แสวงหาธรรม
รอบรั่วธรรม ในสวนธรรม ละความโกรธ กรรม การทำบุญให้ทาน ภารกิจของหิ่งห้อย
 
 กำลังอ่านอยู่ : 8 คน

หยุดความโกรธที่กลับมาใหม่
 

            ความกรุณาของธรรมชาติที่มีต่อคนเรานั้น น่ามหัศจรรย์นักข้อหนึ่งในหลาย ๆ ข้อนั้นก็คือ คนเราคิดได้ทีละเรื่อง

            ในขณะที่เราใจจดใจจ่อคิดเรื่องใดอยู่นั้น เราจะคิดเรื่องที่สองพร้อมกันไม่ได้ บางคนอาจจะเถียงว่าไม่จริง เขาคิดพร้อมกันสองเรื่องได้ แต่ถ้าสังเกตอย่างละเอียดลงไป ในทุกขณะจิต เราจะพบว่าที่คิดว่ากำลังคิดสองเรื่องพร้อมกันนั้น ก็ยังเป็นการคิดสลับกันเรื่องนั้นทีเรื่องนี้ที เหมือนที่เราจะพูดออกมาครั้งเดียวสองคำไม่ได้นั่นเอง เพียงแต่คำว่าคิดพร้อมกันนั้น เราหมายถึงช่วงหนึ่งของเวลานั้น เราคิดสองเรื่อง

            คุณประโยชน์ของข้อนี้ เรานำมาช่วยเบียงเบนความสนใจของเราได้ เช่น เมื่อเราโกรธเรื่องของนายคำรณ เราไม่อยากจมอยู่ในความโกรธ เราก็รู้ทันและหยุดตัวเอง หันไปคิดถึงนางสาวพลอยสีแทน ใจก็จะต่อความยาวไปเรื่อย ๆ เราก็จะทิ้งนายคำรณไว้เบื้องหลัง เป็นการเดินออกมาจากความโกรธวิธีหนึ่ง

            บางคนเดินไม่ออก ใจบอกว่าหยุดคิดแล้ว แต่สมองยังกลับดื้อ คิดต่อ “ เนี่ย มาทำอย่างนี้ได้ไง ไม่รู้จักมีเหตุผลซะมั่งเลยแล้ว…” อย่างนี้ก็ต้องออกกำลังกายใน ขย่มความคิดใหม่ว่าให้หยุดได้แล้วอีกที แล้วบอกกับตัวเองว่า

            “ เรื่องมันเก่าไปแล้ว เราไม่คิดเรื่องนี้ไม่สมควรแก่เรา “ นั่น ยกตนข่มท่านไปเลย ความจริงการยกตนข่มท่านเป็นเรื่องไม่ดี แต่อย่างที่ท่านพุทธทาสสอน “ ในที่ดีมีเสีย ในที่เสียมีดี “ เรายก

            ตนข่มท่านครั้งนี้ เราไม่ได้ไปบอกใคร ไม่ได้ไปก้าวร้าวใครที่ไหน เรานึกอยู่แต่ในใจของเรา เพื่อจะสลัดเรื่องนั้นในความคิดให้หลุดไปให้จงได้ในขณะนั้น

            เท่าที่ใช้มาก็ได้ผล แต่ก็ไม่รับรองผลเป็นสากล คนอื่นอาจจะไม่ได้ผล ก็แล้วแต่เหตุปัจจัยไป

            บางทีเรื่องมันผ่านไปนานแล้ว แต่ยังกลับมาคิดอีก โกรธใหม่เหมือนกำลังเกิดขึ้นตรงหน้า พิจารณาดูก็เป็นเรื่องน่าเศร้า ที่ตัวเราแท้ ๆ แพ้ความคิดตัวเอง ใจสั่งใจไม่ได้อย่างที่เพลงเขาบอก ทำให้ทุกข์หวนกลับมาเป็นลมหวนอยู่เสมอ

            เมื่อเจอแบบนี้ ฉันจะใช้วิธีจินตภาพ ตามแบบของนักจิตวิทยาที่เคยเขียนไว้ในหนังสือเกี่ยวกับการใช้พลังแห่งการนึกภาพให้เหมือนเกิดขึ้นจริงกับเรา เพื่อเยียวยาจิตใจให้เปลี่ยนไปสู่สภาพจิตที่ต้องการ

