วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 00:57  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=25



กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ย. 2009, 17:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ส.ค. 2009, 15:54
โพสต์: 640

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


"ยิ้มสู้" กำลังใจบทเพลงของในหลวง

โดย คุณต่อพงษ์
จาก ผู้จัดการ Online | หน้าแรกบันเทิง 15 มิถุนายน 2549 16:45 น.


คนไทยค่อนประเทศ...คงรู้สึกเหมือนกับผมนั่นคือ ใจหาย!!
ฉับพลันที่กล้องของทีวีพูลถ่ายทอดภาพขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสะดุด
จนเกือบจะทรงพระวรกายไว้ไม่อยู่ในช่วงที่จะมีการเสด็จกลับจากหอประชุมกองทัพเรือ

ใจหาย..ตกใจ..โกรธ...และอีกมากมายที่บรรยายออกมาเป็นตัวหนังสือตรงนี้ไม่ได้ว่า
ชนิดที่ต้องบอกว่า ขณะเขียนต้นฉบับตรงนี้อยู่ มือผมสั่นด้วยความโกรธอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมานานแล้ว

เกิดอะไรขึ้นในการจัดงานที่ควรจะเป็นงานที่งามสง่าอย่างยิ่ง
และเป็นชั่วโมงแห่งความปลื้มปิติของคนไทยทั้งชาติ?

อารมณ์นั้นทำให้ผมรู้สึกเลยว่า ในฐานะคนไทยคนหนึ่งที่อยู่ใต้ร่มโพธิ์ทองของพระองค์ท่าน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้ทรงมีความสำคัญยิ่งต่อชีวิต
และความเป็นอยู่ของประชาชนไทยอย่างแท้จริง

ความเป็นศูนย์รวมจิตใจของพสกนิกรนั้นสามารถบันดาลให้เกิดความสุข
และสามารถที่จะเกิดความทุกข์ชนิดที่ต้องเรียกว่าใจสลายทีเดียว...
จะว่าเป็นทุกข์แห่งความรักและความจงรักภักดีต่อพระองค์ท่านก็ว่าได้

เพราะกลัวความทุกข์ดังกล่าว ผมอยากตะโกนออกมาดังๆว่า
ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญหมื่นๆปี ทรงมีพระกำลังและพลานามัยสมบูรณ์เพื่อเอาชนะอริราชศัตรู
เพื่อความสุขของประชาชนไทยตลอดไปพระเจ้าข้า!!
..........
ประเด็นที่อยู่ในย่อหน้าข้างบนทั้งหมดที่อยากจะพูดก็คือพระองค์ทรงเป็นแรงใจ
ให้สังคมนี้ขับเคลื่อนได้อย่างเหลือเชื่อ เป็นแรงบันดาลใจที่
สามารถสร้างความสุขให้กับประชาชนได้ทุกเวลา
ไม่ว่าจะอยู่ในยุคข้าวยากหมากแพงขนาดไหนก็ตาม
ยามที่เมื่อถึงเวลาครบรอบความปิติแห่งฟ้าพระองค์นี้
คนไทยก็จะลืมความทุกข์ทั้งมวลได้อย่างสนิทใจ

ดัชนีชี้วัดความสุขที่หลายโพลล์เขาทำกันในช่วงที่ผ่านมานั้นยืนยันความจริงตรงนี้ได้ดี

อาจจะเพราะพระองค์ทรงพระราชทานกำลังใจและกำลังกายให้เราหลากรูปแบบ
และหนึ่งในรูปแบบที่ท่านพระราชทานบ่อยนั่นคือ รูปแบบของงานดนตรี

เรามีบทเพลงพระราชนิพนธ์ที่ให้กำลังชนิดสุดยอดอย่าง “เราสู้” “ความฝันอันสูงสุด”
“เกิดเป็นไทยตายเพื่อไทย” “แผ่นดินของเรา” หรือแม้กระทั่ง “สายฝน”
ที่ผมเขียนไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพลงเหล่านี้คนไทยจำนวนมากคงจะฮัมกันได้
หรือร้องได้อย่างเต็มเสียงมากอยู่

แต่มีอีกเพลงหนึ่งที่อยากจะให้ไปลองหากันมาฟัง...หรือไม่ก็ฮัมไป
พร้อมๆ กับที่ผมเอามาให้ท่านผู้อ่านและท่านผู้ฟังๆ ไปนี่แหล่ะครับ

