ เจ็ดวันมันเป็นตัวอย่างที่ดี เพราะวันพระมีผู้คอยใส่บาตรมากจนพระขนไม่ไหว วันธรรมดาพระได้ข้าวน้อยไม่พอฉัน ผมควรจะเอาอย่าง เพราะเป็นทางดี ต้องฝึกจิตเข้าไปในทางดี รู้สึกชั่วที่ผิดศีลข้อ ๕ มานานแล้ว ตั้งแต่นั้นมาทุกๆ วันเกิดผมจะไม่ดื่มเหล้าในวันนั้น หากว่าตรงกับวันหยุดผมก็ไม่ไปไหน อยู่บ้านอ่านหนังสือหาความรู้ ตรงกับวันงานผมก็ออกจากบ้านไปทำงาน เย็นกลับบ้านตรงเวลา
ครั้งแรกมันชอบกลเหมือนจะทำไปไม่รอด รู้สึกพอถึงเวลาเย็นก็อยากจะแวะดื่มเหล้าจนน้ำลายสอเปรี้ยวปาก เพราะความชินติดนิสัยมานาน ต้องทำใจให้เข้มแข็ง นึกว่ามารมันกำลังขัดขวาง การอดนั้นมันยาก การดื่มมันง่าย คิดอีกที การทำความดีทำยาก ต้องอดทนฝึก จิตใจมันคอยจะเอียงมาทางชั่ว เราต้องมีความมานะ จิตใจต้องเข้มแข็ง ถ้าเราทำใจอ่อนแอก็หลีกทางชั่วไม่พ้น พอเย็นออกจากที่ทำงานก็กลับบ้าน ไม่ได้ไถลไปถึงที่ไหนอีก แม้จะอยากดื่มใจจะขาดก็ไม่ยอมทำตามความรู้สึก
(มีต่อ 2)
new
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 23 พ.ค. 2004
ตอบ: 532
ตอบเมื่อ: 17 ส.ค. 2004, 3:32 am
ผมต้องพยายามเตือนตัวเองอยู่เสมอว่า คนเราถ้าชนะใจตัวเองไม่ได้ก็เห็นจะแพ้ตลอดชาติ เพราะใจตัวเองเอาชนะไม่ได้ จะเอาชนะสิ่งอื่นได้อย่างไร เพื่อไม่ประมาทผมจึงคิดต่อไปว่า ในวันเกิดแม้จะไม่ดื่มเหล้าและทำบุญใส่บาตรแล้วก็จริง แต่ควรหาหลักธรรมเป็นที่ยึดเหนี่ยว
คิดว่าสิ่งที่ดีที่สุดที่ควรทำคือรับศีล ๕ ในวันเกิดนี้พร้อมกันเสียด้วยเพื่อเป็นหลักธรรมทางจิตใจให้มั่นคงยิ่งขึ้น
จะนิมนต์พระสงฆ์ที่มารับบาตรเวลาเช้าๆ มาขอท่านให้ศีล เพื่อรับศีลจากท่านก็รู้สึกยังไงชอบกลอยู่ เพราะลำบากกับท่าน
คิดเล่นๆ แต่ในใจว่าหากเช้าๆ จะมีพระให้ศีล ๕ ทางวิทยุ เพื่อตรงกับวันเกิดของผู้ใดก็จะได้รับศีลแล้วไปปฏิบัติก็คงจะดี แต่เมื่อเห็นว่าไม่มีทางอื่นดี จึงคิดขอพึ่งพระพุทธรูป
คือเมื่อใส่บาตรเช้าวันเกิดเสร็จแล้ว ก็ตรงเข้าห้องพระกราบไหว้พระพุทธรูป เสร็จแล้วก็อาราธนาศีล ๕ จากท่าน และอธิษฐานว่า ข้าพเจ้าจะขอรับศีล ๕ ตลอดวันหนึ่งคืนหนึ่ง
ผมรู้สึกว่าจิตใจดีขึ้น อย่างน้อยที่สุดก็ยังภูมิใจว่า ตัวเราผิดศีล ๕ อย่างหามรุ่งหามค่ำมาก่อนนั้น บัดนี้กำลังจะเริ่มทำความดีแก่ตัวเองบ้างแล้ว และรู้สึกว่าเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น บ้านช่องลูกเมียมีความหมายมากขึ้น