            ฉันจะนึกภาพจักรวาลมีกล่องเสี่เหลี่ยมวางเรียงกันเป็นสายยาวเหมือนรถไฟ แต่ละกล่องนั้นเป็นเหมือนช่วงเวลาหนึ่ง ๆ ขณะที่ฉันยืนอยู่ตรงนี้ กล่องที่เรียงกันอยู่นี้ ก็เคลื่อนห่างออกไปในจักรวาล มันเป็นกล่องเวลาที่ไม่มีวันหวนกลับมาอีก ดังนั้น เมื่อความคิดจากวันเวลาเก่า ๆ ดีดตัวมายืนตรงหน้า มาพาให้น้ำตาให้ไหล มาระบมความคิดให้เจ็บให้โกรธ ฉันก็จะโยนมันกลับเข้าไปในกล่องที่ไกล ๆ แล้วนึกให้ฝากล่องมันปิดลง และใส่กุญแจ นึกว่าให้เรื่องนั้นอยู่ในกล่องของเวลาของมันเอง เช่น ใส่ลงไปในกล่องที่เขียนว่า 10 ปีที่แล้ว เรื่องของ 10 ปีที่แล้ว ก็ให้มันอยู่ในกาลเวลาของ 10 ปีที่แล้วนั่นแหละ และก็เลื่อนไกลไปเรื่อยบนสายพาน

            กาลเวลาที่ไม่เคยหยุดนิ่ง พาเรื่องนั้นไกลออกจากเราไปเรื่อย ๆ และไม่ยอมให้มาอยู่ในความคิดของวันนี้ และเสริมด้วยการหันเหไปหาเรื่องที่ต้องคิดต่อไป เพื่อดึงความสนใจ

            เรื่องที่ดึงความคิดได้ดีที่สุดก็คือเรื่องงาน พอคิดถึงงานปัญหาต่าง ๆ ของงานก็จะตามมา ทำให้เรามีเรื่องต้องคิดเยอะเลย สมกับคำท่าพุทธทาสที่ว่า “ งานคือชีวิต ทำงานให้เป็นสุข สนุกกับการทำงาน “ ฉันได้ข้อคิดมาจากรายการโทรทัศน์ว่า “ การมีปัญหาไม่ใช่เรื่องสำคัญ เรื่องสำคัญอยู่ที่ว่าเราจะแก้ปัญหายังไง “ การหาทางแก้ปัญหานี่เอง คือ ความสนุกของงาน

            ความจริง ความโกรธนี่ก็เป็นของไม่เที่ยง ตามสัจธรรมของธรรมชาติ โกรธแล้วก็ตั้งอยู่แล้วก็หายไป แต่ที่มันโกรธนาน ก็เพราะเราดังไว้เอง มันจะเลิกโกรธแล้ว แต่เราก็ไม่ยอมหยุดคิด คิดต่อไปเรื่อย ๆ ก็โกรธไปเรื่อย ๆ ดังนั้น ถ้าเราอยากจะเลิกนิสัยโกรธนี้ ก็เพียงแต่อย่าดื้อไปดึงไว้ ละความสนใจเสีย ความโกรธก็ต้องหายไปตามธรรมชาติ ยิ่งฝึกปรือนาน ๆ ความเย็นที่ได้รับแต่ละครั้งมันจะสะสมไว้ เราจะเย็นขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อฝึกจนได้ระยะ ได้ปริมาณและคุณภาพแล้ว มันจะเริ่มแผ่รังสีมาคลุมตัวเรา ทำให้เราหายโกรธเร็วขึ้นเรื่อย ๆ จะกลายเป็นโกรธง่ายหายเร็ว และพัฒนาไปเรื่อย ๆ จนโกรธยากหายเร็ว และในที่สุดก็ไม่โกรธ

            ความเย็นนี้จะสัมผัสได้ด้วยใจจนน่าแปลกใจ และเป็นความสุขอย่างยิ่ง ต้องขอโฆษณาเหมือนการท่องเที่ยวเลยว่า ไม่ลองไม่รู้นะ


<< กลับหน้าที่ผ่านมา
หน้าถัดไป >>
แสวงหาธรรม
รอบรั่วธรรม ในสวนธรรม ละความโกรธ กรรม การทำบุญให้ทาน ภารกิจของหิ่งห้อย

หน้าแรกธรรมจักร l กลับเรือนธรรม