บทเพลงพระราชนิพนธ์นี้มีชื่อว่า “ยิ้มสู้” เป็นเพลงที่ต้องบอกว่า...น่ารัก
ให้กำลังชนิดที่ใครฟังแล้วก็ต้องยิ้ม เพราะไพเราะจับใจเหลือเกิน
ท่อนแรกของเพลงนั้นขึ้นมาชนิดมี ‘นะจังงัง’ ให้คนฟังต้องเกิดติดหูหนับอยู่ว่า

“โลกจะสุขสบายนั้นเป็นได้หลายทาง
ต้องหลบสิ่งกีดขวางหนทางให้พ้นไป
จะสบความสุขสันต์สำคัญที่ใจ
สุขและทุกข์อย่างไรเพราะใจตนเอง”

เป็นเพลงที่เริ่มต้นก็ให้กำลังใจอย่างดี ปลอบใจอย่างดี และทำให้เราลุกขึ้นสู้ได้อย่างดี...
หลายคนอาจจะนึกนะครับว่า...โอ พระเจ้าอยู่หัวของเราทำไมท่านถึงทรงพระปรีชาสามารถขนาดนี้
ผมเองก็สงสัยอยู่จนกระทั่งต้องเข้าห้องสมุดไปค้นหาพระราชดำรัส
และพระบรมราโชวาทของพระองค์ท่านที่เกี่ยวข้องกับดนตรี
ก็ไปพบเข้าอันหนึ่งที่ผมอยากจะเอามาให้ท่านผู้อ่านได้รับทราบกัน

ให้รับทราบว่าแก่นแท้ในการพระราชนิพนธ์เพลงและทรงประราชทานให้กับคนไทยนั้น
มีเบื้องหลังอย่างไรบ้าง!!

พระบรมราโชวาทที่คัดมานี้ ในหลวงท่านพระราชทานแก่ชาวคณะสุนทราภรณ์
เนื่องในวาระครบรอบ 30 ปี สุนทราภรณ์ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2512 ความตอนหนึ่งว่า


"...เดี๋ยวนี้สังเกตเห็นว่า เพลงมีทางดีและทางเสียได้สองอย่าง

ถ้าอย่างที่ดีก็ทำให้ไม่เสื่อมเสียด้านศีลธรรม และส่วนดีนั้นก็ชักจูงให้คน
ประกอบอาชีพในทางถูกต้องเหมาะสม ไม่ทำลายบ้านเมือง
ในส่วนเสียนั้นข้อหนึ่ง ก็คือทำให้เสื่อมเสียในศีลธรรม
ข้อสองก็คือเสื่อมในความรักชาติรักประเทศ

ทั้งสองอย่าง ถ้าตั้งใจทำก็ทำได้ จะทำให้ประชาชนไม่ทำลายศีลธรรม
หรือทำให้มีเพลงที่ช่วยให้รักชาติไม่ทำลายชาติ แต่ว่ามีเหมือนกันที่เพลงทำลายบ้านเมือง
และทำลายความเป็นปึกแผ่นของบ้านเมือง เราจึงต้องพยายาม

ความพยายามนั้นก็มีได้ 3 อย่างคือ
1.ตั้งใจดีต่อบ้านเมือง ต่อศิลปะ
2.เป็นส่วนที่ตั้งใจร้ายต่อบ้านเมือง
3.ไม่ดีไม่ร้าย ทำเพียงแต่จะหากิน

พวกเราอย่าอยู่อย่างพวก 2 กับ 3 การทำมาหากินนั้นเราก็ทำ
แต่อย่าทำลายศีลธรรม และอย่าทำลายชาติหรือศิลปะ..."


ซาบซึ้งไหมครับกับหลักการของพระองค์ท่าน...
ด้วยเหตุที่ทรงเขียนเพลงแต่ละเพลงมีหลักอยู่คือตั้งใจดีต่อบ้านเมืองและต่อศิลปะ
เพราะฉะนั้นงานแต่ละชิ้นจงเป็นงานที่ทรงคุณค่าและเป็นที่ซาบซึ้งต่อคนไทยสูงสุด

เพลงพระราชนิพนธ์ ยิ้มสู้ หรือ Smiles เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 16
พระองค์ทรงพระราชนิพนธ์ใน พ.ศ.2495 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ นิพนธ์คำร้องภาษาไทย
เพื่อเป็นการปลอบขวัญ และให้กำลังใจแก่โรงเรียนสอนคนตาบอด
จากนั้นพระราชทานให้นำไปบรรเลง ในงานสมาคมช่วยคนตาบอด
ในพระบรมราชูปถัมภ์ ณ เวทีลีลาศสวนอัมพร เมื่อวันเสาร์ที่ 1 มีนาคม 2495