ต่อมาเช้าวันหนึ่ง เป็นวันหยุดงานเทศกาล มีเพื่อนขับรถเข้ามาในบ้านแต่เช้า บนรถมีเพื่อนฝูงหลายคน บังเอิญวันนั้นเป็นวันตรงกับวันเกิดของผมในเจ็ดวัน หลังจากผมได้ใส่บาตรเช้าเสร็จแล้ว กลับมารับศีลจากพระพุทธรูปเรียบร้อย เพื่อนที่มาหาออกปากชวนไปเที่ยวและดื่มเหล้ากันที่ชายทะเลให้สนุกสักวันหนึ่ง
ผมต้องขอตัวและขอโทษเพื่อนๆ ที่อุตส่าห์ขับรถมารับถึงที่บ้าน แล้วบอกความจริงว่า วันนี้เป็นวันตรงกับวันเกิดของผม ผมถือศีล ๕ เว้นการดื่มของมึนเมา แต่เพื่อนๆ ไม่ยอมฟังคำแก้ตัวของผม บอกว่าถึงไม่ดื่มก็ต้องไปเป็นเพื่อน พยายามจะฉุดผมไปให้ได้ กลับบอกว่าผมคิดจะไปถือศีลกินเพลเรื่องอะไรกัน เกิดเป็นคนต้องหาความสำราญสนุกสนานเท่าที่จะหาได้ดีกว่า อนาคตอย่าไปคิดถึงมันสนุกไว้ก่อนเป็นเป็นกำไรของเรา
ผมบอกพวกเพื่อนๆ ว่าผมคิดว่าผมทำถูกแล้วอย่าเอาผมไปเกะกะรถเลย มันจะทำให้เพื่อนๆ หมดสนุกไปด้วยกันเพราะผมรับศีล ๕ แต่เช้าแล้ว จะคุยให้สนุกเฮฮาพูดจาตลกคนองก็ต้องระวัง เพราะกลัวจะผิดศีล ๕ ข้อมุสา ถ้าไม่ใช่วันเกิดไม่ได้รับศีลแล้ว ผมคงไม่ขัดเพื่อนเป็นแน่ ผมพยายามอธิบายขอตัวเพื่อนๆ ก็ไม่ยอมท่าเดียว ทำท่าจะฉุดผมขึ้นไปบนรถให้ได้
ภรรยาผมต้องช่วยพูดขอตัวแทนเพื่อนๆ จึงยอม แล้วเพื่อนก็พากันขึ้นรถขับออกจากบ้านผมไปพร้อมกับความรู้สึกไม่สู้จะพอใจนัก ผิดหวังที่ไม่ได้ตัวผมไปร่วมสนุกด้วย และผมก็เห็นใจและสงสารเพื่อน แต่ผมก็ต้องเอาชนะใจตัวเอง วันนั้นผมอยู่บ้านค้นหนังสือทางธรรมอ่านอยู่ตลอดทั้งวัน ทั้งภรรยาและลูกๆ ก็รู้สึกพอใจและมีความสุขที่ได้อยู่พร้อมหน้ากัน
คืนนั้นประมาณสองทุ่มเศษ ผมกำลังนอนอ่านหนังสืออยู่ในห้อง รู้สึกตัวว่าพอจะเคลิ้มๆ หนังสือยังอยู่ในมือ ก็มองเห็นเพื่อนผู้มาชวนให้ไปเที่ยวด้วยกันเมื่อตอนเช้าผู้หนึ่ง ได้เดินเข้ามาทางประตูด้วยท่าทางที่เมามาย เสื้อผ้าเต็มไปด้วยละอองฝุ่นและยับยู่ยี่ ก้มหน้าคอตกเดินโซเซเข้ามานั่งเก้าอี้ตรงหน้าเก้าอี้ยาวที่ผมนอนอยู่ ผมลุกขึ้นนั่งตกตะลึง เห็นเพื่อนไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองผม คงนั่งก้มหน้าตลอดเวลา คิดว่าแกเมาขนาดไม่มองทางแล้วมาได้อย่างไร ผมจึงแข็งใจถามออกไปว่า
ลื้อพึ่งกลับมาหรือ เป็นอย่างไรสนุกไหม ทำไมกลับคนเดียวล่ะ เพื่อนฝูงไปไหนกันหมด
แม้ผมจะถามนำขึ้น เพื่อนผู้นั้นก็ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองดูผม คงนั่งก้มหน้าคอตกคล้ายกลับไม่ได้ยินผมพูด พอนึกว่าเพื่อนคงจะเมามากจึงพูดขึ้นว่า
