แสวงหาธรรม
รอบรั่วธรรม ในสวนธรรม ละความโกรธ กรรม การทำบุญให้ทาน ภารกิจของหิ่งห้อย
 
 กำลังอ่านอยู่ : 8 คน

หยุดด้วยความคิด
 

        สายลมเย็นของแม่น้ำพัดมาให้ชื่นใจ ชีวิตรู้สึกสวยงามน่ารักยามที่ได้นั่งพักผ่อนริมสายน้ำ เป็นความตระหนักที่ทำให้ต้องขอบคุณธรรมชาติ ที่ความสงบงามของมันสยบความพยศของเราลงได้ ทำให้ใจมีเวลาสงบสุข เรียกว่าเป็นช่วงพักหายใจ

             ท่านพุทธทาสเคยสอนว่า “ ให้เข้มแข็งเหมือนสายน้ำ และให้อ่อนโยนเหมือนสายน้ำ “

             อารมณ์ของเราก็เหมือนสายน้ำ โดยเฉพาะอารมณ์โกรธยิ่งมีสภาพคล้ายสายน้ำ

             ยามความโกรธหลับไหล ผิวน้ำสงบนิ่งเหมือนน้ำในอ่าวที่ไม่มีคลื่นลม มีเพียงปลายน้ำกระทบหาดเบา ๆ ส่งเสียงกระซิบ แซะ แซะ ขับกล่อมอ่อนหวาน

             ยามความโกรธลงสู่ลูกหลานมาโลดเต้น เช่น พวกความหงุดหงิดรำคาญใจ ก็เหมือนยามมีคลื่นลมตามชายหาดสาดซ่า ที่พวกเด็ก ๆชอบไปเล่นเรือกล้วยหอมโต้คลื่นเบา ๆ กัน น้ำกระเพื่อมไม่มีวันหยุด เหมือนใจที่พอหงุดหงิดแล้ว ก็ไม่ยอมเลิก ค่อย ๆ ทำตัวเหมือนน้ำถูกต้ม

             แต่ยามที่ความโกรธลุกขึ้นมาอาละวาด ใจเปลี่ยนเป็นยักขมูขี หน้าสีแดง ร้อนเหมือนน้ำต้มเสร็จใหม่ ๆ หินผาหรือฉันก็จะซัดให้พัง เขื่อนหรือฉันก็จะพุ่งชนให้ทลาย บ้านเรือนบนเกาะหรือฉันจะกวาดให้ราพณาสูร รู้จักไหม ฉันนี่คือน้ำผู้ยิ่งใหญ่ เป็นหนึ่งในสี่ขององค์ประกอบของจักรวาลเชียวนา

             คนที่มาถึงจุดนี้ ใจจะร้อนทุรนทุราย ยิ่งโกรธมากก็ยิ่งสาหัสมาก จึงนับว่าเป็นบุญมาก ถ้าใครได้เกิดมาเป็นคนใจเย็นโกรธยาก เพราะความทุกข์ของอารมณ์โกรธนั้นสาหัสนัก บางคนมือไม้สั่น บางคนปวดหัวจี๊ด พวกที่ทำร้ายร่างกายกัน ก็เกิดมาจากอารมณ์ชั่ววูบของความโกรธนั่นเอง ถ้าไปไม่ถึงที่สุดจะไม่สามารถยับยั้งความโกรธได้ เราจึงมักพบเสมอว่า พอทำไปแล้วมานั่งเสียใจภายหลัง และนึกไม่ถึงว่าทำไปได้อย่างไร

