ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
webmaster
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 04 มิ.ย. 2004
ตอบ: 769
|
ตอบเมื่อ:
23 เม.ย.2007, 7:47 pm |
  |
|
   |
 |
webmaster
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 04 มิ.ย. 2004
ตอบ: 769
|
ตอบเมื่อ:
23 เม.ย.2007, 7:52 pm |
  |
|
   |
 |
ชัยพร พอกพูล
บัวพ้นดิน

เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2006
ตอบ: 73
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพฯ
|
ตอบเมื่อ:
24 เม.ย.2007, 2:55 pm |
  |
โดยส่วนตัวก็หวังจะให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติเหมือนกันครับ แต่อย่างที่น่าจะทราบอยู่แล้วว่าตอนนี้ในบอร์ดเริ่มมีเข้ามาหลายความเห็น ที่บอกว่าการกำหนดเช่นนั้น เป็นการ ยึดติด ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นความคิดเห็นของชาวพุทธจริงหรือเปล่า เพราะหลายคนเป็นแค่คนผ่านไปมาเท่านั้น ก็เป็นธรรมดาครับที่ต้องมีที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่ที่ผมเห็นด้วยก็เพราะผมเห็นว่าเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยกันสืบพระศาสนาทางหนึ่งครับ ถึงแม้ว่าคนไทยในตอนนี้ส่วนหนึ่งนับถืบพุทธเพียงในทะเบียนบ้านเท่านั้นก็ตาม |
|
_________________ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม |
|
   |
 |
เศษพุทธทาส
บัวใต้น้ำ

เข้าร่วม: 08 เม.ย. 2007
ตอบ: 121
|
ตอบเมื่อ:
24 เม.ย.2007, 3:35 pm |
  |
ถึงเวลาแล้วสินะ
ที่เราเหล่าลูกพระพุทธเจ้าและเหล่าทหารธรรมปัญญาของท่านจะออกมาช่วยกันสืบทอดพระพุทธศาสนาให้อยู่สืบต่อไปตราบนานเท่า จิตที่คิดจะช่วยย่อมประเสริฐกว่าจิตที่คิดจะหนี แต่คงไม่มีใครที่คิดเพราะว่า ช่างมันเหอะเดี่ยวก็มีคนทำเอง เพราะพระพุทธศาสนาก็อยู่กับเราไปอีกจนครบกำหนด 5000 ปี
ดวงจิตของพวกท่านหวาดกลัววางเฉยจนข้าใจหาย ฝูงหมาป่าแห่งมารร้ายอาจเห่าหอนเหนือซากร่างของเราหลังสูญเสียพุทธศาสนากัน แต่นั้นมันใช่วันนี้! วันนี้เราสู้! เพื่อพี่น้อง เพื่อลูกหลานที่เรารัก
ถึงเวลาแล้วถือปัญญาออกไปสู้ด้วยกัน เหมือนดั่งที่เหล่าพุทธสาวกท่านถือปัญญาออกไปปกป้องกันมาแล้วด้วยการเผยแผ่ธรรม ดังนั้น! เราก็ต้องปกป้องเพื่อการเผยแพร่ธรรมของเราสืบต่อไปสืบต่อไป!
For Buddihsmmm!!!
May the Dhamma be with you.ขอธรรมจงสถิตอยู่กับท่าน |
|
_________________ ทำวันนี้ให้ดีและต้องรู้ไว้ว่า ทำดีเพื่อดี ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ อุปสรรคไม่มี บารมีไม่เกิด
แก้ไขล่าสุดโดย เศษพุทธทาส เมื่อ 11 พ.ค.2007, 9:45 am, ทั้งหมด 1 ครั้ง |
|
  |
 |
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
24 เม.ย.2007, 9:25 pm |
  |
บางที่สิ่งที่ท่านทำด้วยเจตนาดีอาจเป็นผลร้ายกลับพุทธศาสนาอย่างที่ท่านคิดไม่ถึงก็ได้ ท่านจะสู้กับใครหรือ ? ท่านจะกล่าวหาใครว่าทำลายพุทธศาสนาหรือ ? ความแตกแยกเกิดขึ้นแล้วนับแต่มีการเรียกร้อง ไม่ต้องรอการพิสูจน์อีกต่อไป และเป็นการแตกแยกในหมู่ชาวพุทธด้วยกันเองด้วยสิ
ท่านคิดว่าท่านถูกแล้วใครล่ะเป็นคนผิด คนทุกคนที่ไม่เห็นกับท่านหรือ ? ใครเป็นคนตัดสินหรือ ? แล้วใช้สิ่งใดตัดสินหรือ ? ถ้าไม่ได้ดังใจก็ประท้วงงั้นหรือ ? เอกสารที่พวกท่านส่งมาให้ลงชื่อสนับสนุน ข้าพเจ้าและมิตรสหายได้รับและส่งคืนกลับไปแล้ว โดยไม่มีการกรอกข้อความแต่อย่างใด เพราะอะไรหรือ เพราะเป็นเอกสารที่ไม่มีข้อความอื่นใดให้เลือกเลย หากจะลงชื่อต้องสนับสนุนวิธีการของท่านเท่านั้น ข้าพเจ้ามีศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติมานานแล้ว และพอใจแล้ว ไม่ใช่เพิ่งคิดได้เดี๋ยวนี้และวิถีทางในการรักษาพุทธศาสนาของท่านกับวิถีทางของข้าพเจ้าไม่ใช่วิถีทางเดียวกัน  |
|
|
|
|
 |
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
25 เม.ย.2007, 12:13 pm |
  |
อ้างอิงจาก: |
บางที่สิ่งที่ท่านทำด้วยเจตนาดีอาจเป็นผลร้ายกลับพุทธศาสนาอย่างที่ท่านคิดไม่ถึงก็ได้ ท่านจะสู้กับใครหรือ ? ท่านจะกล่าวหาใครว่าทำลายพุทธศาสนาหรือ ? ความแตกแยกเกิดขึ้นแล้วนับแต่มีการเรียกร้อง ไม่ต้องรอการพิสูจน์อีกต่อไป และเป็นการแตกแยกในหมู่ชาวพุทธด้วยกันเองด้วยสิ
ท่านคิดว่าท่านถูกแล้วใครล่ะเป็นคนผิด คนทุกคนที่ไม่เห็นกับท่านหรือ ? ใครเป็นคนตัดสินหรือ ? แล้วใช้สิ่งใดตัดสินหรือ ? ถ้าไม่ได้ดังใจก็ประท้วงงั้นหรือ ? เอกสารที่พวกท่านส่งมาให้ลงชื่อสนับสนุน ข้าพเจ้าและมิตรสหายได้รับและส่งคืนกลับไปแล้ว โดยไม่มีการกรอกข้อความแต่อย่างใด เพราะอะไรหรือ เพราะเป็นเอกสารที่ไม่มีข้อความอื่นใดให้เลือกเลย หากจะลงชื่อต้องสนับสนุนวิธีการของท่านเท่านั้น ข้าพเจ้ามีศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติมานานแล้ว และพอใจแล้ว ไม่ใช่เพิ่งคิดได้เดี๋ยวนี้และวิถีทางในการรักษาพุทธศาสนาของท่านกับวิถีทางของข้าพเจ้าไม่ใช่วิถีทางเดียวกัน |
เห็นด้วยครับ  |
|
|
|
|
 |
เอ็มคร๊าบ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
26 เม.ย.2007, 2:14 pm |
  |
|
|
 |
เศษพุทธทาส
บัวใต้น้ำ

เข้าร่วม: 08 เม.ย. 2007
ตอบ: 121
|
ตอบเมื่อ:
26 เม.ย.2007, 3:54 pm |
  |
แหมซีเครียดไปได้ครับ คุณก็น่าจะรู้ว่าการที่ผมพิมพ์ไปแบบนั้นมันไม่ใช้ลักษณะของผู้มีปัญญาเขาทำกัน คุณจะมาถือสาอะไรอะละครับ
แต่ก็ขอบคุณครับที่เตือนสติ
ยังไงจิตที่คิดจะช่วยมันประเสริฐกว่าจิตที่คิดจะหนี หรือวางเฉย หากการวางเฉยนั้นไม่ใช่การวางเฉยแบบปรมัตถธรรม
เพราะผมคิดว่าการที่ชาวพุทธออกมาขนาดนี้ ออกมารวมกลุ่กันขนาดนี้ เราคิดว่าเขาโง่กันหรือครับ
เขาทำไปเพื่ออะไรครับ ถ้าไม่ใช่เพื่อพวกเรา ทำไมพวกเขาต้องยอมลงทุนทำกันถึงเพียงนี้
ตอนแรกก็ไม่รู้ข้อเท็จจริงอย่างไร แต่พอได้ทราบข่าวคราวมาบ้าง บวกกับการพิจารณาโดยใช้ปัญญา มันก็ทำให้ผมทราบในบัดนั้น เข้าใจกระจ่างมากขึ้น
และผมก็คิดว่าพระผู้ใหญ่ท่านคงไม่ได้ทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าหรอกนะครับ
เพราะว่าท่านก็น่าจะรู้ว่า กรรมดีกรรมชั่วอะไรเป็นยังไง
และระดับผู้ที่มีชื่อเสียงต่างๆ ท่านก็ออกมาตั้งขนาดนี้ ท่านจะออกมาทำไมครับ ถ้ามันไม่จำเป็นจริงๆ
อาจารย์ชื่อดังในมหาวิทยาลัยต่างๆ ท่านจะออกมาให้ถูกชาวบ้านด่าทำไมครับ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ
องค์กรพุทธจะออกมาทำไมครับ เราคิดว่าพวกเขาคิดอกุศลกันอยู่หรืออย่างไรครับ
 |
|
_________________ ทำวันนี้ให้ดีและต้องรู้ไว้ว่า ทำดีเพื่อดี ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ อุปสรรคไม่มี บารมีไม่เกิด |
|
  |
 |
samnan
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 25 เม.ย. 2007
ตอบ: 4
ที่อยู่ (จังหวัด): แพร่
|
ตอบเมื่อ:
27 เม.ย.2007, 10:13 pm |
  |
ความรู้เกี่ยวกับการบัญญัติพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ
.............................................................
ตามที่มีหลายๆ ท่าน ได้ออกมาพูดว่า ไม่ควรเอาพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาตินั้น เพราะว่าเราเป็นคนไทยนับถือพระพุทธศาสนามาตั้งแต่บรรพบุรุษ แล้วว่าศาสนามีอยู่ในใจของทุกๆ คน ไม่ต้องเขียนไว้เป็นตัวหนังสือเพียงไม่กี่บรรทัดก็ได้ อีกอย่างหนึ่งว่าไม่ควรเอาพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นของสูงมายุ่งเกี่ยวกับการเมืองซึ่งเป็นของสกปรก จะเป็นเหตุให้แตกความสามัคคี กับศาสนา อื่นๆ ให้แก้ที่ตัวผู้ปฏิบัติพระพุทธศาสนา แก้ไขตัวเองปฏิบัติตัวเองให้ดีขึ้น
ขอชี้แจงให้พ่อแม่พี่น้องทั้งหลายเข้าใจ ศาสนาพุทธทุกวันนี้ ต้องอาศัยกฎหมายบ้านเมืองเข้ามาช่วย เพราะคนทุกวันนี้มันหยาบมาก กิเลสมาก เป็นพวกอลัชชีที่มีความโลภ ไม่ละอายต่อบาปต่อกรรม เอาพระพุทธศาสนาเป็นที่ทำมาหากิน เป็นที่อาศัย โดยโกนหัวนุ่งห่มเหลือง สร้างบาป สร้างกรรม ทำให้เป็นข่าวทางหนังสือพิมพ์เกือบทุกๆ วัน โดยเฉพาะพระธรรมวินัยแล้วมันเป็นเรื่องทางจิตใจ เพียงแต่บอกว่าทำอย่างนี้มันเป็นบาปนะ มันห้ามสวรรค์ ห้ามนิพพานตกนรกนะ คนพวกนี้มันไม่ฟังหรอก ต้องใส่คุกใส่ตาราง ต้องอาศัยกฎหมายบ้านเมือง เพราะมันมีคุกมีตารางเข้ามาช่วยเหมือนกับสมัยประวัติศาสตร์พระเจ้าอโศกมหาราช มีพระไม่ดีเกิดขึ้นในพระพุทธศาสนามากมาย ท่านก็เอากฎหมายบ้านเมืองเข้าไปช่วยถึงแก้ปัญหาได้ ทุกวันนี้ที่มีปัญหามันไม่ใช่เพราะพระที่ดีๆ แต่มันเป็นพวกอลัชชี คนพวกนี้ไม่ใช่พระแล้ว ถ้าจะเป็นพระต้องไม่ผิดศีลผิดธรรม ถ้าเป็นพระแล้วต้องถือพระวินัยอย่างเคร่งครัด มุ่งมรรคผลนิพพานอย่างเดียว ในวินัยของพระไม่มีปรับไหม ไม่มีจำคุก ติดตาราง อย่างมากก็ให้ลาสิกขาเท่านั้น จับสึกแล้วก็ไปบวชที่อื่นต่อ สร้างปัญหาอย่างนี้ตลอดมา ควรจะมีกฎหมายบ้านเมืองเข้ามาช่วยแก้ไขกำราบปราบปราม สะสางปัญหานี้ให้มันน้อยลงหรือหมดไป
สำหรับการปล่อยวางนั้นมันเป็นเรื่องของจิตใจ พระพุทธเจ้าท่านให้ปฏิบัติตามพระวินัยอย่างเคร่งครัด แต่การปล่อยวางนั้นมันเป็นเรื่องของจิตของใจ ถ้าเราปล่อยวางไม่ถูกมันจะทำให้มีปัญหามาก ทุกวันนี้มีคนชอบพูดว่าเราต้องรู้จักปล่อยวางเสียบ้าง รู้จักละกิเลสเสียบ้าง การปล่อยวางนั้น เราต้องปล่อยวางทางจิตใจ ไม่ใช่ปล่อยปะละเลย ไม่มีความรับผิดชอบ เราต้องทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ เราต้องบริโภค เราต้องนุ่งห่ม รู้จักอันไหนควรไม่ควร ทำดีที่สุดแล้วก็ยังไม่ติดดี รัฐธรรมนูญนั้นมันเป็นเรื่องของกาย เราต้องปฏิบัติทางกายให้ถูกต้องร่างกายนี้มันเป็นโลกียะ จำเป็นที่จะต้องบัญญัติรัฐธรรมนูญสำหรับกาย สำหรับจิตใจนั้นเอาไว้ปล่อยวาง ศีลนั้นมันเป็นเรื่องของกาย ธรรมนั้นมันเป็นเรื่องของใจ คนเรานั้นมีทั้งกายทั้งใจ ขอให้พ่อแม่พี่น้องทั้งหลาย โปรดเข้าใจคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างชัดเจน ศาสนาคือภาคปฏิบัติ ไม่ใช่ปรัชญาอย่างเดียว เมื่อมันทิ้งกาย วาจา แล้วจะเอาอะไรเป็นตัวศาสนา ถ้าเราปล่อยวางไม่ถูกต้องมันคงไม่ดีแน่ ทุกวันนี้ที่มีปัญหาก็เพราะมันปล่อยวางไม่ถูกต้อง ขอให้ท่านผู้รู้ทั้งหลายช่วยกันพิจารณาใคร่ควรญให้ดีๆ
ที่ผ่านมาเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา ไม่ว่าการเรียกร้องพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ หรือเรียกร้อง พ.ร.บ.สงฆ์ จะมีพระออกมาเรียกร้องขอให้ทางรัฐช่วย ปกติแล้วพระท่านจะไม่ออกมาเรียกร้อง ถ้าไม่ใช่กิจของ พระศาสนา เพราะว่าพระต้องเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องพระพุทธศาสนา ถ้าพระไม่ออกมาแล้วจะมีใครเล่าออกมา พระที่ออกมาถือว่าถูกต้อง เป็นผู้เสียสละ ต้องอดทนต่อความร้อน ความเหน็ดความเหนื่อย ความหิว ความกระหาย อดทน ต่อคำติฉินนินทาจ้วงจาบต่างๆ นาๆ ประชาชนทั้งหมดน่าจะมีปัญญาพิจารณาว่ามีอะไรเกิดขึ้นพระท่านถึงออกมา แสดงว่าท่านแก้ปัญหาไม่ได้แล้ว ท่านมาขอความช่วยเหลือจากภาครัฐ เพื่อให้ทางรัฐช่วยในส่วนของกฎหมายบ้านเมืองเพราะเป็นสิ่งที่รัฐสามารถทำได้อยู่แล้ว