ลื้อเมามากอย่ากลับบ้านเลย ค้างกับอั๊วที่นี่แหละ เอาน้ำชาร้อนๆ ดื่มสักถ้วยไหมเพื่อน ประเดี๋ยวก็คงจะสร่างเมา แล้วเอาผ้าขนหนูกับน้ำอุ่นๆ มาเช็ดหน้าเช็ดตัว บางทีจะทำให้ลื้อดีขึ้น อั๊วจะให้เขาจัดการให้เดี๋ยวนี้
แต่แล้วเสียงของเพื่อนก็พูดออกมาอย่างลำบาก และก้มหน้าคอตกอยู่อย่างเดิมว่า
ไม่ต้อง--อั๊วไม่ได้--อั๊วต้อง--อั๊วต้องไป--ไป--อั๊วมาบอก--อั๊วมาบอก--ว่า--เมื่อ--เมื่อ--เช้า--ลื้อ--คิดถูก--แล้ว--ทำถูกแล้ว--อั๊วมาขอโทษลื้อ--มาขอโทษ--อั๊ว--ผิด--ความ--สนุก--คือทุกข์--ขออโหสิ-ให้อั๊วด้วย- !
ผมคิดว่าแกคงเมามาก เลยพูดไปตามเรื่องตามราวของคนเมา จึงไม่ได้เอาใจใส่ในคำพูด ถึงอย่างไรแกคงจะกลับบ้านไม่ไหวแน่ เนื่องจากพวกเราเคยเมากันมาเช่นนี้เสมอ การนอนค้างแรมบ้านเพื่อนก็ไม่ใช่ของใหม่และไม่ใช่ครั้งแรก ทางบ้านก็ชินต่อการเป็นห่วงเสียแล้ว
ฉะนั้น ผมจึงเดินไปที่ประตูห้องร้องเรียกภรรยาหาน้ำชาร้อนมาให้ถ้วยหนึ่ง แล้วให้หาผ้าขนหนูชุบน้ำร้อนเพื่อเช็ดหน้าเช็ดตัวให้แกด้วย จากนั้นก็ให้คนจัดห้องจัดที่นอนให้แกค้างคืนที่บ้าน พอสั่งเสร็จผมก็หันหน้าเข้าไปในห้องเพื่อจะสอบถามบางอย่างว่า
พวกเพื่อนๆ ทำไมจึงปล่อยให้แกมาหาผมคนเดียว ทั้งๆ ที่แกเมาถึงขนาดหนักเช่นนี้ แต่ก็มองไม่เห็นแกนั่งอยู่ที่เก้าอี้เสียแล้ว ผมใจหายเพราะห้องของผมไม่ใหญ่โตอะไรนัก แต่ไม่มีอะไรรุงรังทุกอย่างโปร่ง แม้จะมีแมวสักตัวเข้าไปในห้องก็มองเห็น ไม่มีที่ซ่อนและประตูเข้าออกก็มีประตูเดียวที่ผมยืนอยู่
ผมตกตะลึงขนลุกซ่าไปหมดทั้งตัว พอดีภรรยาผมถือถาดใส่ชาร้อนเข้ามาในห้องพอดี ผมละล่ำละลักเล่าเรื่องประหลาดให้ฟัง ภรรยาได้ยินแล้วก็ตื่นเต้นตกตะลึงถาดใส่น้ำชาเกือบตกจากมือ ผมต้องรีบรับไว้ก่อนที่จะหกตกลงพื้นห้อง แกพูดด้วยเสียงสั่นว่า
อิฉันสงสัยอยู่แล้ว อิฉันนั่งอยู่ไม่เห็นใครเดินผ่านเข้ามาในห้องคุณเลย ทำไมถึงได้มีเสียงสนทนากันในห้อง แล้วคุณก็ให้ชงชาร้อนๆ และผ้าขนหนูชุบน้ำร้อนๆ สั่งจัดที่นอนให้ นี่คงมีเหตุร้ายเกิดขึ้นกับคุณ........จิตแกคงเป็นห่วง จึงมาบอกล่วงหน้าให้ทราบ
พอดีคนใช้ถือถาดใส่ผ้าเช็ดหน้าขนหนูชุบน้ำร้อนๆ บิดพอหมาดๆ เดินเข้ามา ผมจึงบอกให้วางไว้แล้วรีบออกไปได้ เพราะไม่อยากให้ใครในบ้านรู้เรื่องประหลาดนี้เป็นอันขาด ถ้ารู้พวกเด็กๆ จะตื่นเต้นตกใจกลัว คืนวันนั้นผมและภรรยายังนอนไม่หลับ เพราะเหตุการณ์ประหลาดที่เห็นนั้นหลอนประสาทเราอยู่ตลอดคืน เราพูดถึงเรื่องวิญญาณและอะไรอีกหลายอย่างไม่สู้จะเป็นมงคลนัก นึกเป็นห่วงเพื่อนผู้นั้นมาก และหวั่นใจว่าอาจจะมีข่าวร้ายตามมาในไม่ช้าเป็นแน่
