|
 |
|
กำลังอ่านอยู่ : 8 คน |
|
|
|
|

ด้วยเจตนาในการเขียนหนังสือเล่มนี้
ต้องการจะดึงท่าน ผู้อ่านให้ใกล้ชิดกับธรรมของพระพุทธเจ้า เสมือนนั่งอยู่ในศาลาฟังธรรมริมน้ำ
จึงนอกจากจะเล่าให้ฟังถึงหลักธรรมต่าง ๆ มาแล้วยังอยากจะทำพระพุทธพจน์มาลงไว้ด้วย
โดยคัดลอกบางส่วนมาจากหนังสือ พุทธวจนะในธรรมบท แปลโดย คุณ เสฐียรพงษ์
วรรณปก ฉันขออนุญาตและขอบคุณ คุณ เสฐียรพงษ์ วรรณปก ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย
พุทธวจนะนี้สั้น
ๆ แต่ให้ความประทับใจลึกซึ้ง เมื่อนำไปคิดไปใช้ ก็จะเป็นประโยชน์แก่ตัวเองมาก
และรู้สึกเหมือนพระพุทธเจ้ามาสอนเราอยู่ใกล้ ๆ มาสอนเราโดยเฉพาะ ก่อให้เกิดความอยากทำตาม
เพราะความรู้สึกใกล้ชิดที่ได้รับนั้นเอง
ห้วงน้ำลึกใสสะอาดสงบฉันใด
บัณฑิตฟังธรรมแล้ว
ย่อมมีจิตใจสงบฉันนั้น
ชาวนาไขน้ำเข้ามา
ช่างศรดัดลูกศร
ช่างไม้ดัดไม้
บัณฑิตฝึกตนเอง
ขุนเขาไม่สะเทือนเพราะแรงลมฉันใด
บัณฑิตก็ไม่หวั่นไหว
เพราะนินทาหรือสรรเสริญฉันนั้น
เอาชนะตนได้นั้นแล ประเสริฐ
ผู้ที่ฝึกตนได้
ระมัดระวังอยู่เป็นนิตย์
ถึงเทวดา
คนธรรพ์ พรหมก็เอาชนะไม่ได้
ผู้ที่ไม่พิจารณาเห็นความเกิด
และความเสื่อมสลายของสังขาร
ถึงจะมีชีวิตอยู่ตั้งร้อยปี
ก็สู้ชีวิตวันเดียวของผู้ที่พิจารณาเห็นไม่ได้
ไม่ควรแส่หาความผิดของผู้อื่น
หรือธุระที่เขาทำแล้วหรือยังไม่ทำ
ควรตรวจดูเฉพาะสิ่งที่ตนทำหรือยังไม่เท่านั้น
คนโง่มัวคิดวุ่นวายว่า เรามีบุตร เรามีทรัพย์
ก็เมื่อตัวเขาเองก็ไม่ใช่ของเขา
บุตรและทรัพย์
จะเป็นของเขาได้อย่างไร
กรรมใดทำแล้ว ทำให้เดือดร้อนภายหลัง
กรรมนั้นไม่ดี
ผู้ทำกรรมเช่นนี้ต้องร้องไห้
น้ำตานองหน้า
รับสนองผลกรรมนั้น
กรรมใดทำแล้ว
ไม่ทำให้เดือดร้อนภายหลัง
กรรมนั้นดี
คนทำย่อมเสวยผลกรรมนั้น
อย่างเบิกบานสำราญใจ
กรรมชั่วที่ทำแล้ว ยังไม่ให้ผลทันทีทันใด
เหมือนนมที่รีดใหม่
ๆ ไม่กลายเป็นนมเปรี้ยวในทันที
แต่มันจะค่อย
ๆ เผาผลาญผู้กระทำในภายหลัง
เหมือนไฟไหม้แกลบฉะนั้น
พึงรีบเร่งกระทำความดี
และป้องกันจิตจากความชั่วจากความชั่ว
เพราะเมื่อกระทำความดีช้าไป
ใจจะกลับยินดีในความชั่ว
ถ้าหากคนเราจะทำความดี
ก็ควรทำบ่อย
ๆ
ควรพอใจในการทำความดีนั้น
เพราะการสะสมความดีนำสุขมาให้
เมื่อบาปยังไม่ส่งผล
คนชั่วก็เห็นว่าเป็นของดี
ต่อเมื่อมันเผล็ดผลเมื่อใด
เมื่อนั้นแหละเขาจึงรู้พิษสงของบาป
พ่อค้ามีทรัพย์มาก มีพวกน้อย ละเว้นทางที่มีภัย
คนรักชีวิตละเว้นยาพิษ
ฉันใด
บุคคลพึงละบาป
ฉันนั้น
อย่าดูถูกบุญว่าเล็กน้อยจักไม่สนองผล
น้ำตกจากเวหาทีละหยด
ๆ ยังเต็มตุ่มได้
นักปราชญ์
สะสมบุญทีละเล็กละน้อย
ย่อมเต็มด้วยบุญได้เช่นกัน
ถ้าเธอทำตนให้เงียบเสียงได้เหมือนฆ้องปากแตก
ก็นับว่าเธอเข้าถึงนิพพานแล้ว
เธอก็จะไม่ต้องทะเลาะเบาะแว้งกับใครอีก
เราต้องพึ่งตัวเราเอง
คนอื่นใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้
บุคคลผู้ฝึกตนดีแล้ว
ย่อมได้ที่พึ่งที่ได้แสนยาก
ผู้ใดทำบาปไว้แล้ว ละได้ด้วยการทำดี
ผู้นั้นย่อมส่องโลกนี้ให้สว่าง
เหมือนพระจันทร์ที่พ้นจากเมฆฉะนั้น
ถึงจะอยู่ใกล้บัณฑิตตลอดชีวิต
คนโง่ก็หารู้พระธรรมไม่
เหมือนจวักไม่รู้รสแกงฉันนั้น
ไม่มีไฟใดเสมอด้วยราคะ
ไม่มีโทษใดเสมอด้วยโทสะ
ไม่มีทุกข์ใดเสมอด้วยเบญจขันธ์
ไม่มีสุขใดเสมอด้วยความสงบ
สังขารทั้งปวง ไม่เที่ยงแท้
สังขารทั้งปวงเป็นทุกข์
ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา
เมื่อใด
บุคคลเห็นแจ้งด้วยปัญญาดังนี้
เมื่อนั้น
เขาย่อมหน่ายในทุกข์
นี่เป็นทางแห่งความบริสุทธิ์
เราจักอดทนต่อคำเสียดสีของคนอื่น
เหมือนพระยาคชสารในสนามรบ
ทนลูกศรที่ปล่อยออกไปจากคันธนู
เพราะว่าคนโดยมาก
มีสันดานชั่ว
มีเพื่อนตาย ก็มีความสุข
ยินดีเท่าที่หามาได้
ก็มีความสุข
ทำบุญไว้ถึงคราวจะตาย
ก็มีความสุข
ละทุกข์ได้ทั้งหมด
ก็มีความสุข
จงปล่อยวางทั้งอดีต อนาคต และปัจจุบัน
และไปให้ถึงที่สุดแห่งภพ
เมื่อใจหลุดพ้นจากทุกอย่างแล้ว
พวกเธอจักไม่มาเกิดไม่แก่อีกต่อไป

|