เรื่องจิตเรื่องใจสำคัญกว่าสิ่งใดๆ ในโลกนี้ ที่บ้านเมืองมีปัญหาอยู่ ก็เพราะว่าคนส่วนใหญ่ขาดคุณธรรมทางใจ ทางรัฐก็จะเน้นแต่วัตถุ เรื่องจิตใจเป็นเรื่องสำคัญมาก ทำไมมองไม่เห็น อุตส่าห์ไปเรียนเมืองนอก ปริญญาตรี โท เอก มีความรู้มีความสามารถ น่าจะมาพัฒนาทางคุณธรรมและทางวัตถุไปพร้อมๆ กัน ที่ไหนได้พากันมากินบ้านกินเมืองหมดเป็นแถบๆ มาแย่งเก้าอี้กันอย่างน่าเกลียดโจมตีว่าร้ายกันต่างๆ นาๆ เป็นพรรคเป็นพวก
พวก ส.ส.ร.ผู้เจริญทั้งหลาย ท่านเป็นตัวแทนร่างรัฐธรรมนูญเพื่อประชาชนหรือเป็นอะไรกันแน่ ให้ท่านพิจารณาตนเอง ท่านร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญให้ประชาชน ก็อย่าถืออัตตาตัวตนเอาตน เองเป็นใหญ่ไม่คำนึงถึงประชาชน ถ้าประเทศชาติจะดีก็เพราะพวกท่าน ถ้าจะพังก็เพราะพวกท่าน
การบัญญัติพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไม่เสียหายอะไร เป็นสิ่งที่ดี มีแต่ดีอย่างเดียวไม่มีอะไรเสียหาย ถ้าไม่บัญญัตินั้นเสียหายแน่ ต้องเกิดปัญหาวุ่นวาย เพราะคนส่วนใหญ่ของประเทศ ไม่ได้รับความเป็นธรรม จากคณะ ส.ส.ร.ที่ไม่คำนึงถึงจิตใจของประชาชน เป็นการดูถูกดูแคลน ทำลายน้ำใจของประชาชนไม่น้อยกว่า ๙๐% เพราะออกกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นธรรม กฎหมายที่เขียนมาทั้งหมด ตัวสำคัญคือ ต้องบัญญัติศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ถ้าไม่บัญญัติแล้วไม่ควรบัญญัติรัฐธรรมนูญทั้งหมด เพราะรัฐธรรมนูญที่ออกมาไม่ใช่รัฐธรรมนูญของประชาชนส่วนใหญ่
ท่านพากันออกมาพูดว่า รัฐธรรมนูญเป็นของชั่วคราวเดี๋ยวก็ถูกฉีก ศาสนาพุทธก็คงถูกฉีกไปด้วย เราฉีกทิ้งได้เราก็เขียนใหม่ได้ ไม่เห็นมีอะไรจะเสียหาย อันไหนไม่ดีเราก็ฉีกมันทิ้งไป อันไหนดีก็เขียนขึ้นใหม่เพื่อพัฒนาประเทศให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป การที่ได้มีโอกาสไปศึกษาหาความรู้ต่างประเทศนั้นมันดีอยู่แล้ว เราควรจับเอาแต่สิ่งที่ดีๆ ของเขา ไม่ใช่เราจะมาลบล้าง ขาดความกตัญญูกตเวที กลายเป็นลูกธรพี พวกท่านผู้เจริญทั้งหลายพากันรู้หรือไม่ เพราะว่าพฤติกรรมของท่านมันบ่งบอกโดยภาคปฏิบัติในการทำลาย
ในครั้งนี้ที่ชาวพุทธออกมาเรียกร้องไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมือง เป็นการเรียกร้องให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติเท่านั้น พรรคการเมืองทุกพรรคไม่ว่าจะเป็น สส. สว. อบจ. อบต. ก็ล้วนแต่เป็นชาวพุทธทั้งนั้น เราจะไปโยงเป็นการเมืองไปไม่ได้ เพราะว่าคนพวกนั้นไม่ใช่คนตาย ถ้าเป็นคนรู้จักรับผิดชอบเขาก็ต้องมากันทุกคนเพื่อมาเรียกร้องสิทธิจาก ส.ส.ร. ให้ช่วยร่างรัฐธรรมนูญให้พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ
|
|
|
|
   |
 |
เศษพุทธทาส
บัวใต้น้ำ

เข้าร่วม: 08 เม.ย. 2007
ตอบ: 121
|
ตอบเมื่อ:
28 เม.ย.2007, 7:12 am |
  |
ผมอยากทราบว่าทำไม ผู้ที่คิดว่าตัวเองมีคุณธรรม หรืออาจไม่ได้คิดแต่รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนดีพอจะปกครองบ้านเมืองได้ ทำไมพวกเขาไปอยู่ที่ไหนกัน หรือว่าคนดีขี้เกียจปกครอง คนไม่ดีก็ขอแทน เราจะตำหนิเขาได้หรือ ในเมื่อคนดีไม่ยอมออกมาปกครองเอง หรือเปล่า? |
|
_________________ ทำวันนี้ให้ดีและต้องรู้ไว้ว่า ทำดีเพื่อดี ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ อุปสรรคไม่มี บารมีไม่เกิด |
|
  |
 |
ก้อนดิน
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 07 ก.ค. 2004
ตอบ: 623
|
ตอบเมื่อ:
29 เม.ย.2007, 1:33 pm |
  |
บุคคลมีหน้าที่รักษาไว้ซึ่ง ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
๑. พระบรมสัตยาธิฏฐานของ
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
"พระบาทสมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้า จึงตรัสประกาศแก่เทพยดาทั้งปวงว่า ให้บังเกิดมาในประยูรมหาเศวตฉัตร จะให้บำรุงพระพุทธศาสนาไฉนจึงมิช่วยให้สว่างและเห็นเข้าศึกเล่า พอตกพระโอษฐ์ลง พระพายก็พันควันอันเป็นหมอกมืดนั้นสว่างไป ทอดพระเนตรเห็นช้างเศวตฉัตร ๑๖ ช้าง มีช้างดั้งช้างกันยืนอยู่เป็นอันมาก..."
(พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา เล่ม ๑ ฉบับพระจักรพรรดิพงศ์ (จาด), องค์การค้าของคุรุสภา, ๒๕๓๓, หน้า ๒๐๗)
๒. น้ำพระทัยและพระราชดำรัสของ
สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
"พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ จะให้เราเข้ารีตดังนั้นหรือ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะในราชวงศ์ของเราก็ได้นับถือพระพุทธศาสนามาช้านานแล้ว จะให้เราเปลี่ยนศาสนาอย่างนี้เป็นการยากอยู่ และถ้าพระเจ้าผู้สร้างฟ้าสร้างดินจะต้องการให้คนทั่วโลกได้นับถือศาสนาอันเดียวกันแล้ว พระเจ้ามิจัดการให้เป็นเช่นนั้นเสียแล้วหรือ ?"
"จริงอยู่เมื่อฟอลคอน ในเวลาหมอบอยู่ข้างพระบาทพระเจ้ากรุงสยาม ได้แปลคำชักชวนที่พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ได้รับสั่งมากับราชทูตนั้น ฟอลคอนก็กลัวจนตัวสั่น และสมเด็จพระนารายณ์ทรงพระกรุณาให้อภัยแก่ฟอลคอน แต่ก็ได้รับสั่งว่า ได้ทรงนับถือศาสนาอันได้นับถือต่อๆ กันมาถึง ๒,๒๒๙ ปีแล้ว เพราะฉะนั้นที่จะให้พระองค์เปลี่ยนศาสนาเสียนั้นเป็นการที่พระองค์จะทำไม่ได้"
(ประชุมพงศาวดาร เล่ม ๑๖ องค์การค้าของคุรุสภา ๒๕๐๗ หน้า ๒๓- ๒๔)
๓. น้ำพระทัยของ
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
อันตัวพ่อ ชื่อว่า พระยาตาก
ทนทุกข์ยาก กู้ชาติ พระศาสนา
ถวายแผ่นดิน ให้เป็น พุทธบูชา
แด่พระศาสดา สมณะ พระพุทธโคดม
ให้ยืนยง คงถ้วน ห้าพันปี
สมณะพราหมณ์ชี ปฏิบัติ ให้พอสม
เจริญสมถะ วิปัสสนา พ่อชื่นชม
ถวาบยังคม รอยบาท พระศาสดา
คิดถึงพ่อ พ่ออยู่ คู่กับเจ้า
ชาติของเรา คงอยู่ คู่พระศาสนา
พุทธศาสนา อยู่ยง คู่องค์กษัตรา
พระศาสดา ฝากไว้ ให้คู่กัน
(จารึกในศาลพระเจ้าตากสินมหาราช วัอรุณราชวราราม)
๔. พระราชปณิธานใน
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
"ตั้งใจจะอุมถัมภก ยอยกพระพุทธศาสนา
จะป้องกันขอบขัณฑสีมา รักษาประชาชนและมนตรี"
(พระราชนิพนธ์นิราศท่าดินแดง)
แล้วมีพระราชโองการปฏิสันถารแก่เจ้าพระยาและพระยาทั้งปวงว่า "สิ่งของทั้งนี้จงจัดทำนุบำรุงไว้ให้จงดี จะได้ป้องกันรักษาแผ่นดิน ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และพระราชอาณาเขตสืบไป"
แล้วอัครมหาเสนาบดีรับพระราชโองการกรบบังคมทูลว่า "ข้าพระพุทธเจ้า ขอรับพระราชโองการมานพระบัณฑูรสุรสิงหนาทใส่เกล้าใส่กระหม่อม ขอเดชะ" แล้วเสด็จกลับขึ้นช้างในเสด็จประทับเหนือพระที่นั่งภัทรบิฐ...
"ครั้นเสร็จการฉลองพระนครแล้ว จึงพระราชทานนามพระนครใหม่ ให้ต้องกับนามพระพุทธรัตนปฏิมากรว่า "กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์มหินทรายุะยา มหาดิลกภพนพรัตราชธานีบุรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์มหาสถานอมรพิมานอวตารสถิต สักกะทัตติยะวิษณุกรรมประสิทธิ์"
เป็นพระมหานครที่ดำรงรักษาพระมหามณีรัตนปฏิมากร เป็นแก้วอย่างดีมีสิริอันประเสริฐสำหรับพระบารมีของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ประดิษฐานกรุงเทพมหานครนี้ ตั้งแต่พระราชทานามนี้มาบ้างเมืองก็อยู่เย็นเป็นสุขเกษมสมบุรณ์ขึ้น (ครั้นในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงแปลงสร้อยที่ว่า บวรรัตนโกสินทร์นั้นเป็น อมรรัตนโกสินทร์ นอกนั้นคงไว้ตามเดิม..."
(พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๑, กรมศิลปากร, ๒๕๒๖ หน้า ๖๑-๖๓)
"ทุกวันนี้ตั้งพระทัยแต่ที่จะทำนุบำรุงวรพระพุทธศาสนา ไพร่ฟ้าประชากรให้อยู่เย็นเป็นสุขให้ตั้งแต่อยู่ในคติธรรม ทั้ง ๔ ดำรงจิตจตุรัสบำเพ็ญศีลทาน จะได้สุคติภูมิ มนุษยสมบัติ สวรรคสมบัติ นิพพานสมบัติ เป็นประโยชน์แต่ตน..."
(กฎหมายตราสามดวง, กรมศิลปากร, ๒๕๖๙)
"พระบาทสมเด็จบรมบพิตรพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระอนุชาธิราชกรมพระราชวังบวรฯ เมื่อทรงสดับพระสงฆ์ราชาคณะถวายพระพรโดยพิสดารดังนั้น จึงดำรัสว่า"ครั้งนี้ขออาราธนาพระผู้เป็นเจ้าทั้งปวง จงมีอุตสาหะในฝ่ายพระพุทธจักรให้พระไตรปิฎกบริบูรณ์ขึ้นให้จงได้ ฝ่ายข้างอาณาจักรที่จะเป็นศาสนูปถัมภกนั้นเป็นพนักงานโยม โยมจะสู้เสียสละชีวิตบูชาพระรัตนตรัย สุดแต่จะให้พระปริยัติบริบูรณ์เป็นมูลท จะตั้งพระพุทธศาสนาจนได้" พระราชาคณะทังปวงรับสาธุแล้วถวายพระพร..."
(พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๑ กรมศิลปากร ๒๕๒๖ หน้า ๑๑๓.)
๕. พระราชศรัทธาของ
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
"ศุภมัสดุ ๑๑๗๙ ศก...พระบาทสมเด็จบรมธรรมมิกมหาราชารามาธิราช บรมนารถบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว...ทรงพระราชศรัทธาจะยกรื้อวิสาขบูชามหายัญพิธีอันขาดประเพณีมานั้น ให้กลับคืนเจียรฐิติกาลปรากฎสำหรับแผ่นดินสืบไป จะให้เป็นอัตตัตถประโยชน์และปรัตถประโยชน์ทรงพระราชศรัทธาจะให้สัตว์โลก ข้าขอบขัณฑเสมาทั้งปวงจำเริญอายุและอยู่เย็นเป็นสุขปราศจากทุกข์ภัยในชั่วนี้แลชั่วหน้า..."
(กระทรวงศึกษาธิการ แนวพระราชดำริเก้ารัชกาล โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว ๒๕๒๘ หน้า ๒๐)
พระคลังว่าที่สมุหพระกลาโหม พระยาศรีพัฒน์รัตนราชโกษา พระยาราชสุภาวดีกับขุนนางผู้น้อยทั้งปวง จงมีความสโมสาสามัคคีรสปรึกษาพร้อมกันเมื่อเห็นว่าพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์ใดที่มีวัยวุฒิปรีชารอบรู้ราชานุวัตรจะเป็นศาสนูปถัมภกยกพระบวรพุทธศาสนา และจะปกป้องไพร่ฟ้าอาณาประชาราษฎร์รักษาแผ่นดินให้เป็นสุขสวัสดิ์โดยยิ่ง เป็นที่ยินดีแก่มหาชนทั้งปวงได้ ก็สุดแท้แต่จะเห็นดีประนีประนอมพร้อมใจกัน ยกพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์นั้นขึ้นเสวยมไหสวรรยาธิปัตย์ราชสืบสันตติวงศ์ดำรงราชประเพณีต่อไปเถิดอย่าได้กริ่งเกรงพระราชอัธยาศัยเลย เอาแต่ให้ได้เป็นสุขทั่วหน้าอย่าให้เกิดการรบราฆ่าฟันกันให้ได้ความทุกข์ร้อนแก่ราษฎร..."
(จดหมายเหตุรัชกาลที่ ๓ เลขที่ ๓๔ จ.ศ. ๑๒๑๒ พระบรมราชโองการเรื่องทรงมอบราชสมบขัติเมื่อใกล้จะสวรรคตให้กับเจ้าพระยาพระคลัง)
๖. พระราชนิพนธ์ของ
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
"การพระราชบริจาคอันนี้ ทรงพระราชดำริเห็นว่าไม่ขัดขวางเป็นเหตุให้ท่านผู้ใดขุ่นเคืองขัดใจเลย พระนครนี้เป็นถิ่นที่ของคนนับถือพระพุทธศาสนามาแต่เดิม ไม่ใช่แผ่นดินของศาสนาอื่น คนที่ถือศาสนาอื่นมาแต่อื่นก็ดี อยู่ในเมืองนี้ก็ดี จะโทมนัสน้อยใจด้วยริษยาแก่พระพุทธศาสนาเพราะบูชาอันไม่ได้ด้วยไม่ใช่เมืองของศาสนาตัวเลย ถ้าโทมนัสก็ชื่อว่าโลภล่วงเกินไป"
(ประชุมประกาศ รัชกาลที่ ๔ เล่ม ๑ องค์การค้าของคุรุสภา ๒๕๒๘ หน้า ๘๒)
"ทรงพระราชดำริเห็นว่า จะฆ่าสัตว์มีชีวิต คือ สุกร เป็ด ไก่ นก ปลา แลอื่นๆ ให้ตายเป็นอันมาก จะเห็นไปว่าเป้นเวลาเฉลิมพระชนมพรรษาสัตว์ที่มีชีวิตซึ่งต้องตายเป็นอันมากดังนี้ เป็นเวลาทำบุญแล้ว จะมาทำบาปเล่าดูไม่ควรเพราะบ้านเมืองนับถือบรมพุทธศาสนา แลลัทธิถือว่าการฆ่าสัตว์เป็นบาป ขอให้ท่านทั้งปวงบรรดาที่เริ่มการทำบุญในครั้งนี้คิดยักย้ายทำของเลี้ยงพระสงฆ์แต่ที่ควร..."