             ระดับของความโกรธของแต่ละคนไม่เท่ากัน บางคนโกรธง่ายหายเร็ว บางคนโกรธง่ายหายช้า บางคนโกรธช้าหายช้า บางคนโกรธช้าหายเร็ว คนสองประเภทหลังนี่ ยังนึกยกตัวอย่างไม่ได้เลย แต่คนที่ทรมานที่สุดในกลุ่มก็คือ ประเภทโกรธง่ายหายช้า อะไร ๆ ก็คอยจะโกรธไปเสียหมดเพราะว่าโกรธง่าย แต่พอโกรธไปแล้วหายช้าอีก และมีความโกรธเก็บไว้เยอะอันนี้พอ ๆ กับรายจ่ายเลยบิลมาเต็ม แต่เงินเดือนออกช้าเหลือเกิน กว่าเงินเดือนจะออก ยอดบิลล้นเงินเดือนไปเสียแล้ว

             เมื่อเราทุกข์ทรมานกับความโกรธ เราก็ต้องก้าวหนีออกจากจุดนั้นด้วยการหยุดโกรธ แต่อย่างที่บอกแล้วว่า ความโกรธเหมือนสายน้ำที่มีกำลังแรงถาโถมมา หากจะหยุดโกรธทันทีก็เหมือนปิดประตูน้ำ กั้นเขื่อน หรือใด ๆ ที่สกัดกั้น กระแสน้ำไว้ที่

             จุดหนึ่งโดยทันที ซึ่งผลก็คือการปะทะของอารมณ์อย่างรุนแรง ซึ่งในลักษณะนี้จะทำไม่ได้คือ หยุดโกรธไม่ได้ นอกจากคนนั้นจะอยู่ในสถานะที่ต่ำกว่าผู้ที่ทำให้โกรธ ทำให้ต้องหยุดอารมณ์ให้ได้ ซึ่งเป็นการเก็บได้เฉพาะภายนอก แต่ภายในใจแล้วไม่มีทางหยุดได้เลย เมื่อกายกับใจขัดกันเช่นนี้ ผลที่ตามมาก็คือความเก็บกด อาจจะหลบหน้าไปหลังบ้านแล้วเขวี้ยงจานสักโหลหนึ่ง พอระบาย แต่ถ้าไม่ได้ระบายเลย ก็จะกลายเป็นคนเก็บกด มีสิทธิ์ได้รับการดูแลจากจิตแพทย์ของรัฐบาล

             การหยุดความโกรธจึงต้องใช้กลยุทธ์พอสมควร โดยเรียนรู้จากธรรมชาติของน้ำนี่เอง เมื่อน้ำถาโถมมาแรง และมีปริมาณมาก น้ำมันต้องหาทางไป ถ้ามีคูคลองที่ไหนกี่สายก็แล้วแต่ มันก็จะกระจายไปทุกคลองทุกสาย จนกำลังแรงลดลง

             อารมณ์โกรธก็เหมือนกัน ไม่อาจหยุดด้วยการปิดกั้น แต่ทำให้อ่อนแรงลงได้ด้วยการระบายออกไปหลายทาง สิ่งนี้ทำได้ด้วยความคิด

             คือคิดหาทางออกเพื่อใจของเราเอง ปรับเปลี่ยนความคิดใหม่ เปลี่ยนมุมมองใหม่

             เพลงของวงดนตรี “เฉลียง “ เคยบอกไว้ว่า ให้ดูแลใจของเราเอง เพราะ “ เราก็คนหนึ่งคนเหมือนกัน “ คืออย่ามัวแต่ดูแลคน

             อื่นทั่วไปหมด ทิ้งไว้คนหนึ่งคือตัวเราเอง เออ ! ใช่ เราก็คนหนึ่งคนเหมือนกันที่จะต้องให้ตัวเราเองดูแลด้วย