(มีต่อ 3)
new
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 23 พ.ค. 2004
ตอบ: 532
ตอบเมื่อ: 17 ส.ค. 2004, 3:36 am
จวนรุ่งสว่างเราจึงได้หลับไปเพราะความเพลีย แต่หลับไปไม่นานนักก็มีเด็กมาปลุก บอกว่ามีคนมาหา ผมต้องรีบลุกขึ้นทั้งที่เพิ่งจะนอนหลับไปได้ครู่เดียว พอออกมาก็พบภรรยาของเพื่อนคนที่เห็นภาพเมื่อคืนตอนหัวค่ำ
บัดนี้ แต่งชุดดำทั้งชุดและนัยน์ตาบวมช้ำทั้งสองข้าง แสดงว่าร้องไห้มามากแล้ว ก็เดาเหตุการณ์ได้ถูกต้องทั้งหมด ทั้งที่ผมนึกไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะได้ข่าวร้าย หลังจากได้พบภาพสามีของเธอเข้ามาในห้องเมื่อคืนนี้ แต่ก็ไม่วายใจหายและเศร้าโศกอย่างบอกไม่ถูก เพราะครอบครัวนี้กับครอบครัวผมสนิทรักใคร่กันมากทั้งเด็กและผู้ใหญ่
ภรรยาของเพื่อนมาบอกว่า เมื่อคืนนี้หลังจากสามีของเธอสนุกสนานกับเพื่อนๆ อย่างเต็มที่ แล้วก็ขับรถกลับกรุงเทพฯ เห็นจะเป็นเพราะเมามากและคงประมาท ขับรถด้วยความเร็วสูง เพราะสวนกับรถบรรทุกขับมาด้วยความเร็วสูงเหมือนกัน กินทางขวาจะชนกัน จึงขับหลบรถที่สวนมา รถแฉลบลงข้างทางตกถนนพลิกคว่ำหลายทอดด้วยความเร็วและแรง สามีของเธอนั้นเสียชีวิตลงทันทีเพราะกระดูกก้านคอหัก ส่วนผู้อื่นที่ร่วมทางไปด้วย แม้จะไม่ตายแต่ต่างก็บาดเจ็บสาหัสไปตามๆ กัน
เธอเองเมื่อทราบข่าวสามีเสียชีวิตจากคนนำข่าวร้ายมาบอกแต่เช้ามืด ก็รีบแต่งตัวไว้ทุกข์ตรงมาบ้านผม เพราะยังคิดว่าผมคงจะบาดเจ็บสาหัสด้วยผู้หนึ่งในหมู่ที่ไปด้วย เพราะทราบว่าสามีของเธอจะต้องมาชวนผม และผมก็เคยไปด้วยทุกครั้ง พอมาถึงทราบข่าวจากเด็กว่าผมยังไม่ตื่น จึงรู้ว่าผมไม่ได้ไปด้วยและไม่เป็นอะไร พอภรรยาผมตื่นขึ้น เมื่อเห็นภรรยาของเพื่อนและทราบข่าวอันน่าสลดใจก็พลอยร้องไห้สงสารไปด้วยเช่นกัน ปรับทุกข์และแสดงความเห็นอกเห็นใจ
ผมเองก็เศร้าใจอย่างบอกไม่ถูก เพราะเมื่อวานนี้แท้ๆ ผ่านไปยังไม่ถึง ๒๔ ชั่วโมง เพื่อนรักยังเดินเข้ามาในบ้าน ชักชวนให้ไปเที่ยวด้วยกัน กิริยาท่าทางสนุกสนานร่าเริงและเป็นคนแข็งแรง ไม่มีวี่แววว่าจะอายุสั้นจบชีวิตง่ายๆ เช่นนี้ คิดแล้วก็ใจหาย