(ประชุมประกาศ รัชกาลที่ ๔ พ.ศ. ๒๔๐๘-๒๔๑๑ องค์การค้าของคุรุสภา ๒๕๐๔ หน้า๒๔๐-๒๔๑)
๗. พระราชปฏิญาณและพระราชนิพนธ์ของ
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระปิยมหาราช
"ข้าพเจ้าขอปฏิญาณตนเฉพาะหน้าพระสงฆ์เถรานุเถระทั้งหลายอันประชุมอยู่ ณ ที่นี้ว่า การที่ข้าพเจ้าคิดจะไปประเทศยุโรป ณ ครั้งนี้ด้เวยข้าพเจ้ามุ่งต่อความดีแห่งพระราชอาณาจักและด้วยความหวังว่าจะเป็นประโยชนืแก่ตัวข้าพเจ้าด้วย เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าตั้งใจจะรักษาตนให้สมควรแก่ที่เป็นเจ้าของประชาชนชาวสยามทั้งปวง จะรักษาเกียรติยศแห่งพระราชอาณาจักรอันเป็นเอกราชนครนี้ จนสุดกำลังที่ข้าพเจ้าจะป้องกันได้
และเพื่อจะให้เป็นเครื่องเตือนใจตัวข้าพเจ้า และเป็นเครื่องเย็นใจแห่งผู้ซึ่งมีความรักใคร่มุ่งหมายความดีต่อข้าพเจ้าปราศจากวิตกกังวลใจด้วยความประพฤติรักดษาตัวของข้าพเจ้าๆ จึงขอสมาทานข้อทั้งหลายที่จะกล่าวต่อไปนี้
๑. ข้าพเจ้าจะไม่มีจิตยินดีน้อมไปในศาสดาอื่นนอกจากสมเด้จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระธรรมอันพระองคืได้ตรัสรู้ชอบดีแล้ว กับทั้งพระสงฆ์หมู่ใหญ่ อันได้ประพฤติตามคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นเลยเป็นอันขาด จนตราบกว่าสิ้นชีวิต
๒. การที่ข้าพเจ้าไปครั้งนี้ แม้ว่าจะช้านานเท่าใดก็ดี ข้าพเจ้าจะไม่ร่วมประเวณีด้วยสตรีใดจนกลับเข้ามาถึงในพระราชอาณาเขต
๓. ถึงแม้ว่าจะไปในประเทศซึ่งเขาถือกันว่า การให้สุราเมรัยไม่รับเป็นการเสียกิริยาอันดีฤาเพื่อป้องกันโรคภัยอันเปลี่ยนอากาศเป็นต้น ข้าพเจ้าจะไม่เสพสุราเมรัยให้มึนเมาเสียสติ ฤาแม้แต่มีกายวิกลเกินปรกติเป็นอันขาด
คำปฏิญาณสมาทานสามประการนี้ ข้าพเจ้าได้ทำไว้เฉพาะหน้าพระสงห์เถรานุเถระอันได้มาประชุมในการพระราชพิธีศรีสัจจปานกาล แห่งผู้สำเร็จราชการแผ่นดินต่างพระองค์และที่ปรึกษาของผู้สำเร็จราชการ ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณในบรมมหาราชวัง วันที่ ๒๑ มีนาคม รัตนโกสินทรศก ๑๑๕ พระพุทธศาสนายุกาล ๒๔๓๙ พรรษา เป็นวันที่ ๑๐๓๕๘ ในรัชกาลปัจจุบัน"
(กรมศิลปากร การเสด็จประพาสยุโรปของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.ศ.๑๑๖ เล่ม ๑, สหประชาพาณิชย์ ๒๕๒๓ หน้า ๙๗-๑๐๐)
"พระราชบิดาของฉัน ได้ทรงสละเวลาเป็นส่วนใหญ่ในการศึกษาและคุ้มครองศาสนาของชาติ ส่วนฉันได้ขึ้นครองราชย์ในขณะอายุยังน้อยจึงไม่มีเวลาที่จะเป็นนักศึกษาอย่างพ่อ ฉันเองมีความสนใจในการศึกษาหนังสือหลักธรรมต่างๆ สนใจที่จะคุ้มครองศาสนาของเราและต้องการที่จะให้มหาชนทั่วไปมีความเข้าใจถูกต้อง
ดูเหมือนว่า ถ้าชาวยุโรปเชื่อในคำสอนของคระมิชชันนารีว่าศาสนาของเราโว่วมงายและชั่วทราม คนทั่งหลายก็จะต้องถือว่าพวกเราเป็นคนโง่งมงายและชั่วทรามไปด้วย ฉันจึงรู้สึกขอบคุณบรรดาบุคคลเช่นท่านเป็นตัวอย่างที่สอนชาวยุโรปให้ความคารวะแก่ศาสนาของเรา"
(พระราชหัตถเลขาถึง เซอร์ เอ็ดวิน อาร์โนลด์)
"ข้าพเจ้าย่อมรู้สึกว่า เป็นหน้าที่ของข้าพเจ้าที่จะต้องทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นสิ่งคู่กับพระราชอาณาจักร ให้ดำเนินไปในทางวัฒนาถาวรพร้อมกันทั้งสองฝ่าย"
(พระราชดำรัสของสมเด็จพระปิยมหาราชต่อคณะสงฆ์ ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อพุทธศักราช ๒๔๔๐)
"ประชาชนในสยามราชอาณาจักรนี้ ย่อมเป็นผู้นับถือพระพุทธศาสนาโดยมาก พุทธศาสนิกชขนในพระราชอาณาจักรย่อมได้สดับตรับฟังพระสัทธรรม ซึ่งสมเด้จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าบัญญัติสอนไว้เป็นวิธีทางสัมมาปฏิบัติจากพระภิกษุสงสฆ์ซึ่งมีอยู่ในสังฆารามทั่วพระราชอาณาจักรแลได้ฝากบุตรหลานเป็นศิษย์ เพื่อให้ร่ำเรียนพระบรมพุทโธวาทแลวิชาซึ่งจะให้บขังเกิดประโยชน์กล่าวคือ วิชาหนังสือเป็นต้น ในสำนักพระภิกษุสงฆ์เป็นประเพณีมีสืบมาแต่โบราณกาลจนบัดนี้ นับว่าพระภิกษุสงฆ์ทั้งหลายได้กระทำประโยชน์แก่พุทธจักร แลพระราชอาณาจักรทั้งสองฝ่ายเป็นอันมาก
เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนปรารภถึงการที่จะทำนุบำรุง ประชาชนทั้งหลายให้ตั้งอยู่ในสัมมาปฏิบัติ แลให้เอื้อเฟื้อในการที่จะศึกษาวิชาอันเป็นประโยชน์ เพื่อจะให้ถึงความเจริญยิ่งขึ้นโดยลำดับ จึงทรงพระรชดำริเห็นว่าไม่มีทางอย่างอื่นจะประเสริฐยิ่งกว่าจะเกื้อกูลพระภิกษุสงฆ์ทั้งหลชายโดยพระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์ ให้มีกำลังสั่งสอนธรรมปฏิบัติแลวิชาความรู้แก่พุทธศาสนิกชนบริบูรณ์ยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อน"
(กฎหมาย รัชกาลที่ ๕ ร.ศ. ๑๑๗ เรื่องประกาศจัดการเล่าเรียนหัวเมือง)
"การสอนศาสนาในโรงเรียนทั้งในกรุงแลหัวเมืองจะต้องให้มีขึ้นให้มีความวิตกไปว่าเด็กชั้นหลังจะห่างเหินจากการศาสนา จนเลยเป็นคนไม่มีธรรมในใจมากขึ้น เมื่อเป็นเช่นนั้นจะถือว่าเหมือนอย่างทุกวันนี้ คนที่ไม่รู้อะไรก็มีมาก ต่อไปภายหน้าถ้าเป็นคนที่ได้เล่าเรียนคงจะประพฤติตัวดีกว่าคนที่ไม่ได้เล่าเรียนนั้นหาถูกไม่ คนที่ไม่มีธรรมเป็นเครื่องดำเนินตาม คงจะหันไปทางทุจริตโดยมาก ถ้ารู้น้อยก็โกงไม่ค่อยคล่อง ฤาโกงไม่สนิท ถ้ารู้มากก็โกงคล่องมากขึ้นและโกงพิสาดารมากขึ้น การที่หัดให้รู้อ่านอักขรวิธีไม่เป็นเครื่องฝึกหัดให้คนดีและคนชั่ว เป็นแต่ได้วิธีสำหรับจะเรียนความดีความชั่วได้คล่องขึ้น จึงเห็นว่าถ้ามีหนังสืออ่านสำหรับโรงเรียน ที่บังคับให้โรงเรียนต้องสอนกัน แต่ให้เป็นอย่างใหม่ๆ ที่คนจะเข้าใจง่ายๆ...จะเป็นคุณประโยชน์มาก"
(กระทรวงศึกษาธิการ, แนวพระราชดำริเก้ารัชกาล, โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว, ๒๕๒๘, หน้า ๑๗๓
๙. พระบรมราโชวาทและพระราชนิพนธ์ของ
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
"พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาสำหรับชาติเรา เราจำเป็นต้องถือด้วยความกตัญญูต่อบิดามารดาและต้นโคตรวงศ์ของเรา จำเป็นต้องถือไม่มีปัญหาอะไร...เมื่อข้าพเจ้ารู้สึกได้แน่นอน จึงได้กล้าลุกขึ้นยืนแสดงเทศนาทางพระพุทธศาสนาแก่ท่านทั้งหลายโดยหวังแน่ว่าบรรดาท่านทั้วปวงซึ่งเป็นคนไทย เมื่อรู้สึกแน่วแน่แล้วว่า ศาสนาในสมัยนี้เป็นของที่แยกจากชาติไม่ได้...พุทธศาสนาเป็นของไทย เรามาชวนกันนับถือพระพุทธศาสนาเถิด...ผู้ที่แปลงศาสนา คนเขาดูถูกยิ่งเสียกว่าผู้ที่แปลงชาติ เพราะเขาย่อมเห็นว่า สิ่งที่นับถือเลื่อมใสกันมาตลอดครั้งปู่ย่าตายาย ตั้งแต่เด็กมาแล้วเป็นของสำคัญอันหนึ่ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคนนั้นมีความสัตย์ มีความมั่นคงในใจหรือไม่เมื่อมาแปลงชาติศาสนาได้แล้ว เป็นแลเห็นได้ทันทีว่าเป็นคนไม่มั่นคง อย่าว่าแต่อะไรเลยศาสนาที่ใครทั้งโลกเขานับถือว่าเป็นของสำคัญที่สุด เขายังแปลงได้ตามความพอใจหรือเพื่อสะดวกแก่ตัวของเขา...เหตุฉะนี้ ผู้แปลงศาสนาถึงแม้จะไม่เป็นผู้พึงเกลียดชังแห่งคนทั่วไป ก็ย่อมเป็นผู้ที่เขาสามารถจะเชื่อได้น้อย เพราะเหตุฉะนั้น เป็นความจำเป็นที่เราทั้งหลายผู้เป็นไทยจะต้องมั่นอยู่ในพระพุทธศาสนาซึ่งเป็นศาสนาสำหรับชาติเรา
ต้องเข้าใจพุทธศาสนาในเวลานี้ ไม่มีแห่งใดในโลกที่ถือจริงรู้จริงเท่าในเมืองไทยเรา เมืองไทยเราเปรียบเหมือนป้อมอันใหญ่ ซึ่งเป็นแนวที่สุดของพระพุทธศาสนา แนวที่ ๑ แนวที่ ๒ ร่อยหรอเต็มที่แล้ว ยังแต่แนวที่ ๓และแนวที่สุดคือเมืองไทย เราทั้งหลายเป็นผู้รักษาแนวนี้ ถ้าเราไม่ตั้งใจรักษาจริงๆ แล้ว ถ้ามีอันตรายอย่างใดมาถึงพระพุทธศาสนาเราทั้งหลายจะเป็นผู้ที่ได้รับความอับอายด้วยกันเป็นอันมาก...
เหตุฉะนี้เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องตั้งใจที่จะรักษาความมั่นคงของพระพุทธศาสนาในประเทศไทยอย่าให้มีอันตรายมาถึงได้...ผู้ที่คนอื่นเขาส่งเข้าปลอมแปลงเพื่อทำลายพระพุทธศาสนา เราทั้งหลายต้องคอยระวังรู้เท่าไว้จึงจะควร...จึงเป็นหน้าที่ของเราทั้งหลชายที่เป็นเชื้อชาตินักรบต้องรักษาพระศาสนาอันนี้ให้คงอยู่ในเมืองไทยอีกต่อไป ต้องรักษาไว้เพื่อให้เป็นมรดกแก่ลูกหลานของเราทั้งหลายให้เขารักษากันต่อไป ยั่งยืนเป็นเกียรติยศแก่ชาติของเราชั่วกัลปาวสาน
เวลานี้ทั้งโลกเขาพูดเขานิยมว่าชาติที่ถือพระพุทธศาสนาที่พระพุทธศาสนายั่งยืนอยู่ได้ เพราะมีเมืองไทยเป็นเหมือนป้อมใหญ่ในแนวรบเราเคราะห์ดีที่สุดที่นานมาแล้ว เราได้ตกไปอยู่ในพระพุทธศาสนาจึงได้เป็นมนุษย์ชั้นสูงที่สุดที่มนุษย์ชั้นสูงที่สุดที่มนุษย์จะเป็นไปได้ในทางธรรม เหตุฉะนี้ ขอท่านทั้งหลายที่นั่งฟังอยู่ ผู้ที่ตะเกียกตะกายอยากเป็นฝรั่ง อย่าทำเหมือนฝรั่งในทางธรรมเลย ถ้าจะเอาอย่างฝรั่งจงเอาอย่างในทางที่ฝรั่งเขาทำดี คือในทางวิชาการบางอย่าง ซึ่งเขาทำดีเราควรเอาอย่าง แต่การรักษาศีลรักษาธรรมเรามีตัวอย่างดีกว่าฝรั่งเป็นอันมาก ถือพระพุทธเจ้าเป็นตัวอย่างของเราแล้วเรามีตัวอย่างหาที่เปรียบเสมอเหมือนมิได้
พระพุทธศาสนาก็ดีหรือศาสนาใดก็ดี ที่ตั้งมั่นอยู่ได้ก็ด้วยความมั่นคงของผู้เสื่อมใส ตั้งใจที่รักษา และข้าพเจ้าพูดทั้งนี้ ก็เพื่อชักชวนท่านทั้งหลายอย่างเป็นเพื่อนไทย และเพื่อนพุทธศาสนิกชนด้วยกันทั้งนั้นเพื่อความมั่นคงแห่งพระพุทธศาสนา ข้าพเจ้ารู้สึกว่า ได้ทำหน้าที่สมควรแก่อุปถัมภ์พระพุทธศาสนา เราตั้งใจจะรักษาศาสนาของเราด้วยชีวิต ข้าพเจ้าและท่านตั้งใจจะช่วยข้าพเจ้าในกิจอันใหญ่นี้แล้วก็จะเป็นที่พอใจข้าพเจ้าเป็นอันมาก
เมืองเราเกือบจะเป็นเมืองเดียวแล้วในโลกได้มีบุคคลถือพระพุทธศาสนามาก และเป็นเหล่าเดียวกัน เพราะฉะนั้นเป็นหน้าที่ของเราทั้งหลายที่จะช่วยกันบำรุงรักษาพระพุทธศาสนาอย่าให้เสื่อมสูญไป การที่จะบำรุงพระพุทธศาสนา เราต้องรู้สึกก่อนว่าหลักของพระพุทธศาสนาคืออะไร
เราทั้งหลายที่ยังไม่แน่ ตั้งแต่วันนี้จะได้พร้อมกันตั้งใจว่าในส่วนตัวเราเองจะริษยากันก็ตาม จะเป็นอย่างไรก็ตาม จะทำการเช่นนี้ต่อเมื่อเวลาว่างไม่มีภัย เมื่อมีเหตุสำคัญจำเป็นที่เราจะต้องต่อสู้ชาติอื่นแม้การส่วนตัวของเราอย่างไร จะทำให้เสียประโยชน์แก่ชาติเราแล้ว สิ่งนั้นเราจะทิ้งเสีย เราจะรวมกันไม่ว่าในเวลานี้ชอบกันหรือชังกัน เราจะถือว่าเราเป็นไทยด้วยกันหมดเราจะต้องรักษาความเป็นไทยของเราให้ยั่งยืนเราจะต้องรักษาพระพุทธศาสนาให้ถวาวรวัฒนการ อย่างที่เป็นมาแล้วหลายชั่วโคตรของเราทั้งหลาย"
(พระบรมราโชวาทเรื่องเทศนาเสือป่า)
อนึ่ง พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระราชนิพนธ์คำประพันธ์บทหนึ่งบ่งถึงความหมายของสีทั้งสามของธงไตรรงค์ ดังนี้
ความหมายแห่งไตรรงค์
ขอร่ำรำพรรณบรรยาย
ความคิดเครื่องหมาย
แห่งสีทั้งสามงามถนัด
ขาว คือบริสุทธิ์ศรีสวัสดิ์
หมายพระไตรรัตน์
และธรรมะคุ้มจิตไทย
แดง คือโลหิตเราไซร้
ซึ่งยอมสละได้
เพื่อรักษาชาติศาสนา
น้ำเงิน คือสีโสภา
อันจอมประชา
ธ โปรดเป็นของส่วนองค์
จัดริ้วเข้าเป็นไตรรงค์
จึ่งเป็นสีธง
ที่รักแห่งเราชาวไทย
ทหารอวตารนำไป
ยงยุทธ์วิชัย
วิชิตก็ชูเกียรติสยามฯ
(จากดุสิตสมิต ฉบับพิเศษ ๒๔๖๑ หน้า ๔๒)
๑๐. พระบรมราโชวาทของ
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
"แต่บ้านเมืองในลานนาถึงกาลวิบัติ พระพุทธศาสนาก็เศร้าหมองจงสงฆมณฑลเสื่อมทรามระส่ำระสายมาช้านาน...มาจนถึงรัชกาลสมเด็จพระปิยมหาราช พระบรมชนกนาถของเราจึงได้เริ่มทรงจัดการฟื้นพระพุทธศาสนาในมณฑลนี้มา โดยทรงพระราชดำริจะให้พุทธจักรและอาณาจักรเจริญรุ่งเรื่องสมกับสมัย เป็นต้นว่าในการสั่งสอนประชาชนทั้งหลายให้รัฐบาลเอาเป็นธุระสั่งสอนส่วนคดีโลก ให้พระสงฆ์รับภาระสั่งสอนส่วนคดีธรรมเป็นอุปการะแก่กันดังนี้ สมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชของเราก็ได้โปรดให้จัดการสืบมาโดยทางนั้น"
(พระราชดำรัสและพรบรมราโชวาทในการเสด็จพระราชดำเนินเสียบมณฑลฝ่ายเหนือและมณฑลพายัพ พุทธศักราช ๒๔๖๙, ทรงพระกรุณาโปรดกระหม่อยให้พิมพ์พระราชทานในงานบำเพ็ญพระราชกุศลสตมวารพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าร่ำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ ๗, ๒๕๒๗, หน้า ๓๖)
"ตามธรรมดาเด็กๆ จะเรียกแต่หนังสือเท่านั้นไม่พอ ถ้าเรียนแต่หนังสืออย่างเดียว ก็จะตรงกับที่โบราบท่านว่าไว้ว่า "วิชชาท่วมหัว เอาตัวไม่รอด" เราต้องเรียนอย่างอื่นด้วย ต้องฝึกกายวาจาใจ พระพุทธองค์ได้รับสั่งไว้เป็นพุทธภาตว่า" "ทนฺโต เสฏฺโฐ มนุสฺเสสุ" คือแปลว่า บุคคลที่ได้ฝึกหัดแล้วเป็นผู้ประเสริฐในหมู่มนุษย์..."
(พระบรมราโชวาทพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ในกระทรวงศึกษาธิการ, แนวพระราชดำริเก้ารัชกาล, โรงเพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว, ๒๕๒๘, หน้า ๒๕๖)
"ศาสนาจะเป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงน้ำใจ ให้ทนความลำบากได้ให้มีแรงที่จะทำการงานของตนให้เป็นผลสำเร็จได้ และยังเป็นยาที่จะสมานหัวใจให้หายเจ็ดปวดในยามทุกข์ได้ด้วย...พวกเราทุกๆ คนควรพยายามให้เด็กๆ ลูกหลายของเรามี "ยา" สำคัญ คือ คำสั่งสอนของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าติดตัวไว้เป็นกำลัง เพราะ "ยา" อย่างนี้เป็นทั้ง "ยาบำรุงกำลัง" และ "ยาสมานหรือระงับความเจ็บปวด"
(พระราชนิพนธ์คำนำของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ในทิศ ๖ หนังสือสอนพระพุทธศาสนาแก่เด็ก, โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร, ๒๔๗๔, หน้า ข.ฆ.)
๑๑. พระบรมราโชวาทของ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน
"ข้าพเจ้าขอแสดงความชื่นชมยินดีด้วย ที่สภายุวพุทธิกสมาคมแห่งชาติจัดให้มีการประชุมยุวพุทธิกาสมาคมทั่วประเทศขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เพื่อปรึกษาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน โดยยกเอาเรื่องการปลุกจิตสำนึกของชาวพุทธเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นศาสนาประจำชาติของเรา ขึ้นเป็นหัวข้อการประชุม...ชาวพุทธที่แท้จึงเป็นผู้คิดชอบปฏิบัติชอบอยู่เป็นปรกติอยู่ ณ ที่ใดก็ทำให้ที่นั่นสงบร่มเย็น มีแต่ความปรองดองและสร้างสรรค์ จึงเป็นโชคดีอย่างยิ่ง ที่ประเทศไทยเรามีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ ทำให้คนไทยทุกเชื้อนชาติศาสนาอยู่ร่วมกันด้วยความสุขมีความรักความปรารถนาดีต่อกัน มีการสงเคราะห์อนุเคราะห์ซึ่งกัน และมีความสมัครสมานสามัคคีกันเป็นอย่างดี การที่ยุวพุทธิกสมาคมได้ตี้งใจพยายามในอันที่จะปลุกจิตสำนกของชาวพุทธให้หนักแน่นมั่นคงในพระศาสนายิ่งขึ้น จึงเป็นสิ่งที่ดีมีคุณประโยชน์ทั้งแก่การจรรโลงพระพุทธศาสนา และแก่ส่วนรวมคือประเทศชาติอันเป็นที่เกิดที่อาศัย"
("พุทธธรรม" วารสสารของพุทธสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์, ปีที่ ๔๒, ฉบับที่ ๒๖๕, พุทธศักราช ๒๕๓๗)
"ข้าพเจ้าถือว่า พระพุทธนวราชบพิตร เป็นที่ตั้งแห่งคุณพระรัตนตรัยอันเป็นที่เคารพสูงสุด และเป็นทั้งบที่หมายของความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของประเทศไทยและคนไทยทั้งชาติ..."
(บทความในหนังสือ พระพุทธศาสนา ศาสนาประจำชาติไทย,คณะกรรมการจัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา, วิสาขบูชา, ๒๕๒๗, หน้า ๙๗)
"บัดนี้ ประเทศชาติกำลังพัฒนาในทุกด้าน และต้องการความสามัคคีความสงบเรียบร้อย ผลดีทั้งปวงดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้ด้วยประชาชนมีหลักของใจอันมั่นคง มีศรัทธาและปัญญาอันถูกต้อง และปฏิบัติตนอยู่ในทางที่เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม กรณีกิจอันสำคัญของท่านทั้งหลาย คือการส่งเสริมประชาชนให้มีพระรัตนตรัยและธรรมในพระพุทธศาสนา เป็นหลักของใจและความประพฤติ ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง"
(พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่ที่ประชุมสมาคมพุทธศาสนาทั่วราชอาณาจักรครั้งที่ ๑๗ วันที่ ๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒)
ในประวัติศาสตร์ไทย พระมหากษัตริย์ไทยพุกพระองค์ ทรงเป็นพุทธมามกะ รัฐธรรมนูญทุกฉบับก็ได้ระบุไว้ชัดแจ้ง ดังเช่นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ มาตรา ๙ บัญญัติว่า ไพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพุทธมามกะ และทรงเป็นอัครศาสนูปถัทภก" ซึ่งข้อความในวรรคหลังเป็นข้อความที่เนื่องกับวรรคแรก กล่าวคือ พระมหากษัตริย์ทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภกของพระพุทธศาสนา ดังเช่นที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อทรงประกอบราชพิธีบรมราชาภิเษกแล้ว ก็เสด็จไปวัดพระศรีรัตนศาสดารามทรงจุดเทียนทองธูปเงินเครื่องนมัสการพระมหาณณีรัตปฏิมากร และทรงรับศีล แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ประกาศพระองค์เป็นภาษามคธว่า ทรงรับเป็นพุทธศาสนูปถัมภกจะทำนุบำรุงพระบวรพุทธศาสนาให้วัฒนาถาวรสืบไป พระสงฆ์ถวายสาธุการขึ้นพร้อมกันครั้นแล้วพระสงฆ์ทั้งนั้นสวดถวายพระพร เสร็จแล้วจึงเสด็จไปนมัสการพระมหามณีรัตนปฏิมากรแล้วเสด็จ (กลับ) อย่าขบวนที่เสด็จเมื่อขามา"
(จากหนังสือพระราชกรณีกิจในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เล่ม ๑๐ โดยจมื่นอมรดรุณรักษ์, องค์การค้าของคุรุสภา, ๒๕๑๕, หน้า ๖๑)
สำหรับศาสนาอื่นๆ นั้น พระมหากษัตริย์ไทยทรงให้ความคุ้มครองศาสนาอื่นๆ และช่วยอุดหนุนตามความเหมาะสม
พระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ได้ทรงอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาอย่างดียิ่งตลอดมา โดยทรงอุปถัมภ์ในทุกๆ ด้านคือ ด้านศาสนะรรมก็ได้ทรงอุปถัมภ์การชำระและจารึกพระไตรปิฏก การศึกษาพระปริยัติธรรมตลอดจนการปฏิบัติธรรม ด้านศาสนาบุคคลก็ได้ทรงอุปถัมภ์คณะสงฆ์และการสถาปนาพระราชคณะ ซึ่งไม่เคยทรงสถาปนานักบวชในศาสนาอื่นๆ ทะนุบำรุงถาวรวัตถุทางพระพุทธสาสนา อีกทั้งทรงพระราชทานวิสุงคามสีมาให้แก่วัดในพระพุทธศาสนาเท่านั้น
อนึ่งพระราชกรณีกิจที่พระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ทรงบำเพ็จไม่ว่าจะเป็นงานพระราชพิธี งานพระราชกุศลและรัฐพิธี ล้วนแต่มีพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาเป็นหลักทั้งสิ้น แม้จะมีพิธีพราหมณ์ปนอยู่ พิธีพราหมณ์เหล่านั้นก็เป็นเพียงส่วนประกอบปลีกย่อยเท่านั้น จึงสรุปได้ว่าประเทศไทยแม้จะไม่ได้กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญอย่างชัดแจ้งว่าพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ แต่โดยพฤตินับและพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวเกี่ยวกับเรื่องความหมายธงชาติไทย ก็เป็นอันนับได้ว่าพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติของประเทศไทยมาแต่อดีต
อนึ่ง เครื่องชี้ชัดอีกประการหนึ่ง ที่ทำให้สิ้นความสงสัยว่าสถาบันศาสนาได้แก่ สถาบันพระพุทธศาสนาอันเป็นศาสนาอันเป็นศาสนาประจำชาติ จากพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลปัจจุบันในโอกาสเสด็จออกทรงผนวชเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๔๙๙ ว่า
"โดยที่พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติของเรา ทั้งตามความศรัทธาเชื่อมั่นของข้าพเจ้าเองก็เห็นเป็นศาสนาที่ดีศาสนาหนึ่ง เนื้องในบรรดาสัจจธรรมคำสั่งสองอันชองด้วยเหตุผล จึงเคยคิดอยู่ว่าถ้าโอกาสอำนวยข้าพเจ้าควรจักได้บวชสักเวลาหนึ่ง ตามราชประเพณีซึ่งจัดเป็นทางสนองพระเดชพระคุณพระราชบูรพาการีตามคตินิยมด้วย และนับตั้งแต่ข้าพเจ้าได้ครองราชย์ สืบสันตติวงศ์ต่อจากสมเด็จพระเชษฐาธิราชก็ล่วงมากว่าสิบปีแล้วเห็นว่าน่าจะถึงเวลาที่ควรจะทำความตั้งใจไว้นั้นแล้วประการหนึ่ง...จึงตกลงใจที่จะบรรพชาอุปสมบทในวันที่ ๒๒ เดือนนี้"
(จากหนังสือพระบรมราโชวาท)
นอกจากนั้น เมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๒๗ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงมีพระราชดำรัสตรัสต้อนรับโป๊ปจอห์น ปอล ที่ ๒ ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ความตอนหนึ่งว่า
"คนไทยเป็นศาสนิกชนที่ดีทั่วกัน ส่วนใหญ่นับถือพระพุทธศาสนาอันเป็นศาสนาประจำชาติ"
พระราชดำรัสและพระบรมราโชวาททั้งหลายที่ได้อัญเชิญมานี้ เป็นพระราชดำรัสและพระบรมราโชวาทของพระมหากษัตริย์ที่ทรงความสำคัญยิ่งหลายพระองค์ในทุกยุคทุกสมัย ได้ตรัสไว้ทำนองเดียวกัน จึงเป็นหลักฐานยืนยังที่ชัดเจนได้ว่า พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่บรรพบุรุษของเราได้ยอมรับนับถือเป็นศาสนาประจำชาติ และเป็นสถานบันหลักของสืบเนื่องติดต่อมา
การที่บรรพบุรุษของเราได้กำหนดให้สถาบันชาติ สถาบันพระพุทธศาสนา และสถาบันพระมหาษัตริย์ เป็นสถาบันหลักที่สำคัญนั้น ทำให้เรามองเห็นถึงพระปรีชาสามารถปราดเปรื่องของบรรพบุรุษของเราเป็นอย่างยิ่ง ว่าสถาบันดังกล่าวทั้ง ๓ สถาบันนี้จะขาดสถาบันใดสถาบันหนึ่งมิได้ ต่างอาศัยเกี่ยวพันซึ่งกันและกัน คือ
๑. สถาบันชาติ เครื่องหมายของความเป็นชาติย่อมมีส่วนประกอบหลายอย่าง แต่ส่วนประกอบสำคัญที่บ่งชี้ถึงความเป็นชาติได้แก่ขนบธรรมเนียม ประเพณีและวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของความเป็นชาติและตามที่กล่าวมาแล้วว่าโดยที่ประเทศไทยของเราได้ยอมรับนับถือพระพุทธศาสนาช้านานแต่โบราณ ทำให้ขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรม ตลอดจนเอกลักษณ์ของความเป็นชาติไทยตั้งอยู่บนพื้นฐานความเชื่อถือทางพระพุทธศาสนาเกือบทั้งสิ้น ฉะนั้นหากพระพุทธศาสนาได้รับความกระทบกระเทือนย่อมมีผลให้สถาบันชาติสั่นคลอนไปด้วย
๒. สถาบันพระมหากษัตริย์ โดยที่พระมหากษัตรย์ทรงเป็นพุทธมามกะตามกฏมนเทียรบาลและรัฐธรรมนูญ การที่ชนในชาติยังมีความเสื่อมใส ศรัทธายอมรับนับถือพระพุทธศาสนาอยู่ตราบใด ย่อมแสดงให้เห็นถึงการมีลัทธิความเชื่อถือที่สอดคล้องกับองค์พระประมุข มีพระรัตนตรัยเป็นสรณะสูงสุดร่วมกัน อันเป็นพื้นฐานความมั่นคงที่สำคัญ
๓. สถาบันพระพุทธศาสนา โดยที่เนื้อแท้ของสถาบันพระพุทธศาสนานั้น มิอาจตั้งอยู่ได้โดยปราศ่จากความอุปถัมภ์จากองค์เอกอัครอศาสนูปถัมภกและจากรัฐ เพราะพระภิกษุสามเณรซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของสถาบันนี้ เป็นผู้ทรงศีลเป็นผู้ขัดเกลากิเลส เป็นผู้เผยแพร่ประกาศพระศาสนาในฐานะศาสนทายาท มิได้ประกอบอาชีพการงาน เยี่ยงคฤหัสถ์ การดำรงสมณเพศต้องอาศัยชาวบ้านเมือง หากขาดการอุปถัมภ์ค่ำจุนจากรัฐและจากองค์พระประมุขเมื่อใด ก็ย่อมจะดำรงตั้งอยู่ไม่ได้เช่นกัน
ด้วยโครงสร้างของชาติไทยที่มีความผู้พันเกี่ยวเนื่องกับพระพุทธศาสนามาแต่อดีตอันยาวนาน จนคำสอนในพระพุทธศาสนากลายเป็นรากฐานของขนบธรรมเนียมจารีตประเพณีวัฒนธรรม ที่คนไทยทั้งชาติยึดถือร่วมกัน อีกทั้ง พระมหากษัตริย์ทรงเป็นพุทธมามกะตามกฎมนเทียรบาลและตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทำให้โครงสร้างความเป็นชาติไทย ซึ่งประกอบด้วยสถาบันหลักสามสถาบัน ได้แก่สถาบันชาติสถาบันศาสนาและสถาบันพระมหากษัตริย์ มีความสัมพันธ์อาศัยซึ่งกันและกันมิอาจแยกจากกันได้ หากขาดสถาบันหนึ่งสถาบันใดอีกสองสถาบันก็มิอาจดำรงอยู่ได้
ด้วยเหตุดังกล่าว รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกฉบับ จึงได้กำหนดให้เป็นหน้าที่ของชนชาวไทยทุกคนต้องรักษาไว้ซึ่งสถาบันทั้งสาม ดังเช่นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราชไทยพุทธศักราช ๒๕๔๐ มาตรา ๖๖ บัญญัติว่า "บุคคลมีหน้าที่รักษาไว้ซึ่ง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์"
จาก กระทู้ของคุณตาตะวัน
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=11973 |
|
|
|
  |
 |
ผ่านมา
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
29 เม.ย.2007, 1:35 pm |
  |
คนศาสนาอื่นนะถ้าออกมาคัดค้านการบัญญัติให้พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติก็คือศาสนิกชนชั้นเลวของศาสนานั้นๆ แหละครับแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้ที่มีจิตใจคับแคบมีจิตอิจฉาริษยา ถ้าหากเราจะมัวเกรงใจกับคนเลวๆ ประเภทนี้อยู่ประเทศชาติไม่มีวันเจริญหรอกครับ ที่ถูกต้องก็ควรที่จะร่วมอนุโมทนายินดีกับเราชาวพุทธที่ถึงจะถูกและจะเป็นเรื่องที่สวยงามอันแสดงถึงเป็นผู้ที่มีธรรมในใจของท่าน..
ลองอ่านพระราชนิพนธ์ของ ร.4 ดูครับ
คัดจากพระราชนิพนธ์ใน ร. ๔ ....