             อารมณ์ขัน มีส่วนช่วยมากในเรื่องละความโกรธนี้ คิดอะไรให้ขำเข้าไว้ช่วยได้เยอะ

             มีอยู่วันหนึ่ง จู่ ๆ ร้านขายข้าวแกงข้างบ้านก็ย้ายไป มีร้านคาราโอเกะเข้ามาแทน ตกกลางคืนมีคนมาร้องเพลงตั้งแต่ 4 ทุ่มถึงตี 5 เสียงร้องอย่างนี้ไม่ต้องบอก “ คนที่แพ้ก็ต้องดูแลตัวเอง “ เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ มาได้ยินเข้า ต้องรีบบอกเลยว่านี่ไม่ใช่เพลงของผม เสียงร้องก็ดังเหมือนมายืนเป่าไมค์อยู่บนระเบียงห้องนอน ทำให้ฉันนอนไม่หลับและก็โกร๊ธ โกรธ โกรธ โกรธ โกรธไปก็นอนไม่หลับไปอยู่หลายคืน

             ฝาละมีทนไม่ไหว โทร”ไปหาตำรวจ เสียงถามกันเองขรมไปว่า

             “ เฮ้ย แถวนี้มีคาราโอเกะด้วยหรือวะ “ อ้าว เป็นตำรวจยังไม่รู้เลย อย่างนี้จะตรวจตราให้ความสงบประชาชนได้ไง

             ฝาละมีก็บอกว่าอยู่ริมถนนตรงนี้แหละ เสียงดังมาก ตำรวจตอบกลับมาว่า “ ยังหัวค่ำอยู่เลย “ จริงมั้ง นาฬิกาเพิ่งจะห้าทุ่มเองยังไม่ดึกของใครก็ไม่รู้ แต่แถวนี้ปิดไฟนอนกันทั้งถนนแล้ว ฝาละมีโมโหมาก บอกถ้าไม่มาจัดการ จะบอกไอทีวีเลย ตำรวจตอบกลับมาด้วยเสียงหล่ออย่างสุขุมว่า “ ก็ตามใจสิครับ “

             เราเลยต้องนอนฟังเสียงไมค์หอนกันต่อไป

             จนในที่สุด ฉันก็ตั้งสติได้ หลังจากล้มละลายทางจิตวิญญาณมานานเกือบเดือน

             ฉันคิดใหม่ ลงไปนั่งตั้งสติ แล้วก็เพ่งจิตไปที่เจ้าของเสียงนั้น เหมือนโดเรมอนกำลังร่ายมนต์หาของวิเศษในกระเป๋าหน้าท้อง ฉันคิดหลายอย่างเลย เหมือนระบายน้ำไปหลาย ๆ ทาง

             อย่างแรก คิดถึงตัวเอง เอ ! เรากำลังโกรธอยู่นี่ คุณเธอหรือไอ้หมอนั่นน่ะ ก็ร้องเพลงอยู่นั่น ไม่ได้รู้เลยว่าเราโกรธ เรารู้คนเดียว ร้อนจะแย่แล้วในใจเรานี่ เครียดมากเลย เราทำร้ายตัวเองแท้ ๆ นะ ไม่ช่วยตัวเอง ไม่เข้าข้างตัวเองเลย เราต้องเลิกโกรธใจจะได้สบายใจขึ้น เดี๋ยวก็เป็นไมเกรนหรอก ยาแพงนะ

             ต่อมาก็คิดถึงนักร้องเสียงกระบอก เออ ไอ้หมอนี่ ชาติก่อนเราคงไปร้องหนวกหูมันแหง๋ ชาตินี้เลยต้องมาทนฟังมันกรอกหูเอาบ้าง เออน่า ชดใช้กรรมจะได้หมด ๆ ชาติหน้าไม่ต้องมาเจอกันอีกนะ ร้องเร็ว ๆ เข้า มีอีกกี่เพลงล่ะ

             แล้วก็แผ่เมตตาว่า จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด เพราะเจ้าก็คงมาใช้กรรมเหมือนกัน ดูสิ ใคร ๆ เขาหลับกันมีความสุขทั้งตำบล เจ้ามีกรรมต้องมายืนร้องเพลงยันรุ่ง ไม่ได้หลับได้นอน อันเป็นความสุขของชาวโลก แถมยังมาก่อกรรมใหม่โดยไม่รู้ตัว คือรบกวนชาวบ้านเขาคืนหนึ่งก็หลายร้อยคน ยังไม่รู้ต้องไปชดใช้กรรมเอาเมื่อไหร่เลย คิดแล้วก็นึกถึงคำท่านสอน “ เราต่างเป็นเพื่อนทุกข์ ร่วมเกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งสิ้น “ มองเห็นภาพสังสารวัฏเลย หมอนี่จะไปชดใช้กรรม ชาติไหนภพไหน สภาพไหนเนี่ย จะต้องยืนกัด