ในชาตินี้เราก็หมดโอกาสได้พบกันอีกแล้ว เวลาของความตายเป็นของไม่แน่นอน อย่าไปทะนงนึกว่าตัวเรานี้ยังแข็งแรงไม่ตายง่าย ความประมาทนั้นเป็นทางนำไปสู่ความตาย ความประมาทเพียงคนเดียวก็อาจนำคนอีกหลายคนไปสู่ความตายได้ง่าย จากนั้นผมกับภรรยาต้องไปช่วยจัดการวิ่งเต้นในเรื่องงานศพของเพื่อนผู้นี้ตลอดวัน และไม่ลืมไปเยี่ยมเพื่อนๆ ที่ยังนอนอยู่โรงพยาบาล ก็ได้ทราบว่าคืนนั้น ต่างเมากันแทบไม่มีสติ แต่ยังขืนขับรถจนได้รับอันตราย
นับตั้งแต่วันนั้นภรรยาของผมก็ขอร้องให้ผมเลิกดื่มเหล้าเด็ดขาดตลอดไป แทนที่จะหยุดดื่มเฉพาะตรงวันเกิดหนึ่งวันในเจ็ดวัน และก็เป็นความตั้งใจของผมอยู่แล้วที่จะเลิก เพราะเริ่มแต่เพื่อนได้เสียชีวิตแล้ว ก็เห็นโทษของเหล้าได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ต่อมาก็กลายเป็นเลิกดื่มตลอดไปตั้งแต่นั้นมา
ท่านผู้นั้นเล่าเหตุการณ์อย่างยืดยาว จบลงในท่ามกลางของผู้สนใจซึ่งมีข้าพเจ้าผู้หนึ่ง และมีการสอบถามบางอย่างที่ยังสงสัย แต่ก็ได้รับคำบอกเล่าด้วยความเต็มใจ และเป็นที่พอใจของผู้ที่สนใจอย่างยิ่ง ข้าพเจ้าอดขอบคุณท่านทั้งสองเสียมิได้ ที่ทำให้ได้รับความรู้อันเป็นสารประโยชน์ วันนั้นข้าพเจ้าแจ้งกับท่านเจ้าภาพว่ามีธุระอื่นในเมืองจึงจำเป็นต้องขอตัวกลับก่อน นับตั้งแต่วันนั้นมาข้าพเจ้าก็อดคิดถึงเหตุการณ์ที่ได้ยินได้ฟังมาในงานวันนั้นไม่เคยลืมเลย
หลังจากงานมงคลผ่านพ้นมาสี่ห้าวัน ข้าพเจ้าก็พบเพื่อนคนหนึ่งซึ่งเป็นญาติกับเจ้าภาพงานวันนั้น และอยู่ในตำบลเดียวกัน เป็นหนึ่งที่อยู่ในงานวันนั้นด้วย เล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า
หลังจากที่ข้าพเจ้ากลับแล้วก็มีเหตุเกิดขึ้นในวงเหล้าใต้ต้นลูกจันทน์ใหญ่ในสวน เป็นที่น่าเสียใจยิ่งนัก เพราะคู่วิวาทนั้นเมามากด้วยกันทั้งคู่ ฝ่ายหนึ่งก็เป็นเด็กวัยรุ่น อีกฝ่ายหนึ่งเป็นชายสูงอายุ พูดกันไปพูดกันมาก็เถียงกันขึ้น เพราะความเมาทำให้ฟังไม่ถูกหู
เมื่อเหตุการณ์รุนแรงเกิดลุกขึ้นชกต่อย ที่สุดเด็กหนุ่มก็ชักมีดแทงชายสูงอายุจนบาดเจ็บสาหัสก่อน ผู้อื่นจะห้ามทัน เป็นเหตุการณ์ที่น่าสลดใจอย่างยิ่ง ที่สุราของมึนเมาทำให้จิตใจของเด็กเปลี่ยนแปลงไปหมดความเคารพนับถือผู้ใหญ่ ส่วนผู้ใหญ่เพราะความเมาขาดสติก็ลดตัวลงมาเป็นคู่วิวาทกับเด็กหนุ่มคราวลูกหลาน น้ำเมาย้อมจิตใจคนสู่ความต่ำช้า คล้ายสัตว์ป่าในร่างมนุษย์
ข้าพเจ้าทราบข่าวนี้ด้วยความสลดใจ อดนึกไม่ได้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้ ได้ทำลายอนาคตของตัวเองอย่างย่อยยับ เพราะอำนาจของสุราที่ดื่มเข้าไปจนหมดความรู้สึกผิดชอบ ไม่ทราบว่าเวลานั้นตนได้ทำอะไรลงไปบ้าง พอได้สติรู้สึกตัวก็สายไปเสียแล้ว