ประกาศพระราชทานส่วนกุศลทรงบริจาคเพชรใหญ่ประดับอุณาโลมพระแก้วมรกต
ประชุมประกาศรัชกาลที่ ๔ เล่ม ๑ องค์การค้าของคุรุสภา, ๒๕๒๘, หน้า ๘๒
ความว่า
".........การพระราชบริจาคอันนี้ทรงพระราชดำริเห็นว่า
ไม่ขัดขวางเป็นเหตุให้ท่านผู้ใดขุ่นเคืองขัดใจเลย
พระนครนี้เป็นถิ่นของคนนับถือพระพุทธศาสนามาแต่เดิม
ไม่ใช่แผ่นดินของศาสนาอื่น คนที่ถือศาสนาอื่นมาแต่อื่นก็ดี
อยู่ในเมืองนี้ก็ดี จะโทมนัสน้อยใจด้วยริษยาแก่พระพุทธศาสนาเพราะบูชาอันนี้ไม่ได้
ด้วยไม่ใช่เมืองแห่งศาสนาตัวเลย ถ้าโทมนัสก็ชื่อว่าโลภล่วงเกินไป........" |
|
|
|
|
 |
พุทธศาสนิกชน
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
01 พ.ค.2007, 6:21 pm |
  |
ผล VOTE - มติชน ล่าสุด (1 พ.ค. 50) คือ
ควรบัญญัติในรัฐธรรมนูญ 97.57% จำนวนโหวต 53,149 คะแนน
ไม่ควรบัญญัติในรัฐธรรมนูญ 2.43% จำนวนโหวต 1,325 คะแนน
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
เชิญร่วม VOTE/ ดูผล VOTE คลิกที่ :
http://www.matichon.co.th/poll/frm_oldpoll.php?id=19032007140603 |
|
|
|
|
 |
K.
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
10 พ.ค.2007, 6:27 pm |
  |
เอ... ถ้าจำไม่ผิด ศาสนาอื่นเข้ามาอาศัยอยู่เพราะความร่มเย็นของประเทศสยาม มิใช่หรือ และประชาชนบางพวกที่อาศัยอยู่ทางตอนไต้นั้น ได้นับถือศาสนาที่อยู่ใกล้เคียงเนื่องจากเพราะประเทศนั้นๆ ใกล้กันและการสื่อสารคล้ายๆ กัน แต่เขาเหล่านั้นก็เป็นคนไทย
ดังที่ผมเข้าใจก็คือ ในประเทศนี้ท่านจะนับถือศาสนาใดก็ได้ตามความสมัครใจ แต่ศาสนาที่คนส่วนใหญ่ในประเทศนับถือและถือเป็นศาสนาประจำชาติคือศาสนาพุทธ
ก็บรรจุไปเลย พวกต่อต้าน คิดแบ่งแยกและอกุศลไปเองรึเปล่าครับ |
|
|
|
|
 |
คนไทยรักชาติ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
11 มิ.ย.2007, 9:17 pm |
  |
ด่วน !!! เอกสารลับเฉพาะแปลมาจากภาษายาวี
นโยบายยึดครองประเทศไทย
(ปูเนาะออกันซีแย ปูเนาะไทยแลนด์)
กลยุทธ อัลกอฮ์ ฮู ฮัค บั๊ค ลาอีลลา ฮะ อีลลัลลอย์ (ไม่มีพระเจ้าอื่นใด มีอัลเลาะฮ์องค์เดียว)
การฆ่าคนเพื่ออิสลามไม่ผิด
เราทำเพื่ออัลลอย์ดังต่อไปนี้
1. การทำ มีเด๊าะ มาอ๊ะ (การขอโทษ) ของพวกมันไม่ต้องไปสนใจ เพราะมันทำเหมือน พวก มากันซูซู (เด็กกินนม) ดูแล้วโจ๊ก สรุปความเห็นของมุสลิมเราคือ เดาะเซาะ มีเด๊าะมาอ๊ะ (ไม่ต้องมา ขอโทษ) ยิ่งทำอย่างนี้มากเท่าไร พวกเราต้อง บูวะ วีซียะ (เก็บมันให้เรียบ) พื้นที่ใด ที่มันไม่ยอมให้ ดาวะจากจังหวัดอาเจะ ประเทศอินโดนีเซียเข้าไปปกป้องอยู่ด้วย ก็เตรียมจัดการเมื่อมันออกมาจากพื้นที่ เหมือนเก็บพวกอำเภอเบตง จังหวัดยะลา เก็บมันทั้งรถตู้เลย ง่ายดี แต่ต้องส่งสัญญาณให้มุสลิมเรารู้ตัว ถ้าเป็นมุสลิมนอกกรอบก็เก็บไปพร้อมกันเลย
2. การเสนอให้ปลดย้ายซะคาดู(ตำรวจ) และพวกกาเฟรซียัม(ข้าราชการ) ทหาร ให้มันย้ายที่ทำงานใหม่ มันจะไม่ชำนาญพื้นที่ จะทำให้เราฆ่ามันได้เพิ่มขึ้น อีกประการหนึ่ง เป็นธรรมชาติของไทยพุทธ มันไม่รักกัน ชอบแย่งชิงอำนาจ อิจฉาริษยากันเองอยู่แล้ว ถ้าเรารีบแต่งตั้งทหาร ตำรวจ ข้าราชการอื่นขึ้นมาใหม่ จะได้หลอกใช้พวกมัน เพราะมันได้ตำแหน่งใหม่ ๆ จะเหิมเกริม เราก็หลอกว่าจะให้ตำแหน่งมัน เพราะพวกมันบ้าอำนาจเห็นกันอยู่แล้ว ส่วนคนที่ถูกปลดไปก็จะน้อยใจ ก็จะเกิดการต่อต้าน จะทำให้มันไม่มีสติ จะทะเลาะกัน แตกแยกกันเอง
3. บอกคนของเราและคนไทยพุทธที่เราซื้อไว้แล้วให้ช่วยกันเสนอคุณสมบัติของผู้ที่จะเป็น ส.ส. โดยให้กำหนดคุณสมบัติให้ต่ำกว่าปริญญาตรี พยายามต่อรองให้ใช้วุฒิ ม.3 หรือ ม.6 ก็ได้ เพราะวุฒินี้สามารถซื้อได้จากกระทรวงศึกษาธิการ เพียงหัวละ 5 พันบาท การณ์นี้คิดเผื่อไว้ให้คนมุสลิมในพื้นที่ และมุสลิมที่มาจากนอกประเทศมาอยู่ในไทย 4 ปี 5 ปี พอพูดภาษาไทยได้ เมื่อซื้อวุฒิแล้ว ก็ลงเลือกตั้งได้และต้องได้แน่นอนเพราะมีเงินซื้อเสียงมากพอ ฉะนั้นที่นั่งในสภาจะตกเป็นของมุสลิมเรามากที่สุดโดยขั้นแรก เราต้องพูดกรอกหูไทยพุทธว่า เพื่อช่วยคนจนต่างจังหวัดให้ได้ลงเลือกตั้ง ให้ดูว่าทำเพื่อคนไทยไม่ใช่ทำเพื่อมุสลิมเรา
4. เรื่องปิดกั้น โค่นล้มศาสนาพุทธ ต้องทำต่อเนื่อง ให้จ้างคนพุทธและอาจารย์มหาวิทยาลัยและซื้อตัวผู้มีอำนาจทางการเมืองให้ช่วยเชียร์อิสลาม ปิดกั้นพุทธศาสนา ไม่ให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ อย่าลืม ขณะนี้อำนาจอยู่ในมือมุสลิมเรา ต้องรีบทำโดยจ่ายเงินซื้อคนพุทธ ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ นักหนังสือพิมพ์ เลือกผู้มีฝีปากดี ๆ ให้พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่เอาศาสนาพุทธ ไม่ต้องบัญญัติในรัฐธรรมนูญ เพราะจะสร้างความแตกแยก เราต้องใช้ความขี้เกรงใจของคนพุทธให้เป็นประโยชน์กับเรา
5. กรอกหูคนมุสลิมทุกคนที่นับถือศาสนาอิสลามและพูดภาษายาวีว่า เวลาพูดภาษาไทยต้องพูดให้เป็นเสียงเดียวกันว่า รัฐบาลไทยมาถูกทางแล้ว ให้สมานฉันท์กันต่อไป อดทนต่อไป ทั้งนี้ เพื่อดึงเวลาให้เราฆ่าคนพุทธและมุสลิมนอกกรอบให้สิ้นเสี้ยน ขณะเดียวกันเราก็ไปแทรกซึมทุกหมู่บ้าน ทุกตำบล ทุกอำเภอใน 6 จังหวัดภาคใต้ของไทย และจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวทุกจังหวัด เพื่อมุสลิมเราจะได้เปรียบเชิงยุทธศาสตร์และเศรษฐกิจอีกด้วย
6. ให้แกนนำบอกกันเหล่านักรบมุสลิม เราแต่งกายเลียนแบบทหาร ตำรวจ แล้วไปก่อการโจมตีกับพวกไทยพุทธและมุสลิมในพื้นที่บ้าน เพื่อสร้างความเข้าใจผิด เราก็โยนความผิดให้ทหาร ตำรวจ จากนั้นให้แกนนำมุสลิมลงไปในหมู่บ้าน จัดกลุ่มสตรี เด็ก ออกประท้วง ด่าตำรวจ ทหาร ในการประท้วงทุกครั้ง ต้องเขียนข้อความลงในแผ่นกระดาษแข็ง หรือเขียนลงบนผ้าขาว แล้วถ่ายลง CD หรือโทรศัพท์มือถือและส่งไปทั่วโลกว่า มุสลิมโดนรังแก
7. ทุกครั้งที่คนมุสลิมโดนจับ ไม่ว่าเขาผู้นั้นจะผิดหรือไม่ ให้ร่วมกันออกมาประท้วง โดยให้ผู้หญิงและเด็กออกมาประท้วงให้ปล่อยตัวผู้ถูกจับ ถ้าไม่ปล่อยก็ให้ก่อวินาศกรรม เผาสถานที่ราชการให้เสียหาย
8. การส่งคนอาหรับมาช่วยเราทำพาสปอร์ตปลอม เพื่อให้กลุ่มตาลีบันได้เข้ามาหลบซ่อนตัวในประเทศไทย เลือกดูจังหวัดที่สงบ เช่น สตูล เชียงราย อยุธยา สระบุรี นครสวรรค์นั่นแหละ เพราะพวกคนไทยมันโง่ มันไม่รู้หรอกว่าเป็นมุสลิมในพื้นที่หรือมุสลิมที่มาจากอัฟกานิสถาน อาหรับฯลฯ พวกคนไทยมันฟังภาษายาวียังไม่ได้เลย นับประสาอะไรจะไปฟังภาษาอื่น พวกมุสลิมที่มาจากนอก จะช่วยวางแผนด้านการก่อวินาศกรรมและโค่นประเทศไทยด้วย
9. เร่งประสานไปยังแกนนำควนโดนที่จังหวัดสตูล ให้หาคนกลุ่มหนึ่งไปประสานเรื่องโครงการแลกเปลี่ยนด้านความร่วมมือระหว่างอาหรับกับสถาบันราชภัฏทั่วประเทศ เราจะต้องอาศัยสถาบันราชภัฏเป็นที่ฝึกครูของพวกเรา ในทางกลับกัน เราก็ล้างสมองพวกอาจารย์ราชภัฏให้เห็นฝ่ายเดียวกับมุสลิมเรา ให้ซื้อตัวอธิการบดี แล้วเราจะได้ทุกอย่าง คิดดูว่าถ้าทุกราชภัฏในประเทศไทยมีคนมุสลิมได้เข้าเรียนมากและดำเนินตามแผนที่วางไว้ ประเทศไทยก็จะตกอยู่ในมือเราง่ายดาย มหาเดย์ สั่งว่า ให้เลือกไปติดต่อสถาบันราชภัฏในวันหยุดราชการ เพื่อพบอธิการบดีคนเดียว มุสลิมเราได้ ลงพื้นที่วางคนไว้ด้วย ตอนนี้ที่ราชภัฏ อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรีได้ผลดี อธิการบดีตกหลุมเราแล้วในโครงการธุรกิจการศึกษากับสถาบันในรัฐซาบา ประเทศมาเลเซีย
10. มหาเดย์ (มหาเดย์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย) ชมเชยกลุ่มนักรบฟาตอนีว่าทำงานได้ผลดีมาก จะได้เป็นใหญ่ทุกคน ให้เลือกแกนนำที่เข้มแข็งไปฝึกอาวุธ ให้คนมุสลิมเขมรช่วยเข้ามาจัดการกับคนพุทธที่จันทบุรีและตราด เราต้องการพื้นที่ 2 จังหวัดนี้เอาไว้ก่อการในเขมร เมื่อเรายึดไทยได้แล้ว เราจะยึดเขมร เราทำให้เหมือนทาง 3 จังหวัดใต้ของไทย คือเอาพวกมุสลิมจากอาเจะห์ ประเทศอินโดนีเซียและมุสลิมมาเลเซียมาก่อการร้ายในไทย เอามุสลิมเขมร,พม่าเข้ามาช่วยก่อการร้ายในไทย เมื่อได้ประเทศไทยแล้ว เราก็เอามุสลิมไทยที่เราฝึกไว้ไปรวมกับมุสลิมจากอาเจะห์, มุสลิมเขมร เข้าไปก่อการร้ายในพม่า เราก็ได้พม่า
11. มหาเดย์ ให้เลือกจังหวัดราชบุรีเป็นที่บัญชาการของเหล่านักรบ เพราะขณะนี้ทาง 3 จังหวัดใต้ อยู่ในมือเราแล้ว แย่งให้พวกแกนนำฟาตอนีลงมาแทรกซึมและแต่งงานกับคนไทยราชบุรี เพื่อดึงคนมาเป็นพวกมุสลิมในจังหวัดราชบุรี เราจะไม่ให้มีเหตุการณ์ร้าย แต่เราจะไปก่อการในจังหวัดนครปฐมและจังหวัดใกล้เคียงรวมทั้งในกรุงเทพฯ ขอสำทับว่าอย่าก่อการร้ายในจังหวัดราชบุรีเด็ดขาด เพราะใช้เป็นที่ซ่องสุมขุมกำลังและจะเอาเยาวชนมุสลิมมาลงที่ราชภัฏจอมบึง เหมือนกับที่เราไม่ก่อการร้ายในจังหวัดสตูล เพราะเราจะได้มีที่พบปะวางแผนกันในอำเภอควนโดนจังหวัดสตูล มหาเดย์จะมาพบพวกเราที่ จ.สตูล และพบกับเยาวชนกลุ่มหนึ่งที่เรียนดี จะให้รางวัลด้วยมือมหาเดย์เอง ไม่มีใครรู้หรอกว่า ชายแดนประเทศมาเลเซียที่ติดกับจังหวัดสตูลนั้น เราขนวัสดุและอาวุธกันมานาน ตั้งแต่ท่านอารีย์เป็นผู้ว่าฯ
12. ให้แกนนำที่มีสมองโต ไปบอกพวกมุสลิมกรุงเทพฯทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ให้ไปตีสนิทกับพวกหัวคะแนน ทั้งที่เป็น สก. สข. ถ้ามีโอกาสก็แต่งงานเอามาเป็นพวกเสียเลย เพื่อการเลือกตั้งในครั้งต่อไปมุสลิมกรุงเทพฯ จะได้รับเลือก ส่วนในต่างจังหวัดเลือกเอาจังหวัดที่มีเศรษฐกิจดี เป็นแหล่งท่องเที่ยวก่อน ให้มุสลิมแต่งงานกับพวก อบต. หรืออดีตผู้เคยเป็น ส.ส. ให้เลือกดูหนุ่ม ๆ อนาคตดีเหมือนที่เราได้อภิรักษ์มาเป็นพวก
13. การวางกำลังมุสลิมไว้ชายแดนไทย โดยกองบัญชาการในเขตภาคกลางของเราจะอยู่ที่จังหวัดราชบุรี เราจะวางคนมุสลิมเราไว้ 16 จุด เพราะราชบุรีเป็นจังหวัดเล็ก แต่เราจะเอาคนมุสลิมเราไปวางไว้ที่แหล่งท่องเที่ยวทั้งหมด 40 จุด เช่น อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เพื่อแพร่เข้าไปในพม่าด้วย โชคดีที่พระอุตมะที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของกระเหรี่ยงพุทธ มอญพุทธ เสียชีวิตแล้ว เอาคนของเราเข้าแต่งงานกับพวกนี้ แล้วย้ายกระจายไปที่อื่นด้วย กลืนมาเป็นมุสลิมให้หมด บริเวณไทรโยคให้เอาไปวาง 3 ครอบครัว อ.ทองผาภูมิ 3 ครอบครัว อ.ศรีสวัสดิ์ 5 ครอบครัว อ.สวนผึ้ง 5 ครอบครัว อ.บ้านคา 3 ครอบครัว อ.หนองปรือ 5 ครอบครัว อ.บ่อพลอย 5 ครอบครัว อ.พนมทวน 5 ครอบครัว อ.ท่าม่วง 3 ครอบครัว อ.ท่ามะกา 3 ครอบครัว จังหวัดสมุทรสาครและสมุทรสงคราม วางไว้ 42 จุด ตามชายฝั่งทะเล รายละเอียดดูตามแผนที่ประกอบ จังหวัดชลบุรี เน้นแหล่งท่องเที่ยวด้วย โดยเฉพาะศรีราชา หาดจอมเทียน บางละมุง แม้แต่ที่เกาะสีชัง เกาะยายเท้า เกาะค้างคาว เกาะขามเล็ก เกาะขามใหญ่ ฯลฯ คนมุสลิมที่จะเอาไปวางไว้ชายฝั่งทะเล ให้เลือกผู้ที่ชำนาญการประมงจาก อ.ปานาเระ อ.มายอ จ.ปัตตานี อ.เมือง จ.นราธิวาส และพวกเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อเขาเหล่านี้จะได้ออกทะเล หาปลาด้วย คุมพื้นที่ด้วย จังหวัดจันทบุรี ให้วางไว้ 34 จุด และจังหวัดตราด 31 จุด จุดใหญ่ที่จะประสานคือ ที่ อ.แก่งหางแมว เป็นที่รู้กัน มุสลิมเราซื้อที่ดินไว้นานแล้ว นอกนั้นวางมุสลิมให้อยู่รอยต่อตะเข็บชายแดนเพื่อฝึกอาวุธในเขตเขมร