คำร้องภาษาอังกฤษ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ ทรงนิพนธ์ในปีต่อมา
ท่านจักรซึ่งเป็นมือแต่งเนื้อที่ใกล้ชิดพระองค์ท่านนั้นก็นำบทกลอนชื่อ Smiles
ในหนังสือ Bed Time Stories มาแปลและเรียบเรียงเป็นเนื้อไทยอีกครั้ง

เนื้อเพลงนั้นนับว่าโดดเด่นแล้วและภาคดนตรีซีครับที่โดดเด่นและน่ารักกว่า
สังเกตได้ว่าตอนนั้นพระองค์ท่านเขียนเพลงนั้นอุดมไปด้วยกลิ่นอายของเพลงป็อปในช่วงเวลานั้น
คือ สวิง และดิกซีแลนด์เป็นหลัก พูดง่ายๆ สัมผัสแห่งเพลงป็อปของพระองค์ท่านสูงมาก
หลายเพลงเป็นเพลงฮิตกันคับประเทศทีเดียว
ไม่ว่าจะเป็นเพลงพระปีใหม่ พรปีใหม่ (New Year Greeting) ยิ้มสู้ (Smiles)
ยามค่ำ (Twilight-พระราชนิพนธ์ปี2496 ) ศุกร์สัญลักษณ์ (Friday Night Rag พระราชนิพนธ์ปี 2497)
และ ลมหนาว (Love in Spring-2497)

เพลงนี้ขับร้องเป็นครั้งแรกโดยคุณป้า ชวลี ช่วงวิทย์
แต่ภายหลังนักร้องเสียงขยี้ฟองเบียร์อย่างคุณสุเทพ วงศ์กำแหง ท่านก็นำมาขับร้องด้วย

เพลงนี้ฟังแล้วจะติดใจและอยากจะฟังอีกหลายรอบ...
ผมเองนั้นเมื่อฟังเพลงนี้แล้ว ความทุกข์เมื่อข้างต้น ความโกรธต่อผู้จัดงานข้างต้นก็ค่อยๆ สลายลงไป
ถือเป็นความอัศจรรย์อีกครั้งหนึ่งที่เกิดขึ้นจากฟังเพลงพระราชนิพนธ์ของพระองค์ท่าน

.....................................................
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าธรรมชาติของจิตนั้นไหลลงต่ำ
จะขึ้นสูงต้องออกแรงทวนกระแส
เพราะฉะนั้นให้ถามตัวเองว่าเราคิดดีได้เป็นปกติหรือยัง
ถ้ายัง ก็ยอมรับตรงๆ ว่ายัง..
อย่าหลอกตัวเองว่าดีแล้ว
เพราะผลเสียหายไม่ใช่ใครอื่น นอกจากตัวเราเองที่ยังหลงวน
ไม่รู้ตัวว่าขาดเสบียงเพื่อความพร้อมตาย...


แก้ไขล่าสุดโดย ณ มรณา เมื่อ 18 พ.ย. 2009, 09:08, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ย. 2009, 17:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ส.ค. 2009, 15:54
โพสต์: 640

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เพลงพระราชนิพนธ์ยิ้มสู้


ทำนอง : พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
คำร้อง: พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ

คลิคฟัง http://www.kanchanapisek.or.th/royal-music/yimsoo.html

โลกจะสุขสบายนั้นเป็นได้หลายทาง
ต้องหลบสิ่งกีดขวางหนทางให้พ้นไป
จะสบความสุขสันต์สำคัญที่ใจ
สุขและทุกข์อย่างไรเพราะใจตนเอง

ฝ่าลู่ทางชีวิตต้องคิดเฝ้าย้อมใจ
โลกมืดมนเพียงใดหัวใจอย่าคร้ามเกรง
ตั้งหน้าชื่นเอาไว้ย้อมใจด้วยเพลง
ไยนึกกลัวหวาดเกรงยิ้มสู้

คนเป็นคนจะจนหรือมี
ร้ายหรือดีคงมีหวังอยู่
ยามปวงมารมาพาลลบหลู่
ยิ้มละมัยใจสู้หมู่มวลเภทภัย

ใฝ่กระทำความดีให้มีจิตโสภา
สร้างแต่ความเมตตาหาความสุขสันต์ไป
จะสบความสุขสันต์สำคัญที่ใจ
เฝ้าแต่ยิ้มสู้ไปแล้วใจชื่นบาน