กฎหมายมิได้ยกเว้นผู้ทำผิดในเวลามึนเมา ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยกันตลอดมาที่ข้าพเจ้าสลดใจมากก็คือ แทนที่ผู้ใหญ่จะห้ามปรามเด็กวัยรุ่นและชี้แจงให้เห็นโทษของสิ่งมึนเมา กลับสนับสนุนแกมบังคับให้เด็กไปร่วมดื่มกับตนด้วย ดังที่ข้าพเจ้าเห็นกับตามาแล้ว ข้าพเจ้าเลยฉุกคิดขึ้นมาได้ถามเพื่อนว่า
คนถูกแทงชื่อตาพร้อมหรือเปล่า และเด็กที่แทงชื่อจุกใช่ไหม ?
ที่ข้าพเจ้าถามนี้เพราะในวงเหล้านั้น ข้าพเจ้าทราบชื่อเพียงสองคน และทราบโดยบังเอิญไปได้ยิน และไม่เคยรู้จักคนทั้งสองนี้มาก่อนเลย เพื่อนผู้นั้นหัวเราะและถามว่า ข้าพเจ้ารู้จักตาพร้อมกับเจ้าจุกได้อย่างไร เมื่อโกนจุกแล้วก็เรียกกันมาจนโต ชื่อจริงของเขาชื่อ นิพนธ์
ตาพร้อมกับเจ้าจุกนั้นเป็นลุงหลานกัน วันนั้นไม่ใช่สองลุงหลานนี้หรอก เพราะสองคนนี้เมาฟุบคาวงเหล้าไม่ยอมลุกขึ้น มิใยที่ใครจะตีกันชกกันข้ามหัวไปมาแกก็ไม่รู้สึก
พูดแล้วเพื่อนผู้นั้นก็หัวเราะแล้วพูดว่า
อ้ายคู่วิวาทมันก็เป็นญาติกัน คืออ้ายหนุ่มเป็นหลานเมีย คนแก่เป็นอาเขย เขาพูดแล้วก็หัวเราะ คล้ายกับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นของธรรมดา เกิดขึ้นจนชินเลยไม่รู้สึกตื่นเต้นและอดคิดไม่ได้ว่า คนเราจิตใจไม่เหมือนกัน บางคนยืนดูเขาฆ่าวัวฆ่าหมูโดยไม่รู้สึกอะไร แต่บางคนเพียงเห็นเขาเชือดคอไก่เท่านั้นก็จะเป็นลมเสียแล้ว
ทำอย่างไรหนอจึงจะทำให้ท่านเหล่านี้ชนะใจตนเองในทางที่ดี อย่างท่านผู้เล่าเรื่องในวันเกิดของท่าน เมื่อนั้นแหละทุกคนจะมีความสุขและความเข้าใจอันดีต่อกัน และชีวิตก็คงไม่ต้องหวาดระแวงต่อไป ชีวิตก็จะมีความหมายน่าอยู่และอบอุ่นมาก โลกก็จะอยู่ด้วยความสงบสันติสุข
.................. เอวัง ..................
นิรทุกข์
บัวพ้นดิน
เข้าร่วม: 30 พ.ย. 2004
ตอบ: 54
ตอบเมื่อ: 30 พ.ย.2004, 3:49 pm
วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดผมเหมือนกัน เหล้าเบียร์ไม่ค่อยได้ดื่มเลยระยะหลัง ไม่ใช่เพราะมีเรื่องแบบที่อ่านแต่ไม่รู้สึกว่าอยากเท่านั้นเอง สรุปว่าตัณหาจะหนุนทุกเรื่องที่มีกรรมมาส่ง
สาวิกาน้อย
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 27 มี.ค. 2006
ตอบ: 2065
ตอบเมื่อ: 23 ก.ค.2006, 1:24 am
๑๒ สิงหาคม วันแม่แห่งชาติ วันนี้...คุณทำดีเพื่อแม่หรือยัง ?
เรามาทำทุกๆ วันในชีวิตของผู้เป็นลูก ให้เป็น วันแม่ กันค่ะ
ในวโรกาสนี้ขอน้อมนำบทธรรมดีๆ เกี่ยวกับ แม่ และ วันแม่
มาฝาก กัลยาณมิตรธรรมชาวลานธรรมจักร ทุกๆ ท่านค่ะ
...พระอรหันต์อยู่ในบ้าน...(อมตะธรรม สมเด็จโต)
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=3813
มารดาบิดาเป็นพระอรหันต์ของบุตร (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=42946
นั่นของโยมแม่ เอาไว้ที่เดิม (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=22&t=50684
มาตาปิตุอุปัฏฐานัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง
การบำรุงมารดาบิดา เป็นอุดมมงคล (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=54348
พระคุณแม่ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=13507
วิธีใช้หนี้พ่อแม่ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=28849
หัวใจ พรหม หัวใจของคนเป็น พ่อแม่
โดย พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) วัดญาณเวศกวัน
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=5781
แม่-ปรมัตถวิจารณ์เกี่ยวกับพระคุณแม่ (พุทธทาสภิกขุ)
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=17006
พ่อแม่เป็นมิตรแท้ของลูก
โดย พระธรรมเมธาภรณ์ (ระแบบ ฐิตญาโณ)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=41285
คือหัตถาครองพิภพจบสากล : การเลี้ยงลูก (ชยสาโรภิกขุ)
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=13479
พ่อแม่ ผู้แสดงโลก (ชยสาโรภิกขุ)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=6&t=30224
กล่าวถึงพระคุณแม่ (พระอาจารย์สุโข กตปุญโญ)
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=4464
ผลบุญช่วยให้แม่พ้นจากนรกมืด (หลวงปู่จันทา ถาวโร)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=4&t=50687
คำแม่สอน (สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ)
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=13399
แม่ (สมเด็จพระเทพรัตราชสุดาฯ)
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=6810
คำขวัญพระราชทานวันแม่แห่งชาติ ปี ๒๕๕๖
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=25&t=46105
คำขวัญพระราชทานวันแม่แห่งชาติ ปี ๒๕๕๕
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=25&t=42891
๑๒ สิงหาคม วันแม่แห่งชาติ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=46101
๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๖ สมเด็จพระสังฆราช ถวายพระพร
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=25&t=46103
๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๕ สมเด็จพระสังฆราช ถวายพระพร
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=25&t=42916
๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๓ สมเด็จพระสังฆราช ถวายพระพร
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=22&t=43494
พ ร ะ คุ ณ ข อ ง แ ม่ (พลตำรวจตรีสุชาติ เผือกสกนธ์)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=33785
วันเกิด (ท.เลียงพิบูลย์)
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=448
นึกถึงแม่ในวันเกิด (ท.เลียงพิบูลย์)
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=292
พระคุณของแม่ (ท.เลียงพิบูลย์)
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=363
หัวอกพ่อแม่ (ท.เลียงพิบูลย์)
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=300
เลือดแม่เพื่อลูก [หนังสือพระในบ้าน]
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=2513
ตำนาน...วันแม่ ที่ลูกควรรู้
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=2491
ทดแทนพระคุณแม่
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=8&t=46703
คืนความประทับใจให้แม่...กับกิจกรรม รอยจูบลูกบนฝ่าเท้าแม่
ในวันอาทิตย์ที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๕ ณ แจ้งวัฒนะ ฮอลล์
ชั้น ๕.๕ อาคารบี ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=42895
มาตั้งสัตยาธิษฐานร่วมกันรักษาศีล ๕, ๘ ตลอดพรรษานี้
เพื่อแม่แห่งชาติ และแม่ของเราทุกคนกันนะคะ สาธุๆๆ ค่ะ
แมวขาวมณี
บัวบาน
เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2006
ตอบ: 307
ตอบเมื่อ: 07 ส.ค. 2006, 10:45 pm
สุ ร า เ ม ระ ยะ มั ช ชะ ปะ มา
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
กฎแห่งกรรม
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th