แกนนำมุสลิมในอยุธยา สระบุรี ลพบุรี ให้ช่วยจัดมุสลิมไปวางไว้ที่ จ.นครนายก จ.ปราจีนบุรี ให้วางไว้ 25 จุดพอ เพราะไม่ใช่ตะเข็บชายแดน แต่ให้ทำธุรกิจท่องเที่ยวด้วย จ.สระแก้ว ให้วางไว้ อ.โรงเกลือ เพื่อทำการค้าและแพร่ไปในเขมรได้ง่าย ทั่วจังหวัดสระแก้ว วางไว้ 28 จุด อ.กบินทร์บุรี วางไว้ 25 จุด ส่งคนทำงานในโรงงาน ๆ ละ 2-3 คน อย่าให้มาก คนพุทธจะไหวตัว เขตนครราชสีมาวางไว้ 32 จุด
ในภาคอีสานทั้งหมด เน้นจังหวัดท่องเที่ยวและรอยต่อตะเข็บชายแดน เพื่อซื้อคนเขมร มาฝึกและคนเขมรให้ลงใต้ ช่วยก่อการร้ายใน 4 จังหวัดภาคใต้ของไทย
ภาคเหนือ แหล่งใหญ่อยู่ที่เชียงราย 7 พันกว่าคน ให้ถอนผู้ที่สมรสใหม่ ไม่มีบุตร เอาไปวางไว้อำเภอดอยปุย จ.เชียงใหม่ 5 จุด ทำร้านขายโรตี 1 ร้าน ร้านขายกาแฟ 1 ร้าน ขายเสื้อผ้า 2 ร้าน ขายของที่ระลึก 1 ร้าน เป็นที่น่ายินดีที่ร้านนี้ได้แต่งกับผู้หญิงชาวม้งพื้นที่ และหญิงม้งผู้นี้กำลังตั้งครรภ์แล้ว นอกจากนี้ได้ติดต่อผู้หญิงม้งอื่น ๆ ให้กับมุสลิมเราด้วย เป็นการเพิ่มมุสลิมดีจัง ให้มุสลิมเราไปก่อเหตุฆ่าม้งพื้นที่ ให้ออกไปหาเรื่องครอบครองร้านค้าของคนม้งให้หมด คนไทยพุทธมันไม่รู้หรอกว่าดอยปุยใกล้พระตำหนักภูพิงค์ฯ ไม่ถึง 3 กิโลเมตร หรือเพราะพวกมันไม่คิดว่าเราจะล้วงคอ งูจงอาง ฐานกำลังฐานเสียงของเราส่วนใหญ่อยู่ใกล้พระราชฐานทั้งนั้น รอเวลาอีกนิด เมื่อเลือกตั้งอีก 2 ครั้ง มุสลิมเราจะได้ที่นั่งมากกว่าไทยพุทธที่เคยได้แน่นอน
14. เรื่องเงินสำหรับคนมุสลิมที่ย้ายไปตั้งถิ่นฐานใหม่ในจังหวัดต่าง ๆ มหาเดย์บอกว่า ท่านมอบเงินให้ท่านวันนอร์มาแล้ว ให้จ่ายให้รายละ 3 แสน รวม 76 จังหวัด ถัวเฉลี่ยจังหวัด 30 ครอบครัว รวมเป็น 2,280 ครอบครัว รวม 684 ล้าน แต่ท่านวันนอร์ได้รับ 700 ล้าน ไม่เป็นไรส่วนที่เหลือเก็บไว้ก่อน เพราะเราจะเอามุสลิมไปวางไว้เพื่อทำการค้าที่เชียงแสนเพิ่มอีก เพราะมีร้านป้าเด๊ะร้านเดียว คนมาท่องเที่ยวมากมาย ต้องทำรายได้ทั้งหมดอยู่ในมือมุสลิมเราเท่านั้น
15. ในการประชุมที่เกาะลังกาวี ดร.วันกาเดร์ เข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย ท่านพูดว่าคนไทย มันโง่จัง เราพูดอะไรมันเชื่อหมด ให้มัน compromise (สมานฉันท์) มันก็ทำลูกเดียว ไม่กล้าแม้แต่จะแตะโจรมุสลิม ถูกจับตัวได้ ให้ดูว่าไทยมันโง่ขนาดไหน ดูมันปล่อยพวกที่จับได้เหมือนปล่อยเสือเข้าป่าไม่มีผิด นี่ถ้าเป็นประเทศมาเลเซียเราคงฆ่าทิ้งทั้งหมด อย่างดีก็จำคุกตลอดชีวิตฐานปรานี ท่านยังบอกเลยว่า ท่านวันนอร์ประสานงานในประเทศไทยดีมากตั้งแต่ปี พ.ศ.2510 เป็นต้นมา ประสานดึงนักศึกษามุสลิมทั้งประเทศมาประชุมกันที่จังหวัดสตูล ให้มารับเอาความรู้และโดนล้างสมองให้เกลียดประเทศไทย ต่อไปให้นักศึกษาไปประสานพ่อแม่ ญาติพี่น้องให้เดินทางมารู้จักแกนนำ จากสตูล ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และแกนนำประเทศมาเลเซีย ดูแล้วคนไทยมันโง่มาก ท่าน ดร.วันกาเดร์และมหาเดย์ (ดูสถิติ 2529-2530 จากรายชื่อนักศึกษามุสลิมในประเทศไทยที่ท่านวันนอร์หลอกลวงมาล้างสมองเพิ่มมากขึ้นระหว่างที่นายอารีย์ วงศ์อารยะ คุมกระทรวงมหาดไทย) ท่านชมว่าเก่งมาก ที่ท่าน วันนอร์ขอทุนจากรัฐบาลไทยได้ส่งเด็กมุสลิมเราจบด๊อกเตอร์จากอเมริกาหลายคน ตอนนี้อยู่ในมหาวิทยาลัยดัง ๆ ของไทย เป็นกำลังสำคัญช่วยเราวางแผนแบ่งแยกดินแดน เช่น อาจารย์ใน มหาวิทยาลัยศิลปากรใน ม.บางมด และม.อื่น ๆ ที่มากที่สุดที่ ม.สงขลานครินทร์โชคเข้าข้างมุสลิมดีจัง
16. ดร.วันกาเดร์และมหาเดย์ ขอให้แกนนำสมองโตไปเร่งให้ท่านสุรินทร์พิศสุวรรณ เร่งซื้อที่ดินชายทะเลเพิ่มมากขึ้น ที่ดินที่ซื้อไว้ที่ อ.ท่าศาลา ท่าแซะและอื่น ๆ รวมทั้งที่จะแนะ ให้รีบกั้นรั้วไว้ก่อน เพราะเมื่อลงมือทำโรงงานอาหารม่ายเอา...ม่ายพูดและอาหารฮาราลจะได้รวดเร็ว ท่าน ดร.วันกาเดร์บอกว่า ให้ ดร.สุรินทร์ นำเงินส่วนที่เหลือจากซื้อที่ดินไปสร้างธนาคารอิสลาม (สาขา) เพิ่ม และเงินอีก 500 ล้าน ท่านให้แจกแกนนำมุสลิมในกรุงเทพฯ พวกเขายังไม่ได้รับ เพราะกลุ่มพิราบขาวไปสืบถามมุสลิมทุ่มครุ หนองจอก มีนบุรี คลองตัน อิสรภาพ รวมทั้งกลุ่มมุสลิมที่ อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ และมุสลิมเชียงราย 7,200 คน ยังไม่ได้รับเงินเพื่อสร้างสุเหร่า ท่านสุรินทร์ พิศสุวรรณ เดินทางไปเชียงรายจริง มุสลิมเชียงรายบอกว่า ท่านเดินทางไปก่อนที่มกุฎราชกุมารประเทศไทยจะขับเครื่องบินไปเชียงราย 2 วัน ท่านไปสั่งการแบบเร็ว ๆ คร่าว ๆ และงานก็ทำไม่สำเร็จ ขอให้รู้ว่า มหาเดย์รู้ทุกอย่าง ก่อนท่านสุรินทร์ฯ จะขึ้นเครื่องบินกลับกรุงเทพฯ ยังแวะไปเที่ยวที่อูบคำใช่ไหม อูบคำเป็นที่แสดงวัตถุโบราณของคนไทยพุทธภาคเหนือ ท่านไปจริงไหม มหาเดย์ยังบอกว่าห่างกันเพียงอาทิตย์เดียว ท่านวันมูฮัมหมัด นอร์มะทา ได้ไปพบกับมุสลิมที่ อ.หางดง จังหวัดเชียงใหม่ และให้เงินไว้ 100 ล้านแรก เพื่อสร้างสุเหร่าให้ทั่วเชียงใหม่และ จ.ลำพูน แต่ท่านวันนอร์ก็ไม่ให้ครบ และเงินที่ให้จ้างคนพุทธโค่นล้มรัฐบาลก่อนก็ยังให้เขาไม่หมด ระวังเรื่องจะแดงขึ้นมา คนของท่านวันนอร์ก็ไปหลอกลวงขอเด็กหางดงลงไปปัตตานี ไม่สำเร็จเช่นกัน ขอให้เปลี่ยนตัวแกนนำโดยด่วน อย่าทำให้ไก่ไทยตื่น เพราะการณ์ข้างหน้ายังต้องทำต่อไป
17. ควรเพิ่มเงินในการซื้อฐานเสียงในภาคเหนือให้หมด คนภาคเหนือจะกลัวซะดาคู(ตำรวจ) จึงต้องซื้อตำรวจในภาคเหนือ อย่าลืมไปยุแหย่ผู้มีฐานะทางการเงินและ owner (เจ้าของกิจการ) ใหญ่ ๆ ให้เกลียดชังคนพุทธด้วยกัน และให้โค่นล้มรัฐบาลคนพุทธทุกครั้ง เช่น พูดให้เจ้าของ Outlet จ.เชียงใหม่ ซึ่งมี 4 สาขา เอาหนุ่มมุสลิมเข้าไปขอแต่งงานกับลูกสาว Outlet โดยด่วนแล้วดึงมาเป็นพวก เพราะเจ้าของ Outlet ฝีปากดีมาก คนเชื่อถือ ส่วนใหญ่ใน จ.ภูเก็ตและจังหวัดใหญ่ ๆ และต้องพูดให้เจ้าของโรมแรม เจ้าของกิจการไข่มุก เจ้าของกิจการภูเก็ตแฟนตาซี และกิจการก่อสร้างบ้านจัดสรรอื่น ๆ ให้เกลียดชังตำรวจ ทหาร เช่น ขณะนี้ ทหารไทยยึดอำนาจ และวางทหารเข้ามาสืบทอดอำนาจในทุกกิจการ เช่น เข้ามาเป็นบอร์ดในกิจการท่าอากาศยาน เป็นบอร์ดในการไฟฟ้า การประปา องค์การโทรศัพท์ บอร์ดในการสื่อสารโทรคมนาคม และอื่น ๆ ต้องกำจัดทหารออกไป ยุให้มันทะเลาะกัน แต่ตอนนี้อย่าเพิ่งพูดอะไร เพราะทหารมุสลิมของเราเป็นใหญ่ ไม่เช่นนั้นเราจะไม่รู้อะไรในกองทัพไทย แต่ถ้าเมื่อใดที่มุสลิมเราไม่ได้เป็นใหญ่ ก็ยุแหย่ให้มันทะเลาะกัน
18. มหาเดย์ สั่งให้แกนนำสมองโต (พวกฉลาดมาก) ไปพบทหารมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดของไทย ให้สร้างความหวัง และหลอกใช้อัศวินของไทย ทั้งตำรวจ ทหาร เป็นกระบอกเสียงให้ แต่เมื่อเวลาเสนอชื่อจริง ๆ ให้เป็นแม่ทัพทหารหรือเป็นอธิบดีต่าง ๆ ในเดือนตุลาคม 2550 ก็ให้เสนอชื่ออัศวินผู้อื่นที่มีอายุน้อยและถ้าเป็นมุสลิมก็ดีหรือที่ใกล้ชิด King Queen เป็นผู้รับตำแหน่งใหญ่สืบทอด (และให้โทษว่า King หรือ Queen เป็นผู้เลือก) เพื่อหวังการณ์ข้างหน้า เราจะได้พึ่งในการได้ข่าว และการดักโจมตีก่อการร้ายในจังหวัดอื่นๆของเรา ขณะนี้ได้ข่าวว่ามีอัศวิน 3-4 คน กำลังบ้าอำนาจมาก และเต้นตามลมปากของมุสลิมผู้เป็นใหญ่ของเรา ขอให้ผู้ประชุมทุกคนเก็บความลับ คอยดูคนไทยบ้าอำนาจตีกัน
19. เรื่อง Public Health Center (สถานีอนามัย) ใน 3 จังหวัดภาคใต้ เมื่อเผาแล้ว เรียกร้องให้ไทยมันสร้างใหม่ ให้มันเสียเงินมาก ๆ เราจะได้สถานีใหม่ ๆ และให้เลี้ยงเด็กมุสลิมเป็นอย่างดี ดูเรื่องอาหารการกิน ของคาวหวาน นม ต้องมีให้พร้อม จากการส่งสายลับไปดูเปรียบเทียบแล้ว เด็กมุสลิมเรากินอยู่ดีกว่าเด็กไทยพุทธมาก เด็กไทยพุทธกินข้าวราดแกงจืดอย่างเดียวไม่มีขนม เรื่องโรงเรียนก็เช่นกัน เมื่อเผาไปแล้ว เรียกร้องให้มันสร้างใหม่ให้ได้ ให้บอกว่าเพื่อเอาใจมุสลิมพื้นที่
20. ขอให้ผู้มีอำนาจของพวกมุสลิมเราส่งสัญญาให้กลุ่มแกนนำที่ไทยมันเรียกว่า โจรก่อการร้าย ได้รู้ว่า ทหารไทยมันมีจุดอ่อนอย่างไรบ้าง เช่น ไม่มีเสื้อเกราะ ไม่มีความชำนาญภาคสนามรบ จำนวนคนน้อย และไม่มีการวางแผนการสู้รบ โดยเฉพาะเมื่อเด็กมุสลิมเราถูกเกณฑ์ทหารไป ก็ขอให้มีการบรรยายพิเศษเรื่องยุทธศาสตร์การสู้รบของไทยมัน และหรือให้ผู้มีอำนาจของเราซื้อทหารคนพุทธ ให้มันเล่าวิธีการสู้รบของมัน เรารู้วิธีของมันมากแล้วก็จริง แต่มันอาจหลุดอะไรใหม่ ๆ ก็ได้ และการให้ข่าวทำลายขวัญของมัน เช่น มีทหารในพื้นที่ขอย้าย 6,000 นาย มีครู ข้าราชการอื่น ๆ ขอย้ายหมื่นคน และผู้สื่อข่าวที่เราซื้อตัวไว้นั่นแหละให้เป็นผู้ถามนำให้ประชาชนมุสลิมเราเป็นผู้ตอบ ดีต่อกลุ่มนักรบเรา แต่ผลเสียต่อนักรบไทย
ต้องพยายามผลักดันให้มุสลิมเรา โดยเฉพาะอารีย์ วงศ์อารยะ ได้ลงพื้นที่แล้วพูดให้สับสน ไม่ให้ทหารฟังแม่ทัพของไทยมัน เพราะตอนนี้มันเริ่มรู้ทางเรา ขอให้แกนนำใหญ่สุดของกลุ่มสมองโตลงประกบตัวแม่ทัพภาค 4 คนนี้ด้วย พยายามพูดให้มันไขว้เขวอีกคน และให้คนของเรา ไปบอกข่าวเท็จกับมัน เพื่อดึงความสนใจก่อนที่มันจะรู้ที่ซ่อนอาวุธของเรา สุดท้าย มหาเดย์ ตรีมอกาเซะ(ขอบคุณ) มาให้กับมุสลิมที่ดีทุกคน พร้อมย้ำคำว่า อาเมะ วีซียะ ซะลาลู (เก็บมันให้เรียบ)
21. เร่งให้ฝ่ายหญิงมุสลิมที่แต่งกายชุดสีดำให้หมดทุกคน ผู้ชายสวมหมวกทุกคน ไม่ให้ซ่อเกะหลุดจากหัว แม้แต่เวลาละหมาด ผู้หญิงสวมผ้าตาละโก่ง ผ้าฮิญ๊าบสำหรับโพกหัวก็ให้เป็นสีดำ เพราะสีดำเป็นสัญลักษณ์ของศาสนาอิสลามนิยายซีอะของเรา ให้เข้ากับความดุร้าย ให้พิราบข่าวไปแจ้งผู้นับถือนิกายสุหนี่ให้ทั่วด้วยว่า มหาเดย์ สั่งมา ใครไม่ปฏิบัติ ให้ประสานไปที่ลูกเขยสกุลหิมะทองคำ เขารับเรื่องการแต่งกายที่เป็นเอกภาพอยู่ และเราต้องการให้ประเทศไทยที่นับถือศาสนาอิสลาม เปลี่ยนเป็นนิกายชีอะทุกคน ให้เหมือนกับมุสลิมในประเทศอินโดนีเซีย บรูไนและมาเลเซีย เพราะเราต้องเอาใจผู้ให้เงินนิกายซีอะ และตอนนี้ มหาเดย์เองก็เปลี่ยนเป็นชีอะแล้ว
22. มหาเดย์ ขอให้แกนนำช่วยกันคิดในการสร้างปัญหาต่าง ๆ ให้เกิดกับทุกภูมิภาคของไทย เพราะการเสริมกำลังจากจังหวัดอาเจะ ประเทศอินโดนีเซีย จะหาช่องทางมาสมทบกับกลุ่มอาเจะเดิมในไทย ซึ่งถูกฆ่าตายไปบ้างนั้นยากขึ้น เพื่อให้การก่อการร้ายต่อเนื่อง จำเป็นต้องเคลื่อนกำลังจากอาเจะเข้ามา แต่ทหารไทยตรึงกำลังหนาแน่น ทำให้เคลื่อนเข้ามาไม่ได้ จะมาทางเรือจากเกาะลังกาวี มาเลเซีย เข้าจังหวัดสตูลก็ไม่ได้ เพราะทหารเรือและตำรวจจับตา ฉะนั้นขอให้เปิดฉากอะไรก็ได้ในจังหวัดอื่น ๆ หรือใน 3,4 จังหวัดของไทย เพื่อดึงความสนใจไปที่อื่น และอีกประการหนึ่ง ให้สร้างความเสียหายให้ประเทศไทยให้มากที่สุด ให้มันใช้จ่ายเงินในเรื่องที่ไม่สมควรจ่าย จะทำให้เงินที่มันจะให้ค่าเบี้ยเลี้ยงทหาร ค่าซื้ออาวุธปืน ลูกปืนไม่มีเงินซื้อ ต้องทำให้ไทยมันเลือดไหลหมดตัว ขอย้ำว่า ถ้าไม่มีอะไร ก็ให้เผาป่าก็ยังดี หรือทำให้น้ำเกิด pollution (เป็นพิษ) ทางน้ำ ทางอากาศ บอกมุสลิม ผู้เป็นใหญ่ของเรา อย่าเพิ่งจ่ายเงินพิเศษค่าตำแหน่งให้ครู เพราะเราจะยุยงให้พวกครูประท้วง ถ้ามุสลิมผู้เป็นใหญ่ของเราไม่ได้เป็นใหญ่ต่อไป ทุกอย่างต้องดึงเกมส์ไว้ก่อน
23. บริษัทเชฟรอนของเรา ได้สำรวจปิโตรเลียมในอ่าวไทยและอ่าวพม่า ยังมีทรัพยากรน้ำมันและก๊าซธรรมชาติมากมาย รวมทั้งแร่อีกหลายชนิด ถ้ามุสลิมเราได้ 3 จังหวัดใต้ คือ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ยังไม่พอ เราคนเอาคนมุสลิมเราไปวางไว้ในระนอง พังงา กระบี่ พัทลุง ตรังและสงขลา เพิ่มให้มากขึ้น แต่เดิม มหาเดย์ บอกว่าเอา 3 จังหวัด แต่ตอนนี้เปลี่ยนใหม่แล้วว่า เอาด้ามขวานประเทศไทยทุกจังหวัดก่อน และจะคืบคลานให้คนไทยเป็นมุสลิมทั้งประเทศ
24. แกนนำด้านการวางแผนเชิงกลยุทธ์ทุก ๆ ด้านของมุสลิมเราได้ผลดีเยี่ยมทุก ๆ กลยุทธ และขอเน้นย้ำว่า กลยุทธใดที่มุสลิมเราจะเพลี่ยงพล้ำ ก็ให้ joint venture (เข้าร่วมเป็นมิตร) ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไป อย่าให้คนไทยพุทธรู้ตัว แต่ในทำนองเดียวกัน ก็บรรจุสิ่งที่มุสลิมเราต้องการลงในรัฐธรรมนูญของประเทศไทยให้เต็มที่ให้มากที่สุด เราได้เปรียบไว้ก่อนหลาย ๆ ด้าน สมองของคนไทยพุทธเทียบเท่ากับสมองลือมูและกูบา (วัว ควาย) เท่านั้น จะสู้สมองนักวางแผนของมุสลิมเรา 300 กว่าคนได้อย่างไร เมื่อรวมสมองของ ดร.มหาเดย์และ ดร.วันกาเดร์ เข้าไปด้วยแล้ว การเข้าครอบครองไทยง่ายนิดเดียว เหมือนกระพริบตา
25. การเพิ่มคนมุสลิมให้เร็วและจำนวนมาก ต้องให้มุสลิมแต่งกับพม่า เขมร ลาวที่เข้ามาในประเทศไทย เป็นโอกาสดีของมุสลิมเราที่มีพวกนี้มากมายเข้ามาทำงานในประเทศไทย ให้มุสลิมชาย 1 คนแต่งกับพวกนี้ ภายในปีเดียวชายมุสลิม 1 คน จะมีลูกได้ถึง 4 คน รวมแม่อีกหนึ่งเป็น 5 คน ใน 1 ปี มุสลิม 1 ล้านคนจะเพิ่มพลเมืองได้ 5 ล้านคน ภายใน 10 ปี จะเพิ่มเป็น 50 ล้านคน หลังจากนั้น เร่งให้เด็กอายุครบ 12 ปี แต่งงาน เพิ่มเป็น 60 ล้านคน ภายใน 12 ปีเท่านั้น เราจะเพิ่มมุสลิมได้มากกว่าไทยพุทธอีกเท่าตัว เรื่องนี้เก็บเป็นความลับอย่าให้รั่วไหล ไม่ต้องจดบันทึกก็ได้ให้รู้กันในหมู่มุสลิมเท่านั้น
26. อาวุธปืนที่ได้จากอำเภอเจาะไอร้อง ทางเราได้กระจายกับครบ 4 จังหวัด แต่ที่ให้จังหวัดสงขลาน้อยเพียง 30 กระบอก เพราะมหาเดย์บอกว่า ทางปัตตานี 90 กระบอก นราธิวาส 90 กระบอก และยะลา 90 กระบอก มีความจำเป็นต้องใช้ และถ้าทางสงขลาต้องการอะไร ทั้ง 3 จังหวัดจะร่วมด้วยทันที เร็ว ๆ นี้แหละคงถึงเวลาที่มุสลิมใน จ.สงขลา จะได้แสดงให้เห็นว่า พื้นที่ของเราก็มีความเข้มแข็ง ให้เร่งสร้างคนเพิ่มให้มาก ๆ ขอให้สงขลาใจเย็น ๆ อาวุธจะเข้าทาง จ.สตูล รวมที่สะสมไว้ที่ อ.ควนโดน จะส่งมาให้พร้อม ๆ กับส่งไปจอมบึง จ.ราชบุรี
27. มหาเดย์ ขอแสดงความชื่นชมแกนนำมุสลิมในจังหวัดสงขลาที่เร่งสร้างสุเหร่าได้ถึง 145 สุเหร่า ภายในเวลาอันรวดเร็ว ดีมากที่ทำให้คนพุทธนึกว่า เรามีประชากรมุสลิมเยอะดี จริง ๆ แล้วสุเหร่า 1 สุเหร่า ต่อมุสลิมเราเพียง 20 คนเท่านั้น ขอให้เร่งขยายการสร้างสุเหร่าไปยังจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวให้ทั่วไทย
28. ส่วนการเงินในการสร้างสุเหร่า มหาเดย์ จะมอบให้บุคคล 3 คน ที่มีอำนาจในประเทศไทยเป็นผู้นำไปมอบให้ เรื่องสร้างสุเหร่านี้ เงินช่วยจากยุโรปมีมาก โดยเฉพาะผู้นำมุสลิมในประเทศนอร์เวย์ สวีเดน ให้มาคราวละ 1,000 ล้านเหรียญมาเลเซีย หรือราว 10,000 ล้านบาท โดย ดร.วันกาเดร์แห่งรัฐกลันตัน เป็นผู้ดูแลเงิน โดยมอบหมายให้ท่านวันมูฮัมหมัดนอร์มะทา และท่านสุรินทร์ พิศสุวรรณ เป็นผู้นำมาให้แกนนำสร้างสุเหร่าในประเทศไทย เรื่องนี้คนใกล้ชิดของผู้ว่าราชการที่มีนามสกุล มินทราศักดิ์ ได้เงินเกินกว่าครึ่ง ในการสร้างสุเหร่าและที่ละหมาดทั่วประเทศไทย แสดงให้เห็นว่า ใครเป็นมุสลิมที่ดีอยู่ในโอวาทมหาเดย์แล้ว จะได้รับการสนับสนุนให้มีเงินและมีอำนาจในประเทศไทย
29. ให้ลงมืออุ้มฆ่าอาจารย์มหาวิทยาลัยที่เป็นมุสลิม เลือกดูอาจารย์มุสลิมที่มีนักศึกษารักและเคารพมาก และ (ทูวอ) มีอายุหน่อย แล้วโยนความผิดให้รัฐบาลไทย ขอให้ผู้ที่จะไปปฏิบัติการแต่งชุดตำรวจหรือทหารเข้าไป เพื่อจะให้ดูเสมือนว่ารัฐบาลไทยส่งคนมาอุ้มฆ่า นำศพเข้าไปไว้ในที่มิดชิด เช่น กูโบ แล้วจึงเคลื่อนย้ายเข้ามาในมาเลเซียต่อไป จะได้ไม่พบศพ อย่าลืมว่าก่อนเข้าไปชวนอาจารย์มุสลิมออกมา ให้ไปถามอาจารย์คนไทยพุทธและอาจารย์มุสลิมในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ให้พูดภาษาไทยอย่าพูดภาษายาวีเด็ดขาด ในขณะที่ถามให้มีพยานเห็นสัก 3-4 คน ระวังตัวด้วย พอลับตาพยาน 3-4 คนนั้น จึงดำเนินการตามการฝึกมาและเคยทำมาบ้างแล้ว
30. มหาเดย์สั่งว่า ขอให้มุสลิมเราที่เป็นนายอำเภอ ปลัดอำเภอ รองผู้ว่าฯ และผู้ว่าราชการจังหวัด เมื่อสบช่องโอกาสให้เปลี่ยนชื่อถนน ตรอก ซอก ซอย หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ เป็นภาษายาวี ให้หมด และถ้ามีการจัดสร้างอาคารร้านค้า สถานที่ท่องเที่ยวใหม่ ๆ ให้ใช้ชื่อเป็นภาษายาวีเท่านั้น
31. ให้เรียกร้องให้ใช้ภาษายาวีเป็นภาษาทางราชการ จริงอยู่ ถึงแม้ภาษายาวีเป็นภาษาที่ไม่มีตัวอักษรเป็นภาษายาวี ก็ให้แจ้งรัฐบาลไทยไปว่า สามารถใช้อักษรภาษาอังกฤษแทนได้ แล้วมุสลิมเราจะใช้คำภาษายาวีทั้งหมด มาจากประเทศมาเลเซีย ขอให้เตือนพวกที่ทำใบปลิวแจกด้วย ให้ทำการเขียนเรียกร้องสนับสนุนให้มีการใช้ภาษายาวีควบคู่กับภาษาไทยไปก่อน ยังไงรัฐบาลต้องให้อยู่แล้ว เพราะเกรงใจบิ๊กสนธิ บุญยรัตกลินของเรามาก
32. เป็นที่ยินดีที่สุดของชาวมุสลิมมลายูที่เรามีองค์รัชทายาทขึ้นครองรัฐฟาตอนีของเราแล้ว อีกไม่นานองค์รัชทายาทที่เราเตรียมการกันไว้ เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของมุสลิมแท้ ๆ ที่เกิดจากธิดาสาวของ ส.ส.ปัตตานี และเกิดจากเลือดเนื้อเชื้อไขของสุลต่านรัฐกลันตันของพวกเราไง สุตต่านเราจะอบรมให้ท่านอยู่ในศาสนาอิสลามยึดอัลเลาะเพียงองค์เดียว และจะให้ท่านมีจริยวัตรงดงาม นอบน้อมถ่อมตน ไม่เย่อหยิ่งกับประชาชนมุสลิม เพราะถือตนว่าเป็นลูกเจ้า
33. แผนที่ประเทศไทยใหม่รัฐฟาตอนีดารุสซารามที่แจกให้ในวันนี้ เพื่อให้กลุ่มแกนนำได้นำไปแจกจ่ายให้มุสลิมทั่วประเทศไทยได้ดูกันไว้เป็นกำลังใจ กำชับพวกมุสลิมว่าเก็บเป็นความลับอย่างสุด ๆ ไม่เช่นนั้นถ้าเรื่องแตก การครอบครองประเทศไทยของเราจะช้าออกไปอีกมา
34. เรื่องปั๊มน้ำมันปิโตรนาสของมุสลิมเรา เราต้องช่วยกันสนับสนุนการข่าวบางอย่าง ก็ให้ติดต่อได้ที่ปั๊มปิโตรนาสของเรา แจ้งให้มุสลิมทุกคนรับรู้ อย่าเติมน้ำมันปั๊มอื่น ๆ
35. เรื่องการใช้ลำโพงและหอกระจายข่าวในสุเหร่าทุกแห่ง ขอให้ทำให้เหมือนกันทุกสุเหร่า ให้เปิดเสียงดังให้สุด ๆ ก่อกวนให้คนพุทธมันขายที่ดินย้ายไปที่อื่น ๆ มันทนไม่ได้แน่ ๆ เพราะเราทำละหมาดกันวันละ 5 เวลา ในตอนนี้มันยิ่งไม่กล้าพูดเพราะบิ๊กบังสนธิเราเป็นใหญ่ และโชคดีที่ประเทศไทยไม่มีกฎหมายห้ามส่งเสียงดังรบกวนเพื่อนบ้านเหมือนประเทศยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่นและจีน ประเทศไทยมันยังโง่มาก กฎหมายการสร้างสุเหร่าก็ยังไม่มี มหาเดย์สั่งว่า ให้มุสลิมที่เป็นใหญ่ออกกฎหมายห้ามสร้างวัดไทยเพิ่ม
36. เรื่องการสร้างโรงเรียนเอกชนของมุสลิมเราในกรุงเทพฯและจังหวัดใหญ่ ๆ ให้รีบสร้าง เพราะถ้าไทยมันปิดปอเนาะเราก็สอนตาดีกา ในโรงเรียนเอกชนของเราได้ตอนนี้ มหาเดย์ ชมมากเรื่องปอเนาะ ในอำเภอลาดบัวหลวง จังหวัดอยุธยาที่ดึงเด็กพุทธและปลุกมุสลิมได้เก่งจริง ๆ และคนของเราได้เป็นครูใหญ่ อาจารย์ใหญ่ ผู้อำนวยการโรงเรียนกันมากมายในอยุธยา สระบุรี ลพบุรี ราชบุรี และจังหวัดอื่น ๆ อีกมากในกระทรวงศึกษาธิการมายาวนาน แต่เป็นที่น่าเสียดายที่เกษียณราชการไปแล้ว แต่ก็ไม่เป็นไร เราค่อยหาทางเดินหมากวางคนของเราคุมกระทรวงอื่นต่อไป
37. ในกรณีที่คนไทยมันรู้ทางเรา รู้ไส้เรา ให้มุสลิมผู้เป็นใหญ่ของเราพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นแผนการ discredit (ทำให้เสื่อมเสีย) จะได้ดูว่าเป็นแผนการของกลุ่มอำนาจเก่าและทำให้มันรวมกันไม่ติดด้วยซ้ำ ทำอย่างไรก็ได้ให้มันแตกกันมาก ๆ การทำเช่นนี้จะเป็นผลดีกับอิสลามเรา โดยเฉพาะให้เงินปิดปากผู้มีอำนาจที่เป็นพุทธและให้เงินพรรคการเมือง ซื้อของกำนัลให้เจ้าใหญ่ นายโตของประเทศไทย เพื่อเก็บมาเป็นคนข้างเราให้หมด การเดินหมากใกล้ชิดคนมีฐานะและมีอำนาจเข้าไว้ดีที่สุด
38. เร่งส่งเด็กจบใหม่ของเราเข้าไปสู่วงการสื่อมวลชน โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ เราจะได้ลดวงเงินในการซื่อสื่อเพื่อเป็นกระบอกเสียงของเราให้ลดลง และจะได้เพิ่มการกระพือข่าวที่ไม่ดีของประเทศไทย ของราชวงศ์ไทย ก่อการร้ายในไทย การเขียนข่าวบิดเบือนว่ามุสลิมโดนรังแกให้เพิ่มมากขึ้น เป็นการตัดเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงไทยอยู่ทุกวันนี้คือการท่องเที่ยวจะได้เปลี่ยนนักท่องเที่ยวให้เข้าไปมาเลเซียและอินโดนีเซีย
39. ให้เข้าขัดขวางการร่วมมือสร้างถนนเชื่อมต่อประเทศจีนกับไทย ให้ไปยุแหย่ประเทศพม่า ลาว กัมพูชา ให้ทะเลาะกับไทย ขอให้ทำลายไทยทุกวิถีทาง
40. ต้องให้อาจารย์มุสลิมในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ของไทย เปลี่ยนประวัติศาสตร์ โดยการเรียกร้องให้เปิดโครงการจัดตั้งสถาบันสมุทรรัฐเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา แล้วบิดเบือนประวัติศาสตร์ของประเทศไทยให้แสดงให้เห็นว่า เดิมดินแดนแถบนี้เป็นของมลายู ที่ต้องตั้งโครงการนี้เพราะต่อ ๆ ไป เมื่อเวลาผ่านไปนาน ๆ มันจะเป็นเรื่องจริงที่ปรากฏเป็นหลักฐาน เพราะคนไทยมันไม่เขียนหลักฐาน เราเขียนไว้ผู้อ่านเขาจะเชื่อเรา เมื่อมีชาวต่างชาติอื่น ๆ มาอ่าน ก็จะพากันเชื่อว่าเราถูกไทยรุกราน โกงแผ่นดิน ทั้ง ๆ ที่เราจะโกงมัน ถ้ามันมีหลักฐานอะไรก็ให้นักศึกษาเรายืมหนังสือประวัติศาสตร์นั้น ๆ ไปทำลายทิ้งเสีย ทุก ๆ ที่ที่มีประวัติศาสตร์ไทย
41. เรื่องอิหม่ามและอุสต๊าส ในไทยจะต้องมีวิชาความรู้ โดยส่งไปเรียนที่สถาบันราชภัฏจอมบึง ให้อุสต๊านและอิหม่ามทุกคนไปฝึกภาษามลายูที่รัฐซาบา ประเทศมาเลเซีย เพราะเป็นโครงการร่วมมือกัน อิหม่ามจะได้มีความรู้เอาไว้สู้กับพระสงฆ์ของไทย ถึงอย่างไรเสียพระสงฆ์ไทยก็มีช่องให้เราโจมตีอยู่แล้ว เพราะอิหม่ามของเรามีภรรยาได้ พระสงฆ์มีจุดอ่อนตรงนี้
42. วัดใดที่โดนเผาและทำลายไปแล้ว ให้ต่อต้านไม่ให้สร้างขึ้นใหม่ ให้เพิ่มการสร้างสุเหร่าของมุสลิมเราแทนที่วัดเท่านั้น ส่วนบริเวณที่ดินเดิมให้สร้างกูโบ (ที่ฝังศพของมุสลิม) ลงแทนที่วัดเดิม
43. การจ้างคนพุทธแต่งกายเป็นมุสลิมโดยเฉพาะในวันพิธีสำคัญของไทย โดยจ่ายค่าจ้างไปคนละ 2,000 บาท เพราะภาพที่ออกมาทางสื่อโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ จะทำให้เห็นว่าประเทศไทยก็เป็นมุสลิมทั้งประเทศ เป็นการข่มขู่คนไทยและประเทศที่เป็นคริสต์ศาสนาไว้ก่อน สำหรับเสื้อผ้าที่จะแต่งกาย ขอให้มุสลิมกลุ่มกรุงเทพฯและในจังหวัดต่าง ๆ ช่วยกันจัดหาให้ไปก่อนเพื่อดูดี การเงินเบิกได้ที่แกนนำมุสลิมประจำจังหวัด การจ้างคนเขมร ลาว พม่า มาทำงานในร้านอาหารของมุสลิมเรา ก็ให้แต่งกายแบบมุสลิม
44. ให้ทำวุฒิบัตร Transcript ปลอมให้กับผู้ที่จะเป็นอาจารย์อัตราจ้างหรืออัตราประจำ เน้นให้บรรจุลงใน 3 จังหวัดที่ขาดแคลนก่อน เพราะผู้ที่พิจารณาเป็นพวกเรา เสร็จแล้วก็ให้ขอย้ายไปประจำในมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ทั่วประเทศเพื่อช่วยมุสลิมเรา และเพื่อการเปลี่ยนแปลงข้อมูลในสถาบันและจังหวัด
45. ให้ลงมือฆ่าผู้ที่ไปให้ความร่วมมือกับข้าราชการในโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาล หรือพวกที่ให้ความร่วมมือกับท่านผู้หญิงและทหาร ข้าราชการไทย ทำอย่างไรก็ได้ให้ Queen และ King ของประเทศไทย เดาะ ซูกอ ฮาดี (ไม่ชอบใจ, ไม่สบายใจ) จะทำให้ มหาเดย์ ซูกอ ฮาตี และเป็นการสกัดกั้นคนมุสลิมพื้นที่ให้ด้อยโอกาส ด้อยพัฒนาไปด้วย จะได้เชื่อฟังกลุ่มเราหมด
46. ให้แกนนำของเราไปควบคุมคนงานในโรงงานปลาป่น โรงงานอุตสาหกรรมอื่น ๆ บังคับให้จ่ายให้กลุ่มแกนนำเราคนละ 200 บาทต่อเดือน ห้ามมันเปิดปากบอกกับฟาร์ซิยัม และซะคาดู ไม่เช่นนั้นจะโดนเก็บและแกนนำบังคับให้ทุกคนแต่งกายด้วยเครื่องแบบมุสลิม คือผู้ชายสวมหมวกซอเกะ ส่วนผู้หญิงให้โพกผ้าฮิญ๊าบ ถ้าเป็นพวกพม่า เขมร บอกด้วยว่าเสื้อผ้ามุสลิมเป็นเกราะป้องกันตำรวจ ทหารและข้าราชการไทยได้ ตำรวจไม่กล้าจับ และเงินที่ได้ในส่วนนี้จะเก็บรวบรวมไว้ก่อการร้ายต่อไป
47. ขอให้แกนนำด้านการศึกษา ไปลบชื่อ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานีออกไป ขอให้ใช้ชื่อว่า มหาวิทยาลัยปัตตานีเฉย ๆ ถึงแม้จะเปิดเป็นมหาวิทยาลัยมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2510 แล้วก็ตาม คณาจารย์เก่า ๆ ก็ตายไปหมดแล้ว และเพื่อให้ชื่อสมเด็จพระราชบิดาหมดไป ขอให้คณาจารย์มุสลิมแสดงท่าทีแข็งแกร้าว อย่างไรเสียไทยมันไม่กล้าแน่นอนต้องยอมเรา ที่เราต้องทำอย่างนี้เพราจะให้ต่างชาติเห็นว่า เราเป็นมุสลิมเก่งเป็นเอกภาพเดียวกัน คนไทยมันไม่รู้แผนการของเราหรอก เราซื้อท่านวิจิตร ศรีสะอ้านได้แน่ ๆ
48. ขอให้คณาจารย์มุสลิมทุกมหาวิทยาลัย ทำลายงานวิจัยและประวัติศาสตร์ของประเทศไทย เน้นมากที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ให้เขียนและบิดเบือนประวัติศาสตร์รัฐปัตตานี ถึงแม้จริง ๆ มันเป็นของประเทศไทย เราต้องบิดเบือนให้ได้แล้วลง Internet ให้คนได้ได้อ่านกันให้ทั่วว่า ประเทศไทยโกงดินแดนของพวกเรา โดยให้เขียนประวัติราชอาณาจักรมลายูปัตตานี เรียกเป็นภาษายาวีว่า สยาเราะกือราญาอันมลายู-ปัตตานีขึ้นมา และให้แปลเป็นภาษาไทยด้วย โดยให้ผู้เขียนเป็นคนมุสลิมเรา ผู้แปลก็เป็นคนมุสลิมเรา ส่วนงานวิจัยทั้งเชิงประวัติศาสตร์ที่คณาจารย์ไทยทำไว้เดิมให้ทำลายทิ้ง เช่นเรื่อง 1) เหตุใดคนตากใบ จ.นราธิวาสและคนปานาเระ จ.ปัตตานี จึงพูดใช้คำราชาศัพท์เหมือนกัน 2) งานวิจัยเรื่องสาเหตุใดคนไทยในตำบลโต๊ะโมะ อำเภอแว้ง จ.นราธิวาส จึงรู้เรื่องการทำเหมืองทองเป็นอย่างดี 3) งานวิจัยเรื่องคนไทยในรัฐไทรบุรี ปะริด กลันตัน และตรังกานู รู้สึกอย่างไรเมื่อถูกแบ่งแยกดินแดนมาอยู่กับประเทศมาเลเซีย และงานวิจัยอื่น ๆ อย่าให้มีเหลือไว้ แม้แต่เล่มเดียวในหอสมุดเคเนดี้ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
49. ในการลง Internet ทุกเรื่องให้มุสลิมเราที่มีความรู้ภาษาอังกฤษดี เขียนเป็นภาษาอังกฤษกำกับด้วย เพื่อให้ต่างชาติอ่านจะได้เคลือบแคลงและต่อว่าไทยว่า ยึดครองแผ่นดินเราจริง ๆ เมื่อมีการตัดสินหลักฐานทุกอย่างแสดงว่าเป็นของมุสลิมเรา เราก็ได้เป็นเจ้าของ ตอนนี้ต้องหลอกล่อมันทุกวิถีทาง ว่าทำเพื่ออัลลอฮ์ มันจะได้มีกำลังใจ จำไว้ว่า เราจะรับไว้กลุ่มเดียวเท่านั้นในดินแดนไทยคือ ธิดาของ ส.ส.ปัตตานีผู้ให้กำเนิดรัชทายาท ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับนายวันนอร์ นายเด่น โต๊ะมีนา นายนิฮูเซ็ม สุไลมาน กลุ่มมุสลิมกรุงเทพไม่เคร่ง เราไม่เอา แต่เราหลอกใช้มันไว้ก่อน
อัสลามูอาลัยกุม วาเราะห์ มาดุลลอ ฮีวา บารอกาคุหุ อัลฮัมคุลิยาฮุ
แท้จริงการสรรเสริญเป็นลัทธิของอัลลอฮ์เพียงผู้เดียว เราขอสรรเสริญพระองค์
ข้อมูลทั้งหมดนี้เป็นอันตรายต่อประเทศชาติมาก เมื่ออ่านจบแล้วช่วยถ่ายเอกสาร ช่วยกันเผยแพร่ ส่งต่อให้ประชาชนได้รู้โดยทั่วถึงกัน จะได้ช่วยกันรักษาบ้านเมือง |
|
|
|
|
 |
redhores
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 10 ก.ค. 2007
ตอบ: 2
|
ตอบเมื่อ:
12 ก.ค.2007, 9:50 am |
  |
ชาวพุทธไทยเรายังไม่คุ้นกับบางศาสนาที่เขามีอุดมการณ์ฝังใจว่า ต้องไป "เปลี่ยน" ให้คนทั้งโลกมานับถือแบบเดียวกับเขา คนไทยมีใจพุทธยังรักและเมตตาต่อผู้มาเยือนเสมอ
ลองไปถามชาวพุทธศรัลังกา เวียตนาม เกาหลีใต้ ฯลฯ ที่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของคนพวกนี้ดูก็จะรู้ว่ามันเป็นยังไง
คนไทยยังไม่คุ้นจริง ๆ ครับ
คำว่าศาสนาทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดีนั้นเป็นคำที่คิดขึ้นมาเพื่อ "สมานต์ฉันท์" เท่านั้น เป็นการคิดเพื่อเอาใจให้ชาติทั้งชาติไม่แตกแยกเท่านั้น
ขณะที่เรายิ้มแย้มเปิดโอกาส เปิดกว้างให้พวกอื่นเผยแพร่โดยเสรี ขณะเดียวกันพวกเขากลับปิดกั้น บางประเทศคนไทยเข้าเมืองไปทำงาน พอด่านเขาตรวจพบพระเครื่องเขาหยิบเขวี้ยงลงถังขยะเลยแหละ
ผมเคยอ่านพบข้อเขียนของมุสลิมคนนึง มีคนถามเขาว่า ถ้ามีเรื่องที่ต้องเปลี่ยนอวัยวะใน รพ. ถ้ามุสลิมกับศาสนาอื่นมาพร้อมกัน เขาจะให้ใคร
เขาบอก บัญญัติบอกว่าต้องให้มุสลิมก่อน คนอื่นช่างมัน
ขณะเดียวกันชาวพุทธเราไม่แบ่งเขาแบ่งเรา คนไทยยังไม่คุ้นจริง ๆ
คัมภีร์ตำราของเขา ที่เขานำมาแสดงนั้นดูดี แต่ดูดีเป็นท่อน ๆ เท่านั้น เขาเลือกเอาท่อนที่ดีแล้วดีมาเผยแพร่ ท่อนที่ป่าเถื่อนสั่งฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เขาซ่อนเอาไว้ และพยายามแปลงเพื่อให้ดูดีกันอยู่
ต้องอ่านบริบททั้งเล่มของเขาครับจึงจะรู้ว่า ความเมตตา ความสันติ ฯลฯ ฯลฯ
เหล่านี้เขามีเพื่อให้คนในปกครองของเขากระทำต่อ "พวกเดียวกัน" เท่านั้น ไม่นับรวมพวกอื่น ถ้าอ่านดี ๆ จะพบว่า ใครไม่เปลี่ยนศาสนาเป็นแบบเขา เขาด่าเป็นสัตว์เดรัจเฉานเลย (เป็นเช่นนั้นจริง ๆ)
คนไทยยังไม่คุ้นจริง ๆ ครับ
ชาวพุทธไทยเรา เห็นคำว่า "ศาสนา" ก็วาดภาพไปก่อนว่า มันต้องดีงาม มันต้องอุดมไปด้วยความเมตตาและสันติ
สิ่งที่สามารถช่วยให้คนไม่หลงผิดได้คือการศึกษาครับ
เขาปิดกั้นไม่ให้คนอื่นและพวกตนเรียนรู้ คือเรียนรู้อย่างใช้สมอง
ในคัมภีร์ของเขาพูดว่า ทำไมเจ้าไม่ศรัทธาในพระเจ้า ทำไมเจ้าไม่ใช้ปัญญาบ้างเล่า
ใช้ปัญญของเขาคือาอะไร ก็ใช้ปัญญาได้เพียงอย่างเดียวคือ
จะใช้ปัญญาอย่างไรให้เชื่ออย่างสนิทใจ ห้ามนอกใจ ให้ใช้ปัญญาพิจารณาว่าทำยังไงถึงจะเชื่อต่อไปและเห็นแก่พวกพ้องต่อไป ใช้ปัญญายังไงจะทำให้คนทั้งโลกเปลี่ยนมาเป็นแบบตัว
นี่คือ "ปัญญา" ของเขา
ดังนั้น การศึกษาคือสิ่งจำเป็น จำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะรู้เท่าทันและลืมตามองโลกอย่างที่มันเป็นจริง
การเอาอกเอาใจใช้ไม่ได้กับคนพวกนี้ เพราะอุดมการณ์ที่เขาฝังใจมานับพันปีก็คือ
การเปลี่ยนให้คนทั้งโลกมานับถือแบบตัวเอง
***********
โปรดอย่างเพิ่งเชื่อข้อคิดเห็นของผม โปรดหาตำรับตำรามาศึกษา โดยปราศจากการครอบงำอย่างอคติ อย่าเพิ่งเชื่อเมือ่คุณเห็นว่าผมพูดน่าเชื่อ เพราะมันจะไม่เกิดประโยชน์อันใดเลยถ้าทำเช่นนั้น
จะไม่มีใครเชื่อผมก็ได้ แต่สิ่งที่ผมหวังก็คือ ให้คนอ่านรู้จักใช้ความคิดของตัวเองโดยปราศจากการครอบงำของอดคติและตำรับตำราที่กดหัวเอาไว้ไม่ให้คิดเอง ไม่ให้ใช้ปัญญา (แบบพุทธนะครับ)
แม้จะด่าผม ไม่เชือ่ผม แต่ถ้าสมองของท่านเกิดกระบวนการเรียนรู้ และขับดันให้เกิดการสอบทวนหลักฐาน ค้นคว้าหาข้อเท็จจริง อย่างที่มันเป็นจริง ๆ
สิ่งนั้นคือสิ่งที่ผมพอใจแล้ว |
|
|
|
  |
 |
NongBua
บัวใต้ดิน

เข้าร่วม: 10 ก.ค. 2007
ตอบ: 21
|
ตอบเมื่อ:
23 ก.ค.2007, 7:09 pm |
  |
เราอาจจะไม่ได้ศึกษาข้อดีข้อเสียของการบัญญัติพระพุทธศาสนาให้เป็นศาสนาประจำชาติสักเท่าไหร่นะ
ตั้งแต่เราเกิดมาเราก็ไม่เคยรู้หรอกว่า เค้าได้บัญญัติเอาไว้ในรัฐธรรมนูญหรือเปล่า
แต่เราก็ยังยึดถือหลักธรรมคำสั่งสอนตามหลักพระพุทธศาสนาเสมอมา
เรารู้แค่ว่า "ธรรมะอยู่ที่ใจ" สาธุ |
|
|
|
  |
 |
boom_2530
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 16 พ.ค. 2007
ตอบ: 7
|
ตอบเมื่อ:
11 ส.ค. 2007, 10:20 am |
  |
|
    |
 |
|