             ไมค์ไป 500 ชาติหรือเปล่า นึกแล้วก็ชักสงสารขึ้นมาตงิด ๆ

             เลยขำ และหายโกรธ หายทุกข์ใจไปเลย ตั้งแต่คืนนั้นมาก็ไม่รู้สึกหนวกหูอีกต่อไป หลวงพ่อชาสอนว่า “ เสียงไม่ได้มากวนเราหรอก เราต่างหากที่ไปกวนเสียง เสียงมันลอยอยู่ในอากาศเฉย ๆ “

             ชะรอยบุญกรรมท่านคงจะมาสอนเรา เพราะคิดได้ไม่นานร้านนั้นก็เจ๊งไป

             คำใส เป็นคนชอบโกรธสามีแบบไม่ลืม จำอยู่ได้เป็นสิบ ๆ ปี คิดแล้วคิดอีกเรื่องดี ๆ ไม่ค่อยจำ จำแต่เรื่องโกรธ โกรธแล้วเป็นทุกข์มากมาย หาทางออกไม่ได้ เพราะไม่ได้หา มันวนเวียนคิดอยู่แต่เนื้อเรื่องนั้น และกับคำถามว่า ทำไมเขาเป็นอย่างนั้น ทำไมเขาไม่เป็นอย่างนี้ ทำไมเขาไม่เหมือนคนอื่น ไม่เห็นคนอื่นเขาเป็นอย่างนี้กันเลย

             ฉันได้แต่นั่งหัวเราะ ไม่รู้จะช่วยยังไง เพราะคำใสไม่อยากให้ช่วย อยากให้ช่วยฟังบ่น และเห็นใจว่าคำใสเผชิญทุกข์ใจจริง

             นานเข้าฉันจึงค่อย ๆ พูดบ้าง

             “ คำใสโกรธที่เขาทำอะไรไม่ถูกใจหรือ “

             “ แล้วคำใสเคยบอกเขาไหมว่า ทำอย่างไรถึงจะถูกใจ “

             “ คำใสทำอะไรถูกใจตัวเองทุกอย่างหรือเปล่า “

             “ แล้วคำใสทำอะไรถูกใจเขาไหม “

             ไม่มีใครทำอะไรถูกใจคนอื่นหรือตัวเองไปเสียหมดหรอก

             ขอให้เมตตากัน นึกว่าเขาเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ ร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตาย อยู่ในสังสารวัฏอันยาวนานนี้เถอะ แล้วเราจะมาสงสารกันและกัน จนไม่อยากโกรธกันอีก โกรธกันแล้วได้อะไรขึ้นมาหรือ นอกจากได้โกรธ ได้คับแค้นใจ ร้อนรุ่มไปทั้งสองฝ่าย เรามีเวลานานนักหรือที่จะมาโกรธกัน อีกไม่นานก็จะตายจากกันไปแล้ว อยู่ไม่เห็นถึงร้อยปีสักคน แผ่เมตตากัน ให้ความสุขแก่กันและกันดีกว่าชีวิตจะชื่นใจและสงบลุข เหมือนสายน้ำยามลมโชยมาเพียงเบา ๆ


<< กลับหน้าที่ผ่านมา
หน้าถัดไป >>
แสวงหาธรรม
รอบรั่วธรรม ในสวนธรรม ละความโกรธ กรรม การทำบุญให้ทาน ภารกิจของหิ่งห้อย

หน้าแรกธรรมจักร l กลับเรือนธรรม