|
 |
|
กำลังอ่านอยู่ : 8 คน |
|
|
|
|

นอกจากบุญกิริยาวัตถุ
10 แล้ว เรายังทำบุญให้กับตัวเองได้นั่นคือ ทำความเย็นให้กับชีวิตตัวเองได้อีก
โดยการมีพรหมวิหาร 4
พรหมวิหาร
คือ ที่อยู่ของพรหม หมายความว่า ทำแล้วเป็นสุขเหมือนพรหมในวิมาน
มี 4 อย่าง
1.
เมตตา อยากให้ผู้อื่นเป็นสุข
2.
กรุณา อยากให้ผู้อื่นพ้นทุกข์
สองข้อนี้คู่กันเพราะเมื่อเราอยากช่วยผู้อื่นเป็นสุข เราก็ช่วยเมื่อช่วยแล้วเขาก็พ้นทุกข์
การช่วยก็ทำเท่าที่เป็นไปได้ แม้แต่ช่วยพูดให้กำลังใจ หรือช่วยฟังเขาระบายความทุกข์ใจ
ก็เป็นวิธีหนึ่งด้วยการได้ช่วยเหลือผู้อื่นเมตตา เมื่อปฏิบัติเป็นประจำ
จะพบว่าเป็นความสุขใจอย่างยิ่ง
นอกจากนี้
การแผ่เมตตา ก็เป็นสิ่งที่ควรทำบ่อย ๆ เมื่อกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลเสร็จแล้ว
ก็แผ่เมตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
จงเป็นสุข ๆ เถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย จงมีความสุขกายสุขใจ
รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด
การกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศล
ทำเมื่อทำบุญเสร็จ คือ มีกุศลไว้ให้อุทิศแล้วจึงอุทิศ
แต่แผ่เมตตานั้นแผ่ได้ทั้งวัน

เช้ามางัวเงียยังไม่ตื่น
หมาข้างบ้านเห่าเสียงขรม 7 ตัว ก็แผ่เมตตาให้หมา เพราะไม่อยากโมโหแต่เช้า
กลางคืนจะนอนมอเตอร์ไซค์มาแข่งแรลลี่กันหน้าบ้าน ก็แผ่ให้มอเตอร์ไซค์
กลัวมันไม่ตาย เอ๊ย ! กลัวมันตาย แผ่เมตตาให้มันกลับไปหลับไปนอนเสียที
เจอใครทำอะไร ก็แผ่ ๆ เข้าไปเถอะ เมตตามีเยอะ แผ่ได้แผ่ดี เพราะว่าแผ่ฟรี
แล้วจะได้สบายใจ
3.
มุทิตา ยินดีกับความสำเร็จของผู้อื่น
ฟังดูง่าย แต่บางคนก็ยินดียาก เห็นคนอื่นสำเร็จแล้วอิจฉา ความอิจฉาริษยาเป็นคู่ตรงข้ามของมุทิตา
เราจะฝึกข้อนี้ได้ โดยคิดว่า ไม่มีใครในโลกนี้น่าริษยา เพราะต่างก็เวียนว่ายอยู่ในสังสารวัฏนี้ด้วยกันทั้งสิ้น
สงสารกันเถอะ ดังนั้น ที่ทำสำเร็จในวันนี้ ก็ยินดีด้วย อย่างน้อยก็มีเรื่องดีใจกันบ้างเล็ก
ๆ น้อย ๆ ในระหว่างทุกข์มหาศาลของการเวียนว่ายตายเกิด
4.
อุเบกขา การวางเฉย
เมื่อเราช่วยผู้อื่นไม่ได้แล้วหรือช่วยไม่ไหวแล้ว เราก็ต้องวางเฉยให้ได้
คิดว่าถึงเวลาที่เขาจะต้องรับกรรมของเขาเอง ใครช่วยรับกรรมแทนไม่ได้
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม การวางอุเบกขาไม่ใช่เรื่อง่าย ท่านว่าคนที่มีใจกรุณามาก
ๆ จะวางเฉยเมื่อเห็นผู้อื่นทุกข์ร้อนไม่ได้เลย วางเฉยไม่ลง ไม่เป็นสุข
ร้อนใจ แต่ก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไร
ฉันเคยเรียนถามอาจารย์
วศิน อินทสระ ว่า ความใจดำกับการวางเฉย มันตัดตอนกันตรงไหน
ท่านตอบว่า ความใจดำคือช่วยได้ แต่ไม่ได้คิดช่วย แต่การวางเฉยคือ ช่วยไม่ได้แล้วก็เลิกช่วย
ท่านพุทธทาสให้นิยามว่า
อุเบกขา คือ จ้องดูอยู่
ดูว่าช่วยได้เมื่อใด จึงเข้าช่วย
ในการปฏิบัติธรรมจริง
ๆ นั้น ถ้าท่านไม่ชอบศึกษามาก ก็เพียงแต่รักษาจิตไม่ให้หวั่นไหว ไม่ยินดียินร้ายกับกุศลอกุศลที่เกิดขึ้น
คอยระวังใจให้สงบเข้าไว้ แล้วถือพรหมวิหาร 4 มาใช้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะกับเรื่องใด
ๆ และกับใคร ๆ รวมทั้งตัวเอง ก็เพียงพอแล้วที่จะทกให้ชีวิตสงบสุข ไม่ต้องแสงหาข้อธรรมมากก็ได้ตามต้องการ
และเมื่ออยากทำบุญ หลวงพ่อชาก็สอนว่า
การทำบุญ คือการละบาป เพียงเท่านี้
ละบาปเสียก็ได้บุญแล้ว
|