.....................................................
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าธรรมชาติของจิตนั้นไหลลงต่ำ
จะขึ้นสูงต้องออกแรงทวนกระแส
เพราะฉะนั้นให้ถามตัวเองว่าเราคิดดีได้เป็นปกติหรือยัง
ถ้ายัง ก็ยอมรับตรงๆ ว่ายัง..
อย่าหลอกตัวเองว่าดีแล้ว
เพราะผลเสียหายไม่ใช่ใครอื่น นอกจากตัวเราเองที่ยังหลงวน
ไม่รู้ตัวว่าขาดเสบียงเพื่อความพร้อมตาย...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ย. 2009, 17:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ส.ค. 2009, 15:54
โพสต์: 640

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

สายฝนแห่งมหากรุณาธิคุณ

"เพลงพระราชนิพนธ์สายฝนนี้ทรงประพันธ์ขึ้นเมื่อครั้งเป็นสมเด็จพระอนุชาธิราช
ในปี พ.ศ. 2489 เพื่อนำมาแสดงในเวทีลีลาศที่สวนอัมพร
แน่นอนนี่คืองานทดลองที่ประสบความสำเร็จอีกครั้งของพระองค์ท่าน
เพราะก่อนหน้านั้นพระองค์แต่งเพลงในจังหวะบลูส์ นั่นคือ เพลงแสงเทียน
ต่อมาก็คือจังหวะฟ็อกซ์ทร็อตในเพลงยามเย็น พอมาถึงเพลงสายฝนพระองค์เล่นกับจังหวะวอลซ์เลยครับ...

เพลงสายฝนนั้นบรรเลงครั้งแรกในงานรื่นเริงของ สมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทย
ณ เวทีลีลาศสวนอัมพร เมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2489
โดยวงดนตรี สุนทราภรณ์ ผู้ขับร้องท่านแรกคือป้าโจ๊ว เพ็ญศรี พุ่มชูศรี
ตามมาด้วย รุ่งฤดี แพ่งผ่องใส่ , นภา หวังในธรรม, สวลี ผกาพันธ์
และกลายเป็นเพลงวอลซ์ที่ฮิตติดอันดับในเวทีลีลาศของไทยในยุคนั้นทีเดียว.."


ขอจงทรงพระเจริญพระเจ้าข้า...มหาราชและมหาบุรุษแห่งชาวไทย
...........
เพลงพระราชนิพนธ์สายฝน

คลิคฟัง http://kanchanapisek.or.th/royal-music/saifon.html

เมื่อลมฝนบนฟ้ามาลิ่ว ต้นไม้พลิ้วลู่กิ่งใบ
เหมือนจะเอนรากคลอนถอนไป แต่เหล่าไม้ยิ่งกลับงาม

พระพรหมท่านบันดาลให้ฝนหลั่ง เพื่อประทังชีวิตมิทราม
น้ำทิพย์สาดเป็นสายพรายพลิ้วทิวงาม ทั่วเขตคามชุ่มธารา

สาดเป็นสายพรายพลิ้วทิวทุ่ง แดดทอรุ้งอร่ามตา
รุ้งเลื่อมลายพร่างพรายนภา ยามเมื่อฝนมาแต่ไกล

พระพรหมช่วยอำนวยให้ชื่นฉ่ำ เพื่อจะนำดับความร้อนใจ
น้ำฝนหลั่งลงมาจากฟ้าแดนไกล พืชพรรณไม้ชื่นยืนยง
..........
FALLING RAIN
Music : H.M.K. Bhumibol Adulyadej
Lyric : Prof. Thanpuying Nopakhun Thongyai Na Ayudhya

Rain winds sweep across the plain.
Thunder rumbles on high.
Lightening flashes; Bows the grain.
Birds in fright nestward fly.
But the rain pours down in blessing;
Filled with cheer our hearts expand.
As the woods with notes of pleasure ring,
Sunlight streams o'er the land.
Bright the rainbow comes in view.
All the world's coo l and clean.
Angels's tears the flowers renew.
Nature glistens in green.
Rain beads sparkle in your hair, love.
Rainbows glitter when you smile.
Thus we soon forget the clouds above,
Beauty so does beguile.



.....................................................
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าธรรมชาติของจิตนั้นไหลลงต่ำ
จะขึ้นสูงต้องออกแรงทวนกระแส
เพราะฉะนั้นให้ถามตัวเองว่าเราคิดดีได้เป็นปกติหรือยัง
ถ้ายัง ก็ยอมรับตรงๆ ว่ายัง..
อย่าหลอกตัวเองว่าดีแล้ว
เพราะผลเสียหายไม่ใช่ใครอื่น นอกจากตัวเราเองที่ยังหลงวน
ไม่รู้ตัวว่าขาดเสบียงเพื่อความพร้อมตาย...


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร